บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 149 ความฝันของไช่จิน
ตอนที่ 149
ความฝันของไช่จิน
ตูม!! ฝ่ามือของไป๋จูเหวินกับกรงเล็บเก้าเจาปะทะกันอย่างรุนแรงกลางลานกว้างจนฝุ่นดินโดยรอบฟุ้งกระจายไปทั่ว แม้กระบวนท่าปลดปล่อยมังกรของเก้าเจาจะรุนแรงอย่างมาก แถมพลังวิญญาณของเก้าเจายังมากกว่า แต่ฝ่ายที่ถอยออกไปหลายเก้าเมื่อเจอกับฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกกลับเป็นเก้าเจาเองเสียอย่างนั้น
“ยอดเยี่ยมๆ”เก้าเจาว่าพลางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง หลังจากประลองความเร็วจนพอใจแล้ว เก้าเจาก็ท้าไป๋จูเหวินประลองกำลังกันต่อ เพราะไช่จินไม่สามารถประลองกำลังกับมันได้เลย
“กระบวนท่าของพี่เก้ารุนแรงมากแถมยังปล่อยคลื่นกระทบ 9 ครั้งทำเอาตั้งรับแทบไม่ทันเลย”ไป๋จูเหวินว่าพลางประสานมือด้วยความเคารพ ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกเป็นฝ่ามือที่เน้นปล่อยพลังทำลายออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถผลักอีกฝ่ายออกไปด้วยกำลังมหาศาลได้นานกว่ากระบวนท่าอื่นๆ ส่วนกรงเล็บปลดปล่อยมังกรของเก้าเจานั้นเป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของชุดกรงเล็บคว้าจับมังกรของเก้าเจาแล้ว ทันทีที่กรงเล็บปะทะกับศัตรูมันจะปล่อยพลังออกไป 9 ครั้ง ยิ่งจำนวนครั้งมากกำลังที่ปล่อยออกไปก็ยิ่งมาก แต่น่าเสียดายที่การโจมตีซ้ำ 9 ครั้งไม่ยังนานไม่พอที่จะต้านฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกของไป๋จูเหวินเสียได้
“ไม่ต้องถ่อมตนไป ฝ่ามือของเจ้าต่างหากที่ยอดเยี่ยม มิน่าเล่าถึงซัดศิษย์ของท่านผู้เฒ่าประทับสวรรค์เสียปลิว”เก้าเจาว่าพลางยิ้มออกมา แต่เดิมมันอายุมากแล้วทำให้ไม่ถูกนับเป็นคนรุ่นใหม่ แต่มันก็ไม่คิดว่ามันจะอ่อนด้อยกว่าพวกยอดฝีมือรุ่นใหม่นัก แต่หากพวกเด็กรุ่นใหม่เป็นปีศาจเช่นเดียวกับไป๋จูเหวิน ตัวมันคงได้แต่ยอมรับแล้วว่าคลื่นลูกใหม่ไล่มาที่ด้านหลังของคลื่นลูกเก่าแล้ว
“ยอดเยี่ยม แม้แต่พี่เกายังแพ้”ไช่จินว่าพลางนำตำราเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนของมันพลางจดบันทึกบางอย่างลงไปด้วยสีหน้าสนุกสนาน ไม่ใช่ว่าเจ้าเสียพนันจนหมดตัวแล้วหรอกหรือ ทำไมยังมีแหวนมิติติดตัวได้กัน…
“แบบนี้อันดับของข้าก็ตกอีกแล้วสิ”เก้าเจาว่าพลางส่ายหน้าด้วยท่าทีเสียดาย
“อันดัน? อันดับอะไรหรือขอรับ”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว
“อ๋อ นี่เป็นตารางอันดับยอดฝีมือที่ข้าจัดขึ้นมาเองยังไงล่ะ”ไช่จินว่าพลางยื่นหน้ากระดาษให้ไป๋จูเหวินดู
“แบบนี้นี่เอง”ไป๋จูเหวินพยักหน้าเข้าใจ ตารางอันดับของไช่จินมีรายชื่ออยู่นับพันรายชื่อ โดยจะเขียนอันดับของคนๆนั้นเอาไว้ด้านหน้าชื่อ
“ข้ามีความฝันตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว”ไช่จินว่าพลางเก็บพู่กันเข้าไปในแหวน
“ข้าอยากจะสร้างจัดตารางความสามารถของเหล่ายอดฝีมือให้คนทั่วอาณาจักรได้เห็น”ไช่จินว่าพลางยิ้มกว้าง ไช่จินในตอนนี้อาศัยเรื่องเล่าและการต่อสู่ที่มันได้เห็นกับตาเพื่อจัดอันดับเหล่าจอมยุทธของมันเอง แน่นอนว่านเมืองแห่งนี้ทุกคนรู้อันดับที่ไช่จินจัดขึ้นดี แต่นอกเมืองไปก็ไม่มีใครรู้จัก แถมเอาไปบอกเล่าก็ยังโดนหาว่ามั่วอีกต่างหาก บางเมืองถึงกับรับไม่ได้ เพราะเชื่อมั่นว่าคนในเมืองของมันแข็งแกร่งที่สุดแล้ว
“คนทั้งอาณาจักร….”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองตารางในมือของไช่จิน ตัวไป๋จูเหวินอยู่อันดับ 1125 นับว่าไม่ต่ำและไม่สูง ทั้งนี้อาจจะเพราะไช่จินยังเก็บข้อมูลได้ไม่มากพอ ทำให้จำนวนชาวยุทธที่มันรู้จักมีน้อย ไม่อย่างนั้นอันดับของไป๋จูเหวินคงต่ำกว่านี้ก็ได้
“เช่นนั้นพี่ไช่ก็ทำคนเดียวไม่ได้หรอกนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ นอกจากการกระจ่ายข่าวแล้วการเก็บรวบรวมข้อมูลก็เป็นเรื่องยาก หากข้อมูลไม่ตรงไม่ว่าใครก็คงไม่อ่านอีก
“นั่นล่ะที่ยาก ใครเขาจะมาช่วยข้ากัน”ไช่จินว่าพลางถอนหายใจ
“ทำไมล่ะ ข้าว่าตารางอันดับของเจ้าก็น่าสนใจดี”เก้าเจาว่าพลางตบบ่าไช่จินเบาๆ แม้คนที่เมืองอื่นอาจจะไม่ทราบ แต่คนในเมืองของไช่จินนั้นติดตามเรื่องราวของเหล่าจอมยุทธที่ไช่จินเล่าให้ฟังกันอย่างมาก แถมยังเชื่อตารางอันดับของไช่จินอย่างสนิทใจอีกต่างหาก
“มันไม่ได้เงินน่ะสิ”ไช่จินว่าพลางหัวเราะออกมา
“ถ้าแบบนั้นพี่ไช่ก็ขายตารางที่พี่ทำออกมาสิ”ไป๋จูเหวินเสนอ
“ข้าทำมันออกมาสนุกๆ คงไม่มีใครซื้อหรอก”ไช่จินส่ายหน้า แม้จะเหมือนคนมั่นใจในตัวเองแต่ไช่จินกลับไม่ค่อยมั่นใจในผลงานชิ้นนี้ของตนเองเลย
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก แต่ข้าเห็นคนในโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาสนใจกันมาก ภายในกลุ่มคนพวกนั้นคงมีสักคนที่อยากซื้อแน่ๆ”ไป๋จูเหวินพูดพลางนึกถึงภาพที่มันเจอกับไช่จินก่อนหน้านี้
“แต่ถ้าจะขายทั่วอาณาจักรก็คงต้องใช้ทุนและกำลังคน”ไช่จินว่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา ตัวมันติดพนันไม่น้อยเล่นเสียไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวมันไม่ใช่คนไม่เก็บเงิน ภายในแหวนของมันมีสมบัติที่มันไม่ยอมเอาออกมาพนันอยู่ไม่น้อย แต่เงินเท่านั้นก็ไม่เพียงพอจะขายตำราได้หรอก
“ถ้าเรื่องคนล่ะก็ ทำไมท่านไม่ลองเปิดสำนักดูล่ะ วิชาท่าเท้าของท่านต้องดึงดูดเหล่าลูกศิษย์เยอะแน่ๆ”ได้ยินไป๋จูเหวินพูดเช่นนั้นไช่จินก็ดวงตาเปล่งประกายทันที
“น้องไป๋ เจ้ามันอัจฉริยะ”ไช่จินว่าพลางจับมือไป๋จูเหวินเอาไว้แน่น หากรับคนเข้ามาเป็นศิษย์มันก็ไม่ต้องจ่ายเงินให้พวกมันหากต้องการใช้งานอะไร มันเพียงต้องจัดแจงสิ่งอำนวยความสะดวกและฝึกสอนวิชาให้พวกมันเท่านั้น เมื่อพวกมันได้สิชาท่าเท้าแล้วก็ส่งพวกมันออกไปสืบเสาะเรื่องราวแล้วนำมาตีพิมพ์ตำราอันดับจอมยุทธ ช่างเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เพียงแต่ว่า….
“แต่… ข้าไม่มีเงินเปิดสำนักน่ะสิ แถมวิชาท่าเท้าอย่างเดียวข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีคนอยากมาเรียนหรือเปล่า”ไช่จินถอนหายใจอีกครั้งด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ รู้อย่างนี้มันคงเลิกเล่นพนันแล้วหันมาเก็บเงินเสียดีกว่า
“ไม่ต้องห่วง เรื่องวิชาที่จะสอนข้าจะช่วยเจ้าเอง”เก้าเจาว่าพลางตบบ่าไช่จินด้วยสีหน้ามุ่งมั่น หากได้วิชากรงเล็บคว้าจับมังกรกับท่าเท้าของไช่จินมาสอนในสำนัก ไม่นาสำนักคงยิ่งใหญ่เป็นแน่
“ถ้าเรื่องเงินละก็…”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเปิดมิติของตนออกมา หากเป็นเรื่องเงิน ไป๋จูเหวินเป็นคนเดียวเลยกระมังที่ไร้ปัญหาให้กังวล
“ไม่น้องไป๋ เราใช้เงินเจ้าไม่ได้หรอก”ไช่จินส่ายหน้า พวกมันพึ่งได้เจอไป๋จูเหวินแค่ครึ่งวันเท่านั้น แถมพวกมันก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนักหนา หากเป็นคนอื่นคงคิดว่าไช่จินจะเอาเงินไปเล่นพนันจนหมดก่อนได้ลงมือทำงานแน่ๆ
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่ได้จะให้เงินท่านเฉยๆ”ไป๋จูเหวินว่าพลางกองเหรียญทองนับหมื่นเหรียญเอาไว้ตรงหน้าไช่จินทำเอาทั้งสองอ้าปากค้าง ไช่จินคิดว่าไป๋จูเหวินกระเป๋าหนักเลยขอให้เลี้ยงเหล้า แต่ก็ไม่นึกว่าจะหนักถึงขนาดนี้ หากมันประเมินด้วยสายตา ทองที่กองอยู่ตรงหน้าไช่จินนั้นคงเกือบ 5 หมื่นเหรียญทองเลยทีเดียว
“ข้าอยากจะร่วมลงทุนกับท่าน หลังจากนี้อีกสิบปียี่สิบปี หากตำราอันดับจอมยุทธของท่านขายดี ข้าจะขอส่วนแบ่งจากท่าน 3 ส่วน”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมา ตัวมันขอเพียง 3 ส่วนเพราะตอนนี้มีกันเพียง 3 คน หากแบ่งไป๋จูเหวิน 3 ส่วน เก้าเจา 3 ส่วน และไช่จิน 4 ส่วน ก็คงนับว่าเหมาะสมได้ เพราะไช่จินเป็นผู้คิดงานชิ้นนี้
“ถ้าเช่นนั้น”ไช่จินกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยเงินขนาดนี้มันสามารถย้ายไปเมืองอื่นเพื่อเปิดสำนักได้ ดึงพวกมีพลังวิญญาณเข้ามาและฝึกฝนให้เก่งกาจ…..
“แบบนี้ข้าคงเอาแต่นั่งเล่นพนันไม่ได้แล้วสิ”เก้าเจาว่าพลางมองทองตรงหน้า แต่เดิมมันเล่นพนันเพราะเบื่อไม่มีอะไรทำ แต่หากไช่จินเปิดสำนักมันก็ต้องช่วยงานไช่จินไม่น้อยเลย
“น้องไป๋ ข้าจะรับเอาไว้”ไช่จินว่าพลางนำเงินตรงหน้าเข้าไปในแหวนของมัน ความฝันของมันไม่เคยเป็นรูปเป็นร่างและราวกับเรื่องไร้สาระ แต่มันก็ยังเอาแต่ฟังเรื่องราวและขีดเขียนอันดับที่มันจัดขึ้นเองอยู่ทุกวัน นั่นทำให้มันเชื่อว่าในใจของมันยังอยากทำให้ความฝันเป็นจริงอยู่ ยามนี้มันมีทั้งวิธีการและเงินทุน หากเทพแห่งโชคไม่ได้รังเกียจมันเช่นเดียวกับที่ทำกับลุกเต๋าของมัน งานนี้มันต้องทำได้แน่ๆ
.
.
อีกด้านหนึ่งที่เมืองเล็กๆทางตะวันตกของอาณาจักรอู๋ ร่างของชายหญิงสองคนกำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน ภายในเมืองปีกผีเสื้อแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้นพลังก็ไม่ได้สูงล้ำกันเสียเท่าไหร่ ทำให้ทั้งหยุนฟางและอู๋หมิงที่อยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจของเหล่าชาวเมืองอย่างมาก
“ท่าน ท่านจอมยุทธได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”ขณะอู๋หมิงกำลังเดินอยู่ในเมือง อยู่ๆหญิงชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกตน
“มีอะไรขอรับ”อู๋หมิงถามพลางมองหญิงชราด้วยท่าทีสงสัย ความจริงตลอดทั้งเมืองที่อู๋หมิงและหยุนฟางเดินมามีคนทำท่าจะเข้ามาหาพวกมันหลายครั้งแล้ว แต่เหมือนจะไม่กล้าเลยไม่ได้เข้ามาด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง
“ที่ถ้ำทางทิศเหนือของเมืองมีปีศาจเข้ามาอยู่อาศัยเจ้าค่ะ มันทำให้คนในหมู่บ้านหวาดกลัวอย่างมาก”ได้ยินเช่นนั้นอู๋หมิงก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงง ปีศาจงั้นหรือ หรือว่าจะเป็นอสูร…
“มันเป็นอสูรหรือเปล่ายาย”หยุนฟางถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่จ่ะ มันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่เคลื่อนไหวเร็วมาก แม้แต่คนที่เก่งที่สุดในเมืองยังทำอะไรมันไม่ได้เลย”หญิงชราเล่าด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“แต่มันก็อาจจะเป็นอสูรก็ได้ ท่านยายได้ลองแจ้งนักล่าอสูรไปหรือยัง”อู๋หมิงถาม
“แจ้งไปแล้วจ่ะ แต่ข้ากลัวว่ามันจะลงเขามาทำร้ายคนในเมืองอีก”หยิงชราตอบด้วยท่าทีกังวล เจ้าปีศาจที่ยายว่าแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณในเมืองนี้เสียอีก
“งั้นข้าจะไปดูให้ก่อน ถ้าจัดการได้ข้าจะจัดการให้”อู๋หมิงว่าพลางจับมืออันเหี่ยวย่นของหญิงชราเอาไว้ด้วยท่าทีอ่อนโยน ตัวมันแม้ไม่คิดจะสืบบัลลังก์ แต่มันก็เป็นองค์ชายของอาณาจักร จะมากจะน้อยก็มีความใส่ใจให้แก่ประชาชนเสมอ ทำให้อู๋หมิงอดที่จะเห็นหยิงชราเป็นกังวลแบบนี้ไม่ได้
*กลับมาอยู่บ้านแล้วครับ หลังจากนี้ลงได้วันละตอนตามปกติแล้วครับ