บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 976 แม่นมฉินไป
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างหงุดหงิด “เคยออกรบก็เก่งแล้วหรือ? เคยออกรบมากี่ครั้ง ฆ่าศัตรูไปกี่คนล่ะ? เจียงเป่ยอันตรายยิ่งกว่าสนามรบอีก เชื่อข้า พวกเราไม่ต้องไป ให้พี่สามไป นั่นมันคนของเขานี่ เขาควรต้องเหนื่อยอยู่แล้ว
อีกอย่าง ตอนนี้เมืองหลวงก็ไม่แน่ว่าจะส่งทหารไปได้ หากเจ้าไปก็ต้องไปสมทบกับเขาตัวคนเดียว ยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าไปใหญ่”
“ไปคนเดียวที่ไหน? ข้ามีทหารในจวนนะ!”
“ทหารจวนเจ้าไม่กี่สิบนายเนี่ยนะ? ช่างเถอะ” หยู่เหวินเห้าปัดๆ มือ “เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงอีก ไม่ได้!”
“พี่ห้า! ท่านไม่ให้ไป ข้าก็จะไป! นอกเสียจากท่านจะมัดข้าไว้ ไม่งั้นพรุ่งนี้ข้าก็จะพาคนออกนอกเมือง” ถึงปกติหยู่เหวิยเทียนจะเชื่อฟัง แต่พอดื้อดึงขึ้นมา เรื่องที่ตัดสินใจแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ
หยู่เหวินเห้าอึดอัด “เจ้าเด็กน้อยนี่ พูดแล้วยังไม่ฟังใช่ไหม? นี่เจ้าคิดว่ากำลังเล่นอยู่หรือไง? เจ้ารู้เขตหมอผีนั่นไหม? ที่นั่นนอกจากจะมีค่ายกลแล้ว ยังมีจั้งชี่ แมลงพิษ ไสยศาสตร์ พลาดนิดเดียวก็เอาชีวิตไปทิ้ง”
หยู่เหวิยเทียนพูดอ้ำอึ้ง “ข้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ ปีนี้อายุจะครบยี่สิบแล้ว”
หยู่เหวินเห้าตะลึง “หา?! ยี่สิบแล้ว? แก่ขนาดนี้แล้วหรือ?!” เขามักเห็นน้องเก้าเป็นเด็กอายุสิบห้า
ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าก็สะท้อนใจ พริบตาเดียวเขาก็มีลูกห้าคน น้องเก้าก็ยี่สิบแล้ว
“ ‘โต’ พ่ะย่ะค่ะพี่ห้า! ไม่ใช่ ‘แก่’ ! ข้าควรไปหาประสบการณ์ได้แล้ว พี่สามจะคุ้มครองข้าเองแหละ”หยู่เหวิยเทียนเอ่ย
หยู่เหวินเห้านึกถึงตอนที่เขาติดตามกองทัพเมื่ออายุสิบห้า ประสบการณ์ขุนศึกนั้นต้องปฏิบัติจริงถึงจะได้มา ครั้นแล้วก็มองน้องเก้าที่สูงพอๆ กับเขา
เขาเอ่ย “ก็ได้ แต่อย่าคิดทำตามอำเภอใจนะ ทุกอย่างต้องเชื่อฟังพี่สาม อีกอย่าง ข้าจะส่งคนไปกับเจ้าด้วย ทหารจวนเจ้าก็เลือกที่เก่งซักสองสามคนก็พอ ไม่ต้องเอาไปหมด”
“ได้! พี่ห้า แล้วนางสาวใช้ที่เคยตกน้ำนั่นล่ะ ไปด้วยหรือเปล่า? นางบอกว่านางรู้ว่าจะทำลายค่ายกล เข้าเขตหมอผีได้ยังไง”
ว่าแล้วเข้าก็เกาศีรษะ “แต่นางกลับไม่รู้เส้นทางไปเจียงเป่ย ลำบากตรงนี้แหละ”
“ใครบอกว่านางจะไป? พี่สะใภ้ห้าเจ้าไม่อนุญาต”
“วันนี้นางไปที่จวนข้า ถามเส้นทางไปเจียงเป่ยกับแม่นมฉิน แต่สองคนเหมือนจะมีปากเสียงกันนิดหน่อย”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “หมันเอ๋อไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?” หยู่เหวิยเทียนถาม
หยู่เหวินเห้าไม่พูดละเอียด แค่พูดว่า “ข้าจะหาคนนำทางเอง หมันเอ๋อไปไม่ได้”
ฐานะของหมันเอ๋อเกี่ยวพันถึงเรื่องใหญ่ หากเกิดเรื่องที่เจียงเป่ยจะทำให้เรื่องที่วางแผนช่วงหลังยุ่งได้ อีกอย่าง เจ้าหยวนต้องร้องไห้ตายแน่
พอพลบค่ำแม่นมฉินก็ของพบหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงรู้ว่าวันนี้หมันเอ๋อไปพบนาง ดังนั้นจึงคิดว่านางต้องมาให้ช่วยโน้มน้าวหมันเอ๋อแน่ เหตุนี้จึงให้คนพานางไปที่ห้องโถงด้านข้าง
ฐานะของแม่นมฉินก็ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นหยวนชิงหลิงจึงไม่ให้คนคอยปรนนิบัติที่นั่น นางอุ้มเซเว่นอัพออกไป
ที่อุ้มเซเว่นอัพก็เพราะเขาเพิ่งสำรอกนม เจ้าเสือน้อยใจร้อน วุ่นวายอยู่ตลอด ดังนั้นนางจึงอุ้มเซเว่นอัพออกมาเสีย เจ้าเสือน้อยจะได้ไม่เอาแต่กระโดดมาปกป้อง
พอเข้าไปแล้วก็เห็นแม่นมฉินหน้าขมึงตึง จ้องหยวนชิงหลิงไต่ถาม “ท่านบอกว่าทานจะช่วยข้าปกป้องนาง แล้วทำไมท่านถึงจะให้นางไปเจียงเป่ยล่ะ? นี่ท่านจะทำร้ายนางนะ!”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “ท่านเข้าใจผิดแล้ว หมันเอ๋ออยากไปเอง ข้าไม่ให้นางไปหรอก”
“ปลิ้นปล้อน!” ในดวงตาของแม่นมฉินมีความระแวง “นางเป็นสาวใช้ข้างตัวท่าน ถ้าไม่ใช่ท่านสั่ง แล้วนางจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?”
หยวนชิงหลิงตบหลังเซเว่นอัพเบาๆ เริ่มโกรธท่าทางของนาง เข้าจวนมาก็ไม่ถามให้แน่ชัด ด่าทอไปเรื่อยไม่แบ่งแยกดีชั่ว ถึงจะห่วงหมันเอ๋อก็ตำหนิไปเรื่อยอย่างนี้ไม่ได้
ดังนั้นนางจึงพูดเรียบ “สุดแล้วแต่ท่านจะเชื่อไม่เชื่อ หมันเอ๋อขอไปเองจริงๆ ตอนนี้อารมณ์ท่านไม่นิ่ง กลับไปก่อนเถอะ ไม่ส่ง!”
“หยวนชิงหลิง!” ทันใดนั้นแม่นมฉินก็เข้ามาแย่งเซเว่นอัพ นิ้วบีบอยู่ที่ลำคอเขา จ้องหยวนชิงหลิงด้วยความโกรธ
“ท่านให้หมันเอ๋อไปจากจวนอ๋องเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าหม่อมฉันไม่เกรงใจ! ท่านก็เป็นแม่คนแล้ว จะใจดำเช่นนี้ได้ยังไง?! ท่านไม่ใช่ไม่รู้ชาติกำเนิดของนาง หากนางไปเจียงเป่ยก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว!”
หยวนชิงหลิงเริ่มตกใจ แต่จากนั้นก็ถอนหายใจเบา มองนาง และไม่ห่วงเซเว่นอัพที่อยู่ในมือนางแม้แต่น้อย “ไม่เชื่อก็ตามใจ!”
ใบหน้าแม่นมฉินดุดัน ออกแรงมือที่บีบลำคอของเซเว่นอัพอยู่ “ท่านอย่าคิดว่าหม่อมฉันไม่กล้านะ!”
“ข้ารู้ว่าท่านกล้า!” หยวนชิงหลิงพูดเรียบ มองนัยน์ตาดำใสของเขาเซเว่นอัพ “ท่านก็ลงมือเถอะ!”
แม่นมฉินมองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ ท่าน…! แม้แต่ความเป็นความตายลูกชายตัวเองก็ไม่สนใจหรือ?!”
“ก็อย่างที่ท่านว่า ท่านก็เป็นแม่คนเหมือนกัน จะฆ่าเด็กทารกได้ลงคอหรือ? อีกอย่าง…” หยวนชิงหลิงยิ้มเล็กน้อย
“ก็ไม่แน่ว่าท่านจะฆ่าเขาได้”
นางกางมือออกช้าๆ “เซเว่นอัพ มานี่!”
ทันใดนั้นในมือของแม่นมฉินก็ว่างเปล่า จากนั้นก็เห็นเซเว่นอัพอยู่ในมือของหยวนชิงหลิง ตะลึงพรึงเพริดพลัน “เป็นไปได้ยังไง?!”
“ท่านรู้เวทหมอผี ข้าก็รู้เหมือนกัน” หยวนชิงหลิงเอ่ย ชื่อวิชาของนาง ตอนนี้เรียกก่อนว่าการขนส่งเชิงปริมาณ ก่อนหน้านี้ที่เจ้าแฝดไปโผล่ที่ห้องทรงพระอักษรก็เป็นแบบเช่นนี้
“ท่านเป็นคนของตระกูลหลง?” แม่นมฉินมองนางด้วยความตะลึง
“คนตระกูลหลงอะไร?”
“นี่…มันไม่ใช่วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของตระกูลหลงหรือ?”
หยวนชิงหลิงไม่ตอบ อุ้มเซเว่นอัพหันตัวไปแล้วพูดเรียบ “ท่านไปเถอะ อยู่ในจวนอ๋องฉู่ก็อย่าใช้เวทหมอผีของท่าน ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาความ อย่าคิดว่ารู้เวทหมอผีแล้วจะเหิมเกริมในจวนอ๋องฉู่ได้ ต่อไปท่านไม่ต้องมาอีก”
การที่เซเว่นอัพถูกแย่งไป นางนิ่งนอนใจไม่ได้สักนิด แม่นมฉินเป็นแม่ที่คลั่งมาก คาดเดาไม่ได้ว่านางจะทำอะไรออกมา
แถมนางยังรู้เวทหมอผีอีก ทำของได้แบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ดังนั้นถึงเสี่ยงให้เซเว่นอัพเผยความสามารถออกมาต่อหน้าแม่นมฉิน
ที่จริงนางก็ไม่มั่นใจว่าเซเว่นอัพจะฟังคำสั่งของนางออกไหม แต่จู่ๆ แม่นมฉินก็แย่งเด็กไป แล้วยังทำให้นางเดือดอีก
เพราะเห็นแก่หมันเอ๋อถึงได้ไม่เอาความ แต่จะไม่อนุญาตให้นางมาจวนอ๋องฉู่อีก
“เดี๋ยว!” จู่ๆ แม่นมฉินก็เรียกหยวนชิงหลิง ดวงตาค่อยๆ มีความหวาดกลัวและเฉียบขาด “หม่อมฉันไปเอง!”
หยวนชิงหลิงหันกลับมามองนาง ประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านจะไป?”
เมื่อนั้นแม่นมฉินก็เอ่ยด้วยเสียงแหบ “หม่อมฉันตายดีว่าให้นางตาย”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเงียบ “คนของพวกเราจะปกป้องท่านอย่างสุดความสามารถ”
“คนของตระกูลหลงจะไปไหม?” ดวงตาแม่นมฉินแวบความหวังเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าคนของตระกูลหลงที่นางพูดเป็นคนตระกูลหลงไหน นางจึงส่ายหน้า “ไม่รู้”
แม่นมฉินผิดหวังอย่างเห็นชัด พูดพึมพำ “หากคนตระกูลหลงไป ก็ไม่ต้องกลัวหมอผีเจียงเป่ยแล้ว”
“คนตระกูลหลงไหน?” หยวนชิงหลิงอดถามไม่ได้
แต่แม่นมฉินเห็นท่าทางนางไม่รู้จริงๆ จึงส่ายหน้า “ช่างเถอะ ถือว่าหม่อมฉันไม่ได้พูด จะไปเมื่อไหร่ก็รบกวนบอกหม่อมฉันล่วงหน้า และโปรดลืมความมุทะลุของเข้าเมื่อครู่ด้วยเพคะ ต่อไปดีกับหมันเอ๋อให้มาก
หากเป็นไปได้ ก็หาคู่ครองให้นาง ให้นางเป็นเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่งงานมีลูก ปกติสุขตลอดชีวิต”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “หมันเอ๋อโตแล้ว หนทางต่อไปจะเดินยังไงนางจะรู้เอง ที่ข้ารับปากท่านได้ก็คือในส่วนความสามารถของข้า ข้าต้องปกป้องนางแน่ ก็เหมือนกับครั้งนี้ที่นางเสนอไปเจียงเป่ย และข้าก็คัดค้าน”
แม่นมฉินมองนาง ทว่าในดวงตายังคงไม่เชื่อ “หวังว่าพระชายาจะทำตามคำพูด!”