บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 152 รับงาน
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 152 รับงาน
“พวกเจ้ารับไปคนละเล่มก็แล้วกัน” หวงหลงว่าพลางยื่นตําราฉบับคัดลอกของวิชาทวนมังกร และกระบีดาวตกให้รองหัวหน้าทั้งซ้ายและขวาคนละ 1 เล่ม เพราะแต่เดิมรองหัวหน้าจะเรียนวิชายู่แล้วป้องกันการสูญหายยกเว้นจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างของหัวหน้าคนก่อนเท่านั้น
“ส่วนเล่มนี้ให้พวกเจ้า” หวงหลงว่าพลางนำตำราคัดลอกของวิชาทวนมังกรมอบให้กับไปจูเหวินและกระบี่ดาวตกให้กับเหม่ยหลินผู้เป็นบุตรสาว ส่วนตัวมันนั้นเก็บเอาตําราฉบับจริงเอาไว้และตั้งใจจะฝึกทั้งสองวิชา
“ท่านพ่อ ท่านเองก็จะเก็บตัวฝึกวิชาด้วยเหรอเจ้าคะ” เหม่ยหลินถามพลางมองบิดาของนางตาโต นางไม่เคยเห็นบิดามีท่าที่อ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน
“ใช่ วิชาของเราพึ่งได้กลับคืนมา ข้าอยากจะรีบฝึกฝนให้ไวที่สุด” หวงหลงตอบพลางมองตําราในมือของมัน
“ใช่แล้ว ในที่สุดหนทางการฟื้นฟูกลุ่มนักล่าอสูรก็กลับมาแล้ว พวกเราจะรีรอไม่ได้” รองหัวหน้าฝั่งว้ายว่าพลางยิ้มกว้าง
“ขะ ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบรับเสียงเบา แต่เพราะเห็นพวกท่านดีใจกันมากมันเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร
“เรื่องกลุ่มนักล่าอสูรตอนที่ข้าไม่อยู่ก็ฝากพวกเจ้าด้วยแล้วกัน” หวงหลงว่าพลางตบบ่าไปจูเหวินเบาๆ ไม่นานทั้งหัวหน้ากลุ่มอย่างหวงหลงและเหล่ารองหัวหน้าก็พากันเข้าไปในที่เก็บตัวของตนเองเพื่อฝึกฝนวิชาที่พึ่งได้กลับมา แม้ไป๋จูเหวินจะอยากท้วงแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะหากหวงหลงฝึกวิชาสําเร็จ อํานาจและชื่อเสียงของกลุ่มนักล่าอสูรก็อยู่ไม่ไกลแล้ว เพียงแต่….
“ท่านอาวุโส 7”ไป๋จูเหวินว่าพลางหันมามองอาวุโส 7 ที่ยังนั่งอยู่ในห้องประชุม
“มีอะไร” อาวุโส 7 ถามพลางเลิกคิ้วสงสัย
“แล้วอาวุโสท่านอื่นๆละขอรับ”ไป๋จูเหวินปาดเหงื่อเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เช้าที่หวงหลง เรียกตนกับเหม่ยหลินมา ตัวไป๋จูเหวินก็ไม่เห็นอาวุโสคนอื่นเลยนอกจากอาวุโส 7
“ท่านอาวุโส 1 เก็บตัวฝึกวิชา ท่านอาวุโส 2 เก็บตัวฝึกวิชา ท่านอาวุโส 3 ก็นะ คงไม่ต้องให้ข้าพูดแล้ว ทุกคนเก็บตัวฝึกวิชากันหมด” อาวุโส 7 ตอบพลางส่ายหน้าเบาๆ
“นั่นสินะ…”ไป๋จูเหวินถอนหายใจพลางมองไปในห้องประชุมที่แสนจะว่างเปล่า แบบนี้มันจะกลายเป็นผลเสียมากกว่าหรือเปล่านะ
“แล้วทําไมท่านอาวุโส 7 ถึงไม่เก็บตัวฝึกฝนวิชาด้วยละเจ้าคะ”เหม่ยหลินถามอย่างสงสัย เพราะวิชาของอาวุโส 7 รุ่นก่อนก็ได้กลับมาเช่นเดียวกัน
“ข้าขี้เกียจ”อาวุโส 7 ตอบพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะ จะว่านิสัยของนางเป็นแบบนี้อยู่แล้วก็คงได้กระมัง
“ท่านอาวุโส..” หวงหลงจากไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อยู่ๆชายในเครื่องแบบของกลุ่มนักล่าอสูรผู้สวมสร้อยคอของหน่วย 10 ก็ปรากฏกายที่ห้องประชุมด้วยท่าที่ร้อนรน
“อะ อ่าว…. ท่านอาวุโสละ” ชายคนนั้นว่าพลางมองไปรอบๆ ห้องประชุมที่แต่เดิมคับคั่งไปด้วยเหล่าอาวุโสกลับเหลือเพียง 3 คนเท่านั้น แถมอาวุโสยังมีคนเดียวอีกต่างหาก
“ท่านอาวุโส 7 เห็นท่านอาวุโส 10 หรือเปล่าขอรับ”ชายคนนั้นถามพลางเดินเข้ามาหาอาวุโส
“เฮ้อ ท่านอาวุโส 10 เก็บตัวฝึกฝนวิชา เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ” อาวุโส 7 ว่าพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายท่าทางจะมีคนมาถามนางหลายต่อหลายรอบแล้วกระมัง
“การประชุมของหน่วย 10 จะเริ่มแล้วขอรับ หากท่านอาวุโสไม่ไปก็ไม่มีใครมีอำนาจตัดสินใจนะสิขอรับ” ชายคนนั้นพูดด้วยท่าที่ร้อนรน
“ช่วยไม่ได้หรอกนะ ที่นี่มีข้าเป็นอาวุโสอยู่คนเดียว” อาวุโส 7 ส่ายหน้า จะให้นางไปคุยเรื่องการค้าก็คงไม่ได้นี่นา
“ไม่เป็นไรขอรับ จะเป็นท่านอาวุโส 7 ก็ได้”ชายคนนั้นตอบด้วยท่าที่ร้อนรน อย่างน้อยมันก็ต้องการผู้มีอํานาจเข้าไปรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในงานประชุมก็ยังดี
“ข้าไม่ไปหรอก จริงสิให้นายน้อยไปดีกว่า” อาวุโส 7 ส่ายหน้าก่อนจะชี้ไปทางไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว
“นายน้อย?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วอย่างงุนงง ไม่ใช่ว่านั่นเป็นสิ่งที่พวกอสูรในเขตอสูรใช้เรียกมันหรอกหรือ
“จะเป็นนายน้อยหรือคุณหนูก็ได้ขอรับ การประชุมครั้งนี้สําคัญมากจริงๆ” ชายคนนั้นว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวินด้วยแววตาหมองหม่น หากมันตามอาวุโสหรือใครไปด้วยไม่ได้มีหวังมันได้โดนลงโทษเป็นแน่ แถมพวกอาวุโสคนอื่นๆยังพากันเก็บตัวฝึกวิชาอีกต่างหาก ทําเอาหน่วยต่างๆ เกิดปัญหาเต็มไปหมด
“ก็ได้ข้าจะไปเอง”ไป๋จูเหวินถอนหายใจออกมา นี่มันเหมือนกับตอนที่อู๋เทียนเหวินเดินทางมาในฐานะองค์ชาย 4 เลยนี่น่า อาวุโส 7 ท่านช่างโยนงานเก่งยิ่งนัก
“ขอบพระคุรขอรับ เชิญทางนี้ขอรับนายน้อย” ชายคนนั้นว่าพลางพาไป๋จูเหวินเดินทางไปยังหน่วยที่ 10 อย่างเร่งด่วน แต่เห็นว่าเป็นการประชุมของหน่วย 10 ไป๋จูเหวินเลยเรียกให้หงเยว่ตามมาด้วย เพราะนางเป็นคนรู้จักกลุ่มนักล่าอสูรดีที่สุด
“โอ้ นายน้อยเชิญขอรับ” ตําแหน่งของไป๋จูเหวินกลายเป็นนายน้อยแห่งกลุ่มนักล่าอสูรไปตั้งแต่เมื่อไหรไม่ทราบ แต่ฐานะศิษย์เอกของหวงหลงนั้นเป็นที่รู้กันมานานแล้ว ยิ่งยามนี้ทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าต่างไม่อยู่ อํานาจตัดสินใจจึงตกเป็นของอาวุโส แน่นอนว่าอาวุโส 7 ไม่คิดจะแบกรับหน้าที่นี้ไป๋จูเหวินจึงกลายเป็นคนที่ต้อง มาทําหน้าที่แทนเสียไม่ได้
“ได้ข่าวว่าท่านมีการประชุม ให้ข้าร่วมด้วยจะดีหรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางผู้ช่วยของอาวุโสหน่วย 10 ซึ่งมันเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ขอรับ เป็นนายน้อยก็ไม่มีปัญหาขอรับ” ผู้ช่วยว่าพลางก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม ตอนนี้ตําแหน่งของไป๋จูเหวินเทียบเท่ากับเหล่าอาวุโส ไม่มีใครกล้าคัดค้านอํานาจของมันแต่อย่างไร แถมเรื่องที่มันช่วยเคลียแก่นอสูรออกจากคลังและช่วยหาหินวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์มาให้ยังคงเป็นบุญคุณกับหน่วย 10 จนถึงตอนนี้
“ถ้าเช่นนั้น ก็เริ่มประชุมกันได้” ผู้ช่วยอาวุโสว่าพลางเริ่มเปิดประชุมอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ช่วยอาวุโส และ รองอาวุโสทําหน้าที่แจกแจงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยปัญหาใหญ่ๆของหน่วย 10 หรือก็คือปัญหาทางด้านการเงินของกลุ่มนักล่าอสูรนั้นเกิดจากการค้าขายกับต่างแดนไม่ค่อยประสบความสําเร็จนัก แถมสมาคมแพทย์ยังกดราคาสมุนไพรลงอีกต่างหาก ทําให้การขายสมุนไพรหายากจากแหล่งอสูรสร้างกําไรได้ไม่มากเท่าที่ควร
นอกจากนี้ปัญหาเรื่องคุณภาพของสมุนไพรยังเป็นปัญหาใหญ่อีกด้วยเพราะกลุ่มล่าที่ออกทํางานภาคสนามนั้นต่างเป็นพวกบ้าพลังบ้าการต่อสู้ทั้งสิ้น พวกมันแทบทั้งหมดไม่มีความรู้ด้านการเก็บเกี่ยวสมุนไพรเลย ทําให้สมุนไพรหายากที่เก็บเกี่ยวมานั้นเสียหายบอบช้ำไม่มากก็น้อย
“นั่นก็เพราะการล่าอสูรมันได้แต่แก่นอสูรนั่นละนะ กําไรของพวกเราเลยหดน้อยลง” ชายคนหนึ่งว่าพลางถอนหายใจออกมา
“นั่นสิ คราวก่อนก็มีแต่แก่นอสูรจนจะล้นคลังอยู่แล้ว ฆ่าอสูรแต่ละครั้งนานๆถึงจะมีเขี้ยวเล็บของพวกมันให้นําไปใช้งานบ้าง”เหล่าพ่อค้าต่างเริ่มบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะกลุ่มนักล่าอสูรประกอบอาชีพหลักเป็นการล่าอสูร ทําให้อัตราการเพาะปลูกของเมืองมีต่ำกว่าเมืองอื่นๆมาก แถมคนเกือบทั้งเมืองยังต้องเดินทางตลอดทําให้การกักตุนเสบียงค่อนข้างมีปัญหา กล่าวง่ายๆคือกลุ่มนักล่าอสูรนั้นต้องใช้เงินค่าจ้างในการซื้ออาหารมาใช้ในเมืองเป็นจํานวนมาก ทั้งใช้เพื่อเลี้ยงคนในเมืองและใช้เพื่อเป็นเสบียงสําหรับกลุ่มนักล่าอสูรที่ออกไปทําภารกิจนั้นเอง
“พวกท่านไม่ได้ตัดชิ้นส่วนพวกมันออกมาก่อนที่จะฆ่างั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางกระพริบตาถี่ๆ คนพวกนี้พูดราวกับฆ่าอสูรเพื่อเอาวัตถุดิบกันไม่เป็นเสียอย่างนั้น
“หมายความว่าอย่างไรขอรับนายน้อย” ผู้ช่วยอาวุโสเบิกตากว้างพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน
“พวกท่านไม่ทราบหรือ หากท่านอยากได้วัตถุดิบจากร่างของอสูร พวกท่านจําเป็นต้องตัดแยกชิ้นส่วนพวกมันตอนมันยังมีชีวิต ไม่อย่างนั้นมันจะสลายหายไปพร้อมๆกับร่างของอสูร”ไป๋จูเหวินตอบด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ทั้งๆที่ออกจะเป็นเรื่องโหดร้ายแท้ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอกเพราะในเขตอสูรพวกท่านน้าล่าเนื้ออสูรมาทําอาหารให้มันกินแถมยังใช้วัสดุจากเหล่าอสูรมาทําทั้งเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้อีกต่างหาก อย่างการล่าเนื้อพวกท่านน้าจะตัดขาหรือส่วนที่ต้องการออกมาก่อนค่อยฆ่าอสูรพวกนั้นซะ
“เรื่องนั้น” เหล่าพ่อค้าแห่งหน่วย 10 ต่างอําอึ้งไปตามๆกัน แม้อสูรจะน่ากลัวแต่ก็ต้องยอมรับว่าเหล่าอสูรบางตัวก็มีความสวยงามไม่น้อย ทั้งขนหรือเกล็ดของมันต่างท่าทางขายได้ราคา ทําให้พวกมันเสียดายมาตลอดว่าไม่สามารถเอาของพวกนั้นมาทำกําไรได้ ในการฆ่าอสูรแต่ละครั้ง
“นอกจากนี้พวกท่านยังสามารถเลี้ยงอสูรบางชนิดเพื่อหากําไรจากพวกมันได้ อย่างเช่นแกะทองคํา มังกรดินระดับต่ำหรือเต่าดินระดับต่ำก็ใช้งานได้ จริงสิพวกแมงมุมเองก็ดีนะ”ไป๋จเหวินตอบด้วยท่าที่ยิ้มแย้มราวกับเรื่องที่มันบอกเป็นเรื่องปกติสามัญที่คนธรรมดาทํากัน แต่เดิมกลุ่มนักล่าอสูรมีการเลี้ยงอสูรเพื่อนําไปขายอยู่แล้ว แต่ก็จํากัดแต่เหล่าอสูรที่สามารถใช้ลากรถได้หรือใช้บินได้ น่าเสียดายที่คนธรรมดาไม่ค่อยกล้านำอสูรมาใช้งานเท่าไหร่ การขายอสูรเหล่านี้จึงเป็นเรื่องค่อนข้างเฉพาะทางที่เดียว
“มังกรดินกับเต่าดิน.. พวกมันทําอะไรได้หรือขอรับ” ชายคนหนึ่งถามด้วยความอยากรู้ การเลี้ยงแกะทองคําเอาไว้ตัดขนนั้นยังพอเข้าใจ แต่มังกรดิน เต่าดิน และ แมงมุม ไป๋จูเหวินจะใช้พวกมันทําอะไร
“ถึงเนื้อของอสูรจะกินไม่ได้ทําให้การเลี้ยงวัวหรือแพะเพื่อรีดนมเป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่เราสามารถปลูกพืชผักบนหลังของมังกรดินและเต่าดินได้ ดินบนหลังของพวกมันได้รับพลังจากตัวมันเองทําให้พืชผลงอกงามกว่าผืนดินธรรมดาหลายเท่า แม้จะช่วยได้ไม่มากแต่ก็น่าจะทําให้ผลผลิตดีขึ้น ส่วนแมงมุมนั้น…”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางหงเยว่
“เจ้าค่ะ” หงเยว่ตอบราวกับรู้ใจเจ้านายของนางอยู่แล้ว นางค่อยๆปล่อยใยแมงมุมออกมาจากปลายนิ้วช้าๆ พลางม้วนมันจนเป็นลูกบอลไหมพรม
“พวกท่านอาจะไม่ทราบ แต่ใยแมงมุมของเหล่าแมงมุมไม่ได้เหนียวไปหมด แมงมุมสามารถสร้างใยแมงมุมอีกชนิดได้ โดยที่เส้นใยพวกนี้มีคุณสมบัติเหมือนผ้าไหม และแข็งแรงกว่า อย่างเสื้อที่ข้าใส่อยู่ด้านในเองที่ทําจากใยแมงมุมเช่นกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางเปิดเสื้อตัวเองเล็กน้อย ให้เห็นเสื่อที่ทําจากใยแมงมุมของมารดามัน
“เรื่องเช่นนี้”เหล่าคนของหน่วย 10 นิ่งค้างไปพักหนึ่งด้วยท่าที่ตกตะลึง
“แล้วหากเป็นอสูรตัวหนอนล่ะขอรับ เราสามารถนํารังไหมของมันมาทําเส้นด้ายเหมือนตัวไหมปกติได้หรือไม่” รองอาวุโสถามด้วยท่าที่ตื่นเต้น
“หากเป็นพันธุ์ที่ไม่มีพิษก็น่าจะได้นะ”ไป๋จูเหวินยิ้มอย่างพึงพอใจในหัวคิดของเหล่าพ่อค้าเหล่านี้ เรื่องการนำวัตถุดิบจากอสูรและการเลี้ยงอสูรเช่นนี้สร้างความสนใจให้กับเหล่าพ่อค้าเป็นอย่างมาก ถึงกับเกิดเสียงอื้ออึงอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว
“ท่านผู้ช่วย”ไป๋จูเหวินเห็นทั้งห้องกําลังถกเถียงกันอย่างออกรสเลยไม่อยากขัด มันเลยเรียกผู้ช่วยของอาวุโสออกมาคนเดียว
“ขอรับนายน้อย” ผู้ช่วยอาวุโสว่าพลางนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋จูเหวิน
“เรื่องสมาคมแพทย์ พวกมันซื้อสมุนไพรของเราไปเพื่อปรุงยาอย่างนั้นหรือได้ยินคําถามของไป๋จูเหวิน สีหน้าของผู้ช่วยอาวุโสก็ห่อเหี่ยวลงทันที
“ขอรับ พวกมันครองสูตรยาเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว หากไม่ให้พวกมันซื้อไปก็ไม่มีทางสร้างยาชั้นดีให้คนของเราได้ขอรับ” ผู้ช่วยอาวุโสตอบเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็ไม่ได้แปลกใจอะไร นอกจากยาที่ช่วยให้เหล่ามนุษย์หลอมรวมกับแก่นอสูรได้ ยาที่พวกกลุ่มนักล่าอสูรมีนั้นค่อนข้างเป็นยาธรรมดาหมด
“ในกลุ่มของเราพอจะมีคนที่สามารถปรุงยาได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามด้วยท่าที่ครุ่นคิด
“มีขอรับนายน้อย แต่พวกเราไม่มีสูตรยาทําให้พวกเราสร้างได้แต่ยาธรรมดาเท่านั้น” ผู้ช่วยอาวุโสตอบเสียงเบา
“พรุ่งนี้เรียกพวกมันมา ข้าจะมอบสูตรยาให้”ไป๋จูเหวินพูดใช้สมองครุ่นคิด อสูรมังกรดินระดับตำเป็นอสูรระดับเงิน การจับไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะพามันกลับมาค่อนข้างจะยากทีเดียวเพราะขนาดตัวใหญ่โตของพวกมัน ไม่ทราบจะส่งหน่วย 8 ไปดีหรือไม่ ส่วนแกะทองคําท่าทางไป๋จูเหวินคงต้องไปนำมาด้วยตนเองเพราะแกะทองคําอาศัยอยู่ในเขตของท่านน้าไก่ฟ้าเป็นจํานวนมาก ส่วนเรื่องสูตรยา มันคงต้องแบ่งสูตรยาจากท่านน้าราชสีห์มาให้กลุ่มนักล่าอสูรได้ใช้บ้าง