บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 146 เรื่องเล่า
ตอนที่ 146
เรื่องเล่า
หลังจากฟื้นฟูพลังเสร็จสิ้น ไป๋จูเหวินก็ลองตรวจเชคร่างกายของตนเองดูว่ายังมีอะไรผิดปกติหรือไม่ แต่นอกจากร่างกายจะรักษาตัวเองจนไม่มีผลเสียใดแล้วพลังพื้นฐานของไป๋จูเหวินยังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ปกติการฝืนใช้พลังเกินตัวจะทำให้ชีพจรวิญญาณขยายตัวจนเกิดความเสียหาย แต่สำหรับไป๋จูเหวินกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อชีพจรวิญญาณขยาย พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ก็เร่งรักษาชีพจรวิญญาณในทันที ทำให้ยามนี้ชีพจรวิญญาณของไป๋จูเหวินขยายขึ้นอีกเล็กน้อย
“หงเยว่ พวกเจ้าอยู่ที่นี่เดี๋ยวข้ามา”ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นจากเตียง ร่างกายของไป๋จูเหวินไม่ได้บาดเจ็บก็จริง แต่มันกลับรู้สึกหิวมาก อาจจะเพราะการเร่งใช้พลังอย่างหนักทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานไปจนหมด ทำให้ไป๋จูเหวินหิวราวกับคนปกติ
“เจ้าค่ะ”หงเยว่พยักหน้าพลางมองหลินหลินกับปิงปิงที่นอนอยู่บนเตียง พวกนางหลับไปตั้งแต่ตอนที่ไป๋จูเหวินตรวจสภาพร่างกายแล้ว ไป๋จูเหวินจึงให้หงเยว่อยู่เฝ้า
โรงเตี๊ยมที่หงเยว่พาไป๋จูเหวินมาพักนั้น เป็นโรงเตี๊ยมที่มีห้องอาหารในตัว ทำให้ไป๋จูเหวินไม่ต้องเดินไปไหนไกล เพียงนั่งลงที่โต๊ะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหารเล็กน้อยเท่านั้น
“ฮ้า……”เสียงของชายคนหนึ่งที่พึ่งกระดกเหล้าเข้าไปเสียจนหมดขวดดังขึ้นพร้อมเสียงขวดเหล้าที่กระแทกลงพื้นจนดังสนั่นไปทั้งร้าน
“ข้าจะบอกให้นะ เมื่อไม่นานมานี้ท่านผู้เฒ่าประทับสวรรค์ได้จัดงานชุมนุมลับขึ้น”ชายคนนั้นว่าพลางอ้าแขนทั้งสองข้างออก รอบๆตัวมันมีผู้คนล้อมรอบอยู่หลายสิบคน ท่าทางตั้งใจฟังที่มันพูดไม่น้อย
“งานชุมนุมลับ แล้วเจ้าไปได้ยินมาจากไหนล่ะ”ชายคนหนึ่งถามพลางหัวเราะออกมา
“ข้า..มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้”ชายขี้เมาว่าพลางยกเหล้าอีกไหขึ้นดื่ม ก่อนที่มันจะลุกขึ้นมานั่งบนโต๊ะพร้อมไหเหล้าราวกับอันธพาล
“ข้าจะบอกให้นะ งานชุมนุมครั้งนี้ ต่างรวบรวมยอดฝีมือเอาไว้หลายคน หากเจ้าได้เข้าไปรับรองว่าเจ้าได้เป็นลมแน่นอน”ชายหนุ่มว่าพลางใช้ไหเหล้าชี้ไปทางคนรอบๆ
“เพียงแต่ งานในครั้งนี้ต่างไปจากงานชุมนุมเหล่ายอดฝีมือครั้งอื่นๆ เพราะคราวนี้เป็นการเปิดตัวศิษย์คนใหม่ของท่านผู้เฒ่าประทับสวรรค์”ได้ยินชายขี้เมาพูดเช่นนั้น ไป๋จูเหวินที่ไม่ได้สนใจอะไรก็พลันต้องหันไปมองทันที ท่าทางข่าวของชายขี้เมาจะไม่มั่วเสียทีเดียว
“ไหนเจ้าบอกว่าท่านผู้เฒ่าประทับสวรรค์ไม่รับศิษย์ไง”ลายคนหนึ่งค้านพลางส่งเสียงออกมาพร้อมกลิ่นเหล้า
“ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น ท่านผู้เฒ่าเห็นแววในศิษย์คนใหม่อย่างมากถึงขั้นจัดการประลองยอดฝีมือยุคใหม่ขึ้นมาเพื่ออวดฝีมือศิษย์ของท่านเลยทีเดียว”ชายขี้มาว่าพลางลุกขึ้นยืนบนโต๊ะ แต่เจ้าของร้านกลับไม่มีท่าทีจะห้ามปลาม หรือมันทำเช่นนี้เป็นปกติ?
“แต่อย่างที่ข้าบอก งานชุมนุมครั้งนี้ต่างเชิญยอดฝีมือมาเป็นจำนวนมาก และศิษย์ของพวกท่านต่างก็เป็นยอดคนที่ขัดเกลามาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอู๋หมิงศิษย์ของเซียนกระบี่”พูดชื่ออู๋หมิงออกมา เจ้าขี้เมาก็ทำท่าราวกับกำลังถือกระบี่เอาไว้ในมือ พลางวาดกระบี่ตามที่มันจำได้
“หรือหยุนฟางศิษย์ของเซียนดาบ”พูดจบชายขี้เมาก็วาดมือไปมาราวกับกำลังถือดาบอยู่
“แต่น่าเสียดาย อู๋หมิงศิษย์ของเซียนกระบี่ไม่ได้มาร่วมงานประลองในครั้งนี้”ชายขี้เมาพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆก่อนจะนั่งลงกับโต๊ะอีกครั้ง
“ทำไมมันไม่มากัน หรือว่ามันกลัว”ชายคนหนึ่งถามออกมา
ปึง! ชายขี้เมาตบโต๊ะพล่างเอาไหเหล้าชี้ไปที่ชายผู้เอ่ยปากถาม
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ท่านอู๋หมิงไม่มีวันกลัว”ชายขี้เมาว่าพลางยกไหเหล้าขึ้นดื่ม แต่กระดกไปได้ไม่นานก็พบว่าเหล้าหมดไปแล้ว
“ถ้ามันไม่กลัวทำไมไม่มาล่ะ เห็นเจ้าชื่นชมมันนักหนาไม่ใช่หรือไง”ชายคนเดิมยังคงเถียงต่อ
“น่าเสียดาย ที่ท่านอู๋หมิงออกฝึกฝนวิชาตามลำพังก่อนที่จะได้รับข่าว ภายในงานชุมนุมจึงมีแต่ท่านอาวุโสเทียนหมิงเท่านั้น”ได้ยินเช่นนั้นชายผู้เอ่ยปากถามมก็ยังไม่มีท่าทีจะเชื่อเสียเท่าไหร่
“เช่นนั้นศิษย์ของเซียนดาบก็เป็นผู้แข่งกับศิษย์ของท่านผู้เฒ่าน่ะสิ”ชายอีกคนถามด้วยท่าทีสนอกสนใจ สำหรับพวกมันเรื่องของเหล่ายอดฝีมือต่างเป็นเรื่องเล่ายอดนิยมทีเดียว
“ถูกต้อง หยุนฟางได้ประลองกับเฟยหลงศิษย์ของท่านผู้เฒ่าจริงๆ”ชายขี้เมาว่าพลางยิ้มออกมา
“แต่หยุนฟางกลับพ่ายแพ้ให้ศิษย์ของท่านผู้เฒ่าภายในพริบตาเดียว”ได้ยินเช่นนั้นเหล่าผู้ฟังต่างก็มีสีหน้าตกอกตกใจกันถ้วนหน้า หยุนฟางที่พวกมันเคยได้ยินข่าวมานั้นเก่งกาจไร้คู่เปรียบ เรียกได้ว่ายืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับอู๋หมิงเลยทีเดียว แต่หยุนฟางกลับพ่ายแพ้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ
“เป็นไปไม่ได้ ท่านหยุนฟางจะมาแพ้ง่ายๆได้อย่างไร”ชายคนหนึ่งท้วง
“แน่นอน นางไม่มีทางแพ้ได้ง่ายๆ”ชายขี้เมาว่าพลางหัวเราะออกมาอย่างเบิกบานใจ ข่าวของการประชุมที่มันได้ฟังมาทำเอามันตกอกตกใจเป็นอย่างมาก มันเลยแทบจะทนรอมาเล่าไม่ไหวแล้ว
“แต่ที่นางแพ้เป็นเพราะนางบาดเจ็บสาหัสจากการประลองแพ้ให้กับคนๆหนึ่งมาก่อนหน้านี้ต่างหาก”จมูกของชายขี้เมาราวกับจะยืดออก ในบันดาเหล่ายอดฝีมือรุ่นใหม่ หยุนฟางและอู๋หมิงมีชื่อเสียงนำโด่งมาไกลจากเหล่ายอดฝีมือยุคใหม่คนอื่นๆอย่างมาก เรียกได้ว่าแทบไม่มีอันดับ 3 อยู่เลย แต่วันนี้นอกจากจะได้ทราบว่ายังมีศิษย์ของท่านผู้เฒ่าประทับสวรรค์ที่สามารถเอาชนะหยุนฟางได้ ยังมีอีกคนหนึ่งที่สามารถเอาชนะนางได้อีกงั้นหรือ
“เช่นนั้น เจ้าศิษย์ของท่านผู้เฒ่าก็ชนะไปง่ายเลยงั้นหรือ”ได้ยินที่ชายคนหนึ่งถาม ชายขี้เมาก็ส่ายหัวไปมา
“ผิดแล้ว เพราะแม้แต่ศิษย์ของท่านผู้เฒ่ายังพ่ายแพ้ให้กับม้ามืดคนใหม่ผู้นี้ แถมยังพ่ายแพ้เสียหมดรูปอีกด้วย”ชายขี้เมาว่าพลางเริ่มเล่ารายละเอียดของการต่อสู้ราวกับได้เห็นด้วยตาตนเอง ถึงตอนนี้ไป๋จูเหวินก็หยุดฟังชายขี้เมาไม่ได้เสียแล้ว เพราะมันรู้เรื่องราวละเอียดมากทีเดียว แต่ไป๋จูเหวินเองก็มั่นใจว่ามันไม่เคยเห็นชายขี้เมาคนนี้ที่งานชุมนุมแต่อย่างไร
“ถ้าเช่นนั้นไม่เท่ากับว่ามันชนะเลิศหรืออย่างไร”ชายคนหนึ่งถามออกมา ทำให้ชายขี้เมาพยักหน้าช้าๆ
“ถูกต้อง อยู่ๆมันก็มาแล้วมันก็เอาชนะทุกคน ยามนี้ชื่อของมันกลายเป็นชื่อของยอดฝีมือรุ่นใหม่ที่เก่งกาจที่สุดไปแล้ว”ได้ยินเช่นนั้นเหล่าชายหนุ่มที่พากันนั่งฟังก็พลันตาลุกวาว
“นอกจากนี้….”ชายขี้เมาว่าพลางลุกชูนิ้วชี้ขึ้นมา
“นอกจากมันจะเอาชนะเหล่าศิษย์ของยอดฝีมืออย่างขาดลอยแล้ว แม้แต่ชื่อฝ่ามือไวอันดับ 1 ก็ยังต้องถูกเปลี่ยนตำแหน่ง”ชายขี้เมายิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทีตกใจของเหล่าผู้ฟัง
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าเคยบอกว่าฝ่ามือของท่านผู้เฒ่าว่องไวที่สุดแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร”ชายคนหนึ่งถามด้วยสีหน้าสงสัย
“อย่างที่ข้าบอก ทุกอย่างมีข้อยกเว้น ฝ่ามือของชายผู้นั้นว่องไวกว่าฝ่ามือประทับสวรรค์เสียอีก เกรงว่าแม้แต่ท่านผู้เฒ่าลงมือเองก็ยังช้ากว่ามันเสียอีก”เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีเมื่อชายขี้เมาเล่าออกมา
“พี่ไช่ พี่บอกพวกเราได้แล้วมั้งว่าชายคนนั้นคือใคร อย่าเก็บเอาไว้อีกเลย”ชายคนหนึ่งว่าพลางบอกให้ไช่จินผู้กำลังเล่าเรื่องราวยอมเปิดปากเสียโดยดี
“มันผู้นั้นมีนามว่าไป๋จูเหวิน”ได้ยินชื่อตนเองถูกพูดอกมาไป๋จูเหวินถึงกับเผลอหายใจผิดจังหวะขึ้นมาทันที
“ไป๋จูเหวิน….ชื่อแซ่ไม่คุ้นเลยมันเป็นใครมาจากไหนกัน”ชายคนหนึ่งในกลุ่มถาม
“มันคือศิษย์อกของกลุ่มนักล่าอสูรที่พึ่งได้รับคำเชิญร่วมงานชุมนุมครั้งนี้พอดี”ไช่จินพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ นี้มันทราบเรื่องลึกแค่ไหนกันแน่
“กลุ่มนักล่าอสูร? ไม่ใช่ว่าพวกมันเสื่อมถอยไปแล้วหรือยังไง ทำไมยังสามารถเข้าร่วมงานชุมนุมยอดฝีมือได้”ชายในกลุ่มถามด้วยความสงสัย
“ก่อนงานชุมนุมไม่นาน หวงหลงหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มนักล่าอสูรเลื่อนขึ้นเป็นระดับเทียนเซียนพอดี ทำให้มันได้รับเชิญมาเช่นกัน แต่ใครจะไปคิดว่าศิษย์ของมันจะสามารถเอาชนะเหล่าศิษย์ของยอดฝีมือคนอื่นได้หมด”ไช่จินเล่าด้วยท่าทีดุเดือด เรื่องราวของม้ามืดที่สู้จนชนะทุกทางนับเป็นเรื่องน่าสนใจ ทำเอาเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตั้งใจฟังกันถ้วนหน้า
“ข้าได้ข่าวมาว่าก่อนหน้านี้กลุ่มนักล่าอสูรยิ่งใหญ่มาก ไป๋จูเหวินผู้นี้ยังไม่ได้ใช้วิชาของกกลุ่มนักล่าอสูรเสียด้วยซ้ำยังสามารถเอาชนะได้ง่ายๆ ว่ากันว่าหากมันใช้กระบี่ดาวตกหรือทวนมังกรออกมา มันจะเก่งกาจยิ่งกว่านี้ร้อยเท่าพันทวีเลยทีเดียว”ชายขี้เมาเริ่มตีสีใส่ไข่ทันที ทำเอาไป๋จูเหวินเหงื่อตก
“มันต้องเป็นคนตัวใหญ่มากแน่ๆถึงได้ซัดฝ่ามือเสียศิษย์ของท่านผู้เฒ่ากระเด็นเลย”ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดออกมาทำเอาเหล่าคนฟังพยักหน้ากันอย่างเห็นด้วย
“กลุ่มนักล่าอสูรด้วยสิ มันต้องเป็นชายผู้แข็งแกร่งที่มีกลิ่นอายของอสูรที่คุ้มคลั่งอย่างแน่นอน”ชายอีกคนพากันแต่งแต้มจินตนาการ ไม่ทราบนานเท่าไหร่ไป๋จูเหวินในความคิดของพวกมันก็เป็นจอมพลังที่ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามไปเสียแล้ว แถมยังบอกว่าท่าทางของมันดุร้ายและน่าหวาดกลัวราวกับอสูรคลั่งก็ไม่ปาน
“เจ้าล่ะว่าไง”ไช่จินถามพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน ตัวไช่จินมีพลังวิญญาณในร่างเล็กน้อย ทำให้ทราบว่าไป๋จูเหวินมีพลังวิญญาณ แถมการแต่งกายของไป๋จูเหวินยังรู้ได้ทันทีอีกด้วยว่ามันคือคนของกลุ่มนักล่าอสูร
“ศิษย์เอกของกลุ่มเจ้าเป็นคนเช่นไร ทำไมไม่ลองเล่าให้พวกเราฟังหน่อยล่ะ”ได้ยินไช่จินถาม ไป๋จูเหวินกลับเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ มันเล่าเรื่องราวกับอยู่ในเหตุการณ์ แต่กลับไม่รู้จักหน้าไป๋จูเหวินงั้นหรือ?