บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 165
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 165
โรคที่ไม่ทราบสาเหตุ
ไป๋จูเหวินและยู่หยวนเดินทางมายังวังหลวงทันทีที่ได้จกหมายจากแพทย์หลวง จากเนื้อความในจดหมายระบุว่าตัวแพทย์หลวงพบรคบางอย่างจากตัวองค์จักรพรรดิ แต่มันไม่อาจระบุโรคที่ชัดเจนได้ว่าโรคที่องค์จักรพรรดิเป็นนั้นคือโรคอะไรกันแน่
“เชิญทางนี้ขอรับ” ทหารองครักษณ์เห็นจดหมายเชิญและแหวนประจําตําแหน่งก็พาไป๋จูเหวินเข้ามาภายในวังทันที แม้จะแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่หัวหน้าสมาคมแพทย์เปลี่ยนคนแล้วก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้ที่มาเป็นตาแก่ท่าทางหยิ่งๆแท้ๆ
ท่าทางทหารองครักษณ์จะได้รับแจ้งเรื่องแล้ว เลยพาไป๋จูเหวินไปที่ห้องแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตวังหลวง แม้ที่นี่จะไม่ใช่พระราชวังชั้นใน แต่ก็เป็นเขตที่คนปกติทั่วไปเข้ามาได้ยากอยู่ดี
“หัวหน้าแพทย์หลวงรอท่านอยู่ข้างในขอรับ” ทหารองครักษ์ว่าพลางก้มหัวให้ไป๋จูเหวินเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปทํางานของตนต่อ ทําให้ไป๋จูเหวินและยู่หยวนเดินเข้าไปในตัวห้องที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
วินาทีแรกที่เข้ามาภายในห้อง ไป๋จูเหวินก็ได้กลิ่นของสมุนไพรทันที เรียกได้ว่าสมแล้วที่เป็นห้องของแพทย์หลวง โดยภายในห้องนั้นนอกจากชั้นใส่สมุนไพรที่วางอยู่เต็มสองข้างข งผนังแล้วยังปรากฏคน 6 คนนั่งอยู่รอบๆด้วยท่าทีเคร่งขรึมอย่างมาก
“เจ้าหนู เจ้าเป็นใคร” แพทย์หลวงถามพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าที่ประหลาดใจ ไม่ใช่ใครก็เข้ามาที่นี่ได้ ทําให้พวกมันแปลกใจมากที่เห็นไป๋จูเหวินเดินเข้ามา
“ข้าเป็นหัวหน้าสมาคมแพทย์ในตอนนี้ขอรับมีนามว่าไป๋จูเหวิน” ไป๋จูเหวินแนะนําตัวะพลางแสดงแหวนประจําตําแหน่งให้เหล่าแพทย์หลวงได้ดู
“อะไรกัน ไม่กี่วันนี้มีการเปลี่ยนหัวหน้าสมาคมแล้วงั้นเหรอ” แพทย์หลวงคนหนึ่งว่าพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าที่ไม่ไว้ใจ
“ขอรับ ข้าผ่านการทดสอบของเหล่าอาวุโสและได้รับตําแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว”ไปัจูเหวินว่าพลางยิ้มอย่างนอบน้อม
“มิน่าล่ะ ยาที่ส่งเข้ามาถึงได้คุณภาพดีกว่าเดิมเสียอีก” แพทย์หลวงคนหนึ่งพูดราวกับปกติแล้วยาที่ส่งมาคุณภาพไม่ดีเสียอย่างนั้น
“จะว่าไป สมุนไพรที่ส่งมาเองก็ดีกว่าเดิมมาก นั่นเพราะเจ้าหรือเปล่า”แพทย์หลวงอีกคนว่าพลางมองไป๋จูเหวินอย่างสนใจ
“ขอรับ หลังจากได้รับตําแหน่งแล้วข้าได้เปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้สมาคมแพทย์สามารถพัฒนาต่อไปได้” ไป๋จูเหวินรายงานด้วยท่าที่เป็นมิตร ท่าทางพวกมัน จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหัวหน้าสมาคมคนก่อนนัก ถึงขั้นรู้ว่าที่ยาคุณภาพไม่ค่อยดีนั้นเป็นเพราะหัวหน้าสมาคมเลยทีเดียว
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อเจ้าขึ้นรับตําแหน่งก็ช่วยไม่ได้ หวังว่าความสามารถของเจ้าจะมากพอรับตําแหน่งหัวหน้าสมาคมจริงๆนะ” หัวหน้าแพทย์หลวงว่าพลางลุกขึ้นยืน แม้คํา พูดเมื่อครู่จะทําให้ยู่หยวนแสดงท่าที่ไม่พอใจออกมาเพราะ นางอยู่กับไป๋จูเหวินมาหลายวันได้เห็นมันทํางานมาตลอด มันแทบจะทําเรื่องเหลือเชื่อให้เป็นจริงได้อย่างง่ายดาย จนนางกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าสมาคมแพทย์ที่ไป๋จูเหวินเข้ามาปกครองดีกว่าสมาคมแพทย์ก่อนหน้านี้มาก
“ตามมา ข้าจะพาเจ้าไปถวายการรักษา” พูดจบหัวหน้า แพย์หลวงก็พาไป๋จูเหวินเข้าไปในวังชั้นในโดยมีเหล่าองครักษ์ตามคุ้มกันไม่ขาดสาย
ภายในวังหลวง เหล่าผู้คุ้มกันต่างเป็นคนระดับเทียนเซียนทั้งสิ้น ทําเอาไป๋จูเหวินแอบขนลุกอยู่ไม่น้อย เพราะมันพึ่งได้ปะทะกับบางสิ่งที่อยู่ขั้นเทียนเซียนระดับ 2 มา แน่นอนว่ามันทําให้ไป๋จูเหวินได้เห็นว่าคนฝีมือระดับเทียนเซียนนั้นร้ายกาจเพียงใด ซึ่งนั้นก็ทําให้ภาพผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนที่เดินตรวจตราราวกับทหารยามเหล่านี้ดูน่ากลัวอย่างประหลาด
ยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ ระดับพลังวิญญาณขององครักษ์ก็ยิ่งสูงขึ้น กว่าจะถึงห้องพักผ่อนขององค์จักรพรรดิ ไป๋จเหวินก็ได้เห็นคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 8 แล้ว
“…” ไป๋จูเหวินชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากเดินมาถึงห้องพักผ่อนขององค์จักรพรรดิ เพราะภายในห้องปรากฎพลังระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 อยู่ 1 คน แต่พลังที่ว่ากลับทําให้ไป๋จูเหวินรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
“ไป๋จูเหวิน?” อาวุโสเทียนหมิงที่นั่งอยู่ในห้องพักผ่อนขององค์จักรพรรดิเลิกคิ้วด้วยท่าที่ประหลาดใจเมื่อเห็นไป๋จูเหวินเดินเข้ามาในห้อง
“ท่านอาวุโส ไม่พบกันนานนะขอรับ” ไป๋จูเหวินว่าพลางประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม ทําเอาหัวหน้าแพทย์หลวงหายใจอย่างหนักหน่วงทันที ไม่นึกเลยว่าอยู่ๆ ท่านอาวุโสเทียนหมิงจะเป็นคนทักไป๋จูเหวินก่อน นี่พวกมันรู้จักกันมาก่อนงั้นหรือ
“คนรู้จักของท่านหรือท่านลุง” ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงถามพลางชําเลืองสายตามามองทางไป๋จูเหวิน
“อ่อ ใช่มันเป็นศิษย์คนใหม่ของข้า” อาวุโสเทียนหมิงหัวเราะพลางตบบ่าไป๋จูเหวินเบาๆ
“แบบนี้นี่เอง แล้วศิษย์ใหม่ของท่านลุงมาทําอะไรที่นี่กัน” ชายที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งน่าจะเป็นองจักรพรรดิ ถามด้วยท่าที่เหนื่อยอ่อน แทบจะเห็นได้ชัดเลยว่าร่างกายของท่านเหี่ยวย่นอย่างมาก แถมองค์จักรพรรดิเองกลับแทบจะไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลย ทั้งที่ๆอู่หมิงและอู่เทียนเหวินที่ ไป๋จูเหวินรู้จักต่างเป็นคนที่มีพลังวิญญาณเหนือล้ากว่าคนทั่วไปมาก เหตุใดบิดาของพวกมันถึงเป็นผู้มีพลังวิญญาณอ่อนด้อยเช่นนี้
“นั่นสิ เจ้ามาทําอะไรหรือไป๋จูเหวิน” อาวุโสเทียนหมิงถามด้วยท่าที่แปลกใจ กลุ่มนักล่าอสูรไม่น่าตะมีธุระอะไรตอนนี้นี่นา
“ข้ามาถวายการรักษาในฐานะหัวหน้าสมาคมแพทย์ขอรับ” ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เจ้านะเหรอ…” องค์จักรพรรดิมีท่าทีแปลกใจทันทีที่ได้ ทราบว่าไป๋จูเหวินคือผู้มาถวายการรักษาในครั้งนี้ เพราะไม่ว่าจะมองจากมุมไหนไป๋จูเหวินก็ยังเหมือนเด็กอายุไม่ถึง 20 อยู่ดี
“จะว่าไปเจ้าก็เป็นคนรักษาอู่หมิงนี่นา แบบนั้นข้าคงเชื่อมือเจ้าได้”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางลูบเคราสีขาวอย่างพออกพอใจ เพราะคราวก่อนตอนที่มันเตรียมใจจะลงไป หาสมุนไพรในเขตอสูรผาไร้กัน มันก็ได้ไป๋จูเหวินช่วยรักษาอู่หมิงให้ก่อน ทําให้มันค่อยข้างจะเชื่อใจฝีมือรักษาของไป๋จูเหวินเลยทีเดียว
“แม้แต่ท่านลุงยังเชื่อใจเลยงั้นเหรอ”องค์จักรพรรดิว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กอายุเท่านี้จะมีความสามารถขนาดที่ท่านลุงของมันยังต้องยอมรับ
“เช่นนั้นก็ดี เริ่มตรวจกันเลยเถอะ” องค์จักรพรรดิว่าพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ อาการป่วยของมันเป็นมาได้หลายเดือนแล้ว อยู่ๆร่างกายของมันก็ทรุดหนักอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้แต่แพทย์หลวงยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
“ขออนุญาตขอรับ” ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้ามานั่งข้างๆ เตียงขององค์จักรพรรดิ พริบตานั้นดวงตาของไป๋จูเหวินก็แปลเปลี่ยนเป็นสีเขียวพลางไล่มองร่างกายขององค์จัก รพรรดิอย่างพิจารณา ทําเอาคนอื่นๆในห้องต่างประหลาดใจกันมากยกเว้นเพียงอาวุโสเทียนหมิงเท่านั้น
“หัวหน้า ท่านไม่ใช้เครื่องมือเหรอ” ยู่ยวนถามด้วยท่าที่ประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นไป๋จูเหวินตรวจโรค เลยไม่ทราบว่ามันใช้เพียงดวงตาก็สามารถตรวจสอบโรคได้แล้ว
“…”ไป๋จูเหวินเงียบไปพักหนึ่งหลังจากมองมาถึงตรงท้องขององค์จักรพรรดิ
“เจอแล้วงั้นเหรอ” อาวุโสเทียนหมิงถามพลางมองไป๋จูเหวินอย่างเชื่อมั่น มันสามารถตรวจอาการของอู่หมิงได้อย่างละเอียดเพียงแค่มอง กับองค์จักรพรรดิก็คงไม่ต่างกัน
“เจอแล้วขอรับ องค์จักรพรรดิมีอาการบาดเจ็บที่ลําไส้ ขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางชี้ไปที่ท้องด้านขวาล่างขององค์จักรพรรดิ
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้ออกไปไหนและไม่ได้สู้กับใครด้วย จะบาดเจ็บภายในได้อย่างไร” องค์จักรพรรดิถามพลางขมวดคิ้วสงสัย
“อาการบาดเจ็บชนิดนี้เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางใช้ดวงตาสีเขียวมองร่างกายขององค์จักรพรรดิอีกที่ ไม่ว่าจะตรวจสอบเท่าไหร่จุดที่มีความเสียหายก็มีแค่จุดนั้นจุดเดียวจริงๆ
“เช่นนั้นเจ้ามียารักษาหรือไม่” องค์จักรพรรดิถาม เพราะมันทั้งกินยาฟื้นฟูกกินยารักษาต่างๆไปเป็นจํานวนมากแต่ก็ยังไม่หายเสียที
“เกรงว่ายาจะช่วยอะไรได้ไม่มากของรับไป๋จูเหวินมีท่าที ลําบากใจทันทีพราะอาการบาดเจ็บเช่นนี้หากไม่ใช่ไป๋จูเหวินก็คงไม่อาจตรวจพบ
“เช่นนั้นมันคือโรคอะไรกันแน่ แล้วมีวิธีรักษาหรือเปล่า”องค์จักรพรรดิถามด้วยสีหน้ากังวล
“มันคือ ไส้ติ่งอีกเสบ ขอรับ ส่วนวิธีการรักษานั้น”ไป๋จูเหวินนิ่งไปพักหนึ่งพลางผ่อนลงหายใจออกมา
“วิธีการรักษานั้นคือการกรีดท้องของฝาบาท แล้วตัดลําไส้ส่วนที่อักเสบออกมาขอรับ”
ได้ยินวิธีการรักษาแล้วใบหน้าขององค์จักรพรรดิก็ซีดเผือดทันที เมื่อทราบว่าการรักษาคือการเอามีดมาแทงตัวเอง