บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 97 ตรวจค้น
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดไว้
นางกระโดดเหยียบกรงเหล็ก ปีนข้ามกำแพงไปอย่างราบรื่น ลงบนพื้นเหมือนมนุษย์ที่บินได้ แต่ว่าล้มได้อย่างน่าสังเวชมาก ท้ายทอยไปกระแทกหิน นางใช้มือไปจับดู เลือดออกแล้ว
นางไม่มีเวลามาสนใจมาก นางวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต สุนัขดุร้ายก็วิ่งตามมา แต่ไม่ใช่มาตามนาง แต่ว่าจะกันผู้คุ้มกันที่ไล่ตามนาง
มีสุนัขดุร้ายคอยปกป้อง หยวนชิงหลิงหนีรอดออกมาจากทางประตูหลังได้อย่างราบรื่น
หลังจากออกจากประตูแล้ว นางก็ยังคงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต นางถึงขนาดที่ไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะหนีการจับกุมมาได้
หนีมาไกลแสนไกล นางได้หลบไปในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง นั่งลงบนพื้นอย่างเต็มก้น หายใจเข้าเฮือกใหญ่ พบว่าหัวใจนั้นที่แท้ก็แขวนอยู่บนลำคอ เกือบจะหลุดออกมาข้างนอกแล้ว
ปวดหัวมาก ปวดแก้มมาก ปวดจะตายอยู่แล้ว
นางรีบหยิบกล่องยาออกมา หยิบผ้าก๊อซจุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อไปพันที่แผลท้ายทอย กลับจวนอ๋องก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่ควรจะอยู่ที่นี่นาน เดี๋ยวถูกคนของจวนเจ้าพระยาตามมาเจอต้องตายแน่
ลุกขึ้นมา นางเพื่อรู้สึกว่าสองขาของนางสั่นแรงมาก
มีชีวิตมานาน ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นหวาดเสียวเช่นนี้มาก่อน
ก่อนตาย นางเป็นลูกสาวที่เรียบร้อยมาก แม้กระทั่งโดดเรียนยังไม่เคยทำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหนีเอาชีวิตรอดพวกนี้เลย
นางคิดถึงสุนัขดุร้ายที่ช่วยเหลือนางในวันนี้………ไม่ เจ้าหมา ไม่รู้ว่าชะตากรรมของพวกเจ้าจะเป็นเช่นไร?
จู่โจมเจ้าของ เกรงว่าน่าจะมีจุดจบที่น่าสังเวชทีเดียว?
แต่นางจะมีกำลังอะไรไปช่วยพวกมันได้?
หยวนชิงหลิงเสียใจ สุนัขหางสั่นหูตั้งสีดำเมื่อกี้ได้เรียกให้นางหนีอย่างซึ้งใจ
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเป็นพวกชอบความรุนแรง และเป้าก็ยังถูกทำร้าย เจ้าหมาดำช่วยเหลือนางในการหนี คงไม่ถูกปล่อยไปง่ายๆหรอก? ช่างเหอะ ยังไงก็ต้องกลับจวนก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี นางปลอบใจตัวเองเช่นนี้ เพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้นมาหน่อย
นางค่อยๆเดินออกมาจากในซอย ยื่นหัวออกไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีทหารตามมา กำลังจะเดินออกไป ก็เห็นถนนทิศตะวันออกจู่ๆก็ดังขึ้นด้วยสีฝีเท้าที่เร่งรีบของม้า กองกำลังทหารแล่นผ่านเข้าตา
ผู้นำสิบคนที่อยู่ด้านหน้า ล้วนขี่ม้าที่ตัวสูงใหญ่ ดูแล้วสง่าผ่าเผยมาก
นางรีบหดหัวกลับไป นึกว่าเป็นทหารที่ไล่ตามนาง
เพียงแต่ ตอนที่หดกลับไปนั้นกลับตกตะลึงไปชั่วขณะ ดูเหมือนว่าคนที่ขี่ม้าอยู่ข้างหน้า จะเป็นหยูเหวินห่าว?
นางเอาร่างชิดกำแพง ยื่นหัวออกไปมอง เป็นหยู่เหวินเห้าจริงๆ
เขาสวมชุดทางการพื้นสีม่วงที่ปักด้วยลวดลายพระอาทิตย์และพระจันทร์ สวมหมวกข้าราชการ หน้าตาก็น่าเกรงขาม เคร่งขรึมแต่ดูธรรมชาติ
สวีอีกับทังหยางก็ควบม้าตามเขา คนที่อยู่ด้านหลังนางก็รู้จัก เป็นทหารในจวน เข้าออกมักจะเห็นเป็นประจำ
สำหรับพวกด้านหลัง………หยวนชิงหลิงมองไปสักพัก ไม่รู้จัก เพียงแต่ เครื่องแบบที่เหมือนกัน ท่าทางที่พร้อมเพรียงกัน เหมือนจะเป็นทหาร
เขาพาทหารที่มากมายของจวนกับทหารในกรมการพระนครจะไปที่ไหน?
มองทิศทางที่เขาจะไป เหมือนจะเป็นจวนเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง
หยวนชิงหลิงอึ้งไปชั่วขณะ เขาคงไม่ได้พาคนไปช่วยนางหรอกนะ?
แต่ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าเจ้าพระยาหุ้ยติ่งจับตัวนางละ?
น่าจะไม่ใช่ คงไม่ได้ใจดีขนาดนั้น
เขาคงอยากให้นางตายมากกว่า
นางรอจนกองกำลังผ่านไปแล้ว จึงได้เดินออกมา หัวถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซ แต่งกายด้วยเครื่องแบบผู้ชาย ใบหน้าช้ำบวม รอยนิ้วมือชัดเจน จริงๆแล้วน่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี
แต่กลับไม่มีเลย คนที่ยืนอยู่บนถนนสองข้างทางล้วนมองกองกำลังที่ผ่านไป
“ใช่อ๋องฉู่หรือเปล่า? เขาพาทหารของกรมการพระนครไปไหน?”
“ใช่อ๋องฉู่ไม่ผิดหรอก เพิ่งจะรับตำแหน่ง คาดว่าคงจะไปหาเรื่องใครสักคน”
“เพิ่งจะรับตำแหน่งก็ใช้ทหารมากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะทำคดีใหญ่อะไร?”
หยวนชิงหลิงที่ฟังอยู่ ในใจรู้สึกว่ามันผิดปกติ
ถ้าหากเขาไปที่จวนเจ้าพระยาหุ้ยติ่งเพื่อช่วยนางจริงๆแล้วจะทำเช่นไร?
พาคนไปมากมายขนาดนี้ ดูแล้วคงจะไปตรวจค้นจวน ไม่รู้ว่ามีราชโองการของฮ่องเต้หรือเปล่า หากไม่มีราชโองการ ไปตรวจจวนเจ้าพระยาโดยไม่มีสาเหตุ หากตรวจไม่เจออะไร ต้องถูกฮ่องเต้ลงโทษอย่างแน่นอน
หยู่เหวินเห้าคงไม่อันธพาลขนาดนี้มั้ง?
นางไม่กล้าที่จะตามไป ได้แต่นั่งลงบนพื้น สงบจิตสงบใจต่อ
หยวนชิงหลิงหนีออกมาได้ไม่นาน เจ้าพระยาหุ้ยติ่งก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ในจวนมีหมอ ดูอาการบาดเจ็บของเขา ทำได้เพียงส่ายหัว “ท่านเจ้าพระยาไม่สามารถที่จะใช้การมันได้อีกแล้ว”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งค่อยๆหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตานั้นแดงไปทั่ว
ดุร้าย กระหายเลือด และชั่วร้าย ดุจหมาจิ้งจอกที่ถูกขับไล่ไปสู่ทางตัน
ความโกรธทำให้ใบหน้าที่ซีดขาวของเขา เผยความแดงออกมา ใบหน้าก็บิดเบี้ยว
ลูกน้องคนสิทนเดินขึ้นมาด้านหน้า วันนี้เขาช่างดูสังเวชเสียจริง เสื้อผ้าถูกสุนัขกัดขาดไปหลายจุด แต่โชคดีที่ไม่บาดเจ็บ
“ท่านเจ้าพระยา ยังมีอีกเรื่องที่น่าแปลก ตอนที่พระชายาฉู่หนีนั้น กลับได้รับความช่วยเหลือจากสุนัขดุร้ายช่วยนางเปิดทาง ถึงขนาดไล่กัดทหารในจวน”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งแทบไม่อยากจะเชื่อ สุนัขดุร้ายยี่สิบตัวในจวน ทั้งหมดถูกเขานำกลับมาจากเปาหลี ให้คนมาฝึกโดยเฉพาะ ดุร้ายไม่มีใครเทียบได้ เชื่อฟังอย่างมาก สุนัขดุร้ายหนึ่งตัว เทียบได้กับคนที่วรยุทธ์สูงหนึ่งคน
“กล้าทรยศ ฆ่าให้หมด!” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกัดฟันกล่าว
“ขอรับ!” ลูกน้องคนสนิทรับคำ “ยังมีอีก คนที่สอดส่องอยู่ข้างนอก รายงานว่าอ๋องฉู่ได้มาถึงที่จวนแล้ว”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเกิดแรงอาฆาตทันที จ้องมองหมอแล้วกล่าว “ช่วยข้าทำแผลให้ดี ข้าจะไปพบหยู่เหวินเห้าหลานคนนี้”
“ท่านเจ้าพระยา อาการของท่านไม่ควร……..”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งตัดบทหมออย่างเย็นชา “หากข้าไม่ขยับ สามารถรักษาได้หรือไม่?”
ท่านหมอก้มหน้า “เกรงว่า…….มิน่าได้เช่นกัน”
“งั้นก็ไม่ต้องพูดมาก” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างโกรธเคือง
ไม่ว่าจะเป็นหยู่เหวินเห้าหรือหยวนชิงหลิง เขาจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ไม่ให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อและไม่มีทางที่จะให้พวกเขาตายดี
หยู่เหวินเห้ามาถึงหน้าประตูจวน ทั้งหมดก็ลงมาจากหลังม้า ไม่รอให้สาวใช้มาถาม ก็ฝ่าเข้าไปอย่างอุกอาจ
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งที่พาทหารในจวนและผู้คุ้มกันออกมา ขณะที่เห็นหยู่เหวินเห้า เขาได้ตั้งปณิธานว่าจะทำให้คนผู้นี้เป็นเถ้าธุลี แค้นเก่าแค้นใหม่ ชำระให้หมดในวันนี้
“ท่านอ๋องพาคนตั้งมากมายมาที่จวนเจ้าพระยา มีอะไรจะชี้แนะ?” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างเย็นชา
หยู่เหวินเห้าก็มองเขาอย่างเย็นชา สำหรับเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง เขานั้นเกลียดมันเข้ากระดูกดำจริงๆ
ครั้งแรกที่เขาเป็นทหาร ก็อยู่ภายใต้การฝึกฝนของเจ้าพระยา ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าไปในค่ายทหาร เจ้าพระยาก็ดูถูกเขามาโดยตลอด ในคำพูด ส่วนใหญ่จะเยาะเย้ยและดูถูก จงใจกดทับผลงานของเขา ถึงขนาดยื่นหนังสือบอกว่าเขาเป็นโลภทะเยอทะยานโดยไม่ดูความสามารถของตัวเอง ใช้ทหารอย่างประหม่า หากไม่ใช่เพราะหัวหน้ามาเป็นพยานให้เขา เกรงว่าวันนี้เขาก็คงโผล่หัวออกมาไม่ได้
จากนั้นเพราะว่าเจ้าพระยาทำร้ายผู้หญิงเขาจึงได้ต่อสู้กับเจ้าพระยา
หัวหน้ายามรักษาการณ์เดินขึ้นมาด้านหน้าแล้วยกมือกล่าว “มีคนเห็นกับตาว่าท่านเจ้าพระยาลักพาตัวพระชายาฉู่ เกรงว่าจะท่านเจ้าพระยาจะเสียงชื่อ ท่านอ๋องจึงได้พาคนมาตรวจสอบ เพื่อคืนความยุติธรรมกับท่านเจ้าพระยา”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างโมโห “เหลวไหล ข้าไม่เคยเห็นและไม่รู้ว่าพระชายามีรูปร่างหน้าตายังไง จะลักพาตัวได้อย่างไร?”
หัวหน้ายามรักษาการณ์ถาม “งั้นขอถามท่านเจ้าพระยา วันนี้ได้ท่านพาคนที่อยู่บนท้องถนนมาคนหนึ่งหรือไม่?”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งหัวเราะกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่เคย เป็นการใส่ความทั้งนั้น”
หยู่เหวินเห้ามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “ใส่ความหรือไม่ แค่ค้นก็รู้”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ เผยให้เห็นฟันที่ดำเหลือง ราวกับว่าสัตว์ร้ายกำลังอ้าปาก “ท่านอ๋อง จวนเจ้าพระยา ไม่ใช่สถานที่ที่ท่านอยากจะค้นก็ค้นได้?”
“ท่านเจ้าพระยากลัวข้าจะค้นอะไรเจอรึ?” หยู่เหวินเห้าจ้องมองเขาแล้วกล่าว
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งก็จ้องมองเขา ค่อยๆเดินขึ้นมาข้างหน้า ทุกวินาที เจ็บเหมือนโดนเจาะที่หัวใจ ทั้งสองคนจ้องมองกัน แววตานั้นคมกริบเหมือนกระบี่ ยังไม่ลงมือ มันก็ได้สร้างสนามรบแห่งต่อสู้ในแววตา