บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 159
ตอนที่ 159
รุม
ซ่า…มีดในมือของชายร่างผอมยึดยาวออกมาราวกับโลหะ งอกเพิ่มขึ้นมาเอง แต่หากมองดีๆแล้วจะพบว่าที่งอกออกมาไม่ใช่ใบมีดแต่เป็นน้ําต่างหาก
ฟุบ! ด้วยใบมีดนที่อยู่บนมีดทําให้ระยะโจมตีของชายร่างผอมเพิ่มขึ้นมาก
วืดด….ดาบน้ำของชายร่างผอมไหลผ่านฝ่ามือที่ไป๋จูเหวินยกขึ้นป้องกันราวกับมันไม่มีตัวตนก่อนที่มันจะทะลุผ่านแขนของไป๋จูเหวินเข้าไปโจมตีตรงส่วนตัว
“เกราะ?” ชายร่างผอมขมวดคิ้วเพราะมันฟังร่างของไป๋จูเหวินไม่เข้า ภายในเสื้อของมันปรากฏเนื้อผ้าสีขาวที่คอยป้องกันร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้ทําให้ใบมีดน้ำไม่สามารถโจมตีผ่านไปได้
ฟุบ! แท้จะโจมตีลําตัวไม่เข้า ชายร่างผอมก็เปลี่ยนกระบวรท่ามาเป็นการโจมตีทั่วร่างของไป๋จูเหวินแทนความเร็วของมันแม้จะไม่เท่าอู๋หมิงแต่ด้วยกระบวนท่าแปลกประหลาด และมีดที่โจมตีทะลุการป้องกันได้ของชายร่างผอมทําให้ไป๋จูเหวินโดนฟันไปหลายที่ แต่เพราะร่างกายของไป๋จูเหวินแข็งแกร่งกว่าคนปกติอยู่แล้ว ทําให้มีคนที่ ไม่ได้เป็นคมมีดของมีดวิเศษเองบาดเข้าร่างของมันได้ไม่ลึกนัก
“แสงนี่มัน…” ชายร่างผอมเบิกตากว้าง เมื่อเห็นแสงสีทองไหลออกมาจากร่างของไป๋จูเหวิน พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ของไป๋จูเหวินนั้นทําให้บาดแผลบนร่างหายไปในพริบตา
“หัวหน้า ไอ้หนูนี่มันของหายากชัดๆ” ชายร่างผอมโวยวายพลางยิ้มออกมา มันไม่เคยสู้กับผู้ถือครอง ธาตุพิเศษเลยทําเอามันยิ้มไม่หุบ
ฟุบ! ร่างของชายร่างผอมพุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินโดย ไม่สนใจว่าไป๋จูเหวินจะหนังหนาแค่ไหน พริบตานั้นมีดน้ำที่ยาวราวกับดาบก็ร่ายรําเบื้องหน้าไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว
การป้องกันคมมีดน้ำเหล่านี้เป็นไปไม่ได้ ทําให้ไป๋จูเหวิน เลือกที่จะหลบแทน เพียงแต่อีกฝ่ายก็ใช้วิชาได้แยบยลไม่น้อย แม้จะหลบได้เป็นส่วนใหญ่แต่ไป๋จูเหวินก็ไม่สามารถหลบคมมีดทั้งหมดไปได้
นิ้ว! แม้ครั้งอื่นๆจะทําได้แค่กรีดผิวหนังของไป๋จูเหวินเท่านั้น แต่อยู่ๆก็มีบาดแผลหนึ่งบาดลึกเข้ามาในร่างของไป๋จูเหวินอย่างรุนแรงทําเอาไป๋จูเหวินได้แต่เบิกตากว้าง
“หึหึ” ชายร่างผอมหัวเราะพลางแทงมีดเข้าใส่ร่างไป๋จูเหวินอีกครั้ง สาเหตุที่ก่อนหน้านี้มันฟันไป๋จูเหวินเข้า เป็นเพราะมันเลื่อนมีดวิเศษออกมาอยู่ตรงปลายและเปลี่ยนด้ามเป็นนาแทนนั่นเอง
“ตายซะ” ชายร่างผอมว่าพลางกระโดดเข้าโจมตีไป๋จูเหวิน
ตูม! ร่างของชายร่างผอมที่โดนฝ่ามือเพลิงพิโรธโจมตีเข้ากลางอกถอยออกไปหลายก้าวพล่างใช้มือของมันกุมหน้าอกเอาไว้
“อะไรวะ” ชายร่างผอมคําราม ฝ่ามือเมื่อครู่รุนแรงอย่างมาก แรงกว่าการโจมตีของพวกเหรินเซียนเสียอีก
ฟุบ! คราวนี้เป็นไป๋จูเหวินเองที่พุ่งเข้ามาประชิดตัวชายร่างผอม มันไม่คิดเลยว่าไป๋จูเหวินจะเป็นพวกเน้นใช้กําลังถึงได้ซัดฝ่ามือรุนแรงขนาดนั้นออกมา
เปรี้ยงๆๆๆๆ ฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวินโจมตีออกมาอย่างรวดเร็วทําเอาชายร่างผอมตกใจไปอีกครั้ง เพราะมันคิดว่าไป๋จูเหวินจะเป็นพวกใช้ฝ่ามือที่หนักและรุนแรงอย่างเดียวเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะเจอฝ่ามือเร็วเช่นนี้
ตูม! ร่างของชายร่างผอมลอยไปตามแรงของฝ่ามือเพลิงพิโรธอีกครั้ง แม้ระดับพลังจะห่างกันขนาดนี้ แต่ไป๋จูเหวินก็ยังสร้างความเสียหายให้คนอย่างมันได้อีก เรื่องนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“แก” ชายร่างผอมกัดฟันแน่นหลังจากโดนฝ่ามือเพลิงพิโรธเข้าไปอีกครั้ง ร่างกายของมันไม่ค่อยมีความทนทานนัก ทําให้เพียงปื้อเพลิงพิโรธก็สร้างความเสียหายให้มันได้แล้ว แต่ระดับพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินที่อยู่เพียงชําระกระดูก ไม่สมควรทําอะไรชายร่างผอมได้ด้วยซ้ํำ ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับพลังอสูรของไป๋จูเหวินทั้งหมด จากการต่อสู้กับอสูรตะขาบก่อนหน้านี้ทําให้พลังอสูร ของไป๋จูเหวินพัฒนาไปมาก บวกกับเวลาหลายเดือนที่ไป๋จูเหวินช่วยดูแลกลุ่มนักล่าอสูรมาตลอดมันยังฝึกฝนพลังของตัวเองไม่ขาดสาย แม้พลังวิญญาณจะยังไม่ก้าวข้ามขั้น ชําระกระดูกเสียทีแต่พลังอสูรของมันกลับเลื่อนเข้าระดับตํานานไปแล้ว
“สมแล้วที่มีคําเตือนว่าห้ามตัดสินคนของกลุ่มนักล่าอสูร ด้วยพลังวิญญาณ” ชายที่ต่อยประตูจนฟังว่าพลาง แหวกมิ้นออกมายืนตรงหน้าไป๋จูเหวินด้วยอีกคน พวกมันทั้ง คู่ค่างอยู่ระดับเงินเซียนขั้นที่ 10 ทําให้ไม่มีความหวาดกลัวเหล่ากลุ่มนักล่าอสูรในยามนี้อยู่เลย แต่ใครจะไปคิดทั้งๆที่กลุ่มนักล่าอสูรมีพลังวิญญาณอ่อนด้อยกว่าพวกมันมาก แต่กลับสามารถสู้กับกลุ่มของพวกมันได้อย่างสูสี นี่ต้องเป็นเพราะพลังอสูรอย่างแน่นอน
“จงกัน ระวังฝ่ามือของมันเอาไว้” ชายร่างผอมว่าพลางถอยไปยืนข้างๆจงกาน เมื่อคู่มันโดนฝ่ามือที่รุนแรงไป 2 ฝ่ามือและฝ่ามือเร็วอีกนับไม่ถ้วน ทําเอาอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บไม่น้อย และอาจจะไม่มากแต่ความเร็วของมันคงตกลงเพราะอาการบาดเจ็บเป็นแน่
“เข้าใจแล้ว” จงกันว่าพลางนั่งยองๆลงกับพื้นมันต่อยหมัดของมันลงไปในดินก่อนที่ผืนดินจะลามขึ้นมาเกาะกุมหมัดของมันเอาไว้ ท่าทางจงกันผู้นี้จะเป็นผู้ใช้วิชาหมัดเสียแล้ว
ตูม! ไม่พูดพร่ำทําเพลงจงกันพุ่งตัวมาต่อยใส่ไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็วแต่หมัดของมันกลับหยุดอยู่ที่ฝ่ามือของไป๋จูเหวินเสียอย่างนั้น แถมไม่ว่าจะดันเท่าไหร่ก็ดันต่อไปไม่ได้เสียด้วย
“หนอยย..”จงกันรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างไหลเข้ามาในร่าง ทําให้มันรีบดึงมือของมันออกมาทันที
เคร้งๆๆๆ! มีดในมือของชายร่างผอมเข้ามาโจมตีทันทีที่
“ตายซะ” จงกันต่อยใส่ไป๋จูเหวินอีกครั้ง ด้วยกําลังหมัดของมันสามารถทําลายประตูเหล็กหนักนับสิบๆตันได้ไม่ยาก ทําไมถึงต่อยไป๋จูเหวินไม่เข้ากัน
ตุบๆๆ…. หมัดของจงกันต่อยใส่ไป๋จูเหวินเป็นครั้งที่สอง แต่อยู่ๆจงกันก็รู้สึกเหมือนพลังเซียนของมันหดหายไปเสียเฉยๆ แม้แต่ดินที่เกาะกุมหมัดของมันเอาไว้ยังแตกออก และร่วงลงพื้นจนเหลือแต่หมัดเฉยๆ
ตูมไป๋จูเหวินอาศัยจังหวะที่จงกันเสียสมาธิซัดฝ่ามือเพลิ งพิโรธเข้าใส่ในทันที แต่จงกันยังพอตั้งสติได้บ้า งรีบยกแขนขึ้นป้องกัน แต่ถึงอย่างนั้นร่างของมันก็ถอยไปห ลายก้าวอยู่ดี
“หนอย” จงกันพยายามรวมรวมพลังเซียนไปที่แขนอีก ครั้ง แต่เหมือนมีบางอย่างมาขัดขวางเอาไว้ทําให้จงกันต้ องใช้สมาธิมากขึ้นในการส่งพลังไปที่แขนของตนเองเพื่อสร้า งสนับมือหินผาขึ้นมาใหม่ โชคดีที่จงกันโดนปิดกั้นพลัง ไม่นานมันก็สามารถกลับมาใช้พลังเซียนใส่หมัดของมันได้อีก ครั้ง
ตูม! จงกันต่อยเข้าไปอีกครั้งในจังหวะที่ไป๋จูเหวินกําลังรับมีดของชายร่างผอม แต่ไปจูเหวินกลับปล่อยให้ชายร่างผอมฟันใส่ไหล่ของตนเองและเลือกที่จะใช้ฝ่ามือรับหมัดของจงกันเอาไว้ เพราะมันทราบดีว่ากําลังหมัดของจงกันน่ากลัวกว่ามีดของชายร่างผอมมาก
“นี่มันบ้าอะไรวะ” จงกันหัวเสียพลางดึงหมัดจของตนเองออก หลังจากนั้นมันก็ใช้พลังไม่ได้ไปอีกหลายวินาทีจน แทบจะโดนไป๋จูเหวินหักแขนด้วยฝ่ามือเพลิงพิโรธอยู่รอมร่อ
ที่จงกันใช้พลังเซียนไม่ได้ไปชั่วขณะนั้นเป็นเพราะวิชาของท่านน้าจิ้งจอกที่จะส่งพลังอสูรเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย เพื่อนทําการขัดขวางพลังของอีกฝ่ายเอาไว้ แม้จะอยู่ได้ ไม่นานแต่ก็สร้างความสับสนได้ โดยฝ่ามือดังกล่าวชื่อฝ่ามือลมหนาวไร้หิมะนั่นเอง
ผลักๆๆๆ ชายร่างผอมที่อยู่ห่างออกไปช่วงหนึ่งล้มลงกับพื้นเพราะถูกแรงกระแทกบางอย่างอักเข้าอย่างจัง วิชาที่มันโดนนั้นคือวิชาบังคับหกปักษาที่ไป๋จูเหวินสามารถบังคับพลังได้ทั้ง 6 สายโดยสมบูรณ์แล้วนั่นเอง
“ไอ้เด็กบ้านี้อยู่ระดับชําระกระดูกจริงๆเหรอวะ” จงกันว่าพลางลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หากพวกมันไม่ได้อยู่ระดับสูงกว่าเช่นนี้พวกมันคงได้ล้มลงไปนอนนานแล้วอย่างแน่นอน
วูบ! ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่ๆตัวของจงกันกับชายร่างผอมก็ถูกดูดเข้าไปหาไป๋จูเหวินด้วยฝ่าหมอกควันกบดานที่สร้างแรงดูดมหาศาลราวกับทั้งสองกระโดดเข้าไปหาไป๋จูเหวินด้วยตนเอง
“อ้ากกก”ทั้งสองร้องออกมาเมื่อร่างของพวกมันโดนดีดขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยท่าปักษาบินสู่สวรรค์ของน้าไก่ฟ้า ยามที่ทั้งสองโดนผลักจนลอยอยู่กลางฟ้า รอบๆตัวของไป๋จูเหวินก็ปรากฏพลังอสูรและพลังวิญญาณหลั่งไหลออกมาเพื่อเตรียมพร้อมใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสํานึก
ตูม!! ร่างของทั้งสองยังไม่ทันตกลงพื้น ฝ่ามือ ของไป๋จูเหวินก็ซัดทั้งสองคนลอยกลับไปกระแทกพื้นข้างๆตัวของผานสิงเสียแล้ว ทําให้ผายสิ่งที่นิ่งดูไป๋จูเหวินต่อสู้มาถึงเมื่อครู่แสดงท่าที่โมโหออกมา
ตูม! ผานสิงกระทืบเท้าที่หนึ่ง กําแพงดินก็ปรากฏขึ้นกั้นคนของกลุ่มนักล่าอสูรออกไปจนกลายเป็นทางตรงหลางที่ต่อตรงไปหาไป๋จูเหวินเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไอ้เด็กเวร”ผานสิงคํารามก่อนจะทะยานไปข้างหน้าจนพื้นเบื้องหลังแตกกระจาย พริบตานั้นผานสิ่งนาอาวุธคู่หายของมันออกมานั่นก็คือกระบองศิลาที่เป็นอาวุธวิเศษขอ งมันนั่นเอง
ตูม! ไป๋จูเหวินไม่รอช้า รวบรวมพลังวิญญาณและพลังอสูรเข้ามาในร่างเพื่อใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสํานึกอีกครั้ง แต่ด้วยกําลังของฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสํานึกกลับทําได้แค่ชะงักขาของผานสิ่งเอาไว้เท่านั้น ยามนี้ผานสิงทําท่าราวกับกําลังเดินฝ่าพายุอยู่ก็ไม่ปาน
“แก” ผานสิงคํารามเสียงในลําคอ มิน่าลุกน้องของมันถึงลอยหรือราวกับว่าวสายขาดเช่นนั้น ฝ่ามือของเจ้าหนูนี้รุนแรงจนมันยังแทบฝ่าไปไม่ได้ เพียงแต่ผานสิ่งยังสามารถก้าวออกไปได้ทีละก้าวๆอย่างมั่นคงจนในที่สุดก็มา ยืนอยู่หน้าไป๋จูเหวินแล้ว
ฟุบ! กระบองในมือของผานสิงโจมตีใส่ไป๋จูเหวินอย่างรุนแรง แต่ด้วยวิชาฝ่ามือละลายหิมะกลางนภาของไป๋จูเหวิน ทําให้กระบองของผานสิงเสียกําลังไปได้หลายส่วน แต่ก็ไม่มากพอที่จะหยุดกระบองของผานสิ่งได้
ผลัก! ร่างของไป๋จูเหวินถอยหลังออกไปหลายเก้าเพราะ แรงมหาสาลที่กระแทกใส่ร่างของมันกําลังของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 ดูถูกไม่ได้เลย