บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 200 ก่อเรื่อง
บุตรอสูรบรรพกาลตอนที่ 200 ก่อเรื่อง
“คุณหนู ท่านเห็นพวกหลินหลินหรือเปล่า” ขณะเดียวกันถายในวังหลวงหงเยวที่เข้าไปช่วยงานขององค์ชาย 3 ก็เดินกลับมาในเขตของซูหลานซึ่งให้เหม่ยหลินกับเหล่าอสูรพักอาศัยชั่วคราว
“เห็นบอกว่าจะไปรอธุ์หมิงที่หน้าประตูนะ” เหม่ยหลินตอบเพราะหลินหลินกับปิงปิงออกไปรอหน้าประตูมาหลายวันแล้วท่าทางพวกนางจะอยากเจอไปจูเหวินมาก แน่นอนว่านางเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันแต่เพราะการข้าม ไปอาณาจักรอื่นเป็นเรื่องยาก หากไม่ใช่คนของวังหลวงก็ไม่อาจตามไปด้วยได้ทําให้เหม่ยหลินและพวกต้าชิงต้าเฉินต้องรออยู่ที่วังหลวงแห่งนี้
“ซนกันจริงๆเลยนะ” หงเยวถอนหายใจออกมาพลางเดิน ไปที่หน้าประตูวังที่จะพาออกไปยังวังชั้นนอกส่วนเหม่ยหลินนั้นก็ตามออกมาด้วยเพ ราะวันนี้พวกหลินหลินหายไปนานผิดปกติแล้วจริงๆ
“พี่ชาย ท่านเห็นหลินหลินกับปิงปิงหรือไม่เจ้าคะ” หงเยว่ เดินเข้าไปถามทหารที่ทําหน้าที่เฝ้าประตูอยู่ที่นางถามอของหลินหลินออกไปตรงๆนั้นเพราะหลินหลินมักจะแอบ มารอไปัจูเหวินตรงนี้เสมอทําให้รู้จักทหารยามอยู่บ้าง
“แม่หนูอสูร 2 ตนนั้นนะเหรอ” ทหารยามได้ยินคําถามผ ยิ้มออกมาทันที เพราะดูภายนอกแล้วหลินหลินกับปิงปิงเหมือนเด็กที่กําลังพากันมาเล่นสนุกไม่มีผิด ทําให้บรรยากาศในวังหลวงที่เคร่งครัดดูผ่อนคลายลงมาก
“ดูเหมือนพวกนางจะพบองค์มเหสีเข้า พระองค์เลย พาพวกนางไปไหว้พระด้วยกัน” ทหารยามตอบตามที่ตนเห็น
“ไหว้พระ?”หงเยวขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ ทําไมพระ มเหสีต้องพาทั้งสองไปไหว้พระด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนางไปกับขบวนเสด็จไม่ นานก็คงกลับ” ทหารยามตอบเพราะขบวนเสด็จของพระมเหสีมีคนระดับเทียนเซียนไปด้วยหลายคน และ 2 คนในนั้นก็เป็นขั้น 10 ด้วย หากไม่ใช่เพราะองค์ชายธุ์หมิงขอแบ่งกําลังคนไปอาณาจักรชูก็ต้องมีคนระดับเทียน เซียนขั้น 10 4คนเป็นอย่างต่ําไปแล้ว
ปีง! ขณะกําลังจะถาว่าขบวนเสด็จของพระมเหสีจะกลับ มาเมื่อไหร่ ประตูวังชั้นนอกก็เปิดออกเสียก่อนทําให้ทหาร ยามที่ทําหน้าที่เฝ้าประตูชั้นในรีบเดินเข้าไปที่ช่องระหว่างประตูทันที ไม่นานมันก็ได้สัญญาณว่าให้เปิดประตูออก ทําให้มันไม่มีเวลามาตอบคําถามของหงเยว่และตรงไปเปิดประตูออกทันที
“แวบแรกพวกเหม่ยหลินคิดว่าขบวนเสด็จของ พระมเหสีอาจจะกลับมาแล้วกระมัง แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้า มาพร้อมพวกอี้หมิงแล้วความคิดอื่นๆ ของเหม่ยหลินและหงเยว่ก็พลันลอยหายไปทันที
“พี่ไป” เหม่ยหลินว่าพลางเดินเข้าไปหาไปจูเหวินทันที หากไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าองค์ชายองค์หญิงนางอาจจะโผเข้ากอดเลยก็เป็นได้
“ข้านึกว่าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว”เหม่ยหลินว่าพลางเช็ ดน้ําตาที่ขอบแก้ม
“ข้าขอโทษ”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ ไม่นึกเลยว่า เหม่ยหลินจะเป็นห่วงมันขนาดนี้แต่นางก็ไม่ทราบนี้นะว่ามันเอาอสูรปักเป้าไปด้วย
“คราวนี้ต้องขอบคุณนางเลยนะ พอรู้เรื่องของเจ้านา งก็บุกเข้ามาในวังหลวงเพื่อขอความช่วยเหลือเลย”อู่หมิงว่าพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย ตัวธุ์หมิงกับเหม่ยหลินรู้จักกันมาก่อนที่ไปจูเหวินจะออกจากเขตอสูรเสียอีก หมิงจึงไม่เคยเห็น นางลนลานเช่นนี้มาก่อน
“อย่างนั้นเหรอ ขอบใจเจ้ามาก”ไปจูเหวินว่าพลางเช็ดน้ํา ตาที่แก้มของเหม่ยหลินเบาๆทําเอานางหน้าแดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าขอไปพักก่อนก็แล้วกัน” ซูหลานพูดพลางหันไปบอก ลาอี้หมิงกับเทียนเหวิน เล่นเอาทั้งคู่หมิงทั้งเทียนเหวินได้แต่ยิ้มเงื่อนๆไม่ทราบจะพูดอะไรดี
“นายน้อย”ราวกับสัมผัสถึงพลังของไปจูเหวินได้ ต้าชิง และต้าเฉินเองก็รีบออกมาหาไปจูเหวินทันทีที่ได้ทราบข่าวว่าอู่หมิงกลับมาแล้ว
“โชคดีจริงๆที่ท่านปรอกภัย”ต้าชิงว่าพลางถอนหายใจ อย่างโล่งอก
“ขอโทษด้วยที่ทําให้พวกท่านเป็นห่วง”ไปจูเหวินว่าพลา งยิ้มรับ เพราะความเห็นแก่ตัวของมันแท้ๆเลยทําให้ทุกคนเป็นห่วงขนาดนี้
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะแค่นายท่านกลับมาก็ พอแล้ว” หงเยวตอบพลางยิ้มกว้าง นึกว่านางต้องเสียเจ้านายไปอีกแล้วเสียอีก เช่นนั้นนางคงไม่อาจทําใจรับใช้เจ้า นายใหม่ได้อีกแล้วแน่ๆ
“จริงสิ แล้วหลินหลินกับปิงปิงล่ะ”ไปจูเหวินถามพลาง มองไปรอบๆ ดูเหมือนหลินหลินกับปิงปิงจะไม่อยู่
“เรื่องนั้น…”หงเยว่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องที่นาง ทราบให้ไปจูเหวินฟัง
“…..ดูเหมือนจะไปรบกวนพระมเหสีซะแล้ว”ไปจูเหวิ นว่าพลางมองไปทางอี้หมิง
“ไม่หรอก ท่านน้าชอบพาคนอื่นไปวัดด้วยเสมอ ข้ากับ เทียนเหวินเองก็โดนบ่อยๆ” อี้หมิงส่ายหน้าพลางยิ้มเจื่อนๆค ราวก่อนมันก็โดนบังคับให้ตามไปจนพบกับเรื่องไม่คาดฝันอย่างการได้เจอกับหยงเวยไปแล้วแต่จะว่าไปไปจูเหวินยังไม่ ทราบสิ้นะว่าหยงเวยกําลังกลับตัวกลับใจอยู่
“ถ้าเช่นนั้น เราก็ตามไปที่วัดกันเถอะ”อู่หมิงเสนอเพราะ มันอยากจะให้ไปจูเหวินได้เห็นว่าหยงเวยเปลี่ยนไปแล้วและมันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหยงเวยจะกลายเป็นมารแล้ว
“แบบนั้นองครักษ์ไม่เหนื่อยกันหรือพี่ใหญ่” เทียนเหวิ นถามเพราะพวกมันพึ่งเดินทางกลับมาจากอาณาจักรชูหมาดๆ
“แค่นอกเมืองนี้เอง พวกเราไปกันเองก็ได้” อูหมิงว่าพลาง อาสาพาไปจูเหวินไปที่วัด ซึ่งไปจูเหวินที่เป็นหวงพวกหลินหลินว่าจะก่อเรื่องให้พระมเหสีหนักใจหรือไม่ตัดสินใจเดินทางไปด้วยทันที
“องค์ชาย พวกเราขอตามไปด้วยขอรับ”องครักษ์ส่วนห นึ่งเห็นว่าอูหมิงจะเดินทางไปที่วัดต่อก็อาสาเดินทางติดตามไปด้วยแต่เพราะธุ์หมิงอยากให้พวกมันพักผ่อนจากการเดินทางเลยมีคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ติดตามไปด้วย 2 คนเท่านั้น
“องค์ชาย ระวังด้วยนะขอรับ” องครักษ์ว่าพลาง เดินนําพวกไปจูเหวินออกจากเมืองไปอย่างรัดกุมแต่ก่อนจะ ถึงวัดพวกมันทั้ง 2 ก็รู้สึกผิดปกติอย่างมาก
“ปกติพระมเหสีจะกลับแล้วนี่นา”องครักษ์คนหนึ่งพูด พลางมองไปที่ภูเขาที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดปกติพระมเหสี้จะ กลับช่วงบ่าย ไม่เคยอยู่ยาวจนเย็นเช่นนี้มาก่อน
“องค์ชาย มีคนนอนอยู่ข้างหน้าขอรับ” ราวกับจะตอกย้ํา ความสงสัยขององครักษ์เพราะเบื้องหน้าพวกมันมีชายคนหนึ่งนอนอยู่ที่ใต้ต้นไม้
“นั่นมัน…องครักษ์ของท่านน้า”อูหมิงเห็นภาพตรงหน้า แล้วใจหล่นวูบ เพราะคนที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นไม่ใช่องครักษ์ธรรมดา แต่เป็นคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 แถมรอบๆยังมีร่องรอยการต่อสู้กันอย่างหนักอีกด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เฮ้ย ตื่น” องครักษ์ของอูหมิงพยา ยามปลุกองครักษ์ของพระมเหสี แต่มันก็ไม่มีท่าที่จะลุกขึ้นมาเลย
“ใครกันทําเรื่องแบบนี้”ไปจูเหวินว่าพลางพุ่งตัวเข้าไปหา ชายคนที่นอนอยู่ มันรีบยัดยาเข้าปากพลางส่งพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในร่างของชายคนนั้น
“เฒ่าประทับสวรรค์”อู่หมิงว่าพลางมองรอยฝ่ามือบนร่าง ของชายที่สลบอยู่ มันเคยสู้กับเฒ่าประทับสวรรค์มาหลายเดือนพอทราบวักษณะการโจมตีเช่นนี้เป็นของมันอย่างแน่นอนแต่อาจารย์กับเซียนดาบออกไปตามหาเฒ่าประทับสวรรค์แล้วไม่ใช่หรือ
“แต่ถึงจะเป็นท่านก็เถอะ ทําไมถึงทําร้ายคนของเรา กัน”องครักษ์ถามพลางมองไปรอบๆ คนอื่นที่ยังไม่ทราบเรื่องคงนึกภาพไม่ออกว่าทําไมเฒ่าประทับสวรรค์ถึงโจมตีอง ครักษ์ของพระมเหสีได้
“เรื่องนั้น…”อู่หมิงเงียบไปพักหนึ่งพลางมองร่องรอยการ ต่อสู้ นอกจากรอยเท้าของเฒ่าประทับสวรรค์แล้วธุ์หมิงยังพบรอยเท้าของอาวุโสเทียนหมิงและเซียนดาบอีกต่างหาก แต่ กลับพบรอยเท้าขององครักษ์ไม่มากบางที่องครักษ์ของพระมเหสีอาจจะเข้าไปแทรกการต่อสู้ของทั้ง 3 คนจนโดนลูกหลงก็เป็นได้แม้จะเป็นคนระดับเทียนเซียนขั้นที่10 เช่นกันแต่พวกยอดฝีมือจริงๆนั้นจะมีความแตกต่างต่อให้อยู่ระดับ เดียวกันก็ตาม
ตูม! เสียงๆหนึ่งกังมาจากทางขึ้นวัดทําให้ไปจูเหวินรีบ เปลี่ยนดวงตาเป็นสีน้ําเงินพลางกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ทันที
“เป็นเฒ่าประทับสวรรค์จริงๆ”ไปจูเหวินตอบเสียงเบา พลางเพ่งมองทางขึ้นวัดอย่างประหลาดใจเพราะเห็นได้ชัด ว่าอาวุโสเทียนหมิงและเซียนดาบกําลังไล่ตามเฒ่าประทับ สวรรค์ที่กําลังหนีขึ้นไปบนวัดอยู่แถมท่าวิ่งของเฒ่าประทับสวรรค์ยังใช้ 4 ขาอีกต่างหาก นอกจากนั้นรูปร่างของมันยังเปลี่ยนไปมากทั้งกระดูกที่ผิดรูปและใบหน้าที่เละเทะราว กับสุนัขจรจัด หากไม่นับเรื่องฝีมือแล้วชื่อเสียงของเฒ่าประทับสวรรค์คงไม่เหลืออีกต่อไปแล้วแน่ๆ
“องค์ชาย จะทําอย่างไรดี”องครักษ์คนหนึ่งถามพ ลางมองสหายของมันที่ยังสลบไม่ฟื้น
“เจ้าพาคนเจ็บกับเทียนเหวินกลับไปที่เมือง ข้าจะไปช่วย อาจารย์” อู่หมิงว่าพลางเรียกกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมา
“พี่ใหญ่ ทําไม..”เทียนเหวินพยายามจะถาม แต่เห็นได้ ชัดเลยว่าเทียนเหวินไม่อาจช่วยเหลืออะไรในการต่อสู้กับ เฒ่าประทับสวรรค์ได้เลย
“เจ้าไปเรียกตัวเหล่าองครักษ์มา ข้าจะนํากระบี่ไปให้อา จารย์” อู่หมิงตอบพลางพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยมีองครักษ์อีกคนติดตามมาด้วย แน่นอนว่าไปัจูเหวินเองก็ไม่ รอช้ารีบตามอู่หมิงไปทันที ทําให้ต้าชิงต้าเฉิน หงเยว่ และ เหม่ยหลินเองก็รีบตามไปเช่นกัน เหลือเพียงเทียนเหวินองค์รักษ์ 1 คน และองครักษ์ที่บาดเจ็บ 1 คนเท่านั้น
“รีบไปกันเถอะ”เทียนเหวินส่ายหัวพลางหันหลัง กลับไปยังเมืองพลังของเทียนเหวินไม่ได้มากมายอะไร ยิ่งไม่ ต้องพูดถึงวิชาต่อสู้แถมมันยังกําลังจะแต่งงานแล้วอีกต่าง หาก นั่นทําให้มันสํานึกตนเองอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบกลับเมืองเพื่อตามกําลังคนมาช่วยเหลือ