บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 989 งั้นก็ไปกันเถอะ
ทั้งสองคนนอนไม่หลับทั้งคืน ต่างคนต่างก็มีเรื่องให้คิด เมื่อถึงตอนสว่าง หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ให้ข้ากลับไปสักครั้งเถอะ ได้เจอหน้ากันข้าก็พอใจแล้ว ต่อให้ตอนที่จากกันจะเจ็บปวดสุดชีวิต ข้าก็ยินยอมที่จะยอมรับ หากไม่กลับไป ทุกวันต่อจากนี้ข้าจะต้องทุกข์ทรมาน อีกอย่าง ข้ากลับไปก็ยังมีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ใช่ข้ออ้าง ข้าคิดมาทั้งคืนแล้ว ไทเฮาพูดถูก งานวิจัยของข้าทุกอย่าง เต็มไปด้วยภัยคุกคามโลกนี้อย่างมองไม่เห็น เมื่อก่อนข้าไม่เคยคิด เพราะในใจข้ามีแต่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีแนวคิดเรื่องปกครองแผ่นดิน แต่ตอนนี้ข้าเป็นพระชายารัชทายาทของเป่ยถัง ข้าเห็นเจ้าเสียสละเพื่อความมั่นคงของเป่ยถัง เพื่อความสงบสุขของประชาชนอย่างมากมาย เจ้าห้า ค่ะจะทำเป็นโง่อีกต่อไปไม่ได้แล้ว”
หยู่เหวินเห้าฟังนางพูดจนจบอย่าเงียบๆ จากนั้นก็เอียงหัวจ้องมองดูนาง ดวงตาอันลึกซึ้งเต็มไปด้วยความรักใคร่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอยากกลับไปจริงๆ งั้นก็กลับไปกันเถอะ ข้าก็คิดดูแล้ว ห้ามไม่ให้เจ้ากลับไปเจอครอบครัวถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมอย่างมาก”
“จริงหรือ?” หยวนชิงหลิงกลั้นหายใจ น้ำตาร่วงไหลออกมาในทันใด
หยู่เหวินเห้ายื่นมือลูบใบหน้าของนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงแหบว่า “จริง เจ้าวางใจได้”
หยวนชิงหลิงซบแนบอกของเขา ในใจเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าวางใจ ข้าจะต้องกลับมาแน่”
“เจ้าไม่กลับมา ข้าก็จะลากเจ้ากลับมา” หยู่เหวินเห้าหัวเราะ ตบหลังนางเบาๆ เหมือนดั่งตัดสินใจแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า พวกเรากลับไปทั้งครอบครัว กลับไปบ้านพ่อตาแม่ยาย”
หยวนชิงหลิงร้องไห้จนไม่สามารถหยุดได้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี ดี”
ตัดสินใจที่จะกลับไปแล้ว ก็ต้องจัดการเรื่องของหมันเอ๋อก่อน หยวนชิงหลิงเข้าวัง ไปถามไทเฮาหลงเพื่อขอยันต์เลือดอักษรวัสติกะที่ใช้แก้อาคมหมอผี ยันต์เลือดนี้ที่จริงก็คือยาหนึ่งเม็ด เพียงแค่บนยาสลักสัญญาลักษ์อักษรวัสติกะไว้ ยาเม็ดก็เหมือนวิตามินอี เม็ดสีแดง นอกจากนี้ยังฉายแสงเรืองแสงจางๆ
“ให้นางทานยานี้ลงไป จะสามารถขจัดวิชามนต์ดำออกจากร่างกายของนาง ในขณะเดียวกันวิชาปลุกชีวีของนางก็จะถูกขจัดทิ้ง นางจะสามารถจำเรื่องราวทั้งหมดได้” ไทเฮาหลงบอกกับหยวนชิงหลิง
ตอนที่หยวนชิงหลิงรับมา นิ้วมือสั่นเทา จำเรื่องราวทุกอย่างได้ เท่ากับว่านางจะจำได้ เรื่องที่เห็นพ่อของตนเองถูกฆ่ากับตาตัวเอง
หยู่เหวินเห้าให้สวีอีกับอะซี่ไปจัดการเรื่องนี้ นำยันต์เลือดอักษรวัสติกะไปยังเจียงเป่ย สมทบกับหมันเอ๋อ ก่อนไป หยวนชิงหลิงพูดกับอะซี่เป็นการส่วนตัวว่า “หลังจากทานยาแล้ว เจ้าต้องอยู่กับหมันเอ๋อตลอด เพราะนางจะจำเรื่องราวในอดีตทั้งหมดได้ จำวันที่ตระกูลของนางถูกฆ่าล้างตระกูล ปลอบนางให้ดี”
อะซี่ร้องเสียงหลง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้น….หมันเอ๋อต้องเสียใจแย่แน่”
“ดังนั้นเจ้าต้องอยู่เป็นเพื่อนนาง หากสถานการณ์อำนวย ข้าก็จะรีบตามไป”
“เจ้าไม่ต้องไป อันตรายเกินไป วางใจเถอะ เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเราจะรีบกลับเมืองหลวง” อะซี่พูดปลอบนาง
ในใจหยวนชิงหลิงไม่ค่อยวางใจ กลัวหมันเอ๋อจะคิดฆ่าตัวตายอีกครั้ง เมื่อครุ่นคิดแล้วจึงพูดขึ้นว่า “หากสามารถขจัดคาถาหมอผีได้ เจ้าพาหมันเอ๋อไป ไม่ต้องตามไปช่วยขบวนใหญ่ กลับเป่ยถังก่อนค่อยว่ากัน”
“ได้” อะซี่รับปาก
ทั้งสองคนรีบออกเดินทาง ม้าแข็งแรงหายลับไปจากประตูเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว
พวกเด็กๆรู้ว่าจะได้ไปบ้านตายายแล้ว แต่พาหมาป่าหิมะไปไม่ได้ พวกเด็กๆผิดหวังอย่างมาก เพราะพวกเขาคุยโม้ต่อหน้าลุงอย่างอวดที่สุดก็คือพวกเขามีหมาป่าหิมะ และเคยพูดว่าต่อไปจะเอาหมาป่าหิมะไปให้เขาดู
ขอร้องอยู่สักพัก ท่านแม่ก็ไม่ยอม กระทั่งพ่อยังยกฝ่ามือขึ้น จึงจำต้องยอมปล่อยไป
พาทั้งครอบครัวเข้าไปในวัง ไทเฮาหลงพูดกับทั้งสองสามีภรรยาว่า “การไปในครั้งนี้ ให้เวลาพวกเจ้าเพียงแค่สามวัน เพื่อลดความวุ่นวายที่อาจเกิดจากการเดินทางข้ามเวลาให้น้อยที่สุด ดังนั้นสามวันนี้เวลาจะเดินไปพร้อมกัน ความหมายก็คือพวกเจ้าไปสามวัน ที่นี่ก็ผ่านไปสามวัน พระชายารัชทายาท ภายในสามวัน เจ้าจะต้องจัดการธุระให้สำเร็จ”
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “สามวันเพียงพอแล้ว”
สามวันสำหรับนางถือว่ามากมายอย่างที่สุดแล้ว เดิมนางคิดว่ามีเวลาเพียงหนึ่งวัน ได้เจอหน้าครอบครัวเพียงชั่วครู่เดียว แต่มีเวลาสามวัน ใช้เวลาหนึ่งวันเพื่อไปจัดการธุระให้เสร็จ อีกสองวันสามารถอยู่กับครอบครัว สามารถได้ทานข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน พาเจ้าห้ากับลูกๆไปเที่ยวรอบๆ
นางน้ำตาไหลอีกแล้ว ไม่รู้เพราะอะไร อยากที่จะร้องไห้ ไม่เคยรู้สึกถึงความอ่อนแอของตนเองขนาดนี้มาก่อน
ไทเฮาหลงมองดูพวกเขาก็ไม่ได้เอาอะไรมาด้วย จึงถามหยู่เหวินเห้าขึ้นว่า “เจ้าไปเจอพ่อตาแม่ยายครั้งแรก ไม่เอาของขวัญไปด้วยหรือ?”
หยู่เหวินเห้าพูดไม่ออก มองดูหยวนชิงหลิงอย่างตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ต้องเอาอะไรไปด้วยถึงจะดี”
“ไม่ต้องแล้ว เจ้าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว” หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
“แบบนั้นไม่ได้ ไปครั้งแรก หากไม่เอาอะไรไปด้วย ดูเสียมารยาท” หยู่เหวินเห้ารีบหันไปพร้อมพูดว่า “รอข้า ข้าไปซื้อก่อน”
ไทเฮาหลงโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องออกไปแล้ว พวกเจ้าเลือกในคลังของข้าเถอะ เอาที่เหมาะสมได้เลย”
หยู่เหวินเห้านิ่งอึ้งสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่….นี่ไม่ดีมั้ง? ของในนี้ล้วนล้ำค่ายิ่งนัก”
“สิ่งของนอกกายเท่านั้น” ไทเฮาหลงยิ้มพูด
หยู่เหวินเห้าก็ไม่ลังเล พูดขึ้นว่า “งั้นขอบพระทัยไทเฮา”
ห้องคลังของไทเฮาหลงก็คือขุมสมบัติ เครื่องลายครามล้ำค่า เครื่องประดับ เล่นที่แปลกใหม่มากมาย
“องค์ชายรัชทายาทหยิบเยอะหน่อย” แม่นมโกยู่เป็นคนพาเข้ามา
หยู่เหวินเห้ารู้สึกลานตาไปหมด และก็ไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี จึงถามหยวนชิงหลิงว่า “พ่อตาแม่ยายของข้าชอบอะไรหรือ?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “มีความตั้งใจก็พอ” นางมองดูแวบหนึ่ง รู้สึกว่าพอเป็นน้ำใจของที่นี่ล้วนล้ำค่าอย่างมาก
หยู่เหวินเห้าเลือกอยู่สักพัก แล้วก็เลือกกำไลหยกคู่หนึ่ง กับสร้อยคอปะการังสีแดงให้กับแม่ยาย ของของไทเฮา ล้วนดีที่สุดทั้งนั้น โดยเฉพาะปะการังแดงนี้ สีแดงเป็นประกาย มูลค่าหลักพันชั่ง
หยู่เหวินเห้าเลือกกำไลมือ เพราะหยวนชิงหลิงชอบหยก งั้นแม่ยายก็น่าจะชอบหยกเหมือนกัน
“พ่อของเราทำอาชีพอะไรหรือ?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“เป็นหมอ”
“เป็นหมอหรือ? เป็นเลือกอะไรให้ดีล่ะ?”
หยวนชิงหลิงยักไหล่ พร้อมพูดขึ้นว่า “แล้วแต่”
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ คาดหวังอะไรเจ้าหยวนไม่ได้แล้ว เขาจึงต้องเลือกอะไรที่ล้ำค่าหน่อย เลือกกำไลไม้กฤษณามาหนึ่งเส้น กับแหวนหยกหนึ่งวง
“ใช่ ฝีมือการต่อสู้ของพี่ชายเป็นอย่างไร? ฝึกวิชากระบี่หรือกำลังภายใน?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ฝีมือการใช้มีดไม่เลว” ชำนาญการใช้มีดผ่าตัดอย่างที่สุด
“มีด….ที่นี่ไม่มี งั้นเลือกดาบสักเล่ม” สายตาหยู่เหวินเห้ามองไปที่ดาบเล่มงามเล่มหนึ่ง มีทับทิมสีแดงฝังอยู่บนด้ามดาบ เขาชักออกมา เห็นเพียงคมดาบเยือกเย็น แค่เป่าเส้นผมก็ขาด เป็นดาบล้ำค่าจริงๆ
เมื่อเลือกของขวัญเรียบร้อยแล้ว ก็ไปถวายขอบพระคุณไทเฮาหลง ไทเฮาหลงพาพวกเขาไปยังห้องลับ บนพื้นวางสายเชือกเตาปาที่มัดฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งกั๋วก่อนหน้านี้เส้นนั้น ไทเฮาหลงให้พวกเขาจับเชือกไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวเข้าไปแล้ว พวกเจ้าห้ามปล่อยสายเชือกเตาปาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะถูกทิ้งไว้ในกาลเวลาอื่น หากลับมายากมาก”
หยู่เหวินเห้ากลัวหยวนชิงหลิงกับลูกจับไม่แน่น จึงเอาสายเชือกมัดไว้บนมือของพวกเขา แล้วก็มัดไว้กับข้อมือของตนเอง อุ้มแฝดสองไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “แบบนี้ก็มั่นคงแล้ว ต่อให้รถม้าโยกไปมาก็ไม่มีทางหลุด”
“ไม่นั่งรถม้า” ไทเฮาหลงหัวเราะ
หยู่เหวินเห้าเบิกตาโต พร้อมพูดขึ้นว่า “เดินไปหรือ? งั้นจะต้องเดินไปนานแค่ไหน?”
ไทเฮาหลงมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “สามีของเจ้าไร้เดียงสามาก”