บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 215 เป็นจริง
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 215 เป็นจริง
“ต้านมันเอาไว้”ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บนกําแพงเมืองด้วยท่าที่องอาจ เรียกว่าเป็นโชคดีของเมืองมันเลยก็ว่าได้ที่เมืองติดเขตชายแดนโดนจัดการไปก่อน ทําให้เมืองของมันสามารถเริ่มรับมือได้ทัน
“ท่านเซียนหมัด พวกมันพายอดฝีมือมาด้วยขอรับ” ชายคนหนึ่งรายงานพลางยืนตัวตรงต่อหน้าเซียนหมัดผู้อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้พอดี
“เข้าใจแล้ว ท่านจัดการที่เหลือต่อเลย ข้าจะลงไปซัดปากพวกมันสักหน่อย” เซียนหมัดว่าพลางกระโดดลงจากกําแพงอย่างรวดเร็ว ทําเอาเหล่าทหารจากอาณาจักรอื่นต่างสะดุ้งโหยง
ตูมๆๆๆๆ!! เปลวเพลิงสีฟ้าจํานวนหนึ่งยิงอัดร่างของเซียนหมัดทันทีที่มันกระโดดลงมาจากกําแพงเมือง แต่ดูเหมือนเพลิงสีฟ้าจากพวกระดับล่างจะไม่สามารถทําอะไรร่างของเซียนหมัดได้เลย
“ไอ้พวกขยะ” เซียนหมัดส่งเสียงคํารามจนได้ยินไปครึ่งเมือง ก่อนที่มันจะง้างหมัดไปข้างหลังเพื่อต่อยออกมาเต็มแรง
ตูม!! ทหารของอาณาจักรฮัวโดนอัดเสียจนปลิวว่อนไปแถบหนึ่ง กําลังของยอดีมือนั้นช่างมากมายมหาศาลจริงๆ
เปรี้ยง!! พึ่งสําแดงเดชออกไปได้แค่หมัดเดียว ร่างของชายคนหนึ่งในชุดของอาณาจักรฮัวก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเซียนหมัด มันต่อยใส่เซียนหมัดจนเกิดรอยแดงบนแขนของเซียนมหัดที่มันใช้ป้องกันเลยทีเดียว
“ได้แค่นี้เหรอ” เซียนหมัดคํารามพลางมองนักสู้ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ตรงหน้า แม้การฝึกสอนศิษย์ของมันจะไม่ค่อยก้าวหน้าเหมือนคนอื่นๆ แต่เรื่องการต่อสู้ด้วยตัวมันเองนั้นไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
ตูม! หมัดลุ่นๆของเซียนหมัดราวกับดูดร่างของชายที่เข้ามาโจมตีเข้าไปหาหมัดของมันด้วยตัวเอง เงาหมัดที่ต่อยออกมานั้นขยายใหญ่จนเหมือนกําลังใช้ท่อนซุงต่อยแทนหมัดเสียอีก
“อากกก” ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พวกเทียนเซียนขั้น 10 ปกตินั้นไม่อาจต้านทานพวกยอดฝีมือได้จริงๆ
“ไอ้สัตว์ประหลาด” ชายอีกคนว่าพลางกระโดดเข้ามาเตะใส่ร่างของเซียนหมัด พร้อมคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 อีกหลายคน
ผลักๆๆ ตูม! แม้คนเดียวจะไม่สามารถรับมือได้ แต่ด้วยการช่วยเหลือกัน 4 คนทําให้พวกมันสามารตรึงความสนใจจากเซียนหมัดเอาไว้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเซียนหมัดก็ยังดูได้เปรียบอยู่อีก
“ปีนขึ้นไปให้ได้ พวกเราจัดการยอดฝีมือเอาไว้เอง” คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 คนหนึ่งของอาณาจักรฮัวว่าพลางกระแทกหมัดใส่ร่างของเซียนหมัดเข้าอย่างจัง ทําเอาเซียนหมัดกัดฟันกรอด แม้จะสามารถเอาชนะได้ แต่นั่นก็ต้องใช้เวลามากทีเดียว ซึ่งตอนนี้พวกของอาณาจักรฮัวกําลังตีฝ่าเข้าไปในเมืองแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ที่นอกจากมันแล้วไม่มียอดฝีมือคนอื่นเลย แม้แต่เหล่าคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 เองยังมีน้อยมาก เรียกได้ว่ากองทัพของอาณาจักรฮัวได้เปรียบกว่าเรื่องจํานวนจริงๆ
“อากกกก” อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังมาจากอีกด้านของกองทัพศัตรูทําเอาเหล่าทหารของอาณาจักรฮัวพากันหันไปมองทันที
“ ท่าทางจะเป็นกองทัพเล็กๆสินะ” เซียนดาบว่าพลางใช้ดาบในมือกวัดแกว่งไปรอบๆสร้างคลื่นดาบขนาดใหญ่กวาดเอาพวกพลทหารหายไปจํานวนมาก
“ใช่ ไม่มีอดฝีมือของพวกอาณาจักรฮัวเลย”อาวุโสเทียนหมิงพุดด้วยท่าที่จริงๆจัง แม้จะไม่มียอดฝีมือ แต่พวกมันก็คือคนที่ลงมือเผาเมืองก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ความเคียดแค้นชิงชังที่แผ่ออกมานั้นทําเอาเหล่าทหารรอบๆขวัญหายไปจนหมด
“อะไรกัน ทําไมมีทหารมาช่วยได้ พวกมันน่าจะยังไม่รู้ตัวนี่นา” คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 คนหนึ่งของอาณาจักรฮัวพูดพลางมองขบวนเสด็จของจักรพรรดิ ด้วยจํานวนองครักษ์และเหล่ายอดฝีมือของขบวนเสด็จทําให้กองกําลังส่วนใหญ่ของอาณาจักรฮัวหายไปทันที
เปรี้ยง!! กระบี่ของอาวุโสเทียนหมิงแทงเข้าใส่ร่างของชายคนหนึ่งที่ช่วยกันรุมเซียนหมัดเอาไว้ กระบี่ของอาวุโสเทียนหมิงลากเอาร่างของมันถอยกรูดไปอีกทาง นับว่าโชคดีมากที่ในมือของอาวุโสเทียนหมิงไม่ใช่กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ ไม่อย่างนั้นแขนที่มันยกขึ้นมาป้องกันคงทะลุไปแล้ว
ฟุบ! แต่ยังไม่ทันได้ทําอะไรต่อ กระบีของอาวุโสเทียนหมิงก็เปลี่ยนมุมตะหวัดใส่ร่างของมันจนเกิดบาดแผลสาหัสบนร่างของมัน
“อากกกก” ทางด้านเซียนดาบก็เช่นกัน เพียงมันโจมตีออกมาอย่างดุดันไม่กี่ครั้ง คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ของอาณาจักรฮัวก็ล้มลงจมกองลอดในทันที
“ยากกกก”เซียนหมัดคํารามพลางต่อยหมัดใส่คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 อีก 2 คนที่เหลือจนพวกมันลอยไปข้างหลัง
ฉึก! เห็นพวกมันโดนต่อยเสียปลิว องครักษ์ขององค์จักรพรรดิก็เข้าไปรอด้านหลังใช้อาวุธของพวกมันแทงสวนทางกับแรงหมัดทันที ทําให้ร่างของทหารชาวฮัวหมดลมหายใจแทบจะทันที
“จัดการพวกที่เหลือก่อน” อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางใช้กระบี่ของตนทะยานราวกับมังกรแหวกหว้ายกลางทะเลเลือด ไม่ว่ามันจะไปที่ไหนต่างปรากฏเลือดสาดกระเซ็นไปทุกที่ทําเอากองทัพของอาณาจักรฮัวขวัญผวาหนีตายกันเป็นแถบ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เซียนหมัดถามพลางมองพวกอาวุโสเทียนหมิงด้วยความสงสัย อยู่ๆพวกมันก็บุกเมืองติดชายแดน หากเมืองนี้ไม่มีเซียนหมัดอยู่คงมีสภาพไม่ต่างจากเมืองก่อนหน้านี้ไปแล้ว
“พวกอาณาจักรฮัวประกาศสงครามกับพวกเราแล้ว นับแต่นี้ไปความสงบได้จบลงแล้ว”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางเก็บกระบี่ไป
“จนได้สินะ” เซียนหมัดตอบรับพลางกัดฟันแน่นต้องนับว่าโชคดีที่เมืองนี้โดนบุกด้วยกําลังคนที่น้อยมาก เหมือนพวกมันไม่คิดจะยึดเส้นทางนี้อยู่แล้ว แต่ทางอื่นจะเป็นอย่างนี้หรือไม่ก็ไม่แน่
“ให้ชาวเมืองอพยพไปก่อนเถอะ เมื่อกลับถึงวังหลวงแล้ว เราจะส่งกําลังทหารมาคุ้มกันเมืองนี้อีกที”อู๋หมิงว่าพลางมองสภาพเมืองที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทหารเฝ้ายามของเมืองมีจํานวนไม่มาก เพราะไม่ได้เข้าสภาวะสงครามมานานหลายปี ทําให้ทหารในแต่ละเมืองมีแค่เพื่อป้องกันโจรและเหล่าอสูรเท่านั้น
“เข้าใจแล้ว” เซียนหมัดว่าพลางกระโดดกลับเข้าไปในเมืองเพื่อส่งเรื่องให้เจ้าเมืองทราบ ขนาดของเมืองที่พวกมันอยู่ตอนนี้ก็มีขนาดพอๆกับเมืองที่พวกต้าชิงต้าเฉินเคยอาศัยอยู่เท่านั้น ทําให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ไม่ยาก ตอนนี้พวกมันต้องไปอยู่ที่เมืองข้างๆ ซึ่งมีกําลังป้องกันตัวพร้อมเสียก่อน
“ ท่าทางพวกมันจะรอจังหวะนี้มานานแล้ว การจัดพิธีนอกอาณาจักรนับเป็นเรื่องผิดพลาดจริงๆ”องค์จักรพรรดิว่าพลางถอนหายใจออกมา
“เสด็จพ่ออย่าได้กังวลใจ พวกเรามียอดคนมากมายคอยรับใช้ พวกมันไม่มีทางปล่อยให้บ้านเมืองวอดวายไปเฉยๆแน่” จื่อหลานว่าพลางครี่พัดออกมาปิดบังหน้าตาตนเองเอาไว้ ในขณะที่ทุกคนพยายามรักษาสันติ นางเป็นคนเดียวที่คอยตรวจสอบกําลังคนและวางแผนรับมือเอาไว้ แม้จะไม่มีองค์จักรพรรดิคอยสั่งการ เหล่าแม่ทัพคงส่งกําลังคนออกรับมือปัญหาตามแผนรับมือแล้ว ตอนนี้ทหารของอาณาจักรอู๋คงกระจายออกไปรับมือด้านต่างๆกันหมดแล้ว
“อืม พ่อเองก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”องค์จักรพรรดิว่าพลางสั่งให้ขบวนรถของตนออกเดินทางไปก่อน โดยเซียนหมัดจะอยู่คอยปกป้องคนในเมืองต่อ ตอนนี้พวกมันไม่อาจพาเหล่าชาวเมืองไปด้วยได้ เพราะยิ่งพวกมันกลับไปที่เมืองหลวงได้ไวเท่าไหร่ การเดินทัพก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น
“พี่ใหญ่” ระหว่างเดินทางเข้ามาในอาณาจักรของตนเองจนใกล้จะถึงเมืองหลวงอยู่แล้วนั้น เทียนเหวินที่นั่งอยู่ติดหน้าต่างก็เรียกอู๋หมิงขึ้นหลังจากมันได้เห็นอะไรบางอย่าง
“มีอะไร” อู๋หมิงถามพลางมองออกไปข้างนอก หลังจากพวกมันจัดการกองทัพของอาณาจักรฮัวลงไปแล้วก็แทบไม่เจอกองกําลังอื่นเลย เรียกได้ว่าไฟสงครามยังไม่ลามเข้ามาในอาณาจักรมากนัก แต่เบื้องหน้าของพวกมันกลับมีสถานที่หนึ่งที่ถูกทําลายจนย่อยยับ ทั้งๆที่อยู่ในเขจชั้นในของอาณาจักรแท้ๆ
“…นั่นมัน”อู๋หมิงสะท้านวาบพลางมองซากเมืองที่อยู่ตรงหน้า
“เมืองร้อยแปดอสูรไม่ใช่หรือไง”ได้ยินเสียงของอู๋หมิงเหล่าคนบนรถก็พากันไปมองที่หน้าต่างทันที ไม่ว่าจะอย่างไรพวกมันก็จําไม่ผิดแน่ๆ เมืองร้อยแปดอสูรยามนี้โดนทําลายย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่วังมังกรยังถล่มลงมาเสียย่อยยับ สําหรับอู๋หมิงที่เดินทางมาที่นี่เป็นบางครั้งนั้นสร้างความสะเทือนใจให้อย่างมากโดยเฉพาะความจริงที่ว่าเมืองร้อยแปดอสูรเป็นเมืองที่ไป๋จูเหวินอยู่นั่นเอง
ฟุบ! แทบจะในทันที ร่างของอู๋หมิงก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มนักล่าอสูรเป็นกลุ่มที่คอยหาสมุนไพรให้กับสมาคมแพทย์ ไม่แปลกเลยที่พวกมันจะส่งคนมาจัดการแหล่งสมุนไพรของอาณาจักร เรื่องนั้นอู๋หมิงคาดเดาไว้ก่อนแล้ว แต่เพราะไฟสงครามพึ่งก่อตัว ทําให้อู๋หมิงไม่คิดว่าพวกมันจะลงมือก่อนแล้ว แถมกําลังของกลุ่มนักล่าอสูรยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับกองทัพของอาณาจักรฮัว อย่างกองทัพก่อนหน้านี้ พวกมันคงสามารถทําลายเมืองร้อยแปดอสูรได้ทันที่ด้วยกําลังคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 4 คน
“บ้าเอ้ย” อู๋หมิงทุบกําแพงที่โดนเผาจนไม่เหลือซากพลางกัดฟันแน่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพียงไม่กี่วันเมืองร้อยแปดอสูรจะเหลือสภาพเช่นนี้ สภาพที่เหมือนกับภาพที่ไป๋จูเหวินมองเห็นผ่านดวงตาสีเงินไม่มีผิด