บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 151
ตอนที่ 151
ฟื้นฟู
“ถึงแล้วววว” หลินหลินตะโกนพลางเร่งฝีเท้าเดินด้วยท่าที่ร่าเริง ความจริงภาพแมงมุมขนาดยักษ์ที่เดินอย่างแข็งขัน กําลังจะเข้ามาในเมืองสมควรเป็นภาพน่ากลัว ราวกับหลุดออกมาจากเรื่องเล่าน่าขนลุก แต่สําหรับเมืองร้อยแปดอสูรแล้วกลับกลายเป็นภาพที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
ฟุบ! ขณะไปจูเหวินกําลังกลับเข้าเมืองร้อยแปดอสูร อยู่ๆร่างของอสูรอินทรีตนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว นางคือหัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังทางอากาศของกลุ่มนักล่าอสูรนั่นเอง
“คุณชาย หัวหน้าสั่งให้ข้าเชิญคุณชายให้เข้าไปพบทันทีหลังจากท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” อสูรอินทรีที่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วคุกเข่าอย่างสวยงามอยู่ตรงหน้าไปจูเหวินทําเอารู้สึกประหลาดไม่น้อย ท่าทางไป๋จูเหวินจะเดินทางนานเกิน ไปทําให้หวงหลงเป็นห่วงกระมัง
ฟึบ!!!
“กรีดดด” อยู่ๆใยแมงมุมสายหนึ่งก็พุ่งมาพันร่างของอสูรอินทรีเอาไว้ แถมใยแมงมุมยังผล่อยไอเย็นออกมาจนบริเวณที่ถูกพันเอาไว้เกิดน้ำแข็งเกาะอีกต่างหาก
“ปิงปิง นางไม่ใช่ศัตรู” ไปจูเหวินว่าพลางยิ้มให้แมงมุม สีขาวที่เกาะอยู่บนหัวของหลินหลิน นางพึ่งเกิดไม่นานแต่ขนาดตัวก็ใหญ่พอจะให้คนๆหนึ่งขึ้นไปนั่งได้แล้ว อีกไม่นาน ตัวคงเท่าหลินหลินกับหงเยว่เป็นแน่
“…” ปิงปิงเอียงคอพักหนึ่งก่อนจะปล่อยใยแมงมุมออก อย่างว่าง่าย เพราะเกิดมาอยู่ในระดับหยกอยู่แล้วทําให้นาง แข็งแกร่งกว่าอสูรอินทรีหลายเท่า หากไม่ใช่เพราะไปจูเหวิน ห้ามเอาไว้นางคงจับอสูรอินทรีกินเป็นอาหารแล้วแน่ๆ
“ไม่ได้นะปิงปิง ตั้งแต่นี้ไปเจ้าห้ามโจมตีใครโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกนะ” หงเยวต่อว่าปิงปิงเล็กน้อยทําให้เจ้าแมงมุมสีขาวตัวเท่าสุนัขตัวใหญ่รีบวิ่งไปด้านหลังไปัจูเหวินก่อนจะก ลายร่างเป็นเด็กน้อยโผล่ใบหน้าออกมาจากข้างหลังไปจูเห วินแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก แต่คราวหน้าอย่าโจมตีมั่วชั่วอีกก็พอ”ไป จูเหวินว่าพลางเดินไปหาอสูรอินทรี นางโดนแช่แข็งไป ครู่หนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นอสูรระดับทองอย่างนางก็ไม่ได้อ่อน แอขนาดโดนแช่แข็งครู่เดียวแล้วจะตาย
“แจ้งท่านหัวหน้าด้วยว่าข้าจะไปเข้าพบทันที” ไปจูเหวิน ตอบพลางยื่นมือไปที่ปีกของอสูรอินทรี เพียงสัมผัสแสงสีทองก็ช่วยลดอาการน้ําแข็งกัดของนางลงทันที
“จะ เจ้าค่ะ” อสูรอินทรีตอบรับพลางมองไปัจูเหวินด้วยท่าที่ชื่นชม นางรีบกระพือปีกบินไปยังวังมังกรอย่างรวดเร็วตามที่ไป๋จูเหวินบอก ไม่นานหลินหลินก็เดินผ่านเมืองร้อยแผดอสูรเข้ามายังวังมังกรอย่างรวดเร็วแทบจะทันที่ที่อสรอินทรีกลับไปรายงานเลยเสียด้วยซ้ํา
“ท่านหัวหน้า” ไป๋จูประสานมือเคารพหวงหลงก่อนจะเดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับเหล่าอสูรของตน แน่นอนว่าเหล่าอาวุโสต่างสังเกตเห็นว่าไปจูเหวินมอสูรเพิ่มขึ้นมา 1 ตัว แถมยังเป็นอสูรระดับหยกอีกต่างหาก ทําเอาเหล่าอาวุโสต่างมีความชื่นชมไป๋จูเหวินมากขึ้นไปอีก
ต้องทราบว่ากลุ่มนักล่าอสูรไม่ได้ใช้กําลังของอสูรเป็นหลัก อสุรที่แข็งแกร่งจริงๆนั้นนอกจาก 4 อสุรของหัวหน้ากลุ่มแล้วแทบจะนับตัวได้ แถมพวกมันส่วนใหญ่ยังมุ่งเน้น ไปที่การฆ่าอสูรมากกว่าอสูรที่พวกมันเลี้ยงส่วนใหญ่จึงมีเพียงเพื่อใช้งานเท่านั้น
“เจ้าเดินทางไปนานทีเดียว เจ้าไปที่ไหนมากัน” หวงหลงถามด้วยท่าที่องอาจเช่นเดิม แม้มันจะไม่ได้ห้ามไปจูเหวินไปไหนมาไหน แต่มันก็มีสิทธิ์ที่จะถามว่าไปัจูเหวินไปไหนมา
“เรียนท่านหัวหน้า ข้าไปยังเขตอสูรสวนเบญจมาศมาขอรับ” ไปจูเหวินตอบตามตรง เพราะมันไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว
“เขตอสูรสวนเบญจมาศ…” ไม่ใช่แค่หวงหลง ทั้งรองหัวหน้าและเหล่าอาวุโสต่างก็มีท่าที่ตกตะลึงกันอย่างมาก เพ ราะทุกคนทราบดีว่าหัวหน้าคนก่อนบิดาของหวงหลงพาเห ล่าอาวุโสรุ่นก่อนไปทิ้งชีวิตที่นั่นทั้งๆที่มันไม่ควรจะมีอะไรแท้ๆ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอันตราย” หวงหลงว่าพลางทุบพนักเก้าอี้เสียงดังปัง
“ข้าทราบขอรับ” ไป๋จูเหวินตอบพลางคุกเข่าลงกับพื้น
“โชคดีที่เจ้ายังรอดมาได้ แล้วเจ้าพบอะไรบ้าง” หวงหลงถอนหายใจพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน แน่นอนว่าคราวนี้แม้แต่ไปจูเหวินเองก็ต้องตระหนักว่ามันทําอะไรไม่คิดจริงๆ มันเชื่อมั่นในความสามารถของพลังดึงดูดใจอสุรของมันมากเกินไป มันไม่เคยแม้แต่จะสงสัยอะไรในตัวอสูรเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่อสูรตะขาบที่มันเจอในสวนเบญจมาศกลับตั้งใจจะจับมัน เอาไว้ให้มันอยู่กับนางที่นั่นตลอดไป ทําเอาไปจูเหวินต้องรีบหนีมาก่อนจะกลายเป็นนกในกรง
“เขตอสูรสวนเบญจมาศนั้น ไม่ได้มีอันตรายที่ผืนดินขอรับ”ไปจูเหวินว่าพลางรายงานข้อมูลของเขตอสูรที่อยู่ใต้ดินให้หวงหลงและเหล่าอาวุโสฟัง
“มิน่าล่ะ” หวงหลงว่าพลางกําหมัดแน่น การที่บิดาของมันเสียท่าคงเป็นเพราะความประมาท แต่มันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าอสูรระดับอสูรตะขาบจะสามารถจัดการผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณของกลุ่มนักล่าอสูรได้ง่ายๆ
“ข้าได้เข้าไปภายในรังของอสูรตะขาบ และได้พบกับกระดูกของกลุ่มนักล่าอสูรเข้าไปจูเหวินว่าพลางเรียกโกศที่ใช้ธาตุดินสร้างขึ้นมาอย่างหยาบๆออกมา ตอนอยู่ในรังของ อสูรตะขาบไปัจูเหวินรวบรวมโครงกระดูกที่มีพลังวิญญาณติดเอาไว้มาด้วย เพราะอย่างน้อยมนุษย์ในอาณาจักรอู๋ก็มีการไหว้บรรพบุรุษกัน
“นี่มัน” หวงหลงถึงกับอึ้งเมื่อเห็นโกศตรงหน้า เพราะข่าวร้ายที่มันได้รับว่าบิดาและเหล่าอาวุโสหายเข้าไปในเขตอสูรสวนเบญจมาศ ทําให้หวงหลงไม่กล้าที่จะส่งลูกน้องหรือเข้าไปด้วยตนเอง ยิ่งเรื่องที่จะลงไปตามเก็บกระดูกจากรังของอสูรตะขาบยิ่งเป็นไปไม่ได้
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นกระดูกของพวกท่าน” รองหัวหน้าคนหนึ่งถามออกมา
“ข้าได้พบพลังวิญญาณตกค้างบนกระดูกเหล่านี้ และตรวจสอบของที่อยู่ในมิติของกระดูกเหล่านี้ขอรับ ” ไป๋จูเหวินตอบพลางก้มหน้าลง
“ตรวจสอบของในมิติ?” รองหัวหน้าอีกคนขมวดคิ้ว วิชาดังกล่าวเป็นวิชามิติขั้นสูง แม้ทุกคนจะสามารถเปิดมิติของตนได้เมื่อฝึกฝนถึงระดับหนึ่ง แต่การแทรกแซงมิติของคนอื่นนั้นเป็นเรื่องยากมาก ในอาณาจักรอู๋นี้คงมีไม่กี่คนที่ทําได้
“ขอรับ” ไป๋จูเหวินว่าพลางนําของที่ตนเอาออกมาจา มิติของโครงกระดูกมาวางตรงหน้าช้าๆ ไม่ว่าจะเป็นตําราของกลุ่มนักล่าอสูร สร้อยคอที่มันหามาได้ ยาสมุนไพร อาวุธ รวมถึงของมีค่าและของใช้ส่วนตัวของเหล่าอาวุโสคนต่างๆ
“อาจารย์” อาวุโสคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นก่อนจะตรงมาที่หน้าไป๋จูเหวิน มันคืออาวุโส 5 นั่นเอง
“เชิญขอรับ” ไป๋จูเหวินเห็นดวงตาของอาวุโส 5 ก็เข้าใจ ทันที มันมองไปที่พู่กันที่ทําจากนิลสีดําไม่วางตา ท่าทางฟูกันเล่มนี้จะเป็นของอาวุโส 5 คนก่อน
“เป็นของอาจารย์ไม่ผิดแน่” อาวุโส 5 ว่าพลางประคองพู่กันขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา
“นี่มัน ของท่านพ่อ” อาวุโส 3 ว่าพลางเดินเข้ามาดูในกองสมบัติอย่างตื่นตระหนก ของทั้งหมดนี้เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่า ไป๋จูเหวินเดินทางเข้ายังเขตอสูรสวนเบญจมาศจริงๆ แถมยังใช้วิชาแทรกแซงมิติผู้อื่นได้จริงๆและนั่นก็หมายความว่า ภายในโกศนั้นคือกระดูกของเหล่านักล่าอสูรรุ่นก่อนจริงๆ
“ท่านหัวหน้า” ไป๋จูเหวินว่าพลางเรียกเอาห่อผ้าห่อหนึ่งออกมา สิ่งนี้มันเก็บเอาไว้แยกออกมาจากของชิ้นอื่นๆ นอกจากสร้อยคอของหัวหน้ารุ่นก่อนแล้วยังมีของทั้งหมดใน มิติของท่าน ซึ่งรวมถึงวิชาทวนมังกรและกระบี่ดาวตกด้วย
“……”ยามเห็นไป๋จูเหวินนำของที่เคยเป็นของบิดามายื่นให้ตรงหน้า ใบหน้าของหวงหลงก็แสดงอารมอ่อนไหวออกมาให้เห็น
“ไม่ผิดแน่ นี่คือของๆท่านพ่อ” หวงหลงพูดด้วยสีหน้า อ่อนโยนอย่างที่ไป๋จูเหวินไม่เคยเห็นมาก่อน
หวงหลงเอื้อมมือไปรับห่อผ้าของไป๋จูเหวินมาช้าๆ พลางเลือกหยิบสร้อยคอของบิดาออกมา สร้อยคอของกลุ่มนักล่า อสูรนั้นเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกหน่วยที่สังกัด ทําให้สร้อยคอของหัวหน้ากลุ่มดูหรูหราอลังการเป็นพิเศษ เพียงแต่สร้อยคอของหัวหน้ารุ่นก่อนนั้นทําจากของมีค่าจากร่างกายของ อสูรระดับสูง ทําให้ไม่สามารถทําลอกเลียนแบบของเดิมขึ้นมาได้ สร้อยคอที่หวงหลงสวมอยู่ตอนนี้จึงมีรูปร่างไม่เหมือนกับของบิดาเสียทีเดียว
แกร๊ก.. หวงหลงถอดสร้อยคอของตนออกมาพลางนำสร้อยคอของบิดามาสวมคอ ใบหน้าของมันยามนี้อบอุ่นราวกับมันได้พบบิดาอีกครั้ง แม้ท่านจะทําผิดพลาดที่เลี้ยงดูหวงหลงมาไม่เข้มงวด ทําให้มันอ่อนแอเช่นนี้ แต่ความอบอุ่นที่มันให้บุตรชายนั้นไม่ใช่เรื่องผิดเลย
“จริงสิ เจ้าไม่ใช่คนของหน่วย 7 แล้วนี่นา” หวงหลงว่าพลางยื่นสร้อยคอที่มันสวมก่อนหน้านี้ให้กับไป๋จูเหวิน
“ขอบพระคุณขอรับ” ไป๋จูเหวินก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะรับสร้อยคอของหวงหลงมาอย่างเต็มใจ
“ไม่..ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า” หวงหลงว่าพลางมองตําราหอกมังกรกับกระบี่ดาวตกในห่อผ้า นอกจากนี้วิชาของเหล่าอาวุโสต่างก็ได้กลับมาจนครบถ้วน นับว่าคราวนี้ ไปจู๋เหวินสร้างความดีความชอบให้กลุ่มนักล่าอสูรอย่างมากจริงๆ
“ไป๋จูเหวิน ตําราพวกนี้เจ้าจะมอบมันให้พวกเราได้หรือไม่” รองหัวหน้าคนหนึ่งถามพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน
“ขอรับ ข้าคิดจะทําเช่นนั้นอยู่แล้ว” ไปจูเหวินตอบ พลางยิ้มออกมา
“ขอบใจเจ้ามาก” อาวุโส 1 ว่าพลางเดินมาหยิบตําราที่ ไป๋จูเหวินวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ วิชาพวกนี้สืบทอดกันในสายของอาวุโสแต่ละหน่วย นอกจากวิชาของหัวหน้าแล้ววิ ชาของเหล่าอาวุโสเองก็สําคัญไม่แพ้กัน ทําให้เหล่าอาวุโสต่างออกมารับตํารากันถ้วนหน้า
“…..” จนกระทั่งคนอื่นๆต่างหยิบตําราไปแล้วบนพื้นเบื้องหน้าบัลลังก์กลับยังมีตํารา 2 เล่มวางเอาไว้ที่เดิมโดยไม่มีใครคิดจะหยิบไปไหน
“ท่านอาวุโส 2” ไป๋จูเหวินพูดเสียงเบา พลางมองไปยังที่นั่งของอาวุโส 2
“ขอรับ” อาวุโสสองตอบเสียงเบา ก่อนหน้านี้มันมีเรื่องบาดหมางกับหวงหลง ทั้งยังประลองแพ้ไป๋จูเหวินอีกต่างหาก การที่มันยังนั่งอยู่ตรงนี้ได้ก็เพียงเพราะหวงหลงยังไม่ได้ลงโทษมันเท่านั้น
“นั่นเป็นตําราของบิดาท่าน..ท่านรับมันไปเถอะ” ไป๋จูเหวินว่าพลางผายมือไปที่ตําราของหน่วย 2
“…..”อาวุโส 2 อึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะมองไปจูเหวินด้วยดวงตารื่นน้ำ มันดีใจมากที่ได้เห็นของๆบิดาอีกครั้ง ราวกับบิดาของมันได้กลับมาบ้านก็ไม่ปาน แต่มันทําเรื่องแย่ๆกับหวงหลงและไป๋จูเหวินลงไป จะให้มันรับมาได้อย่างไร
“รับมันเอาไว้ซะ พวกเราต่างอยู่ในสถานะเดียวกัน” หวงหลงว่าพลางมองไปทางอาวุโส 2 ที่หลายวันมานี้แทบจะไม่ได้สบตาหรือพูดคุยกันเลย หวงหลงเข้าใจว่ามัน ผิดใจกับอาวุโส 2 เรื่องการหมั้นหมาย ทําให้หวงหลงที่ไม่ได้น่าเกรงขามอย่างบิดาถูกอาวุโส 2 มองข้าม แต่หากหลังจากนี้มันทําตัวให้เหมาะสมกับตําแหน่งหัวหน้ามากกว่านี้มันอาจจะกลับมาจงรักพักดีก็ได้ แถมคนที่นําของเหล่านี้กลับมา ไม่ใช่ตัวมันแต่เป็นไป๋จูเหวิน ในเมื่อไปจูเหวินบอกว่าจะคืนมันก็ไม่อาจห้ามได้
….อาวุโส 2 ไม่ได้พูดอะไร มันเพียงเดินไปที่กองของที่วางอยู่บนพื้น ก่อนจะเก็บทั้งของๆบิดาและของๆหน่วย 2 กลับไป
“ขอบคุณ” อาวุโส 2 พูดพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน ยามนี้ดวงตาหมองหม่นของอาวุโส 2 หายไปจนหมดสิ้น สายตาที่มันมองไป๋จูเหวินตอนเอ่ยคําขอบคุณนั้นเต็มไปด้วยความนับถือและเชื่อมั่น อย่างที่มันไม่เคยมีมานานมากแล้ว