บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 171
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 171
ไม่วางใจ
“ลมอะไรหอบท่านมาถึงที่นี่กัน” เสียงขอชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้นหลังจากเห็นอู๋หมิงเดินเข้ามาในเขตพระราชวังส่วนของมัน
“นานๆที่ข้าจะมาเยี่ยมน้องชายไม่ได้หรือไง”อู๋หมิงตอบ พลางมองเหล่าหญิงสาวที่กําลังนอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียงขององค์ชายอันดับ 2
“ขอโทษที ข้าไม่นึกว่าพี่ใหญ่จะมาเลยไม่ได้เตรียมตัวต้อนรับ”องค์ชาย 2 ว่าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ มันหาวออกมาพลางเดินข้ามร่างของเหล่าหญิงสาวมาหาอี้หมิงราวกับพวกนางเป็นแค่ของที่วางทิ้งเอาไว้
“เจ้าได้เข้าไปเยี่ยมสเด็จพ่อหรือยัง” อู๋หมิงถามโดยเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งที่องค์ชาย 2 ทํา ถึงอย่างไรพวกนางก็เป็นนางในที่มีหน้าที่รับใช้เหล่าเชื้อพระวงก์อยู่แล้ว
“ไปมาแล้ว เหมือนสเด็จพ่อจะหายดีแล้วสินะ”องค์ชาย 2 ว่าพลางเดินมานั่งที่เก้าอี้กลางห้อง เพราะอาการป่วยของบิดาทรุดหนักทําให้เหล่าองค์ชายองค์หญิงกลับมาที่วังหลวงกันหมด เรียกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่เหล่าพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้าที่สุดแล้วเลย
“อืม..ว่าแต่เจ้าเถอะ ช่วงนี้ทําอะไรงั้นเหรอ”อู๋หมิงถาม พลางเหล่มองเหล่าหญิงสาวที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่รอบๆเตียงขององค์ชาย 2 เรียกได้ว่านี่คือเหตุผลที่อู๋หมิงไม่อยากยกตําแหน่งจักรพรรดิให้องค์ชาย 2 เลย
“ข้าก็เหมือนเดิม หาความสุขใส่ตัวไงล่ะท่านพี่”องค์ชาย 2 ว่าพลางยิ้มกว้าง คติประจําใจของมันคือใช้ชีวิตให้มีความสุข แม้จะไม่ใช่ความคิดที่ผิดอะไร แต่การจะเป็นผู้นํา ความคิดเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แน่นอนว่าองค์ชาย 2 ไม่คิดจะสืบทอดบัลลังก์มันเลยไม่เคยห่วงเรื่องนี้เสียเท่าไหร่
“เอาเถอะ เจ้ามีความสุขก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”อู๋หมิงว่า พลางถอนหายใจออกมา องค์ชาย 2 เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้แต่ตอนเด็กมันยังเอาแต่ขลุกกับพี่เลี้ยงสาวๆเลย ยิ่งเวลาได้เจอมันข้างนอกทุกครั้งมันจะโอบหญิงงามทั้ง 2แขนเสมอ
“อะไรกัน ท่านเป็นห่วงข้าด้วยงั้นเหรอ” องค์ชาย 2 ว่า พลางหัวเราะออกมา
“ยังไงเจ้าก็เป็นน้องข้านี่นา รักษาตัวด้วย”อู๋หมิงว่าพลาง เดินออกไปจากห้องขององค์ชาย 2
พอเดินออกมาจากห้องขององค์ชาย 2 อู๋หมิงก็เดินต่อไป ยังเขตขององค์ชาย 3 ทันที เรียกได้ว่าเช้านี้มันอยากจะพบเจอน้องๆของมันที่ไม่ได้เจอกันนานเสียหน่อย
“เจ้าสบายดีเหรอ”อู๋หมิงถามพลางเดินเข้ามาในห้องขององค์ชาย 3 แม้ข้างนอกจะมีเหล่าคนใช้เดินไปมาอยู่บ้าง แต่ภายในห้องขององค์ชาย 3 กลับแตกต่างจากห้องขององค์ชาย 2 โดยสิ้นเชิง เพราะภายในห้องขององค์ชาย 3 นั้นมีแต่ตําราและตัวขององค์ชาย 3 แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“พี่ใหญ่”องค์ชาย 3 เงยหน้ามองมาทางอู๋หมิง พลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะมันไม่คิดว่าอู๋หมิงจะมาหามันเลย
“เจ้าสบายดีนะ”อู๋หมิงถามพลางมองร่างขององค์ชาย 3 ที่นั่งอยู่บนรถเข็น น่าสงสารร่างกายขององค์ชาย 3 พอการท่อนล่างมาตั้งแต่กําเนิด ทําให้ขาของมันลีบเล็กราว กับตะเกียบ แต่ต้องนับว่าโชคดีที่มันเป็นองค์ชายเลยมีบ่าวรับใช้ตลอดเวลาไม่ลําบากอะไรมาก
“สําหรับข้าก็สบายดี”องค์ชาย 3 ตอบพลางยิ้มบางๆ มันมีมันสมองที่ดีเยี่ยม และขยันขันแข็ง เอาเข้าจริงแล้วมันเหมาะกับการเป็นจักรพรรดิมากกว่าเทียนเหวินเสียอีก เพียงแต่ว่าหน้าที่ขององค์จักรพรรดินอกจากจะต้องปกครองบ้าน เมืองแล้วยังต้องสร้างทายาทให้กับอาณาจักรด้วย ทําให้ร่างกายขององค์ชาย 3 นั้นไม่อาจขึ้นเป็นจักรพรรดิได้
“เจ้าอ่านตําราพวกนี้ตลอดเลยงั้นเหรอ”อู๋หมิงว่าพลาง หยิบตําราออกมาจากชั้นหนังสือที่เรียงรายอยู่ในห้องขององค์ชาย 3 ได้ข่าวว่าเหล่าคนใช้ยังคอยเปลี่ยนตําราในชั้นอยู่ตลอดอีกต่างหาก
“ข้าอยากจะช่วยงานท่านพ่อบ้างเท่านั้นเอง”องค์ชาย 3 ตอบพลางยิ้มบางๆ ตัวมันแม้จะเกิดมาพิการ แต่หัวใจของมันไม่ได้พิการไปด้วย ได้ยินคําตอบของน้องชายเช่นนี้ ก็ทําเอาอี้หมิงยิ้มออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยหากเทียนเหวินขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิก็อาจจะได้พี่ 3 ของมันช่วยเหลือล่ะนะ
“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาครั้งนี้ได้ไปหาอูเต๋อหรือยัง”องค์ชาย 3 ถามออกมาพลางวางตําราในมือของมันลง
“ยัง..”อู๋หมิงตอบพลางเทือนสายตาออกเล็กน้อย อู๋เต๋อ คือองค์ชายลําดับที่ 5 ของอาณาจักรอี้นั่นเอง
“ท่านลองไปหาเขาหน่อยเถอะ เขาอยากเจอท่านมากเลยนะ”องค์ชาย 3 ว่าพลางเปิดตําราขึ้นอ่านอีกครั้ง อู๋เต๋อไม่เคยเจอหน้าอี้หมิงมาก่อน เพราะตลอดชีวิตที่มันเกิดมาอู๋หมิงยังไม่เคยกลับไปที่วังหลวงเลยสักครั้ง
“ได้” เห็นน้อง 3 เปิดตําราอ่านอู๋หมิงก็ได้แต่เดินกลับออกมาเท่านั้น สําหรับองค์ชาย 3 แล้ว ความรู้สึกเสียดายที่มันพิการถือเป็นความรู้สึกหลักๆเลยก็ว่าได้
“พี่ใหญ่” ขณะเดินทางไปยังเขตของอู๋เต๋อ อยู่ๆหญิงสาวนางหนึ่งก็เรียกอี้หมิงเอาไว้ นางมีใบหน้าคล้ายซูหลานไม่มีผิด เพราะนางมีทั้งบิดาและมารดาคนเดียวกันกับซูหลาน และยังเป็นบุตรคนแรกที่แท้จริงของราชวงก์อู๋อีกด้วย
“จื่อหลาน เจ้าสบายดีนะ” อู๋หมิงว่าพลางเดินเข้าไปหานางด้วยท่าที่นิ่งเรียบ ความจริงแล้วนางเกิดก่อนอู๋หมิง 1 เดือน แต่เพราะอูหมิงเป็นชายพวกมันเลยถูกบอกว่าอู๋หมิงเป็นพี่ใหญ่มาเสมอ เพราะถึงอย่างไรทายาทหญิงก็ไม่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์อยู่แล้ว
“สบายดีเจ้าค่ะ”จื่อหลานว่าพลางก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างสง่างาม ท่าทางของนางเหมือนซูหลานไม่มีผิด หากแต่ดวงตาของนางกลับคมเข้มกว่า ท่าทางเอาจริงเอาจังกว่าซูหลานมาก
“ท่านพี่มาที่นี่เพื่อมาหาอู๋เต๋องั้นหรือเจ้าคะ” จื่อหลานถามพลางยิ้มบางๆ
“ใช่ ข้ายังไม่เคยเจอหน้าอู๋เต๋อมาก่อน ก็เลยอยากมาพบหน้ามันบ้าง”อู๋หมิงว่าพลางยิ้มเงื่อนๆ ความจริงมันก็ประหม่าไม่น้อยที่จะต้องไปเจออู๋เต๋อในครั้งนี้
“เขาต้องดีใจแน่ๆ ตามข้ามาสิเจ้าคะ” จื่อหลานว่าพลางเดินนําหน้าอี้หมิงเข้าไปในเขตวังของอู๋เต๋อ
“เจ้าคอยดูแลอู๋เต๋อแบบนี้เสมอเลยงั้นเหรอ”อูหมิงถามพลางเดินตามจื่อหลานไปอย่างช้าๆ มีข่าวลือในวังหลวงที่มันพึ่งทราบเหมือนกันว่าจื่อหลานกําลังพยายามทําให้อู๋เต๋อกลายเป็นหุ่นชักใยของนาง
“เจ้าค่ะ มารดาของอู๋เต๋อเสียชีวิตตอนคลอดเต๋อออกมา ข้าเห็นแล้วสงสารก็เลยไปช่วยเลี้ยงดู” จื่อหลานตอบพลางพาอู๋หมิงเดินเข้าไปในเรือนอย่างช้าๆ ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างงดงามปรากฏเหล่าคนใช้จํานวนหนึ่งและเด็กชายที่กําลัง นั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะกลางห้อง
“พี่จื่อหลาน พี่มาแล้ว”อู๋เต๋อยิ้มพลางหยิบกระดาษในมือวิ่งเข้าไปหาจอหลานในทันที
“พี่จื่อหลานดูสิ ข้าคัดลอกตําราพิชัยสงครามเสร็จแล้ว”อู๋เต๋อยิ้มกว้างพลางนํากระดาษในมือของตนให้จื่อหลานดู เด็ก 5 ขวบกําลังคัดลองตําราพิชัยสงครามงั้นเหรอ…
“ทําไมเจ้าไม่ลองให้พี่ใหญ่ของเจ้าดูล่ะ”จื่อหลานว่าพลางมองไปทางอู๋หมิงที่อยู่ข้างๆ ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของอู๋เต๋อก็ส่องประกายออกมาทันที
“พี่ใหญ่”อู๋เต๋อว่าพลางมองพี่ชายของมันด้วยท่าที่ตื่นเต้น
“ท่านคือพี่ใหญ่อู๋หมิงอย่างงั้นเหรอขอรับ”อู๋เต๋อถามพลางมองอูหมิงด้วยท่าที่ราวกับเด็กสาวได้เจอชายในฝันไม่มีผิด
“ใช่” หมิงตอบพลางยิ้มรับอย่างอ่อนโยน อู๋เต๋อดูเป็นเด็กชายธรรมดาทั่วไป ยิ้มเก่งและขี้อ้อนเพียงแต่…
“พี่ใหญ่ พี่จื่อหลานบอกให้ข้าคัดลอกตําราพวกนี้วันละเล่ม ดูสิข้าคัดออกมาหมดแล้ว”อู๋เต๋อว่าพลางยื่นกระดาษที่เขียนตําราพิชัยสงครามเล่มหนึ่งเอาไว้
“เจ้าเข้าใจงั้นเหรอ”อู๋หมิงถามพลางมองตําราที่อยู่บนโต๊ะของอู๋เต๋อ ทั้งหมดล้วนเป็นตําราพิชัยสงครามและศาสตร์การเป็นผู้นํา หากเรื่องที่อู๋เต๋อว่ามาเป็นความจริง การที่จื่อหลานสั่งให้มันคัดลอกตําราเหล่านี้ทุกวันก็ทําให้ข่าวลือยิ่งน่าเชื่อถือ
“เข้าใจขอรับ”อู๋เต๋อตอบพลางยิ้มกว้าง
“เจ้าเก่งมากที่เข้าใจหนังสือพวกนี้นะ”อู๋หมิงยิ้มพลางนํากระดาษที่อู๋เต๋อนั่งคัดลอกออกมาดู ไม่แปลกที่องค์ชายจะอ่านตําราพวกนี้ แต่ในช่วงสงบสุขเช่นนี้ตําราพิชัยสงครามไม่ใช่อย่างแรกที่ควรให้เด็กเรียนรู้มิใช่หรือ
“ข้าได้ข่าวว่าเทียนเหวินไม่อยากรับตําแหน่ง” จื่อหลานว่าพลางมองมาทางอู๋หมิงด้วยสายตาเย็นยะเยียบ
“แต่ท่านไม่ต้องห่วงหรอก ขอเวลาอีกไม่กี่ปีอู๋เต๋อของข้าจะต้องพร้อมอย่างแน่นอน” จื่อหลานพูดเสียงเรียบราวกับคําประกาศชิงบัลลังก์ครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องพูดคุยสนุกสนานเท่านั้น
“ พร้อมสําหรับอะไร”อู๋หมิงถามพลางมองอู๋เต๋อที่กลับไปนั่งเขียนอะไรบางอย่างต่อ
“เจ้าให้อู๋เต๋ออ่านตําราพิชัยสงครามไปทําไม” อู๋หมิงถามซ้ําพลางลดเสียงลงเพื่อไม่ให้อู๋เต๋อได้ยิน
“ท่านไม่คิดเหรอว่าอาณาจักรของเราตอนนี้ยิ่งใหญ่ได้อีก” องค์หญิงอู๋จื่อหลานว่าพลางยิ้มกว้าง พริบตานั้นอู๋หมิงเกิดนึกขึ้นได้ทันทีว่าอีกสิ่งหนึ่งที่จื่อหลานต่างจากซูหลาน นั่นคือความกระหายในอํานาจนั่นเอง
“เจ้าคิดจะเปิดสงครามกับเพื่อนบ้านงั้นเหรอ”อู๋หมิงว่าพลางกัดฟันแน่น
“เพื่อนบ้าน…ไม่ใช่หรอก พวกเราเพียงแค่รักษาสันติภาพเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ต่อให้พวกเราไม่โจมตีพวกมันก่อน พวกมันก็รอที่จะโจมตีพวกเราเท่านั้นล่ะ” จื่อหลานว่าพลางยิ้มอย่างเยือกเย็น ตัวนางมีความคิดเสมอว่าสันติสุขนั้นมีจุดอิ่มตัวของมัน ไม่นานก็คงมีสงครามแน่ๆ
“…”อู๋หมิงถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที แต่เดิมอู๋หมิงก็ปอบ เห็นด้วยกับเทียนเหวินที่ให้รอองค์ชาย 5 เติบโตขึ้นอีกหน่อย ค่อยให้สเด็จพ่อสละบัลลังก์ให้มัน แต่หากเป็นแบบนี้มีหวังจื่อหลานได้หาทางเปิดสงครามกับอาณาจักรรอบๆแน่ๆ