บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 204 ลงโทษเป็น เยี่ยงอย่าง
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 204 ลงโทษเป็น เยี่ยงอย่าง
ลงโทษเป็นเยี่ยงอย่าง
“อาจารย์ ท่านจะพาท่านผู้เฒ่าไปไหนงั้นเหรอ”อู๋หมิงถาม หลังจากทุกคนช่วยกันเก็บกวาดวัดจนเสร็จเรียบร้อย
่
“ข้าจะพามันไปหาเพื่อนของข้า บางทีมันอาจจะช่วยให้สติของตาเฒ่านี่กลับมาก็ได้” อาวุโสเทียนหมิงตอบพลางแบกเอาร่างของเฒ่าประทับสวรรค์เอาไว้บนบ่า
“พี่ไปรักษาไม่ได้เหรอ” หลินหลินถามพลางมองไปทางไป่จูเหวิน สําหรับนางไป่จูเหวินแทบจะรักษาได้ทุกโรคเลยไม่ใช่หรือ
“เรื่องนี้ข้าไม่ชํานาญ”ไป่จูเหวินตอบเพราะการรักษาอาการธาตุไฟเข้าแทรกนั้นไม่เหมือนการรักษาร่างกายตามปกติ แม้ไป่จูเหวินจะรักษาเส้นชีพจรวิญญาณที่เสียหายได้ แต่ไม่อาจทําให้สติของเฒ่าประทับสวรรค์กลับมาได้
“ไม่ต้องเหนื่อยพวกเจ้าหรอก เอาไว้มันหายดีแล้วจะให้มันมาขอโทษเรื่องชิงตําราเจ้าไป” อาวุโสเทียนหมิงถอนหายใจพลางบอกลาพวกไป่จูเหวิน ไม่นานยอดฝีมือทั้งสองก็พาร่างของเฒ่าประทับสวรรค์หายไปลับขอบฟ้า
“เย็นมากแล้วนี่นา กลับกันเถอะ”อู๋หมิงมองท้องฟ้าสีส้ม เบื้องหน้าพลางมองไปที่ตีนเขา ดูเหมือนพวกเทียนเหวินจะตามองครักษ์มากันแล้ว น่าเสียดายที่ช้าไปเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกมันคงรับมือได้ง่ายกว่านี้
หลังจากเกิดเรื่องตั้งมากมาย ในที่สุดไป่จูเหวินก็ขอตัวกลับมาที่เมืองร้อยแปดอสุรเสียที เพราะพวกหวงหลงยังไม่ทราบว่าไป่จูเหวินกลับมาแล้วเสียด้วยซ้ํา ปานนี้พวกมันคงเป็นห่วงแย่
“อย่างนี้นี่เอง ได้องค์ชายช่วยเอาไว้สินะ” หวงหลงถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะกําลังคนของกลุ่มนักล่าอสูรในตอนนี้ไม่อาจบุกอาณจักรชูได้แน่ๆ
“ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทําให้ทุกคนเป็นห่วง”ไป่จูเหวินว่าพลางประสานมืออย่างนอบน้อม
“เอาเถอะ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว”อาวุโส 7 ว่าพลาง
ยิ้มบางๆ
“ไม่ได้หรอก คราวนี้เจ้าก่อเรื่องให้คนอื่นต้องเดือดร้อน ไม่ลงโทษเจ้าเลยจะเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี” หวงหลงว่าพลางมองไปที่ไป่จูเหวิน หากไม่ใช่เพราะหลินหลินรีบออกไปขอความช่วยเหลือจากองค์ชาย ตัวมันก็คงไปที่เกาะบนหลังอสูรเต่ายักษ์เพื่อขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าถังไปแล้ว
“ขอรับ”ไป่จูเหวินตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย
“บทลงโทษของเจ้าเอาเป็น กักตัวในถ้ำฝึกฝน 1 เดือน แล้วกัน” เห็นได้ชัดเลยว่าบทลงโทษของไป่จูเหวินออกจะเบาไปหน่อย แต่จะไม่ลงโทษเลยก็ไม่ได้
“แล้วก็เหม่ยหลิน” อยู่ๆหวงหลงก็หันไปหาเหม่ยหลินที่ยืนอยู่ข้างๆไป่จูเหวิน
่
“เจ้าค่ะ”เหม่ยหลินรับคําด้วยท่าทิ้งงๆ
“เจ้าเองก็ขาดการฝึกฝนไปอยู่ที่วังหลวงเสียนาน เอาเป็นว่าเจ้าก็เข้าไปฝึกฝนในถ้ําฝึกฝึกฝนด้วยก็แล้วกัน”ได้ยินเช่นนั้นเหล่าอาวุโสก็พากันยิ้มออกมา
“แต่ว่าท่านหัวหน้า ตอนนี้ถ้ำฝึกฝนวิชาของท่านว่างอยู่ที่เดียวไม่ใช่เหรอ”
อาวุโส 7 ว่าพลางยิ้มออกมา
“ว่างอยู่ที่เดียวได้อย่างไร ท่านหัวหน้ามีถ้ำฝึกฝนตั้ง “ก่อนที่อาวุโส 2 จะพูดอะไรไม่เข้าเรื่องออกมา รองหัวหน้าก็เข้ามาปิดปากมันก่อนเสียอย่างนั้น
“น่าเสียดายที่ถ้ําอื่นๆเกิดเสียหายขึ้นมากะทันหัน คงต้องให้คุณหนูกับนายน้อยใช้ร่วมกันเสียแล้ว”รองหัวหน้าอีกคนว่าพลางยิ้มกว้าง
“เดี๋ยวสิท่านพ่อ แบบนั้นมันไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ”เหม่ยหลินท้วงด้วยใบหน้าแดงก่ํา อยู่ๆจะให้นางไปอยู่กับไป่จูเหวินในถ้ําสองต่อสองได้อย่างไร
“พูดอะไรของเจ้า ข้าให้พวกเจ้าไปฝึกวิชา มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ” หวงหลงถามหน้าตาย ทําเอาเหม่ยหลินยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่
“หรือว่าคุณหนูไม่ไว้ใจนายน้อยกัน” อาวุโส 1 ถามพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ข้า…”เหม่ยหลินหันไปมองไป่จูเหวินครู่หนึ่ง แน่นอนว่านางไว้ใจไป่จูเหวินอยู่แล้ว ต่อให้เข้าไปอยู่ในถ้ําด้วยกันเป็นเดือนก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่ขึ้นนางเข้าไปอยู่กับไป่จูเหวินตามลําพัง นางกลับไม่มั่นใจตัวเองเสียมากกว่า
“จะว่าไปข้าเองก็มีเรื่องอยากจะให้เจ้าช่วยเหมือนกัน ได้ฝึกร่วมกันแบบนี้ก็ไม่เลว”ไป่จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใสซื่อ ทําเอาเหม่ยหลินเหงื่อตกทันที
“ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน วันนี้พวกเจ้าไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เช้าให้พวกเจ้าเข้าไปเก็บตัวในถ้ําฝึกฝนทันที” จบคําสั่ง เหล่าอาวุโสต่างก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไป่จูเหวินเป็นศิษย์เอกของหวงหลง เอาเข้าจริงๆยามนี้ไป่จูเหวินฝีมือเหนือกว่าหวงหลงไปแล้วกระมัง หากได้ลงเอยกับเหม่ยหลินก็คงดี เพราะนางก็เป็นลูกสาวของหวงหลง เรียกได้ว่า เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนเสีย
“คุณหนู มาเถอะพวกข้าจะช่วยท่านเลือกชุดเอง” หยวนหยวน จูเซวี่ย และเสวียนอู่ อสูรสาวทั้งสามต่างพาตัวเหม่ยหลินกลับห้องด้วยท่าทีกระดึกระด้าอย่างประหลาด ทําเอาเหม่ยหลินได้แต่ถอนหายใจแล้วตามพวกพี่ๆของนางไปอย่างช่วยไม่ได้ นี่พวกท่านไม่มีใครสักคนมองว่าเป็นการฝึกแล้วกระมัง
จนแล้วจนรอด เหม่ยหลินก็ถูกขังเอาไว้ในถ้ํากับไป่จูเหวินจนได้ แม้จะไม่เหมาะสมนักแต่เหล่าอาวุโสเล่นเห็นชอบกันหมดแบบนี้ใครจะกล้าต่อว่าได้
่ ่
“ที่นี่นะเหรอถฝึกฝนของท่านหัวหน้า”ไป่จูเหวินที่เดินลงมาเป็นคนแรกพูดพลางมองไปรอบๆ ที่นี่ไม่เหมือนถ้ําที่มันเคยไปรับเหม่ยหลินมาก่อนหน้านี้ เพราะที่นั่นมีบ่อน้ําขนาดใหญ่เหมาะกับการฝึกฝนพลังธาตุวารีของเหม่ยหลิน แต่ที่นี่เป็นถ้ําขนาดใหญ่ที่ถูกแกะสลักรูกมังกรเอาไว้บนเพดาน โดยส่วนกลางนั้นเป็นห้องรูป 8 เหลี่ยม โดยในแต่ละด้านนั้นมีห้องแยกออกไปอีก 7 ห้อง ต่อให้มีคนมากกว่านี้ ก็คงอาศัยอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ข้อเสียอย่างเดียวคือถ้ําไม่มีแสงสว่างเลย ทําให้ต้องจุดเทียนที่เรียงรายอยู่บนชั้นหน้ากําแพงเอา
“…”เหม่ยหลินที่เดินตามลงมามีท่าที่ประหม่าอย่างชัดเจน นางแต่งตัวด้วยชุดสีขาวที่พวกพี่ๆของนางเลือกให้เมื่อคืน ทําเอานางดูแตกต่างจากตอนสวมชุดของกลุ่มไม่น้อย
ปึก..ไม่ทราบเพราะประหม่าหรือมัวคิดเรื่องต่างๆนาๆเอาไว้หรืออย่างไร นางเลยเดินมาชนหลังไป่จูเหวินเสียอย่างนั้น ทําเอานางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
“จริงสิ เจ้าคงมองไม่เห็นสินะ”ไป่จูเหวินว่าพลางเรียกลูกไฟออกมาจุดเทียนที่อยู่รอบๆในทันที เพราะเหม่ยหลินคงไม่สามารถมองเห็นในที่มืดได้เหมือนกับไป่จูเหวิน ที่มีดวงตาเหนือมนุษย์ไปมาก
“ปะ เปล่า”เหม่ยหลินตอบด้วยท่าทีเขินอาย พอจุดเทียนแล้ว นางถึงเพึ่งเห็นว่าตนเองอยู่ห่างจากไป่จูเหวินเพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น ยิ่งมีแสงเทียนช่วยขับแล้วทําเอาบรรยากาศดีอย่างน่าเจ็บใจ ทําเอาเหม่ยหลินทําตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“จริงสิ ข้ามีเรื่องอยากจะตอบแทนเจ้า”ไป่จูเหวินว่าพลางยิ้มกว้าง เรื่องคราวนี้หากไม่ได้เหม่ยหลินช่วย อู๋หมิงคงมาได้ไม่เร็วเท่านี้ และคงจบที่ไป่จูเหวินใช้อสูรปักเป้าหนีออกมาดื้อๆแทนที่จะออกมาอย่างถูกต้องเช่นนี้
“ตอบแทน…”เพราะนางอยู่ใกล้ไป่จูเหวินมากทําเอานาง คิดอะไรต่อมิอะไรไปไกล แต่อยู่ๆไป่จูเหวินก็ยื่นตําราเล่มหนึ่งมาให้นาง ทําเอานางได้แต่รับมาด้วยท่าทีเสียดาย
“นี่เป็นวิชาของท่านน้าจิ้งจอกกับท่านน้าไก่ฟ้า ข้าคิดว่ามันคงเหมาะกับเจ้า”ไป่จูเหวินยิ้มพลางยื่นตําราให้เหม่ยหลิน ตําราเล่มนี้มันคัดลอกวิชาของน้าจิ้งจอก อย่าง ฝ่ามือหิมะละลายกลางนภา หมอกควันกบดาน ผงาดกลางหิมะ เมฆหนาไร้หิมะ รวมถึงวิชาของน้าไก่ฟ้าอย่าง ปักษาโรมรัน ปักษาข้ามสมุทร ปักษาสะบัดหาง และบังคับหกปักษา รวมเป็น 8 วิชา หรือเรียกได้ว่าเกือบครึ่งของวิชาที่ไป่จูเหวินมีนั่นเอง แม้ตอนแรกไป่จูเหวินคิดจะมอบวิชาของน้าจิ้งจอกให้เหม่ยหลินเท่านั้น แต่เพราะท่าของท่านน้าจิ้งจอกส่วนใหญ่เป็นการตั้งรับ สุดท้ายไป่จูเหวินเลยเอาวิชาจากท่านน้าไก่ฟ้ามา 4 จาก 6 วิชามาเสริม
“ขะ ขอบคุณ” เหม่ยหลินขอบคุณเสียงเบาด้วยท่าทีเหมือนเสียดายอะไรบางอย่าง หรือนางจะคิดมากไปคนเดียวกันนะ ไป่จูเหวินคงไม่มีทางทําอะไรหรอก
“แล้วก็…”ไป่จูเหวินพูดพลางหยิบตําราขึ้นมาอีก 2 เล่ม
“นี่เป็นเรื่องที่ข้าอยากจะขอรองเจ้า” ตําราในมือของไป่จูเหวินนั้นคือวิชาเทพจุติ กับเทพประสานนั่นเอง คราวก่อนมันเคยพยายามใช้พลังอสูรและพลังวิญญาณฝึกฝนด้วยตนเอง แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถทําได้
“ข้าอยากให้เจ้าฝึกร่วมกับข้าได้หรือไม่”ไป่จูเหวินถามด้วยท่าที่จริงจัง ทําเอาเหม่ยหลินได้แต่หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม แม้ในคําพูดของไป่จูเหวินจะไม่มีอะไรแอบแฝง แต่การฝึกร่วมกันด้วยวิชาฝึกฝนคู่เช่นนี้ย่อมหมายถึงความใกล้ชิดในระดับหนึ่ง มันเลยช่วยไม่ได้ที่นางจะใจเต้นโครมครามเช่นนี้
“ค่ะ”เหม่ยหลินตอบรับเสียงเบาพลางฟังไป่จูเหวินอธิบาย ดูเหมือนวิชานี้สามารถใช้ฝึกฝนได้ทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูร หากนางที่มีทั้งสองอย่างฝึกฝนมันทั้งคู่และประสานกับไป่จูเหวินได้ พลังวิญญาณและพลังอสูรของนางและไป่จูเหวินน่าจะพัฒนาขึ้นมากทีเดียว