บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 163
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 163
แพทย์ฝึกหัด
“สวัสดีเจ้าค่ะ” หญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง ของไป๋จูเหวินในเช้าหลังจากไป๋จูเหวินรับตําแหน่ง นางเป็นแพทย์ฝึกหัดที่พึ่งเข้ามาในสมาคมแพทย์หลังจากเรียนจบได้ เมื่อไม่นานมานี้ บอกตามตรงนางไม่ได้ดีใจนักหรอกที่ถูกส่งมาเป็นเด็กรับใช้ของหัวหน้าสมาคม แม้งานจะสบายกว่าการไปเป็นคนต้มยา แต่ตัวนางอยากจะทํางานให้สมกับเป็นแพทย์มากกว่า
“เข้ามาได้” เสียงของไป๋จูเหวินดังขึ้นมาจากภายในห้องที่มีฉากกั้นขวางทางนางเอาไว้ ทําให้ยู่หยวนเปิดประตูเข้าไปตามคําอณูบยาติทันที
“….” ภาพแรกที่ยู่หยวนเห็นทําเอานางชะงักค้างไปทันที่เพราะหัวหน้าสมาคมกลับเป็นชายหนุ่มไม่ใช่ชายแก่อย่างที่นางคิด แต่ที่นางอึ้งจริงๆเพราะชายหนุ่มคนนี้มีเหล่าหญิงสาวรายล้อมราวกับกําลังอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ แม้จะมี 2 คนที่อาจจะนับว่าเป็นหญิงสาวได้ไม่เต็มปากก็ตาม
“ข้าชื่อยู่หยวนเจ้าค่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าคือแพทย์ฝึกหัดของท่านเจ้าค่ะ”ยู่หยวนว่าพลางคุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่าที่สง่างาม เหตุผลหลักๆที่นางถูกเลือกมาเป็นแพทย์ กหัดประจําตัวของไป๋จูเหวินคือผลคะแนนและหน้าตา อาจจะเพราะแพทย์ผู้ใหญ่อยากจะเอาอกเอาใจหัวหน้า คนใหม่ก็เลยส่งเด็กสาวหน้าตาดีมาเป็นแพทย์ฝึกหัดกระมัง
“ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อไป๋เหวิน”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มให้ยู่หยวนอย่างเป็นมิตร แต่เพราะยู่หยวนพึ่งเข้ามาเป็นแพทย์ฝึกหัดได้ไม่นาน นางเลยไม่ได้อยู่ในงานทดสอบหัวหน้าสมาคมแต่อย่างไร
“ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านหัวหน้ามีงานอะไรให้ข้าทําหรือไม่เจ้าคะ”ยู่หยวนถามพลางเหลือบตาดูบนโต๊ะของไป๋จูเหวิน บนนั้นมีตํารากับหนังสือรายงานไม่กี่เล่ม ท่าทางจะว่างงานใช่เล่น
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอก เจ้าทําตัวตามสบายก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินตอบพลางอ่านตําราต่อด้วยท่าที่สบายๆ แม้คนอื่นอาจจะดีใจที่เจ้านายให้เวลาว่างตนเอง แต่ยู่หยวนที่ตั้งอกตั้งใจ อยากจะเป็นแพทย์ฝีมือดีให้ได้กลับไม่ค่อยพอใจนัก แต่เจ้านายสั่งเช่นนั้นนางก็ได้แต่นั่งรอที่ข้างๆโต๊ะของหัวหน้าสมาคมเงียบๆ
ในช่วงเช้าของวันนั้นนางเห็นแต่เพียงว่าไป๋จูเหวินเอาแต่ อ่านตําราอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเท่านั้น แม้จะเห็นมันเปลี่ยนเล่มบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทําอะไรอย่างอื่นเลย ส่วนหญิงสาวรอบตัวทั้ง 3 นางต่างก็นั่งพูดคุยกันเองราวกับเรื่องเช่นนี้ เกิดขึ้นปกติแล้วแถมหน้าที่สาวรับใช้ที่นางถูกส่งมาทําหญิงสาวที่ดูโตที่สุดก็ทําจนหมด แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ถึงยู่หยวนจะถูกคัดมาเพราะหน้าตาสวยที่สุดในรุ่น แต่นางก็ไม่กล้าเทียบความงามกับพวกคนติดตามของหัวหน้าสมาคมเลย
“ยู่หยวน เจ้าอยากหาตําราอ่านบ้างไหม” หงเยว่ถามพลางมองมาทางยู่หยวนอย่างอ่อนหวานสําหรับคนธรรมแล้ว หงเยว่เป็นหญิงสาวผู้งดงามและเต็มไปด้วยสเน่ห์ของหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นชายหนุ่มคนอื่นยามได้ใกล้ชิดกับนางคงรู้สึกราวกับโดนปลุกปลุกเร้าตลอดเวลาแน่ๆ
“จะ…เจ้าค่ะ”ยู่หยวนว่าพลางหลบดวงตาสีแดงสดของหงเยว่อย่างไม่ได้ตั้งใจ นางงดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์เลย
“หลินหลิน เอาอันนี้ไปให้ยู่หยวนนะ” หงเยว่ว่าพลางยื่นตําราเล่มหนึ่งให้หลินหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ค้า” หลินหลินรับคําพลางหยิบตําราในมือหงเยว่มาให้ยู่หยวนแต่โดยดี ทําให้ยู่หยวนได้เห็นหลินหลินใกล้ๆ ซึ่งมันก็ ทําให้ยู่หยวนอดมองตามร่างของเด็กสาวไปไม่ได้ หลินหลินมีดวงตาสีเขียวกลมโตดูแล้วงดงามอย่างมาก ท่าที่ซุกซนแต่ก็ว่านอนสอนง่ายดูแล้วน่ารักดีไม่น้อย เป็นเด็กที่อยากจะเอานิ้วไปหยิกแก้มเล่นตลอดเวลาเลย
“ขอบใจจ่ะ”ยู่หยวนว่าพลางรับตําราที่หงเยว่หามาให้ไปอย่างว่าง่าย
“”ยู่หยวนมองตําราในมือด้วยสีหน้างุนงง ตําในที่นางได้มาเป็นตําราเก่าที่นางไม่เคยได้เห็น ทั้งๆที่ตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนนางก็อ่านตํารามามากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นตําราที่หงเยว่มอบให้เลย
“ถ้ามีอะไรสงสัยก็มาถามข้านะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองยู่หยวนที่กําลังมองปกตําราอย่างประหลาดใจ
“จะ…เจ้าค่ะ”ยู่หยวนรับคําพลางเปิดตําราขึ้นอ่าน เห็นแบบนี้แต่นางก็เป็นคนทําคะแนนได้สูงที่สุด 5 คนแรกเลยนะ แค่อ่านตําราไม่ต้องถึงกับขอคําแนะนําจากชายหนุ่มที่มองอย่างไรก็อายุไม่ห่างจากนางมากหรอก
“…” พอเริ่มอ่าน ยู่หยวนก็นึกถึงคําที่ไป๋จูเหวินพูดอีกครั้ง มันบอกว่าหากมีอะไรสงสัยก็ให้ถามได้ แต่นางจะถามจากตรงไหนก่อนดีเพราะนางแทบจะอ่านตําราเล่มนี้ไม่ เข้าใจเลย
“จริงสิ เจ้ายังเรียนแบบเรียนเก่าจากโรงเรียนมาสินะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางนําตําราเล่มอื่นออกมาแทน
“นี่เป็นตําราแพทย์ขั้นพื้นฐานที่ข้าเขียนเอง เจ้าลองอ่านแล้วให้ความเห็นหน่อยนะ…ถือว่าเป็นคําสั่งของหัวหน้าสมาคมก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มกว้าง แต่ยู่หยวนออกจะไม่พอใจกับคําว่าตําราพื้นฐานเสียเท่าไหร่
“หัวหน้า ท่านอาวุโสหลิวเรียกขอรับ” ขณะกําลังจะทักท้วง อยู่ๆอาวุโสคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องพลางเรียกตัวไป๋จูเหวินไปข้างนอกเสียก่อน ทําให้ยู่หยวนได้แต่อยู่กับตําราที่ไป๋จูเหวินมอบให้ในเมื่อเล่มก่อนหน้านี้นางอ่านไม่เข้าใจ ยู่หยวนเลยไม่มีทางเลือก อ่านตําราที่ไป๋จูเหวินเป็นคนเขียนดูโดยตําราของไป๋จูเหวินนั้นแบ่งออกเป็น 3 เล่มมีทั้งเรื่องของสมุนไพรกับการปรุงยา 1 เล่ม รึภัยและอาการบาดเจ็บ 1 เล่ม และวิธีการรักษา 1 เล่ม โดยแต่ละเล่มมีเนื้อหาเยอะ เอาการเรียกได้ว่าเล่มเดียวก็หน้ากว่าตําราที่ยู่หยวนใช้เรียน ในโรงเรียนแพทเสียอีก
“……”ยู่หยวนอ่านไปได้สักพัก ดวงตาของนางก็ยิ่งกระจ่างใส แม้ความรู้ทั้งหมดจะเป็นความรู้พื้นฐานที่เหล่าแพทย์ฝึกหัดต้องเคยเรียนมาแล้วทั้งสิ้น แต่ทุกเรื่องที่สอนกลับมีคําอธิบายที่ละเอียดกว่าตําราเล่มเก่ามาก แถมยังมีความรู้อื่นที่สอดแทรกเข้ามาอีก อย่างเช่นการรักษาคนด้วยสมุนไพรตัวหนึ่ง ในตําราเล่มเก่าจะบอกเพียงว่าสมุนไพรตัวนี้สามารถรักษาอาการตัวร้อนได้ แต่ตําราของไป๋จูเหวินกลับบอกถึงสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มีผลเดียวกันนั่นคือการรักษาอาการตัวร้อน แต่ไป๋จูเหวินจะเพิ่มผลข้างเคียงที่เกิดจากยาแต่ละตัวไปด้วย นั่นทําให้ข้อมูลที่ยู่หยวนต้องจําเพิ่มขึ้นมาก แต่หากจําได้มันจะทําให้การใช้สมุนไพรมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้การทําความเข้าใจในโรคของตําราเล่มที่ 2 ยัง ละเอียดอย่างมาก มีทั้งการจําแนกโรคจากอาการของคนไข้ และโรคที่มีอาการเดียวกันแต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนตํารารักษายิ่งแล้วใหญ่ มันละเอียดและเข้าใจง่ายกว่าตําราเก่าหลายเท่าเลย แม้จะต้องจําอะไรๆเพิ่ม แต่หากได้อ่านตําราเล่มนี้มาก่อนในการสอบรักษาคนจริงยู่หยวนคงมั่นใจกับการรักษาของตนเองมากกว่านี้แน่ๆ
“….”ยู่หยวนเบิกตากว้างพลางนําตําราเล่มก่อนหน้านี้ที่นางไม่เข้าใจมาเปรียบเทียบ ในตําราที่หงเยว่ให้มาในตอนแรกนั้นมีสมุนไพรและวิธรการรักษาที่นางไม่รู้จักมากมายทําให้นางไม่เข้าใจ แต่พอลองเอามาเทียบกับตําราที่ไป๋จูเหวินให้นางกลับพบว่ามีวิธีรักษาต่างๆในตําราเก่าถูกเขียนเอาไว้ในตําราพื้นฐานด้วย
“เป็นยังไงบ้าง”ไป๋จูเหวินที่ไม่ทราบเข้ามาในห้องตอนไหนถามพลางมองยู่หยวนที่ตั้งใจอ่านตําราอย่างมาก นางแทบจะทิ้งตัวเองอยู่ในโลกของตําราโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย
“ขะ ข้า…”ยู่หยวนสะดุ้งตกใจจนเผลอทิ้งตําราลงพื้นทําให้ไป๋จูเหวินต้องเอื้อมมือไปหยิบตําราเอาไว้
“แล้ว…”ไป๋จูเหวินทวนคําถามเล้กน้อยด้วยท่าทีสนใจ ยู่หยวนเป็นคนแรกที่ได้อ่านตําราเลยก็ว่าได้ทําให้ไป๋จูเหวินอยางทราบจริงๆว่านางคิดเช่นไร
“เรื่องนั้น…”ยู่หยวนเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนึกถึงตอนที่ตนได้อ่านตํารา
“น่าประทับใจมากเจ้าค่ะ ท่านหัวหน้ามีความเข้าใจวิชาแพทย์อย่างทะลุปรุโปร่ง ข้าน้อยได้เรียนรู้เพิ่มเติมมากมายที่เดียว”ยู่หยวนว่าพลางสงบมท่าที่ลง
“ไม่ยากไปใช่ไหม”ไป๋จูเหวินถามด้วยสีหน้ากังวล นี่เป็นครั้งแรกที่มันเขียนตําราให้คนอื่นเรียน ตัวมันมีความสามารถเข้าใจและจดจําเรื่องต่างๆได้ทันทีไม่อาจเข้าใจความรู้ สึกของมนุษย์ทั่วไปที่ไม่สามารถจดจําข้อความในตําราได้หมด มันกังวลว่าสิ่งที่มันใส่ลงไปจะยากเกินกว่าแพทย์ที่ยังเรียนไม่จบจะเข้าใจได้
“มะ ไม่นะเจ้าคะ” ยู่หยวนสายหน้า สําหรับนางที่ตั้งใจเป็นแพทย์อยู่แล้วทําให้รู้จักสมุนไพรและการรักษาวนใหญ่อยู่แล้ว แต่หากเป็นคนไม่รู้อะไรเลยคงต้องใช้เวลา นานพอสมควรอยู่หรอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถทําได้เลย
“ถ้าข้าส่งไปให้โรงเรียนแพทย์ในเครือของสมาคมแพทย์ใช้เป็นตําราเรียน เจ้าว่าจะเหมาะหรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามอีกครั้งด้วยความลังเล
“เอ๊ะ! นี่ตําราของโรงเรียนแพทย์เหรอเจ้าคะ”ยู่หยวนถามด้วยน้ําเสียงตกตะลึง
“ชะ ใช่”เห็นยู่หยวนตกใจเช่นนี้ไป๋จูเหวินก็มีท่าทีลบากใจนิดหน่อย หรือว่าจะยากปสําหรับโรงเรียนแพทย์กัน…
“ยอดเยี่ยมเลยเจ้าค่ะ หากใช้ตํารานี้สอนเราจะได้แพทย์ฝีมือดีมากขึ้นแน่ๆ” ตรงกันข้ามปูหยวนกลับเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทําให้ไป๋จูเหวินเริ่มยิ้มอีกครั้ง
“งั้นเหรอ ถ้าเช่นนั้นข้าจะนําตําราพวกนี้ไปให้อาวุโสหลิว คัดลอกและนําไปให้โรงเรียนแพทย์ใช้สอน”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มกว้าง แม้หลังจากนั้นไป๋จูเหวินจะโดนบ่นเพราะเอาตําราของหัวหน้าสมาคมมาใช้สอนนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่ยังไม่เป็นแพทย์ฝึกหัดด้วยซ้ํา ทําเอาความรู้ของคนรุ่นเก่าโดนเด็กรุ่นใหม่ตามทันได้อย่างรวดเร็ว แต่เพราะไป๋จูเหวินนําความรู้จากน้ามังกรมาสอนพวกแพทย์ชํานาญการ กับแพทอาวุโสด้วยทําให้สมาคมแพทย์พัฒนาตัวเองไปได้อีกก้าว ยามนั้นตําราที่หัวหน้าสมาคมแพทย์หวงนักหวงหนากลายเป็นตําราของแพทย์ฝึกหัดไปเสียแล้ว
“…” ขณะไป๋จูเหวินกําลังถามเรื่องตํารากับยู่หยวน อยู่ๆที่ชายเสื้อของไป๋จูเหวินก็ปรากฏแรงดึงเบาๆจากด้านหลังของไป๋จูเหวิน
“มีอะไรเหรอปิงปิง”ไป๋จูเหวินถามพลางมองเด็กสาวตัวน้อยอย่างเอ็นดู“
“……”นางไม่ได้พูด แต่กลับเอานิ้วมาแตะที่ปากเล็กๆของนาง
“หิวแล้วเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองท่าทีของปิงปิง น่าแปลกที่นางไม่ค่อยพูดนัก และมักจะอยู่เงียบๆเสมอ แต่ท่าทีของนางก็ทําให้นางดูน่าเอ็นดูและน่าถนุถนอมอย่างมากแม้ร่างจริงของนางจะเป็นอสุรแมงมุมตัวเกือบเท่าหลินหลินแล้วก็ตาม
“ทําไมไม่บอกข้าล่ะ” หลินหลินถามพลางนําแก่นอสูรออกมา ช่วงนี้อาหารหลักของพวกนางต่างเป็นแก่นอสูรทั้งนั้น เพราะนอกจากจะเพิ่มพลังอสูรแล้วยังอิ่มกว่าการกินของอย่างอื่นมาก แม้หลินหลินจะยังนําก้อนหยกออกมากินเล่นเป็นระยะๆก็ตาม
“แบบนั้นก็ไม่ได้อ้อนนะสิ” หงเยว่ว่าพลางลูบหัวปิงปิงอย่างเอ็นดู อย่างที่หงเยว่ว่า ความจริงปิงปิงสามารถมาขอแก่นอสูรจากหลินหลินได้เลย แต่นางกลับไปขอกับไป๋จูเหวินแทนท่าทางจะอยากอ้อนเสียมากกว่า และหลังจากได้รับแก่นอสูรจากหลินหลินมาแล้วปิงปิงก็แช่แข็งแก่นอสูร แล้วเอาเข้าปากไปทั้งๆแบบนั้น
“หัวหน้า ทําไมนางกินหินละเจ้าคะ”ยู่หยวนถามพลางเบิกตากว้าง อยู่ๆเด็กสาวที่นางคิดว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ ไม่มีพลังวิญญาณกลับเอาก้อนหินเข้าปากเคี้ยวเล่นเสียอย่า
“นั่นเป็นอาหารของพวกนางนี่นา”ไป๋จูเหวินว่าพลางเลิกคิ้ว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามนุษย์ธรรมดาไม่สามารถแยกแยะอสูรได้
“พวกนางเป็นอสูร ก็เลยกินแก่นอสูรเป็นอาหาร”ไป๋จูเหวินอธิบายพลางยิ้มกว้าง แต่กลับกลายเป็นยู่หยวนเองที่ตกใจจนตัวสั่นเพราะนางพึ่งจะรู้ตัวว่าตนเองอยู่กับอสูรมาทั้งวันนั่นเอง