บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 137 ก็ลองดู
ตอนที่ 137
ก็ลองดู
“เฮ้ย ระวังหน่อยสิวะ”ขณะเดินอยู่บนถนน อยู่ๆชายหนุ่มคนหนึ่งก็ถูกชายอีกคนชนเข้าอย่างจัง ทำเอาชายที่ตะโดนด่าล้มลงกับพื้น
“ขอโทษ ข้าผิดเอง”หยงเวยพูดพลางยื่นมือไปให้ชายคนที่ล้มจับ เพราะตนพึ่งตัดแขนไปทำให้ร่างกายเสียสมดุลไปไม่น้อย ไม่นึกเลยว่าแม้แต่การเดินก็ยังมีผล ทำให้หยงเวยมองไปที่แขนด้านขวาที่ขาดหายไปครู่หนึ่ง
วูบ…เนื้อมรกตที่ปิดปากแผลของหยงเวยเอาไว้ค่อยๆงอกออกมากลายเป็นแขนมรกตอย่างรวดเร็ว ยามนี้มันสามารถควบคุมธาตุทองได้ตามใจนึก เพียงแค่ก่อมรกตให้เป็นรูปร่างของแขนนั้นง่ายดายมาก หลังจากนี้เพียงมันใช้การบังคับพลังเพื่อขยับแขนมันก็ไม่ต่างจากคนมีสองแขนเลย
“จะไปไหนดีนะ”หยงเวยรำพึงกับตัวเอง พลางเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย มันมากราบอาจารย์กบเป็นที่เรียบร้อยตามที่มันหวังแล้ว แต่หลังจากนี้มันเองก็ไม่ทราบจะทำอะไร จะกลับไปบ้านที่ท่านแม่อยู่ตัวมันก็ไม่อยาก เพราะที่นั่นก็เป็นบ้านที่พ่อของมันตายจากไป จะอยู่นานๆก็มีแต่เศร้าเปล่าๆ
“ล้างแค้นสิ”เสียงมารในหัวของหยงเวยดังขึ้น แต่หยงเวยยามนี้ไม่มีท่าทีจะฟังมันเลย
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ฟังเจ้าแล้ว”หยงเวยว่าพลางเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย มันขึ้นรถม้าเดินทางไปเมืองอื่นเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยไปนับเดือน ในที่สุดหยงเวยก็มาถึงเมืองที่มีชื่อว่า เมืองบันไดสวรรค์ หากถามว่าทำไมเมืองถึงมีชื่อว่าเมืองบันดสวรรค์นั้นคงเพราะที่หลังเมืองมีน้ำตกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หากมองจากในเมืองจะเห็นได้ชัดเจนว่าน้ำตกแห่งนี้มี 9 ชั้นสลับทั้งซ้ายขวาดูแล้วสวยงามอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยกลางเมืองปล่อยให้ลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกไหลผ่าน ทำให้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสีเขียวชอุ่มที่มีความชุ่มชื้นของทั้งน้ำและผืนป่า
แม้จะเป็นเมืองกลางป่า แต่เมืองบันไดสวรรค์กลับมีผู้คนอาศัยเป็นจำนวนมาก บ้านไม้หรูหราที่ปลูกอยู่ทั่วเมืองทำให้เมืองแห่งนี้ราวกับเมืองสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของบันดาคนรวยไม่มีผิด แต่สิ่งที่ทำให้หยงเวยมาที่นี่ไม่ใช่เพราะความสวยงามของธรรมชาติ แต่เพราะชื่อเสียงของสำนักๆหนึ่ง สำนักแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดของน้ำตก 9 ชั้นที่อยู่หลังเมือง โดยขึ้นผ่านทางบันไดที่สร้างจากก้อนหินเลาะทิวไผ่ขึ้นไปยังหมู่บ้านไม้หลังเล็กๆที่ตั้งอยู่บนต้นน้ำของน้ำตก 9 ชั้น
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ชายคนหนึ่งถามพลางมองร่างของหยงเวยที่ขึ้นมาถึงสำนักของพวกมัน หมู่บ้านไผ่เขียวเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องการฝึกวิชาดาบเป็นอย่างมาก แถมทางเข้าหมู่บ้านยังมีไม่กี่ทาง การจะเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ลำบากยากเย็นสำหรับคนธรรมดา การมีแขกมาเยือนแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องปกติเลย
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของหมู่บ้านไผ่เขียวมานาน ข้าเลยอยากจะขอร่ำเรียนวิชาขอรับ”หยงเวยว่าพลางประสานมืออย่างนอบน้อม ตัวมันไม่เหมือนหยงเวยในสมัยก่อนที่มักจะโผงผางอวดโอ้ตนเองอีกแล้ว
“ฮ้าๆๆๆ เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าพวกเราเป็นสำนักผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ วิชาของพวกเราคนธรรมดาใช้ไม่ได้หรอก”ชายหนุ่มหัวเราะพลางมองมาทางหยงเวย มันสัมผัสพลังวิญญาณจากหยงเวยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ท่าทางมันจะเป็นคนธรรมดากระมัง
“ไม่เป็นไร ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังวิญญาณ”หยงเวยว่าพลางส่าบหัวเบาๆ มันเองก็ลืมไปเลยว่าตนเองไม่มีพลังวิญญาณแล้ว
“ฮ้าๆ เจ้าเนี่ยนะ”ชายหนุ่มว่าพลางหัวเราะตัวงอ ยามปกติแล้วคนธรรมดาไม่อาจเทียบผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้เลย ยิ่งตัวมันที่อยู่ระดับชำระกล้ามเนื้อแล้วไม่มีทางแพ้คนธรรมดาอย่างแน่นอน หรือเจ้าหนูตรงหน้ามันคิดจะใช้กำลังกายล้วนๆเอาชนะผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณกัน
“ให้ข้าลองดูไหมล่ะ”หยงเวยว่าพลางชักดาบออกมาจากฝัก
“หืม….”ชายหนุ่มคคนเฝ้าหมู่บ้านขมวดคิ้ว หรือหมอนี้คิดจะลงมือทำร้ายมัน ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ
“ก็ลองดู หากโจมตีข้าได้เจ้าก็เข้ามาได้เลย”ชายหนุ่มปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาทำให้หยงเวยที่อยู่ตรงหน้าสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณของมมัน แม้จะไม่มีพลังวิญญาณแล้วตัวหยงเวยก็พอจะสัมผัสพลังวิญญาณได้ในระดับหนึ่ง แม้จะแยกแยะระดับไม่ได้แต่ก็พอจะทราบว่าใครมีหรือไม่มีพลังวิญญาณบ้าง
“ถ้างั้นข้าก็ไม่เกรงใจ”หยงเวยว่าพลางยกดาบขึ้น ตัวมันได้ยินชื่อเสียงของหมู่บ้านไผ่เขียวมานานจึงอยากมาขอฝึกฝนวิชาดาบด้วย แถมพลังวิญญาณของอีกฝ่ายยังสูงมากทีเดียวท่าทางมันคงประมาทไม่ได้
ฟุบ….ดาบของหยงเวยฟาดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง แม้จะไม่มีวิชาหวือหวาพิสดาร แต่หยงเวยก็มีทั้งกำลังและพลังมาร แถมด้วยความเร็วของการฝึกฝนพลังมารของหยงเวยยามนี้แทบจะข้ามจากระดับเหรินเซียนไปยังตี้เซียนแล้ว เรียกได้ว่าความไวในการพัฒนาของพลังมารช่างน่ากลัวจริงๆ
“อากกกก”ชายหนุ่มผู้เฝ้าหมู่บ้านไผ่เขียวร้องเสียงดังลั่น ทั้งดาบและมือของมันโดนฟันจนเลือดไหลอาบพื้น ทำเอาคนในหมู่บ้านต่างออกมาดูเหตุการณ์กันถ้วยหน้า
“ผู้บุกรุกก”ชายคนหนึ่งตะโกนหลังจากเห็นหยงเวยถือดาบยืนอยู่ต่อหน้าหน้าสหายของมัน ดาบเปื้อนเลือดคนบาดเจ็บ ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว
“ฆ่ามัน”ชายอีกคนว่าพลางพุ่งตัวเอาดาบเข้ามาฟันใส่ร่างของหยงเวยในทันที
เคร๊ง! ด้วยร่างมารมรกตแม้อีกฝ่าจะใช้อาวุธวิเศษ แต่หากไม่ใช่อาวุธวิเศษระดับดาบราชันศาสตราหรือกระบี่ทัณฑ์สวรรค์คงยากที่จะทำลายร่างกายของหยงเวยได้
“แกมาจากที่ไหนถึงจงใจบุกมาที่หมู่บ้านของพวกเรา”ชายคนหนึ่งตะโกนพลางพุ่งตัวเข้ามาโจมตีอีกคน
เคร๊งๆๆๆ วิชาดาบของสำนักดาบไผ่เขียวยนั้นเป็นที่เลื่องลือ แม้จะไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับสูงในหมู่บ้าน แต่ด้วยวิชาดาบที่น่าหวาดกลัวทำให้หยงเวยเองยังรับดาบของพวกมันไม่ได้ เพียงแต่ดาบของพวกมันก็ทำร้ายหยงเวยไม่ได้เช่นกัน
เคร๊งๆๆๆ ร่างของหยงเวยยืนหยัดท่ามกลางคมดาบนับสิบที่กำลังโถมเข้ามาหาตน แม้จะฟันที่แขน ขา คอ หรือแม้แต่แทงใส่ท้องก็ไม่อาจทำอะไรร่างมารมรกตของหยงเวยได้
“ฆ่ามัน” คนในหมู่บ้านที่พากันเข้าใจผิดต่างพยายามฆ่าหยงเวยให้ได้ แต่หยงเวยที่ยืนนิ่งอยู่ราวกับพระพุทธรูปกลับได้แต่ถอนหายใจ
“พวกท่านใจเย็นๆก่อน”หยงเวยพยายามห้าม แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกมันก็ไม่ยอมฟัง
“พี่ชาย ท่านบอกให้ข้าโจมตีเอง ท่านก็ช่วยข้าอธิบายหน่อยเถอะ”ยามนี้หยงเวยใจเย็นดั่งน้ำ ไม่เหลือหยงเวยเมื่อคราวก่อนเลยแม้แต่น้อย แถมเกราะที่หน้าและทนทานทำให้หยงเวยไม่มีท่าทีหวาดกลัวต่อคมดาบเลย
“แกมันปีศาจ”ชายที่หยงเวยคุยด้วยตอนแรกพยายามเดินออกห่าง เพราะคนธรรมดาไม่มีทางรับดาบด้วยร่างกายเปล่าๆได้ถึงขนาดนี้อย่างแน่นอน
“……”ความจริงหยงเวยก็อยากจะตอบว่าตนไม่ใช่ปีศาจแต่เป็นมารต่างหากเหมือนกัน แต่หากบอกไปแบบนั้นได้มีเรื่องเข้าใจผิดมากกว่านี้แน่ๆ
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”หยงเวยเห็นคนในหมู่บ้านไม่ยอมฟังก็ได้แต่ขอตัว มันหันหลังวิ่งกลับลงไปในหมู่บ้าน แต่คนของหมู่บ้านไผ่เขียวกลับไม่ยอมปล่อยมันไป พวกมันตามลงมาถึงในหมู่บ้าน และพยายามวิ่งจับหยงเวยให้ได้
“ขอโทษนะป้า”หยงเวยขอโทษพลางวิ่งผ่านร้านริมทางไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานร่างของเหล่าศิษย์หมู่บ้านไผ่เขียวก็ทะยานตามร่างของหยงเวยมา แต่เพราะพวกมันโกรธจนขึ้นหน้า อะไรขวางทางก็ไม่สนเหยียบข้าวของที่วางขายจนเละเทะไม่มีชิ้นดี
“ให้ตายเถอะ”หยงเวยถอนหายใจพลางกระโดดออกไปที่หน้าเมือง
“จับมันเอาไว้”คนของหมู่บ้านไผ่เขียวยังพยายามไล่ตามหยงเวยมา แต่เพราะระดับพลังห่างกันเกินไปทำให้ระยะห่างของพวกมันกับหยงเวยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“จับมันไว้…”เสียงตะโกนเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆทำให้หยงเวยเบาใจขึ้นมาก
ฟุบ!! อยู่ๆหยงเวยก็เห็นดาบเล่มหนึ่งตรงเข้ามาโจมตีจากด้านหน้า แต่มันก็ไม่สนใจจะป้องกันนักเพราะถึงอย่างไรดาบธรรมดาก็ทำร้ายมันไม่ได้อยู่แล้ว
ครืดดดด
“อัก…”หยงเวยถอยไปจังหวะหนึ่งหลังจากโดนดาบเล่มกังกร่าวกรีดเข้าเนื้อ ไม่อยากตะเชื่อเลยว่าดาบของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจะฟันผ่านเกราะมรกตของมันเข้ามาได้
“บ้าน่า ทำไมเจ้าไม่ป้องกัน”หยุนฟางถามพลางมองเลือดที่เปื้อนดาบราชันศาสตราของนาง นางกะจะฟันเพื่อหยุดหยงเวยเท่านั้นเลยไม่ได้ใช้คลื่นดาบหรือการฟันที่ซับซ้อนอะไร ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาก็ควรจะยกดาบขึ้นมาป้องกันได้สิ
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”เหล่าคนของหมู่บ้านไผ่เขียวว่าพลางกระโดดลงมายังพื้นด้านหลังของหยงเวย
“เจ้าก่อเรื่องอะไรมา”หยุนฟางถามพลางเอาดาบไปพาดบนไหล่แทน
“ก็แค่เรื่องเข้าใจผิด”หยงเวยว่าพลางหัวเราะจางๆออกมา มันจะอธิบายอย่างไรให้พวกมันเข้าใจดี
“ถ้าเช่นนั้นก็ค่อยคุยกันหลังจากข้าปลดอาวุธเจ้าก่อนก็แล้วกัน”หยุนฟางพูดจบก็ยกดาบขึ้นหมายจะฟันไปที่ดาบมรกตของหยงเวย
เคร๊ง!! ดาบของทั้งสองปะทะกันค้างอยู่พักหนึ่ง แต่ทั้งดาบราชันศาสตราทั้งดาบมรกตต่างแยกจากกันโดยไร้รอยบิ่นใดๆ ทำเอาหยุนฟางงุนงงเป็นอย่างมาก แถมกำลังของอีกฝ่ายยังมากกว่านางเสียอีก เช่นนี้มันเป็นตัวอะไรกันแน่