บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 111 ศิษย์ชั่วคราว
ตอนที่ 111
ศิษย์ชั่วคราว
“หัวหน้า นี่มันรางวัลของเฒ่าประทับสวรรค์เลยนะ”อาวุโส 7 ว่าพลางอ่านบัตรเชิญด้วยดวงตากลมโต แม้แต่หวงหลงเองยังรู้สึกตื่นเต้น มีหรือที่อาวุโส 7 จะไม่รู้สึกอะไรเลย
“ข้ารู้”หวงหลงว่าพลางนั่งพิงบัลลังก์อย่างหมดอารม
“แถมยังเป็นงานชุมนุมจวนตะวันคร้อยครั้งแรกที่หัวหน้าได้เข้าร่วมด้วย หากสามารถเอาชนะได้กลุ่มนักล่าอสูรของเราต้องกลับมามีชื่อเสียงแน่ๆ”อาวุโส 7 ยิ้มกว้างพลางโบกบัตรเชิญไปมาราวกับเป็นพัด
“ข้ารู้”หวงหลงถอนหายใจกับท่าทีเย้าหยอกของอาวุโส 7 แต่เรื่องที่นางพูดก็ทำให้หวงหลงหนักใจจริงๆ เพราะตั้งแต่พ่อของหวงหลงหรือปู่ของเหม่ยหลินได้ตายจากไป กลุ่มนักล่าอสูรก็ไม่ได้รับเชิญไปร่วมงานอีกเลยจนกระทั่งหวงหลงสามารถเลื่อนขึ้นมาระดับเทียนเซียนได้ แต่ถึงอย่างนั้นสถานะของกลุ่มนักล่าอสูรก็ยังต่ำต้อยกว่าตอนที่บิดาของมันอยังอยู่มาก เพราะยามนั้นบิดาของมันเองก็เป็นถึง 1 ในบุคคลระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 เช่นกัน ถึงกับได้รับความเคารพจากอาวุโสเทียนหมิงเลยทีเดียว หวงหลงจึงคาดหวังจะฟื้นฟูความทรงจำเมื่อตอนนั้นขึ้นมาให้ได้
“แต่ตอนนี้คุณหนูเหม่ยหลินเก็บตัวฝึกฝนอยู่นี่น้า ทั้งๆที่นางเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองแท้ๆ บางทีแม้แต่อู๋หมิงศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงก็อาจจะยังสู้นางไม่ได้ด้วยซ้ำ”อาวุโส 7 ว่าพลางยิ้มกว้าง
“ข้ารู้”หวงหลงตอบคำเดิมเป็นครั้งที่สาม มันรู้อยู่แล้วว่าอาวุโส 7 กำลังจะพูดอะไร แต่มันไม่อยากจะยอมรับนี่สิ
“แต่ตอนนี้ก็มีคนรุ่นใหม่บางคนที่น่าจับตามองเสียด้วยสิ”อาวุโส 7 หัวเราะเบาๆพลางหรี่ตามองหวงหลงอย่างอารมดี นางไม่ได้เห็นหัวหน้าทำหน้ามุ่ยแบบนี้มานานแล้ว
“แถมมันยังเป็นผู้มีพลังวิญญาณและพลังอสูรเข้มแข็งอย่างมากเสียด้วย หากเป็นมันละก็ จะต้องสร้างชื่อให้กับกลุ่มนักล่าอสูรได้ไม่น้อยเลย”อาวุโส 7 ยังคงปั่นประสาทหวงหลงต่อทั้งๆที่นางารู้อยู่แล้วว่าหวงหลงแทบไม่เหลือทางเลือกเลย แน่นอนว่าในกลุ่มนักล่าอสูรมียอดฝีมือมากมาย แต่คนที่อายุน้อยจริงๆมีไม่มากนัก แถมคนที่จะแสดงความแข็งแกร่งของกลุ่มนักล่าอสูรออกมาได้จริงๆย่อมเป็นผู้มีพลังอสูรแข็งแกร่งอย่างไป๋จูเหวินเท่านั้น
“ก็บอกว่าข้ารู้แล้วยังไงล่ะ”หวงหลงว่าพลางลุกขึ้นยืน
“แหม หัวหน้าโกรธซะแล้ว”อาวุโส 7 ยิ้มแฉ่งหลังจากยั่วโมโหหัวหน้าจนประสบความสำเร็จ
“ไปตามมันมา ข้าจะคุยกับมันเอง”หวงหลงว่าพลางนั่งลงอีกครั้ง พอโดนจับจุดอ่อนได้ อาวุโส 7 ก็ไม่ไว้หน้ากันเลย หากไม่ใช่เพราะนางเป็นคนสำคัญของกลุ่มนักล่าอสูรคงโดนหวงหลงเตะออกจากห้องไปนานแล้ว
“ท่านหัวหน้าเรียกพบข้าหรือขอรับ”หลักจากอาวุโส 7 หายไปไม่กี่สิบนาที ร่างของไป๋จูเหวินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหวงหลงอีกครั้ง
“ใช่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”หวงหลงว่าพลางเอนหลังพิงบัลลังก์ด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ก่อนอื่นโทษของเจ้าที่พาลูกสาวข้าหนีออกจากเมืองร้อยแปดอสูรถือเป็นการยุติ เจ้าได้สำรวจเขตอสูรให้ข้าถึง 2 แห่งแล้ว ถือว่าได้ชดใช้จนหมดสิ้นแล้ว”หวงหลงว่าพลางเหล่มองอาวุโส 7 ไม่ทราบทำไมพอนางกลับมาจากสำรวจร่วมกับไป๋จูเหวินก็มีท่าทีเข้าข้างมันเสียเหลือเกิน ทั้งๆที่หากเป็นปกตินางต้องขอตัวไปนอนแล้วแท้ๆ
“ขอบพระคุณหัวหน้า”ไป๋จูเหวินยิ้มรับพลางประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม แม้ตัวมันจะเคยโดนหวงหลงโจมตีจนบาดเจ็บ แต่มันก็ยังคิดว่าเป็นความผิดของมันเช่นเดิม การที่หวงหลงให้อภัยมันแล้วทำให้มันเบาใจลงมาก
“แล้วก็อีกเรื่อง”หวงหลงถอนหายใจออกมาครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจวางอคติลง
“ในเดือนหน้าจะมีงานชุมนุมที่จัดขึ้นทุกๆ 10 ปี ข้าขอมอบหมายงานให้เจ้าเป็นผู้ติดตามข้าไปร่วมงานชุมนุม”ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็มีท่าทีประหลาดใจทันที
“ติดตามท่านหัวหน้า”ไป๋จูเหวินถามออกไปเพราะมันเริ่มเข้าใจว่าตนเองหูฝาดหรือไม่
“ภายในงานจะมีการประลองของผู้เยาว์ หน้าที่ลงประลองเป็นของเจ้า”หวงหลงพูดออกมาตามตรงเพราะมันอยากให้ไป๋จูเหวินเตรียมพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อนจะลงประลองจริง เหล่าผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ต่างมีศิษย์ด้วยกันไม่มากก็น้อย และพวกมันก็มีวิธีเลี้ยงดูศิษย์ตนเองแตกต่างกันไป มันเชื่อว่าภายในงานประลองต้องเต็มไปด้วยปีศาจรุ่นเยาว์กันให้เต็มสนามอย่างแน่นอน แม้มันจะได้ทราบพลังของไป๋จูเหวินแล้ว แต่การประลองไม่ใช่การวัดพลังวิญญาณหรือพลังอสูรเสียด้วย
“หากท่านหัวหน้าประสงค์เช่นนั้น”ไป๋จูเหวินว่าพลางระพริบตาถี่ๆ อยู่ๆหวงหลงก็พามันไปร่วมประลอง แม้จะยังไม่เข้าใจว่างานชุมนุมดังกล่าวยิ่งใหญ่เช่นไร แต่ไป๋จูเหวินก็ไม่มีทางปฏิเสธหัวหน้าได้อยู่แล้ว
“ดี วันนี้เจ้าพักผ่อนซะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกัน”หวงหลงว่าพลางมองไปทางอาวุโส 7 นางยิ้มกว้างพลางหัวเราะออกมาจนมันยังได้ยิน
“เจ้าได้ยินหรือเปล่าไป๋หู่ คุณชายจะเดินทางไปด้วยล่ะ”จูเชวี่ยว่าพลางยิ้มอย่างอารมดี
“น่ายินดีจริงๆ ข้านึกว่าจะไม่ได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดคุณชายแล้วซะอีก”เสวี่ยนอู่ยิ้มพลางหัวไปหัวเราะพูดคุยกับจูเชวี่ย พวกมันทั้ง 4 ได้เจอไป๋จูเหวินมาแล้วไม่มากก็น้อย แต่เพียงพบหน้าไม่กี่ครั้งพวกมันก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างของไป๋จูเหวิน ยิ่งหลังจากมันกลับมาจากการสำรวจเขตอสูรหุบเขามังกร ความรู้สึกหลงใหลก็ยิ่งชัดเจนขึ้น อาจจะเกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นของมันก็เป็นได้
“…..”หวงหลงมองเหล่าอสูรของตนอย่างไม่เข้าใจ ทำไมพวกมันถึงยินดีที่จะได้ไปกับไป๋จูเหวินนัก แถมก่อนหน้านี้พวกมันยังกล้าขัดคำสั่งของมันไม่ยอมทำร้ายไป๋จูเหวินเสียอีก เรื่องนี้คงมีแต่อาวุโส 7 เท่านั้นที่ทราบและไม่มีท่าทีแปลกใจกับอาการดีอกดีใจของอสูรทั้ง 4 ของหัวหน้าเลย
.
.
ในเช้าวันต่อมาหลังจากให้ไป๋จูเหวินไปพักผ่อนแล้ว หวงหลงก็เรียกให้ไป๋จูเหวินมาหามันที่หลังวังมังกรเพื่อออกเดินทางไปยังจวนตะวันคร้อยในทันที เพราะเมืองลับะวันอยู่ทางตะวันตกของอาณาจักรซึ่งห่างจากเมืองร้อยแปดอสูรที่อยู่ทางใต้มากทีเดียว การเดินทางจึงจำเป็นต้องใช้เวลามากแม้จะใช้วิธีการบินก็ตาม
“ปักษาคู่”
“แปดอาชา”
“โถ่ เอาใหม่” เสียงของจูเชวี่ยและชิงหลงดังไม่ขาดสายราวกับกำลังตั้งวงสุรา พวกมันพากันเล่นเกมทายนิ้วอย่างดุเดือดด้วยการพนันว่าใครจะเป็นผู้ให้ไป๋จูเหวินขึ้นขี่หลังในการเดินทาง ทำเอาเสวียนอู่และไป๋หู่ที่บินไม่ได้หน้ามุ่ยกันเป็นแถบ
“ฮ้าๆ วันแรกเป็นของข้า”จูเชวี่ยหัวเราะพลางชูมือขึ้นฟ้าด้วยท่าทีดีอกดีใจ ทำเอาหวงหลงที่มองอยู่ด้านหลังถอนหายใจเฮือกออกมา ทำไมเหล่าอสูรที่น่าเกรงขามของมันถึงกำลังเล่นกันอย่างกับเด็กๆได้นะ…
“หัวหน้า พวกเรามาแล้ว”อาวุโส 7 ว่าพลางพาไป๋จูเหวินมาพร้อมกับตนเอง ไม่ทราบทำไมอาวุโส 7 ถึงขยันขันแข็งผิดปกติเสนอตัวเดินทางมาร่วมกับไป๋จูเหวินด้วย หรือว่านางหลงเสน่ห์ไป๋จูเหวินเช่นเดียวกับอสูรของมันกันแน่
“อรุณสวัสดิ์ขอรับหัวหน้า”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเดินเข้ามาในลานหลังของวังมังกรที่พวกหวงหลงยืนรออยู่
“อืม รีบเดินทางเถอะ”หวงหลงว่าพลางมองไปทางอสุรทั้ง 2 ที่มัวแต่เล่นทายนิ้วกันอยู่ครู่ใหญ่
“เจ้าค่ะ”จูเชวี่ยยิ้มกว้างก่อนจะกลายร่างเป็นวิหคเพลิงอย่างรวดเร็ว โดยนางจะทำหน้าที่พาไป๋จูเหวิน หลินหลิน หงเยว่ และอาวุโส 7 ไปบนหลังของนางส่วนชิงหลงจะพาหวงหลง เสวียนอู่และไป๋หู่ไปกับมัน
“ไป๋จูเหวิน”หลังจากเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง หวงหลงก็มองมาทางไป๋จูเหวินพลางเรียกชื่อมันออกมาด้วยท่าทีนิ่งเรียบ
“ขอรับ”ไป๋จูเหวินรับคำพลางมองมาทางหวงหลงเช่นกัน
“เจ้ามีกระบวนท่าอะไรติดตัวบ้าง”หวงหลงถามออกมาด้วยท่าทีนิ่งเฉยเช่นเดิม แต่อาวุโส 7 กลับแอบยิ้มอยู่ข้างๆ
“ข้ามีวิชาที่ท่านน้าของข้าทิ้งเอาไว้ให้ขอรับ เป็นกระบวนท่าฝ่ามือ 18 ท่า”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ แม้ตนจะยังใช้วิชาได้ไม่ครบ 18 ท่าแต่มันก็ทำให้ไป๋จูเหวินสามารถผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาได้ไม่น้อย
“อืม…แล้วเคล็ดฝึกฝนพลังล่ะ เจ้าเรียนรู้อะไรมา”หวงหลงถามอีกครั้งเพราะจะให้ไป๋จูเหวินแสดงวิชาบนหลังของจูเชวี่ยคงไม่เหมาะ เอาไว้ลงไปแล้วค่อยให้มันแสดงให้ดูก็แล้วกัน
“ข้าได้รับเคล็ดโลหิตมังกรมาจากอาวุโสเทียนหมิงขอรับ”ไป๋จุเหวินตอบไปตามตรง
“….”หวงหลงนิ่งไปพักหนึ่ง มิน่าเล่ามันถึงได้พัฒนาพลังฝีมืออย่างรวดเร็ว แต่เคล็ดฝึกฝนโลหิตมังกรไม่ได้เป็นเคล็ดฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่อะไรนักหากไม่รวมให้ครบชุด
“นับว่าเจ้าดวงดีไม่น้อย”หวงหลงว่าพลางถอนหายใจออกมา หากไม่มีงานประลองตัวมันคงไม่อาจทราบได้ว่าไป๋จูเหวินนั้นใช้เคล็ดฝึกฝนโลหิตมังกรอยู่
“รับนี่ไปซะ”หวงหลงว่าพลางโยนตำราเล่มหนึ่งข้ามจากตัวชิงหลงไปให้ไป๋จูเหวินที่อยู่บนหลังของจูเชวี่ย
“ขอรับ…”ไป๋จูเหวินมองตำราที่หวงหลงโยนมาให้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ในมือของมันนั้นคือเคล็ดวิชาร่างสถิตมังกร ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาชุดเดียวกับเคล็ดวิชาโลหิตมังกรที่ไป๋จูเหวินใช้งานอยู่
“หัวหน้า นี่มันเคล็ดวิชาของท่านไม่ใช่หรือไง”อาวุโส 7 ว่าพลางมองตำราในมือไป๋จูเหวิน
“ชื่อเสียงของหลุ่มนักล่าอสูรอยู่ในมือของมันแล้ว ถือว่าข้าลงทุนก็แล้วกัน”หวงหลงว่าพลางเบือนหน้าหนี แต่เดิมวิชานี้ถ่ายทอดให้กับหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสุรเท่านั้น ในกลุ่มนักล่าอสูรยามนี้นอกจากหวงหลงแล้วก็มีเพียงเหม่ยหลินเท่านั้นที่ได้เรียน แต่พอได้ทราบว่าไป๋จูเหวินได้เรียนเคล็ดโลหิตมังกรมาแล้ว ตัวมันกลับรู้สึกราวกับถูกโชคชะตาเล่นตลก ก่อนหน้านี้แม้แต่อาวุโสเทียนหมิงจะมาขอดูเคล็ดร่างสถิตมังกรด้วยตนเอง มันยังปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใย แน่นอนว่าที่ท่านต้องการมาดูเพราะท่านได้รับตำราเคล็ดโลหิตมังกรมาไว้ในครอบครอง จึงอยากเทียบดูว่าเป็นชุดวิชาเดียวกันใช่หรือไม่ แต่เพราะความดื้อดึงของหวงหลงถึงขนาดเอาชื่อบิดามาห้าม อาวุโสเทียนหมิงเลยไม่สามารถขอดูได้ สุดท้ายตำรา 2 เล่มนี้ก็แยกกันอยุ่มาตลอดจนกระทั้งอยู่ในมือของไป๋จูเหวินในยามนี้นี่เอง