บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 157 จ้างวาน
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 157 จ้างวาน
“กลุ่มนักล่าอสูรงั้นเหรอ…” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งพูดพลางเหลือบมองคนจากสมาคมแพทย์ที่ปลอมตัวมาราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ทราบว่ามันมีพิรุธหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ตรงกันข้ามตัวผู้ถูกจ้างวานกลับเหมือนชาวบ้านคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งพลังฝีมือเสียอย่างนั้น
“ขอรับ นายท่านของข้าได้ยินชื่อเสียงมือสังหารสามัญชนมานาน เลยส่งข้ามาจ้างวานท่านขอรับ”คนจากสมาคมแพทย์ว่าพลางก้มหัวประหลกๆ ชายตรงหน้าของมันนั้นหากไม่ใช่เพราะคนวงในยืนยันตัวให้มันเองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นมือสังหารเช่นกัน มันช่างเป็นคนธรรมดาสามัญจนแยกจากชาวบ้านทั่วไปไม่ออก แม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวมันจะมีพลังระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5 ทั้งๆที่มันอยู่ข้างๆเช่นนี้กลับไม่รู้สึก อะไรเลย
“ไม่ได้หรอก”ชายตรงหน้าว่าพลางวางจดหมายจ้างงาที่คนของสมาคมแพทย์นํามาใหกลับคืนไป
“ทะ ทําไมล่ะขอรับ หรือว่าเงินน้อยเกินไป” คนของสมาคมแพทย์ถามด้วยท่าที่ตกใจการจ้างงานคนระดับเทียนเซียนนั้นต้องใช้เม็ดเงินจํานวนมหาศาล แต่ด้วยกําลังเงินของสมาคมแพทย์การจ้างวานคนระดับเทียนเซียนนั้นไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่นัก
“ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่งานคราวนี้ ยากเกินไปสําหรับพวกเรา”ชายหนุ่มว่าพลางคีบอาหารเข้าปากอย่างเฉยชา
“ยากเกินไป…แต่ท่านอยู่ระดับ…”คนของสมาคมแพทย์พูดด้วยท่าที่อํ้าๆอึ้งๆ เท่าที่มันทราบมาหวงหลงหัวน้ากลุ่มนักล่าอสูรอยู่เพียงขั้นที่ 1 ของระดับเทียนเซียนเท่านั้น
“พวกเรานักลอบสังหารทํางานโดยไม่เผยตัว แต่การบุกเข้าเมืองร้อยแปดอสูรนั้นต่อให้เป็นศิษย์พี่ของข้าก็คงจะยาก”ชายหนุ่มว่าพลางยิ้มออกมา
“แถมศิษย์พี่ของข้ายังกําชับเอาไว้นักหนาอีกด้วยว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับศิษย์เอกของกลุ่มนักล่าอสูร” พูดจบใบหน้าของคนจากสมาคมแพทย์ก็มีเครื่องหมายคําถามลอยออกมาทันที ศิษย์ของชายหนุ่มตรงหน้าคือมือสังหารเลื่องชื่อที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 เหตุใดถึงออกบอกว่าอย่าไปยุ่งกับศิษย์เอกของกลุ่มนักล่าอสูรกัน ตามข่าวแล้วมันพึ่งอยู่ระดับชําระกระดูกเองไม่ใช่หรือ
“ล้มเลิกความพยายามเถอะมือสังหารในอาณาจักรนี้เชื่อฟังศิษย์พี่ของข้ามากกว่าองค์จักรพรรดิเสียอีก เจ้าจะจ้างมือสังหารคนไหนก็ไม่มีใครตอบรับหรอก”ชายหนุ่มว่าพลางเรียกเสี่ยวเอ้อมาเก็บเงินราวกับตัวมันไม่ได้มีส่วนร่วมกับชายผู้ทําตัวน่าสงสัยคนนี้เลย
“อะไรกัน…”คนของสมาคแพทย์เหงื่อตก ไม่มีมีอสังหารคนไหนกล้ายุ่งมั่นเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่
“ถ้าเจ้าไม่รับงาน ข้าจะรับเองดีไหม”ชายร่างใหญ่ผู้มีหนวดเคราเต็มใบหน้าพูดพลางเดินมานั่งข้างๆคนของสมาคมแพทย์
“เรื่องของเจ้าก็แล้วกัน” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าธรรมดาว่าพลางลุกออกไป ราวกับไม่อยากอยู่ร่วมการสนธนาครั้งนี้ต่อ ทําให้ที่โต๊ะนอกจากจานอาหารที่กินจนหมดแล้วก็มีเพียงคนของสมาคมแพทย์กับชายเคราตกผู้นี้เท่านั้น
“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ”คนของสมาคมแพทย์ถามพลางมองมาทางชายร่างใหญ่ที่เข้ามาเสนอตัวรับงานแทน
“ข้ามีนามว่าผานสิง รับงานล้างแค้นตีรัยฟันแทงกับชาวบ้าน”ผานสิงว่าพลางตบอกตัวเองเสียงดัง
“ละ แล้วระดับฝีมือของท่านล่ะ”คนของสมาคมแพทย์ถาม เพราะมันไม่ได้จะมาหาผานสิงแต่แรกเลยไม่ได้หาข้อมูลมาเลย
“ข้านะเหรอ ข้าอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 ไม่ทราบว่าจะผ่านเงื่อนไขของท่านหรือเปล่า”ผานสิงว่าพลางยิ้มกว้าง
“ระดับ “คนของสมาคมแพทย์อําอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะเมื่อครู่มันต้องการจ้างคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5 ทําให้มันคากหวังเอาไว้สูงกว่านั้น แต่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายนัก
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้ไปคนเดียวอยู่แล้ว”ผานสิงว่าพลางดีดนิ้วครั้งหนึ่ง คนในร้านอาหารกว่าครึ่งก็พากันลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้ามาหาคนของสมาคมแพทย์อย่างพร้อมเพียง ในคนเหล่านี้มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณกว่า 30 คน โดยแต่ละคนต่างอยู่ระดับตี้เซียนเป็นอย่างต่ำ
“งะ เงื่อไขของท่านสิ่งไม่เลวเลย…”คนของสมาคมแพทย์ว่าพลางจับไปที่แหวนมิติของตนเองแน่น เงินค่าจ้างที่หัวหน้าสมาคมฝากมาอยู่ในแหวนมั้งหมด หากมันโดนชิงไปคงไม่อาจชดใช้ได้ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ตาม
“ขะ ข้าขอกลับไปปรึกษาเจ้านายของข้าก่อนก็แล้วกัน” คนของสมาคมแพทย์ว่าพลางลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งจากไปด้วยท่าทีหวาดระแวง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” หัวหน้าสมาคมแพทย์ว่าพลางทุบเก้าพนักเก้าอี้เสียงดัง นักลอบสังหารมือดีที่มันกะจะว่าจ้างไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งกับกลุ่มนักล่าอสูรเลย ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะแค่มีไป๋จูเหวินเท่านั้น แต่การป้องกันของกกลุ่มนักล่าอสูรนั้นคือการใช้ฝูงอสูรเฝ้าระวังเมืองเอาไว้นั่นหมายความว่า การเร้นกายเข้าไปด้วยการปิดกั้นพลังวิญญาณของตนเอาไว้ ใช้กับกลุ่มนักอสูรไม่ได้ ด้วยจมูกและสายตาของเหล่าอสูรทําให้พวกมันเข้าไปโจมตีได้ยากมากนักลอบสังหารส่วนใหญ่เลยไม่รับงานนี้ ยิ่งลูกพี่ของพวกมันเตือนเกี่ยวกับศิษย์เอกของกลุ่มนักล่าอสูรเอาไว้ ทําให้มือสังหารทั้งหมดต่างส่ายหน้าให้กับสมาคมแพทย์ไปโดยปริยาย
“ทะ ท่านหัวหน้า ก่อนข้าจะกลับมาข้าได้พบกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่อยากจะรับงานขอรับ”คนของสมาคมแพทย์ว่าพลางก้มหัวต่อหน้าหัวหน้าสมาคม
“กลุ่มคน..แล้วพวกมันอยู่ระดับใด”หัวหน้าสมาคมแพทย์ว่าพลางเบิกตากว้าง
“เทียนเซียนขั้นที่ 2 ขอรับ” คนของสมาคมแพทย์รายงาน
“ขั้นที่ 2 งั้นเหรอ” หัวหน้าสมาคมแพทย์แสดงท่าที่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่รับงาน แถมมันก็ต้องการแค่คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 อยู่แล้ว หัวหน้าสมาคมแพทย์เลยมีท่าทีชั่งใจอยู่เล็กน้อย
“ก็ได้ไปบอกพวกมันว่าข้าจะจ้างพวกมัน แต่พวกมันต้องลากคอศิษย์เอกของกลุ่มนักล่าอสูรมาให้ข้าให้ได้”หัวหน้าสมาคมแพทย์พูดด้วยใบหน้าชั่วร้าย มันยิ้มราวกับสัตว์กระหายเลือดก็ไม่ปาน
“ขะ ขอรับ”
“อะไรกัน แค่ลากคอเด็กระดับชําระกระดูกมาคนเดียวเนี่ยนะ”ผานสิงว่าพลางมองเงินในมือของมันอย่างผิดหวัง มันหรือก็คิดว่าจะจ้างไปฆ่าใครที่ไหนถึงได้ลงแรงจ้างมือสังหารสามัญชน ที่ไหนได้กลับแค่ให้บุกเมืองๆ หนึ่งเพื่อลากเอาเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนเดียวออกมาเนี่ยนะ
“ขอรับ แต่เด็กคนนั้นอยู่ในกลุ่มนักล่าอสูรไม่ทราบว่าพวกท่านจะสะดวกหรือไม่” คนของสมาคมแพทย์ว่าพลางเหลือบสายตามองผานสิง
“เฮอะ ชื่อเสียงของกลุ่มนักล่าอสูรมันจบไปนานแล้ว วันนี้ข้าผานสิงจะบัดขยี้กลุ่มกระจอกๆนั้นเอง”ผานสิงว่าพลางหัวเราะเสียงดัง หากเป็นสมัยก่อน ยามได้ยินชื่อกลุ่มนักล่าอสูร ผานสิงคงรีบโยนเงินกลับไปให้คนของสมาคมแพทย์แล้วด่าเช็ดไปแล้ว แต่กลุ่มนักล่าอสูรในตอนนี้ไม่ใช่กลุ่มที่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
“บอกหัวหน้าของเจ้า ข้าจะเอาตัวศิษย์เอกของกลุ่มนักล่าอสูรมาแลกกับเงินที่เหลือ”ผานสิงว่าพลางเก็บเงินมัดจําเข้ากระเป๋าตนเองไป
“เฮ้ยพวกเรา ออกเดินทาง กลุ่มของผานสิงได้ยินหัวหน้าบอกเช่นนั้นก็พากันลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกจ้างร้านไปอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปยังเมืองร้อยแปดอสูรจําเป็นต้องใช้เวลาราวๆ 1 อาทิตย์ สําหรับกลุ่มของผานสิงแล้ว การบุกเข้าเองร้อยแปดอสูรเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
“ลูกพี่แล้วหวงหลงละขอรับ”ชายคนหนึ่งในกลุ่มของผานสิงถาม แม้จะอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 1 แต่ฝีมือของหวงหลงนั้นไม่ธรรมดาเลย แม้แต่คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 3 ก็อาจจะรับมือหวงหลงไม่ได้ด้วยซ้ำ
“แกคิดว่าข้าจะแพ้หรือยังไง”ผานสิงว่าพลางขึ้นไปขี่บนหลังม้าที่พวกมันผูกเอาไว้หน้าร้านอาหาร
“มะ ไม่อยู่แล้วขอรับ ลุกพี่เก่งที่สุดอยู่แล้ว”ชายคนเดิมว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ ผานสิงเป็นคนมีฝีมือ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 3 หรือ 4 มันก็ยังสู้ได้ ยิ่งมันมีลูกน้องที่เชื่อใจได้หวงหลงก็หวงหลงเถอะ มันจะซัดเสียให้หมอบเลย
ผานสิงเดินทางโดยใช้เวลา 5 วันเท่านั้นก็มาถึงเมืองร้อยแปดอสูรแล้ว เรียกได้ว่าเดินทางโดยไม่พักผ่อนเลยก็ว่าได้ ก่อนจะเข้าเขตเมืองผานสิงทิ้งม้าของพวกตนเอาไว้ในป่าแล้ว เดินเท้าเข้าไปที่เมืองร้อยแปดอสูรในทันที ในเมืองร้อยแปดอสูรนั้นมีเพียงเขตที่ 10 ที่ทําการค้าเท่านั้นที่เปิดรับคนจากเมืองอื่นเข้าเมืองเป็นประจํา แต่ประตูด้านอื่นกลับไม่ค่อยมีแขกมานักทําให้การเดินเข้าเมืองของกลุ่มผานสิงเตะตาเหล่าอสูรปักษาในทันที
“รีบกลับไปแจ้งนายน้อย บอกว่ามีคนน่าสงสัยเข้ามาใกล้”อสูรอินทรีผู้ทําหน้าที่หัวหน้าผู้คุ้มกันทางอากาศว่าพลางพุ่งตัวลงไปสู่ผู้บุกรุกในทันที
เปรี้ยง! บินลงไปได้ไม่เท่าไหร่อยู่ๆปีกของอสูรอินทรีก็ถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว ทําเอานางตกลงมากระแทกพื้น เสียงดังผลัก การบุกของผานสิงนั้นไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวหรือไม่ มันบุกตรงๆด้วยกําลังที่น่าหวาดหวั่น โถมใส่แบบม้วนเดียวจบเท่านั้น
มังกร”ผานสิงว่าพลาง พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยกําลังของพวกมันยามนี้ทําให้เขตที่ 4 ไม่อาจรับมือเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
“นายน้อยยย”อสูรปักาตนหนึ่งทะยานเข้ามาในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ยามนี้ในห้องมีเพียงไป๋จูเหวิน อาวุโส 7 รองอาวุโสหน่วย 10 และเหม่ยหลินเท่านั้น
“มีอะไรงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองท่าที่ตกใจของอสูรปักษา
“มีคนบุกเข้ามาทางเหนือขอรับ มันผ่านเขต 4 มาครึ่งทางแล้วขอรับ”ได้ยินรายงานไป๋จูเหวินก็ทราบทันทีว่าภัยครั้งนี้มาจากไหน เพราะชื่อสมาคมแพทย์นั้นลอยเข้ามาในหัวของไป๋จูเหวินแทบจะทันที
“กําลังของศัตรูมีเท่าไหร่ ระดับใหนบ้าง”ไป๋จูเหวินถามด้วยท่าที่ใจเย็นแต่การที่มันบุกฝ่าเขต 4 มาแล้วกว่าครึ่งนั่นหมายความว่าคนของหน่วย 4 ไม่ใช่ศัตรูของมันเลย
“ราวๆ 30 คนขอรับ คาดว่าหัวหน้าของพวกมันจะเป็นคนระดับเทียนเซียน”ได้ยินคํารายงานไป๋จูเหวินก็มีสีหน้ากังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้อาวุโสทั้งหมดแทบจะอยู่ในช่วงเก็บตัวฝึกวิชา หวงหลงเองก็ไม่อยู่การรับมือคนระดับเทียนเซียนนั้นเรียกได้ว่าเกินกําลังของไป๋จูเหวินไปไม่น้อย
“เหม่ยหลิน”ไป๋จูเหวินว่าพลางหันมาทางเหม่ยหลิน
“เจ้าช่วยไปตามพวกพี่จูเชี่ยวมาได้ไหม เราต้องใช้กําลังของพวกท่านแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางส่งสายตาขอร้องมาให้
“ได้ ข้าจะไปตามพวกพี่ๆมา”เหม่ยหลินว่าพลางวิ่งกลับไปยังห้องของตนในทันที ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเหม่ยหลินเก็บตัวฝึกวิชาเช่นเดียวกันกับเหล่าอาวุโส แต่เพราะนางไม่อยากปล่อยสํานักให้ไป๋จูเหวินรับมือคนเดียว นางเลยเพียงฝึกฝนกับพวกจูเชวี่ยในยามค่ำคืนเท่านั้น
“เจ้าไปประกาศรวมคนจากหน่วย 1 ถึง 5มา”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินออกมาที่ระเบียงของวังมังกร
“วี๊ดดดดด”เสียงผิวปากของไป๋จูเหวินดังขึ้นพร้อมพลังอสูรที่ถูกส่งออกไปพร้อมๆกับเสียงยามนี้มันคนเดียวไม่อาจรับมือสถารการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้แน่ๆ