บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 193 ขอความช่วยเหลือ
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 193 ขอความช่วยเหลือ
“ว่าอะไรนะ พี่ไป๋ถูกจับตัวไปเทียนเหวินเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ข่าวเรื่องของไป๋จูเหวินว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่มันตัดสินใจได้ อู๋เทียนเหวินก็หันไปบอกพ่อตา แม่ยายของมันว่ามันจะกลับวังทันที พร้อมกระโดดขึ้นหลังของจูเชวี่ยที่ยังไม่ได้กลับคืนร่างเสียด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องห่วงนะพี่หลิน พี่ใหญ่ต้องไม่ยอมอยู่เฉยแน่ๆ”เทียนเหวินพูดขณะร่างของจูเชวี่ยทะยานไปข้างหน้า แต่ความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของจูเชวี่ยนั้นก็ยังไม่ทันใจที่ร้อนรุ่มของเทียนเหวินอยู่ดี
“หลีกไป” ทันทีที่ร่างของจูเชวี่ยบินมาถึงวังหลวง เทียนเหวินก็สั่งให้จูเชวี่ยบินเข้าไปลงจอดที่ด้านในพระราชวังเขตของตนเองทันที แถมยังตะโกนบอกให้เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณของตนเองให้หลีกไปอีกต่างหาก
“พี่หญิง ตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ที่ไหน” เทียนเหวินรีบออกจากเขตของตนเองตรงไปยังเขตของอู๋หมิงทันที แต่ระหว่างทางมันได้พบกับซูหลานเสียก่อน ทําให้มันแวะถามทางนางเพราะช่วงนี้หมิงอยู่ไม่ค่อยเป็นที่นักเพราะนอกจากจะต้องไปศึกษาที่วังขององค์ชาย 3 แล้วยังต้องไปอยู่ที่ท้องพระโรงกับองค์จักรพรรดิอีกต่างหาก
“ตอนนี้น่าจะอยู่ในวังของเจ้าสามนะ มีอะไรเหรอ” ซูหลานถามพลางมองผู้ที่มากับเทียนเหวิน นอกจากเหล่าแมงมุมที่นางเคยพบที่ร้านของเหม่ยฮวาแล้วยังมีหญิงสาวคนหนึ่งที่นางไม่เคยพบหน้า แต่ด้วยการแต่งกายแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นคนของกลุ่มนักล่าอสูร แถมหน้าตายังเหมือนเหม่ยฮวากว่า 8 ใน 10 ส่วนเรียกว่านางแทบจะเดาออกทันทีว่านางคือเหม่ยหลินนั่นเอง แต่สองพี่น้องต้าชิงกับต้าเฉินนั้น นางไม่รู้จักเลยเดาเอาว่าเป็นคนติดตามของเหม่ยหลินกระมัง
“พี่ไป๋.. พี่ไป๋เขาโดนองค์ชายจากอาณาจักรจับตัวไป”เทียนเหวินพูดด้วยท่าที่หดหอบเพราะมันเร่งเดินทางมาหลายวันแล้วนั่นเอง
“องค์ชายของอาณาจักรชู? ชูเฟิงงั้นเหรอ” องค์หญิงซูหลานถามพลางขมวดคิ้ว
“เรื่องนั้น…”เทียนเหวินนิ่งไปพักหนึ่ง เพราะมันไม่ได้ถามเช่นกันว่าเป็นองค์ชายชูเฟิงหรือไม่
“เป็นองค์ชายชูเจินเพคะ” จูเชวี่ยที่อยู่ในเหตุการณ์รายงาน เพราะนอกจากนางแล้วคนที่รู้ว่าคนที่มาคือองค์ชายชูเจินคือนางเท่านั้น
“ชูเจินเหรอ…”ซูหลานเงียบไปครู่หนึ่งราวกับคิดอะไรอยู่
“แล้วไป๋จูเหวินโดนจับตัวไปเพราะเรื่องนี้ ค่อยเล่าตอนเจอพี่ใหญ่แล้วก็แล้วกัน” ซูหลานตอบเพราะเห็นท่าที่รีบร้อยของเทียนเหวิน เห็นว่าพี่สาวเข้าใจเทียนเหวินก็รีบเดินทางต่อไปยังเขตขององค์ชาย 3 ในทันที โดยคราวนี้มีซูหลานติดตามมาด้วยอีกคน
“พี่ใหญ่” เทียนเหวินเห็นอู๋หมิงนั่งอยู่ในห้องตําราของพี่ 3 มันก็รีบเอ่ยปากทักทายทันที
“เทียนเหวิน ไหนเจ้าบอกว่าจะอยู่ช่วยงาน…”อู๋หมิงถามได้ไม่ถึงครึ่งประโยคน มันก็มองเห็นเหม่ยหลินและต้าชิงต้าเฉินที่ตามมาด้านหลัง เพียงพริบตาเดียวมันก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ นั่นคือไป๋จูเหวินไม่อยู่ด้วยทั้งๆที่องครักษีทั้ง 2 ของมันอย่างต้าชิงต้าเฉินที่อู๋หมิงไม่ได้พบเสียนานก็มารวมทั้งอสูรแมงมุมทั้ง 3 ของไป๋จูเหวินที่ไม่เคยแยกห่างจากไป๋จูเหวินอีกต่างหาก สําหรับธุ์หมิงนั้นไม่ว่าจะมองอย่างไรก็แปลกอยู่ดี
“พี่ใหญ่ พี่ไป๋โดนองค์ชายชูเจินจับตัวไป”ได้ยินเช่นนั้นอู๋หมิงก็ขมวดคิ้วทันที ทําไมองค์ชายของอาณาจักรชูถึงมาจับตัวไป๋จูเหวินไปได้
“ซูเจิน….นั่นมันน้องชายของชูเฟิงคู่หมั้นของเจ้าไม่ใช่หรือ” หมิงถามพลางมองมาทางซูหลาน
“เพคะ เป็นน้องชายของคู่มั่นน้องจริงๆ”ซูหลานตอบด้วยท่าที่ชื่นชม เรื่องนี้แม้แต่เทียนเหวินยังไม่ทราบ เพราะมันมัวแต่ตามจีบเหม่ยฮวาอยู่ แต่พี่ใหญ่ที่เดินทางฝึกฝนวิชามานานหลายปี พอกลับมาไม่กี่เดือนอู๋หมิงก็ศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ทั้งในและนอกอาณาจักรอย่างจริงจัง ถึงขั้นรู้เรื่องที่องค์ชายชูเฟิงมาสู่ขอนางอย่างไม่เป็นทางการด้วย
“แล้วมันจับตัวไป๋จูเหวินไปเพราะอะไร”อู๋หมิงถามพลางมองมาทางเทียนเหวิน แต่ถึงเทียนเหวินจะฟังมาจากเหม่ยหลินแล้วแต่เพราะนางเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทําให้นางไม่สามารถเล่าเรื่องราวจริงๆได้
“พี่ไป๋แค่ระเบิดเมืองไปเมืองนึ่งเท่านั้นเอง” หลินหลินว่าพลางเล่าให้ธุ์หมิงฟัง ซึ่งเรื่องสั้นๆที่ออกมาจากปากของนางทําให้หงเยวรีบปิดปากนางทันที
“พวกเราไปตามหาต้าชิงกับต้าเฉินที่เขตนักล่าอสูรของอาณาจักรซูเจ้าค่ะ แต่ระหว่างจะกลับก้เกิดเรื่องขึ้น จนสุดท้ายอสูรปักเป้าที่พึ่งติดตามนายท่านมาถูกราชาอสูรโจมตีเข้า มันก็เลยโจมตีเขตนักล่าอสูรจนหายไปหมดสิ้น” หงเยว่เล่าคร่าวๆก่อนจะปล่อยมือจากปากของหลินหลิน เพราะจริงๆแล้วไป๋จูเหวินไม่ใช่คนทํา แต่เป็นอสูรปักเป้าต่างหาก แต่พอได้ทราบจํานวนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วอยู่ๆไป๋จูเหวินก็ยอมรับผิดเสียอย่างนั้น
“เพราะแบบนั้นชูเจินถึงมาจับตัวไป๋จูเหวินไปสินะ”อู๋หมิงพยักหน้าพลางมองไปทางต้าชิงและต้าเฉิน
“ยังไงก็ช่วยเล่าเรื่องอย่างละเอียดให้ข้าฟังหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มีอะไรไปต่อกรกับฝั่งนั้นแน่ๆ”อู๋หมิงสูดหายใจอย่างใจเย็น ความจริงมันแทบอยากจะออกเดินทางทันทีเสียด้วยซ้ำ แต่ขึ้นมันไปแบบนี้ก็ไม่เท่ากับทําตัวไร้เหตุผลหรอกหรือ
“เจ้าค่ะ”หงเยวตอบรับ พลางเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้อู๋หมิงได้ฟัง
“..”อู๋หมิงเงียบไปครู่หนึ่งพลางหลับตาลงราวกับกําลังประมวลข้อมูลที่มันได้ฟังอย่างตั้งใจ
“ปัญหาคือไป๋จูเหวินรับผิดไปแล้วนี่สิ”อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจออกมา เพราะหากจะบอกว่าอสูรปักเป้าลงมือลงไปโดยไม่ได้รับคําสั่งจากไป๋จูเหวินก็อาจจะมีทางเจรจาได้ แต่เพราะไป๋จูเหวินรับผิดไปแล้วอู๋หมิงจึงต้องหาทางอื่น
“ซูหลาน เจ้าช่วยพาข้าไปพบชูเฟิงได้หรือไม่” คู่หมิงถามพลางถามความสมัครใจของซูหลาน เพราะซูหลานไม่ได้อยากพบชูเฟิงเสียเท่าไหร่
“เพคะ หากเสด็จพี่ต้องการ” ซูหลานพยักหน้าช้าๆ เพราะนางเข้าใจดีว่าไป๋จูเหวินเป็นคนที่สําคัญหับพี่ใหญ่และน้อง 4 ของนางมากแค่ไหน
“ขอบใจเจ้ามาก” อู๋หมิงว่าพลางนําเครื่องประดับออกมา 4 ชิ้น โดยทั้ง 4 ชิ้นนั้นเป็นสร้อยคอหยกที่สลักคําว่าอู๋เอาไว้ โดยสร้อยคอเหล่านี้เป็นเครื่องประดับที่เหล่าอสูรของเชื้อพระวงก์จะสวมกัน เพราะอสูรปกติไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเขควังหลวง
“พวกเจ้าสวมสร้อยนี้ไว้”อู๋หมิงว่าพลางส่งสร้อยคอให้เหล่าอสูรแมงมุมและจูเชวี่ยคนละเส้น เท่านี้พวกนางก็สามารถเดินไปไหนมาไหนในวังได้ตราบเท่าที่เป็นเขตที่อสูรเข้าได้
“อ่อ เจ้าห้ามกินมันเข้าไปนะหลินหลิน”อู๋หมิงเตือนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลินหลินกินอะไรเป็นอาหาร
“ขะ ข้ารู้หรอก” หลินหลินตอบพลางทําแก้มปองราวกับไม่พอใจที่ธุ์หมิงห้ามนางเอาไว้
“เรื่องนี้คงจบไม่ง่ายเท่าไหร่ เทียนเหวินเจ้าไปเรียกองครักษณ์หลวงมาคุ้มครองพวกเราด้วยก็แล้วกัน”อู๋หมิงตอบพลางลุกขึ้นยืน ตัวมันนั้นจะออกไปรายงานเรื่องนี้ให้องค์จักรพรรดิทราบ
“ท่านหมอ ขอบคุณท่านมาก” ขณะเดียวกันนั้น ไป๋จูเหวินก็กําลังอยู่ที่เขตของกลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูกําลังไล่รักษาอาการผู้บาดเจ็บอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เจ้าเป็นใครกันแน่”ผู้ติดตามขององค์ชายชูเจินถามพลางขมวดคิว ไป๋จูเหวินเดินทางรักษาผู้คนมานับร้อยแล้ว เพียงพริบตาเดียวมันก็เข้าใจอาการบาดเจ็บแถมยังจัดยาให้อย่างรวดเร็ว และทุกคนที่กินยาเข้าไปก็อาการทุเลาลงในพริบตา บางคนมันถึงกับใช้พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ช่วยอีกต่างหาก แถมยาที่มันใช้แต่ละชนิดก็ส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา ทําให้ตัวมันที่เป็นผู้ติดตามขององค์ชายที่เคยสัมผัสของหายากมามากมายยังต้องตกตะลึง
“ข้าก็เป็นคนของกลุ่มนักล่าอสูรไง”ไป๋จูเหวินตอบพลางเริ่มตรวจอาการของคนไข้รายต่อมา
“…” ในเมื่อไป๋จูเหวินตอบเช่นนั้นมันเองก็ไม่ทราบจะรบเร้าอะไร แต่ยิ่งเห็นไปงูเหวินเอาสมุนไพรหายากออกมารักษาคนมากเท่าไหร่ตัวมันที่แต่เดิมคิดว่าให้ไป๋จูเหวินช่วยรักษาคนลดค่ารักษาของอาณาจักรก็คงจะดีเริ่มรู้สึกเสียดายขึ้นมาแล้ว เจ้าหนุ่มนี้ใช้สมุนไพรและยาราวกับได้มาฟรีเลยทีเดียว
“ข้าละสงสัยจริงๆว่าในมิติของเจ้ามันมีอะไรบ้าง” ผู้ติดตามบ่นพลางพาไป๋จูเหวินเดินทางรักษาคนในเมืองต่อตามคําสั่งขององค์ชาย
“ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกสมุนไพรแล้วก็แร่ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเรียบ
“ข้าไม่ได้ถามเพื่อให้เจ้าตอบสักหน่อย” ผู้ติดตามถอนหายใจออกมา จะว่าไปคราวก่อนมันก็นําทองคําจํานวนมากออกจากมิติของมันเสียเฉยๆราวกับเจินจํานวนนั้นเป็นของมันอยู่แล้วเลย นี่ในมิติของมันยังมีของมีค่าเหลืออีกเท่าไหร่กัน
“ชักจะเสียดายแล้วสิ”ผู้ติดตามพูดอีกครั้งพลางมองแผ่นหลังของไป๋จูเหวินนิ่ง หากมันไม่ตายในลานประลองลับขององค์ชายก็คงจะดีหรอก หรือไม่ก็ต้องให้มันเอาของในมิติของมันออกมาก่อนตายก็คงจะดี