บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 98 ตีเจ้าให้ตายด้วยมือของข้า
หยู่เหวินเห้าได้กลิ่นคาวเลือดบนร่างกายของเขา ใจก็จมดิ่งลงเล็กน้อย
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเดินเหินอย่างปกติ น่าจะไม่เป็นไร ถ้างั้น เป็นกลิ่นเลือดของใคร?
ผู้หญิงขี้เหร่คนนั้น นอกเสียว่าถูกจัดการอย่างน่าสังเวชไปแล้ว?
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็ร้อนใจทันที กล่าว “วันนี้ข้าใช้ทหารของกรมการพระนครเพื่อมาสืบคดีที่พระชายาหายตัวไป ขอให้ท่านเจ้าพระยาให้ความร่วมมือด้วย”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งค่อยๆเก็บสายตาที่คมกริบกลับมา ทำเสียงฮึ่มไปหนึ่งที “ท่านอ๋องที่ทรงอานุภาพ ในเมื่อมาสืบคดี ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้ความร่วมมือ แต่ว่า หากไม่เจอพระชายาในจวนของข้า ข้าก็จะกราบทูลต่อหน้าฮ่องเต้ ให้ลงโทษท่าน”
ในคำพูด มีแต่คำข่มขู่ คำข่มขู่นี้ มันคงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องกราบทูลละสิ?
หยู่เหวินเห้าออกคำสั่ง “หน้ายามรักษาการณ์ ทังหยาง พวกเจ้าพาคนไปในจวน จำไว้ ต้องตรวจให้แน่ใจว่ามีห้องลับหรือเปล่า ทางเดินใต้ดินน ต้องค้นอย่างละเอียด ห้ามขาดตกแม้แต่จุดเดียว”
“สวีอี เจ้าพาคนไปล้อมหน้าประตูกับหลังประตูเอาไว้ ก่อนที่จะตรวจค้นเสร็จ ห้ามคนในจวนออกไปเด็ดขาด”
“ขอรับ”
ทหารปฏิบัติการอย่างว่องไว ได้แยกย้ายไปตรวจค้นกันแล้ว
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกับหยู่เหวินเห้ายังคงยืนจ้องแข่งกันอยู่ที่เดิม เพียงแต่ในใจของหยู่เหวินเห้านั้นรู้สึกไม่ดี และไม่ได้มั่นใจเหมือนตอนมาแล้ว
เขาพาทหารของกรมการพระนครมา เจ้าพระยาหุ้ยติ่งสุดท้ายก็ต้องให้ความร่วมมือ เพียงแต่ ไม่น่าจะให้ความร่วมมือได้ง่ายขนาดนี้ นอกเสียจาก หยวนชิงหลิงได้ถูกจัดการไปแล้ว?
เจ้าพระยาเห็นเขาเผยสีหน้าที่กระวนกระวาย ก็หัวเราะอย่างเย็นชา ใบหน้าโหดร้าย แววตาน่ากลัว “ท่านอ๋อง หากค้นไม่เจอ ท่านเพียงแค่รอก็พอ”
หยู่เหวินเห้าไม่พูด แววตานั้นมืดมนอย่างมาก
จากแววตาของเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง มีความเจ้าเล่ห์อยู่ในนั้น
ไม่งั้นก็เป็นเพราะสวีอีหลงกล เขาไม่ได้ลักพาตัวหยวนชิงหลิง
ไม่งั้นก็คือเขาลักพาตัวหยวนชิงหลิงไป แต่ไม่ได้พากลับมาในจวน
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน วันนี้เขาก็ทำผิดที่ฆ่าคน
ใช้อารมณ์ในการจัดการ ไม่ได้ตรวจสอบอย่างชัดเจน
แต่ก็ไม่มีเวลาให้ตรวจสอบ สมมติว่าผู้หญิงขี้เหร่คนนั้นตกอยู่ในกำมือของเขา ไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์เลย
เขาทำได้เพียงเดิมพันสักครั้ง ถือเสียว่าตอบแทนหยวนชิงหลิงที่ช่วยชีวิต แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับมาโดยตลาด
“รู้หรือเปล่าว่าทำไมข้าถึงได้เจาะจงเล่นงานท่าน?” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเยาะเย้ยทุกสิ่งที่ทำได้ ยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มหยัน ซ่อนเร้นความโหดร้ายและความเย็นชาในดวงตา
หยู่เหวินเห้าร้อนใจเล็กน้อย “ข้าอยากรู้มาโดยตลอด ท่านได้โปรดให้คำแนะนำข้าด้วย”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งชูนิ้วก้อยขึ้น กล่าวอย่างเย้ยหยัน “เพราะว่าข้าไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา เจ้านอกจากวรยุทธ์สูงแล้ว ความคิดความอ่านไม่ได้เรื่อง นิสัยดื้อรั้นหยิ่งผยอง ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ไม่เคารพผู้บังคับบัญชา ทั้งๆที่ฮ่องเต้มีใจให้เจ้าสร้างผลงาน เจ้ากลับใช้เส้นทางนี้ทะเยอทะยานขึ้นไปที่สูง หากเจ้าไม่ใช่ลูกฮ่องเต้ วันนี้เจ้าจะสามารถมายืนพูดคุยกับข้าตรงนี้เหรอ?”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “ก็ต้องโทษที่เจ้าไม่มีวาสนา ไม่มีโอกาสเป็นลูกฮ่องเต้”
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งหัวเราะอย่างสะใจ “แล้วกล่าว ใช่หรือ? ต่อให้เป็นลูกฮ่องเต้ก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เจ้าก็ต้องมาตกอยู่ในมือของข้าอยู่ดี ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีโอกาสกลับตัวได้อีกเลย”
ท่าทางของเขานั้นหยิ่งผยองมาก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จ้องมองหยู่เหวินเห้า ราวกับจะทำลายล้างหยู่เหวินเห้าให้หมดสิ้น
หยู่เหวินเห้ามีสีหน้าที่ใจเย็น แต่ในใจนั้นกังวลอย่างมาก
กลัวที่จะหาหยวนชิงหลิงไม่เจอ และก็กลัวที่จะหานางเจอ เพราะถ้าหากหานางเจอ เกรงว่านาง………
เขากลับมีความรู้สึกที่ไม่ที่กล้าจะจินตนาการ
ทหารในจวนถอยออกมารายงาน “ท่านอ๋อง ห้องโถงหลักค้นหาแล้ว ไม่พบขอรับ”
“ท่านอ๋อง หลังจวนค้นแล้ว ไม่พบขอรับ”
“ท่านอ๋อง ในจวนทุกซอกทุกมุมก็ตรวจค้นแล้ว ไม่เจอห้องลับ แต่ก็ไม่พบพระชายาขอรับ”
ทังหยางก้าวเดินมาอย่างรวดเร็ว “รายงานท่านอ๋อง ที่เรือนหลังบ้านตรงเรือนห้อยมีหอด้านข้างอยู่ในหอ ด้านในเต็มไปด้วยเครื่องลงทัณฑ์”
เข้ากวักมือ ก็เห็นทหารในจวนยกอุปกรณ์ลงทัณฑ์ออกมา วางตรงหน้าหยู่เหวินเห้า
หยู่เหวินเห้าเห็นเครื่องลงทัณฑ์พวกนี้เต็มไปด้วยคราบเลือด
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างเย็นชา “ทำไม? ห้องเครื่องลงทัณฑ์ของข้าก็ต้องค้นด้วยหรือ?”
“ไม่รู้ว่าท่านใช้ห้องลงทัณฑ์ทำอันใด?” หยู่เหวินเห้าค่อยๆถามขึ้น
“ใช้ลงโทษสาวใช้น้องที่ทำผิด ท่านอ๋องสามารถร้องเรียนข้ากับฮ่องเต้ บอกว่าข้ามีห้องลงทัณฑ์ส่วนตัว” ใช้ความรุนแรงกับสาวใช้ เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าว
เห็นได้ชัดว่าทังหยางนั้นตื่นเต้นมาก วันนี้พื้นที่สามารถตรวจค้นได้ก็ตรวจค้นไปหมดแล้ว ไม่เจอร่องรอยของพระชายาเลย
สวีอีเจ้าหมอนี่ตกลงเห็นชัดเจนหรือเปล่าน๊า? หากเพราะเข้าใจผิด มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
หน้ายามรักษาการณ์ก็กลับมาแล้ว กล่าว “ท่านอ๋อง นอกจากเรือนที่ขังสุนัขดุร้าย ต่างก็ค้นจนทั่วแล้วขอรับ”
“สุนัขดุร้าย?” แววตาของหยู่เหวินเห้าก็กะพริบ
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ใครๆก็รู้ว่าข้าเลี้ยงสุนัขที่ดุร้ายไว้เฝ้ายามจวน หากท่านอ๋องคิดว่าข้าจะซ่อนพระชายาไว้ข้างใน สามารถเข้าไปค้นได้เลย เพียงแต่ สุนัขดุร้ายมันโหด หากเกิดเรื่องอันใด อย่ามาโทษที่ข้าไม่เตือน”
“ท่านอ๋อง เหลือเพียงตรงนี้ที่ไม่ได้ถูกค้น” ทังหยางกล่าว “ไม่งั้น ก็ให้ข้าน้อยพาคนเข้าไปดูหน่อย”
หยู่เหวินเห้านิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง”
วรยุทธ์ของทังหยางพอใช้ได้ แต่วิชาตัวเบานั้นสู้เขาไม่ได้ หากสุนัขดุร้ายฟังคำสั่งแล้วไล่กัด เขาจะหนีไม่รอด
ทังหยางร้อนใจ “ท่านอ๋อง มันอันตราย”
“ไม่เป็นไร” หยู่เหวินเห้ามองเจ้าพระยาหุ้ยติ่งอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “หากข้าเกิดเรื่องที่จวนเจ้าพระยา ท่านเจ้าพระยาก็คงจะละอายใจ” รับผิดชอบไม่ไหว ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นท่านอ๋อง
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเพียงแต่ยิ้มอย่างเย็นชา แสงแดดได้ส่องผ่านต้นไม้มากระทบบนใบหน้าของเขา ใบหน้าที่มีปานลึกดูหม่นหมอง
“ข้าขอพูดไว้ล่วงหน้า เพราะเหตุนี้ทำให้ท่านอ๋องเสียแขน หรือเสียขา อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไร!” หยู่เหวินเห้ามองเข้าอย่างดุดัน “ไม่เอาชีวิตไปทิ้งก็พอแล้ว ขอเพียงยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก็ต้องจำบุญคุณของท่านเจ้าพระยาไว้อย่างแน่นอน”
“ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อยเข้าไปเป็นเพื่อนท่าน” ทังหยางกล่าว
“ข้าน้อยก็ขอเข้าไปเป็นเพื่อนท่านอ๋องด้วย” หัวหน้ายามรักษาการณ์ก็เดินไปข้างหน้าแล้วกล่าว
หยู่เหวินเห้ายกมือขึ้นห้าม “พวกเจ้าตามข้าไป แต่ว่าไม่ต้องเข้าไปในเรือนข้างใน”
เขามองเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง “เชิญนำทาง”
“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งโค้งตัวกล่าว
ลูกน้องคนสนิทของเจ้าพระยาหุ้ยติ่งเห็นดังนี้ ก็เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา
สุนัขร้ายเหล่านี้ ช้าเร็วก็ต้องฆ่าทิ้ง วันนี้หากทำร้ายอ๋องฉู่ ฆ่าพวกสุนัขเหล่านี้ค่อยไปขอฮ่องเต้ยกโทษให้ ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถที่จะโกรธสัตว์เดรัจฉาน และความรับผิดชอบของจวนเจ้าพระยาก็เพียงพอแล้วด้วย
และสุนัขดุร้ายเหล่านี้เป็นเพราะไล่กัดเจ้าของ หลังจากที่ถูกต้อนกลับไปก็ถูกทุบตีอย่างรุนแรง ถูกตีจนคลั่งแล้ว หากเห็นศัตรู แค่เพียงส่งสัญญาณมือ ก็จะโจมตีศัตรูทันที
คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปที่เรือนสุนัขดุร้าย
ระยะไกล ก็ได้ยินเสียงหมาเห่าที่บ้าคลั่ง เสียงดังรบกวนมาก เสียงเห่าที่แข่งกันสูงขึ้นเรื่อยๆ สะเทือนจนหูเกือบหนวก
ประตูนั้นถูกปิดเอาไว้ แต่ว่า เสียงเห่าที่บ้าคลั่งเหมือนจะดังระเบิดออกมาข้างนอก
หยู่เหวินเห้าพยายามฝืนใจ เขาเคยหนีเอาชีวิตจากฝูงหมา จากนั้นก็มีความกลัวอยู่ในใจ วันนี้หากไม่ใช่ว่าไม่มีหนทาง เขาไม่มีทางที่จะเข้าไป
หยวนชิงหลิง ดีที่สุดเจ้าควรจะมีชีวิตอยู่
ข้าจะเป็นคนตีเจ้าให้ตายด้วยมือข้าเอง