บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 206 เชื่อมสัมพันธ์
บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 206 เชื่อมสัมพันธ์
เชื่อมสัมพันธ์
“เจ้าไม่ไปอยู่กับเจ้านายเหรอ” หยงเวยถามขณะนั่งแกะสลักรูปปั้นตามปกติ แต่ไม่ทราบทําไมที่เบื้องหลังของมันถึงมีอสูรของไปจูเหวินอย่างหลินหลินอยู่ด้วย
“ก็พี่ไปกําลังเก็บตัวฝึกวิชานี่นา” หลินหลินว่าพลางเอาแผ่นหยกที่หยงเวยแกะทิ้งออกมากิน แม้จะอยากบอกว่าของตกพื้นอย่าพยิบขึ้นมากินแต่หลินหลินต้นกินดินอยู่แล้วก็คงไม่เป็นอะไรหรอก
“ก็แล้ว พี่ไปของเจ้าเก็บตัวฝึกฝนมันเกี่ยวอะไรกับการที่พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่เล่า ” หยงเวยถามพลางถอนหายใจออกมา เลือกใหญ่เพราะนอกจากหลินหลินแล้ว ปิงปิงและหงเยว่เองยังมาอยู่ที่นี้อีก
“พวกเราไม่ได้มาอยู่ที่นี่สักหน่อย เราแค่มาวัดกับพระมเหสีเท่านั้นเอง” หงเยว่ตอบ ไม่ทราบทําไมพระมเหสีถึงถูกใจ พวกหลินหลินมากถึงขนาดบอกให้องครักษ์คนหนึ่งไปชวนถึงเมืองร้อยแปดอสูรเลยทีเดียว แต่ก็เพราะเป็นช่วงที่ไปจู เหวินกําลังเก็บตัวฝึกฝนพวกหลินหลินเลยมาได้ไม่มีปัญหาอะไร แถมในมือของปิงปิงยังมีลูกโปงลูกหนึ่งอยู่อีกต่างหากพอเห็นนางโยนมันเล่นราวกับลูกโปงธรรมดาทําเอาหยงเว่ย มองข้ามอสูรปักเป้าไปเลย
“ก็แล้วทําไมไม่ตามพระมเหสีเข้าไปในโบสถ์กัน ล่ะ” หยงเวยถามพลางวางเครื่องมือแกะสลักลง ความจริงเจ้าอาวาสบอกให้มันเลิกแกะสลักพระพุทธรูปมาประดับวัด ได้แล้วเพราะหยงเวยสามารถสร้างหยกได้ไม่จําเป็นต้องซื้อ เลยกลายเป็นว่าภายในวัดมีพระพุทธรูปอยู่เต็มเอียดไปหมดจนชาวบ้านที่เข้ามาจะเรียกวัดแห่งนี้ว่าอารมหยกอยู่แล้ว
“มันน่าเบื่อนี่นา พวกเราก็เลยขอออกมาข้างนอก” หลิน หลินตอบพลางยิ้มกว้าง ไม่ทราบทําไมหยงเว่ยถึงกลายเป็นตัวแก้เบื่อของนางไปอีกแล้ว
“หลินหลิน กลับกันเถอะ” ขณะกําลังเถียงกังหยงเว่ยอยู่นั้น ร่างของพระมเหสีก็ปรากฏที่เบื้องหน้าของพวกหลินหลินพร้อมเหล่าองครักษ์นับสิบคนที่ถูกส่งมาคุ้มกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบคราวก่อนอีก
“ค้า” หลินหลินตอบรับพลางวิ่งตามพระมเหสีไปอย่างว่า ง่ายทําให้ปิงปิงและหงเยว่เองก็ตามาด้วยเช่นเดียวกัน
“พระมเหสีดูไม่สู้ดีเลยนะขอรับ” หยงเว่ยพูดหลังจากขบวนเสด็จของพระมเหสีจากไปแล้ว เหลือเอาไว้แต่มันกับเจ้าอาวาสเท่านั้น
“ใกล้งานสําคัญแล้ว ท่านก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา”เจ้าอา วาสพูดเสียงเบาพลางถอนหายใจออกมา
“งานสําคัญ งานอะไรหรือขอรับ” หยงเว่ยถามอย่างประหลาดใจเพราะมันอยู่แต่ในวัดไม่ได้ข่าวอะไรข้างนอกเลย
“พิธีอภิเษกสมรสขององค์หญิงซูหลานยังไงล่ะ”ได้ยินเช่นนั้นหยงเว่ยกลับไม่มีท่าที่ประหลาดใจแต่อย่างไร แน่ล่ะมันไม่ได้รู้จักองค์หญิงซูหลานไปมากกว่าองค์หญิงที่ตามพระม เหสีมาที่วัดเป็นครั้งคราวเท่านั้น
“พระมเหสี ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หลินหลินที่นั่งอยู่ในรถม้าของพระมเหสีถามด้วยความเป็นห่วง นางมักจะไปวัดเพื่อขอพรเสมอเมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่คราวนี้นางทําได้ แค่ขอพรให้การเดินทางปลอดภัยเท่านั้นไม่อาจหยุดยั้งเรื่อง ที่เกิดขึ้นได้เลย
“เปล่าจะ” พระมเหสีตอบพลางลูบผมของหลินหลินอย่างอ่อนโยนพอเห็นหลินหลินกับปิงปิงแล้วทําเอานึกถึงบุตรสาวทั้ง 2 ของนางสมัยยังเด็กขึ้นมาเลย ไม่ทราบทําไมพอโต ขึ้นมาแล้วทั้งสองกลับไม่ค่อยคุยกันนัก
การหมั้นหมายของซูหลานกับเจ้าชายชูเฟิงนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งนี้เพราะชูเฟิงองค์ชายรัชทายาทของอาณาจักรชูกลับตกหลุมรักซูหลานขึ้นมาอย่างหัวปักหัวป่าเจ้าตัวเลยเดินทางมาอาณาจักรอู่หลายครั้งเพื่อสู่ขอซูหลาน เพียงแต่ผลที่ออกมาก็เหลวไม่เป็นท่าเพราะสถาณการณ์บ้า นเมืองของทั้งสองอาณาจักรนั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก ยิ่งสมัยก่อนหน้านี้ยิ่งแย่กว่าที่เป็นอยู่มาก
แต่แล้ว ชูเฟิงก็ทําเรื่องที่ไม่มีใครจะคาดคิด มันเรียกได้ ว่าเป็นชายที่ตกเป็นทาสรักอย่างหมดหัวใจนอกจากมันจะ กําจัดคู่แข่งคนอื่นๆจนหมด หรือพูดง่ายๆก็คือมันฆ่าพี่ น้องของตนเองที่มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์จนหมดเหลือเพียงชู เงินน้องชายไร้ความสามารถของมันที่ไม่มีทางขึ้นเป็นจักรพรรดิได้เท่านั้น แถมมันยังกดดันแม้แต่องจักรพรรดิของตน เองให้ยอมทําตามอีกต่างหาก ไม่ทราบว่าภายในวังของมัน นั้นมีเรื่องราวชับซ้อนมากมายแค่ไหนแต่ชูเฟิงผู้นี้ก็คุ มอาณาจักรของตนเสียอยู่หมัด
ในยามแรกองค์จักรพรรดิคิดว่าชูเฟิงทําเช่นนี้เพื่อสร้างอํานาจให้ตนเอง และจะใช้อํานาจนั้นกดดันให้อาณาจักรอี้ส่ง ตัวซูหลานไปให้แต่ตรงกันข้ามชูเฟิงแทบจะยกอาณาจักรตนเองมากองแทบเท้าพ่อตาในอนาคตของมันเพื่อเป็นสินสอ ดชิ้นโตให้กับอาณาจักรนอกจากอาณาจักรชูจะยอมเป็น เมืองขึ้นของอาณาจักรภู่แล้ว ไม่ว่าจะเสียเปรียบหรือได้เปรียบอาณาจักรชูจะร่วมรบกับอาณาจักรอู่ทักครั้ง เรียกได้ว่า เกือบจะยอมรวมเป็นอาณาจักรเดียวกันเสียด้วยซ้ําแน่นอน ว่าไม่มีใครอยากปฏิเสธข้อเสนอนี้ แม้แต่ซูหลานเองยังเข้าใจ ว่าอาณาจักรของตนได้ผลประโยชน์แค่ไหนสุดท้ายนางจึง ยอมตกลงเพื่อผลประโยชน์ของอาณาจักร
“เสด็จแม่” หลังจากกลับมาที่วัง พระมเหสีก็พบว่าซูหลานบุตรสาวของนางมารอรับการกลับมาอยู่แล้ว
“พี่ซูหลาน” หลินหลินยิ้มกว้างพลางกระโดดลงมาจากรถม้าของพระมเหสี ทําเอาพวกองครักษ์และขุนนางที่เห็นต่างใจหายใจคว่ํากันหมดแต่เห็นพระมเหสีไม่ถือสาอะไรก็ ได้แต่ยิ้มเงื่อนๆเท่านั้น
“เจ้าโดนเสด็จแม่ลากไปวัดอีกแล้วเหรอ” ซูหลานเบิกตากว้างพลางมองเหล่าอสูรของไปจูเหวินที่อยู่บนรถม้า แต่นางกลับไม่เห็นเจ้าของเหล่าอสูรเลย
“ตอนนี้พี่ไปเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ข้าเลยมาหาพระมเกสีล่ะ” หลินหลินตอบพลางยิ้มกว้าง แม้ระยะทางจากเมือง 108 อสูรจะไกล แต่ด้วยกําลังของหลินหลินในตอนนี้การ เดินทางก็ใช้เวลไม่กี่วันเท่านั้น
“เหรอ ขอบใจเจ้ามากที่อยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่” ซูหลานว่าพลางลูบหัวหลินหลินเช่นกัน
“เจ้าออกมามีอะไรงั้นหรือ” พระมเหสีถามพลางมองขบวนรถของซูหลาน ท่าทางนางกําลังจะออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่งพอดี
“ข้าจะไปบอกเรื่องนี้กับเทียนเหวิน เจ้านั่นยังอยู่ที่ร้านของพ่อตาอยู่เลย” ซูหลานว่าพลางถอนหายใจออกมา ไม่ว่าจะเจอเรื่องใหญ่แค่ไหน พอเรื่องจบแล้วเทียนเหวินก็กลับไปหาเหม่ยฮวาทันที
“ให้ข้าพาพี่ซูหลานไปไหม ร้านของพี่เหม่ยฮวาข้ารู้ทางนะ” หลินหลินเสนอตัวพลางยกมือของนางขึ้น ในเมื่อนางไปวัดกับพระมเหสีเสร็จแล้ว จะไปกับซูหลานต่อก็คงไม่เป็นไร
“หลินหลิน ตอนนี้เจ้าเป็นแขกของพระมเกสีนะ” หงเยว่เตือนพลางจับบ่าของหลินหลินเบาๆ นางแทบไม่มีท่าทีเกรงอกเกรงใจเลยแม่จะอยู่ในวังก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอก ให้นางอยู่เป็นเพื่อนซูหลานก็ ได้”พระมเหสีว่าพลางยิ้มบางๆ แต่ภายในรอยยิ้มนั้นกลับไม่ค่อยมีความเต็มใจเท่าไหร่นั่นเพราะนางไม่อยากให้บุตรสาว ไปแต่งงานกับคนที่นางไม่ได้รักเท่าไหร่แต่เพราะเชื้อ พระวงศ์นั้นต้องเห็นบ้านเมืองมาก่อนความสุขส่วนตนนางจึงไม่อาจทักท้วงอะไรได้
“ถ้างั้นพี่ซูหลานขึ้นมาบนหลังข้านะ” หลินหลินกลายร่างเป็นแมงมุมยักษ์ในทันที ทําเอาพระมเกสีที่พึ่งเคยเห็นร่างจริงของหลินหลินรู้สึกตกใจไม่น้อย
“ถ้าเช่นนั้นเสด็จแม่รักษาตัวด้วย” ซูหลานบอกลาพระมเหสีพลางกระโดดขึ้นไปบนหลังของหลินหลินพร้อมเหล่าองครักษ์ตั้งแต่เกิดเรื่องที่วัดการคุ้มกันเชื้อพระวงศ์ก็ เข้มงวดขึ้นมากแม้แต่ขบวนของซูหลานยังมีคนคุ้มกันมากก ว่าเดิมตั้งหลายเท่า แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาของหลินหลินแต่อย่างไร เพียงออกตัวไม่กี่นาที่หลินหลินก็พาขบวนของซูหลา นออกมาจากเมืองหลวงแล้ว
“พี่ซูหลาน หลังจากนี้ท่านจะเดินทางไปที่ไหนเหรอ” หลินหลินถามขณะเดินผ่านภูเขาด้วยความเร็วสูง ด้วยขนาดของนางทําให้เส้นทางไม่มีผลอะไรกับนางเลย
“ทําไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะไปไหนล่ะ” ซูหลานถามพลางเลิกคิ้วสงสัย
“พระมเหสีขอพรให้ท่านเดินทางไกลอย่างปลอดภัยตั้งนาน ข้าเลยคิดว่าท่านจะเดินทางไปไหนซะอีก” หลินหลินว่าพลางเอียงคอสงสัย
“ข้ากําลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส” ซูหลานตอบพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบน น่าเสียดายที่หลินหลินเดินทางไวมาก ตอนนี้เลยยังเป็นตอนกลางวันอยู่เลย หากข้างบนเป็นท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวคงได้บรรยากาศดีไม่ น้อย
“อภิเษกสมรสคืออะไร” หลินหลินถามด้วยความงุนงง
“ก็แต่งงานยังไงล่ะ” ซูหลานอธิบายพลางลูบหลังของหลินหลินเบาๆ เด็กน้อยคงไม่ค่อยได้คิดเรื่องพวกนี้กระมัง
“แล้วแต่งงานคืออะไรเหรอ” หลินหลินถามอย่างสงสัย
“…มันก็คือการที่คนรักสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ร่สมกันหลังจากแต่งงานแล้วยังไงล่ะ” ซูหลานตอบเสียงเรียบพลางหยุด มือที่ลูบหลังหลินหลินไป
“งั้น พี่ซูหลานก็จะไปอยู่กับคนรักงั้นเหรอ” หลินหลินถาม
นางกลับทําเอาองครักษ์ด้านหลัง ใจหายใจคว่ํากันหมด
“เปล่า สําหรับข้าแล้วมันต่างออกไป” ซูหลานตอบพลางส่ายหน้า นางยังจําคพพูดที่พูดกับเทียนเหวินได้ดีราชวงศ์นั้นมีหน้าที่ ไม่อาจแต่งงานด้วยความรักได้ คํา พูดเช่นนั้นราวกับนางพูดเพื่อตอกย้ําตนเองไปด้วย แต่นางก็ อดไม่ได้ที่จะอิจฉาเทียนเหวินที่สามารถแต่งงานกับเหม่ยฮวาได้
“ท่านไม่ได้รักคนที่ท่านจะแต่งงานด้วยเหรอ” หลินหลินยังคงถามด้วยความไม่รู้ แต่ซูหลานก็ไม่ได้คิดจะถือสาเจ้าแมงมุมน้อยตัวนี้อยู่แล้ว นางเพียงส่ายหน้าพลางนึกภาพของชูเฟิงขึ้นมา ความจริงมันก็เป็นคนหล่อเหลาตามภาษาองค์ ชาย ร่ํารวย มีอํานาจ เก่งและเจ้าเล่ห์ เพียงแต่นางกลับไม่ค่อยชื่นชมชูเฟิงเสียเท่าไหร่
“ก็คงไม่ค่อย”ซูหลานส่ายหน้าพลางนึกถึงชูเฟิงเสร็จ แต่นางจะเลือกอะไรได้ล่ะ แค่ชูเฟิงไม่ใช่เจ้าแก่หน้าตาน่ากลัวก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“ถ้างั้น ต้องเป็นคนแบบไหนท่านถึงจะชอบล่ะ” หลินห ลินถามต่อ หากไม่ใช่เพราะเหล่าองครักษ์ด้านหลังเองก็พยา ยามตั้งใจฟังเช่นกันพวกมันคงห้ามหลินหลินแล้ว
“ก็…คงต้องเป็นคนเก่ง อยู่ด้วยแล้วสามารถวางใจได้ละมั้ง”ซูหลานว่าพลางนึกถึงตอนที่ไปจูเหวินเข้ามารักษาอากา รขององค์จักรพรรดิ ตอนนั้นนางดีใจมากที่มีคนมารักษาเส ด็จพ่อของนางจนหายได้
“คนแบบนั้นคงไม่มีหรอก” ซูหลานส่ายหัวพลางปักความคิดออกไป เพราะนางกําลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสอยู่แล้ว แท้ๆ