บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 220 สําราญ
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 220 สําราญ
“พวกมันเป็นใครกัน” เหล่าคนของอาณาจักรฮัวแสดงท่าที่ตกจันเป็นอย่างมากเมื่อปรากฏร่างของคนสองคนป รากฏขึ้นกลางกองทัพ
“ไม่ทราบขอรับ พวกเราสัมผัสพลังของพวกมันไม่ได้”ทหารคนหนึ่งรายงานพลางล้อมพยัคฆ์อัสนีและราชสีห์เพลิงเอาไว้
“หรือว่าจะเป็นมาร” ชายอีกคนพูดพลางขมวดคิ้วมนุษย์ที่ทรงพลังแต่กลับไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณได้เลยนั้นไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเป็นมารไว้ก่อนอยู่แล้ว
“ไม่ใช่” ชายไว้ผมยาวคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของคนอาณาจักรฮัวพูดพลางชักกระบี่ออกมา มันเป็นคนที่มีพลัง แข็งแกร่งอย่างมากแลพมันยังเป็นคนที่สามารถสัมผัสพลังอ สูรและพลังมารได้โดยไม่ต้องกลืนแก่นอสูรหรือเรียนวิชามารแต่อย่างไร
“พวกมันเป็นอสูร” พูดจบชายผมยาวก็กระโดดเข้ามายนต่อหน้าพยัคฆ์อัสนีมันเองก็เหมือนอาวุโสเทียนหมิง สัมผัสพลังต่างๆได้แต่ไม่อาจแยกแยะได้ว่าพลังของอีกฝ่ายต่ําสูง แค่ไหนแต่ในเมื่อมันกล้ากระโดดลงมากลางกองทัพ มันก็ต้องกล้าบ้าบินหรือไม่ก็โง่เท่านั้น
“อสูรเหรอ ท่าทางจะมาหาที่ตายซะแล้ว” ชายร่างใหญ่ผู้แบกดาบหนาเท่าเสาบ้านเดินออกมาจากพวกทหารที่ล้อมอยู่ เมื่อรวมกับชายผมยาวแล้วพวกมันก็คือสองยอดฝีมือของอาณาจักรฮัวนามว่ากระบีดับแค้นอิงสงและดาบแดงกงซี
“กงซี เจ้าอย่าประมาท”อิงสูงว่าพลางจดจ่อไปที่ร่างของพยัคฆ์อัสนีตั้งแต่พวกมันลงมาก็ได้เห็นแล้วว่าพวกมันสังกัดธาตุอะไรเจ้าตาเดียวที่มันกําลังจ้องอยู่นั้นเป็นอสูรธาตุสายฟ้าแน่ๆส่วนเจ้าเคราแดงนั่นคงเป็นอสูรธาตุไฟ
“เจ้าเอาตัวไหน” พยัคฆ์อัสนีถามพลางมองไปรอบๆพวกมันเองก็ไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณได้เลยไม่ทราบว่า ใครระดับเท่าไหร่บ้างแต่เห็นชัดๆว่ามีมนุษย์อยู่สองคนที่ล้ําออกมาข้างหน้าแสดงว่าพวกมันมีพลังมากที่สุดไม่ก็กล้าที่สุดเป็นแน่
“ไอ้คนที่ถือดาบใหญ่ๆนั่นน่าสนใจดี” ราชสีห์เพลิงชี้ไปที่ก
“งั้นเจ้าผมยาวนั้นข้าขอ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางยิ้มกว้างว่ากันตามตรงแล้วสมัยก่อนที่พวกมันค้างอยู่ระดับมายาขันสุดท้ายมาเนิ่นนานระดับพลังคงเหนือกว่าพวกยอดฝีมือของแต่ละอาณาจักรอยู่ไม่มาก แต่ยามนี้พวกมันอยู่ระดับบรรพ กาลแล้วหากจะหยุดพวกมันคงต้องใช้คนระดับยอกฝีมือไม่ต่ํากว่า 7 8 คน และหากจะฆ่าพวกมันคงต้องยกคนระดับยอดฝีมือมาทั้งอาณาจักรเป็นแน่
พรึบ! อยู่ๆรอบตัวของราชสีห์เพลิงก็ปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉานออกมาทําเอาเหล่าคนรอบๆยิ้มกันหน้าบานทันที
“กล้าใช้ไฟต่อหน้าข้างั้นเหรอ” กงซีหัวเราะพลางชัก ดาบออกมาทันทีที่มันเริ่มปล่อยไอพลังเซียน ไฟรอบๆตัวของมันก็ถูกดูดเข้ามาที่ดาบของมันราวกับติดเชื้อไฟ แม้แต่เพลิงที่อยู่รอบๆตัวราชสีห์เพลิงก็โดนดูดเข้า มาด้วยเช่นกัน
“พวกอสูรธาตุไฟน่ะ โดนท่านกงซีจัดการมานักต่อนักแล้ว”ลูกน้องคนหนึ่งพูดพลางยิ้มกว้าง แม้จะเป็นมนุษย์ แต่กงซีเป็นผู้ควบคุมธาตุไฟได้อย่างดีเยี่ยม แม้แต่อสูร ที่มักจะควบคุมพลังธาตุได้ดีกว่ามนุษย์ยังไม่สามารถเอาช นะกงซีได้เลย ทําให้เหล่าทหารเขชื่อมั่นอย่างมากว่าอสูรธาตุไฟนั้นไม่อาจเอาชนะกงซีได้แน่ๆ
ตูม! ดาบยักษ์ของกงซีหวดลงใส่ร่างของราชสีห์เพลิงอย่างรุนแรง เพียงแต่ดาบของมันไม่อาจทําร้ายหนังหนาๆของราช สีห์เพลิงได้แถมกําลังของราชสีห์เพลิงยังสมกับเป็นอสูรที่บ้าพลังที่สุดนกลุ่มราชาอีกด้วยเพียงแค่แขนเดียวมันก็รับ เอาดาบของกงซีเอาไว้ได้แล้ว
“กล้าใช้ไฟต่อหน้าข้า…มันควรเป็นคําพูดของฝั่งนี้ต่างหาก” ราชสีห์เพลิงคํารามพลางเกร็งร่างของตนพริบตานั้นไฟบนดาบของกงซีก็พลันไหลกลับเข้ามาในร่างของราช สีห์เพลิง ก่อนที่มันจะกําหมัดแน่นต่อยใส่ร่างของกงซีอย่าง
ตูม!! หมัดเพลิงของราชสีห์เพลิงโดนดาบของกงซีป้องกันเอาไว้ได้แต่กงซีก็โดนอัดจนปลิวไปติดพวกลูกน้องของตน เองเช่นกัน
“ฮ่า…ไม่ได้ออกแรงมาตั้งนาน เลือดลมสูบฉีดจริงๆ”ราชสีห์เพลิงว่าพลางจ้องมองกงซีที่ยังมีชีวิตรอดอย่างดุดันสมแล้วที่เป็นยอดฝีมือแม้จะโดนหมัดเพลิงเข้าไปก็ยังสา มารถรอดมาได้ท่าทางพวกราชาจะต้องเอาจริงมากกว่านี้ เสียแล้ว
“บ้าเอ้ย ทําไมพวกมันถึงมาโจมตีพวกเราได้” อิงสงกัดฟันพลางมองตามร่างของพยัคฆ์อัสนี้อย่างยากลําบาก ความเร็วของมันราวกับประกายสายฟ้าไม่มีผิด
ฟุบ ฟุบ! แม้แต่กระบี่ของอิงสงผู้ได้ชื่อว่ากระบี่ที่แม่นยําที่สุดแห่งอาณาจักรฮัวยังไม่อาจโจมตีถูกร่างของพยัคฆ์อัสนี้ได้ทําเอาดวงตาของอิงสงส่องประกายแห่งความดุดันออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เล่นงานมันซะเหล่าทหารรอบๆเห็นท่าที่ไม่ดีพวกมันเลยตรงเข้ามาขัดขวางพวกพยัคฆ์อัสนี้เอาไว้
ตูม! กรงเล็บของราชสีห์เพลิงตะหวัดเพียงครั้งเดียวก็เกิดเปลวเพลิงรูปกรงเล็บฟาดลงมาใส่พื้นจนทหารที่อยู่ในวิถีโจมตีโดนตัดขาดเป็นสองท่อนในทันที ทําเอาเหล่าท หารที่จะเข้ามาช่วยอีกแรงพากันหยุดเท้าทันที
“พวกมันมีระดับเทียบเท่ากับยอดฝีมือ คนระดับต่ํากว่าขั้น 10 ถอยไป” ทหารที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่สั่ง เพราะหากอีกฝ่ายระดับเดียวกับยอดฝีมือแล้ว พวกระดับต่ํา กว่า 10 ลงไปนั้นแทบจะไม่มีสิทธิ์รับการโจมตีได้เลย การ ที่พวกมันรุมเข้ามาก็เท่ากับสร้างศพเพิ่มเท่านั้น
“พื้นที่สู้มันแคบไปหน่อยนะ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางหยุดยืนอยู่ด้านหลังราชสีห์เพลิง พริบตานั้นสายฟ้าก็แล่นออก มาจากนิ้วมือของพยัคฆ์อัสนีลงไปยังพื้นเบื้องล่างราวกับร่า งของพยัคฆ์อัสนี้เป็นจุดกําเนิดไฟฟ้าก็ไม่ปาน
เปรี้ยงๆๆๆๆๆ ฝ่ามือประกายอัสนีของพยัคฆ์อัสนีถูกใช้ออกมาในทันทีที่มือเริ่มขยับ ด้วยพลังธาตุสายฟ้าที่แฝงอยู่ในฝ่ามือทําให้นอกจากศัตรูด้านหน้าที่โดนฝ่ามือแล้วศัตรูด้านหลังยังถูกไฟฟ้าช็อตอีกต่างหาก ทําเอาเหล่าทหารระ ดับล่างโดนเล่นงงานกันเสียหมดท่า
“ล้อมมันเอาไว้”เหล่าทหารระดับสูงไม่มีท่าที่จะยอมแพ้ แต่อย่างไร พวกมันกระโจนเข้ามาล้อมร่างของพยัคฆ์อัสนีเอาไว้โดยพวกมันทั้งหมดต่างเป็นพวกเทียนเซียนขั้นที่ 10 กันทั้งสิ้น
เปรี้ยงๆๆๆ ฝ่ามือของพยัคฆ์อัสนีฟาดใส่พวกมันโดยร่างของพยัคฆ์อัสนี้ยังไม่ได้ขยับเสียด้วยซ้ําท่วงท่าของมันเร็วจนไม่อาจมองเห็นการขยับร่างกายเสียด้วยซ้ํา
เจ้านี้โจมตีไม่แรงเท่าไหร่ ใช้โล่ดันเข้าไป” อิงสงว่าพลางเรียกโล่เหล็กออกมาจากมิติของมัน เพราะในสงครามไม่อาจทราบได้ว่าจะเจอคู่ต่อสู้แบบไหน พวกมันเลยเตรียมอาวุธหลากหลายเอาไว้ป้องกันตัว แถมพวกมันยังสา มารถเก็บของต่างๆเอาไว้ในมิติอีกด้วยทําให้พวกมันไม่ต้องห่วงเรื่องการแบกน้ําหนักเลย
เปรี้ยงๆๆๆๆ!! เป็นอย่างที่คาดฝ่ามือของพยัคฆ์อัสนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนราชสีห์เพลิง ด้วยกําลังของคนระดับเทียนเซียนขั้น 10 และโล่เหล็กพวกมันสามารถต้านกําลังของพยัคฆ์อัสนี้เอาไว้ได้และสามารถดันเข้าไปใกล้ตัวมันได้
“ใช้โล่บังสายตาแบบนั้นมันจะดีเหรอ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางยิ้มกว้าง
เปรี้ยง! ราวกับมีสายฟ้าสายหนึ่งผ่าลงมาตรงที่พยัคฆ์อัสนียืนอยู่พริบตานั้นมันก็หายวับไปราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น มาก่อน
เปรี้ยง! พยัคฆ์อัสนีเล่นงานคนๆหนึ่งที่อยู่ด้านหลังโล่ แน่นอนว่าพวกมันสามารถป้องกันการโจมตีของพยัคฆ์อัสนีได้ด้วยโล่แต่มันก็ทําให้มองเห็นด้านหน้าได้ยากและยัง ทําให้เคลื่อนไหวช้าด้วยซึ่งนั่นจะทําให้พยัคฆ์อัสนี้สามารถ เข้าด้านหลังพวกมันได้ไม่ยากเย็นนัก
ฟู..ทางด้านราชสีห์เพลิงนั้น มันกําลังพ่นไฟออกจากปากเรียกได้ว่าเป็นท่วงท่าที่ผิดมนุษย์อย่างมาก แต่มันไม่ ได้กําลังพ่นไฟเพื่อโจมตีศัตรูแต่กําลังจุดไฟสําหรับใช้งา นต่างหาก
คลื่นนน เปลวเพลิงที่ถูกพ่นออกมาลามไปจนทั่วก่อนที่มันจะถูกดูดเข้ามาหาราชสีเพลิงอย่างรวดเร็ว ทําเอาทั่วร่างของราสสีห์เพลิงเต็มไปด้วยไฟสีแดงและส้มดูแล้วน่า เกรงขามอย่างมาก
ฟุบ! ร่างของราชสีห์เพลิงทะยานไฟข้างหน้าราวกับลูกไฟที่ถูกยิงออกมาไม่มีผิด มันตรงเข้าเล่นงานพวกระดับ 10 ธรรมดาอย่างรวดเร็วเพราะกงซียังไม่ฟื้นจากอาการบา ดเจ็บ มันเลยจะหาอะไรทํารอไปก่อน
ตูมๆๆๆๆๆ หมัดของราชสีห์เพลิงรุนแรงแทบไม่ต่างจากฝ่ามือเพลิงพิโรธของไปจูเหวินเลย แต่มันกลับสามารถต่อยออกได้ราวกับหมัดธรรมดาทั่วไป ทั้งๆที่ไปจูเหวิ นต้องรวมพลังครู่หนึ่งเพื่อใช้ออกมาแต่ราชสีห์เพลิงกลับต่อยรัวราวกับไม่จําเป็นต้องรวบรวมพลังอะไรทั้งนั้น
“ฮ่าๆๆ”ราชสีเพลิงที่เริ่มสนุกกับการต่อสู้หัวเราะพลางระดมหมัดที่หนักหน่วงเข้าใส่เหล่าทหาร
ตูม! ร่างของทหารคนหนึ่งลอยไปด้านหลังด้วยหมัดเสยของราชสีห์เพลิงทําเอาเหล่าทหารที่เห็นภาพอกสั่นขวันหายกันเป็นแถบ
เปรี้ยง! อยู่ๆที่ด้านหลังของราชสีห์เพลิงก็ปรากฏดาบขนาดใหญ่ฟันลงมาใส่แผ่นหลังของมัน เพียงแต่ราชสีห์เพลิงไม่ได้หันไปรับแต่อย่างไรมันปล่อยให้ดาบยักษ์ฟาดลงมาใส่ หลังและไหล่อย่างจัง เพียงแต่ดาบยักษ์ที่เคยตัดร่างศัตรูออกเป็นสองท่อนกลับไม่อาจเจาะทะลุร่างของราชสีห์เพลิงได้เลย
“กําลังไม่เลว” ราชสีห์เพลิงว่าพลางจ้างหมัดของตนขึ้นพริบตานั้นเปลวเพลิงก็เข้าไปรวบรวมอยู่ที่หมัดของมัน
ตูม! ท่าหมัดที่รุนแรงและต่อเนื่องราวกับฝ่ามือเพลิงพลาญคล้อยสํานึกของไปจูเหวินกระแทกเข้าใส่ร่างของกงซีจนมันถอยไปอีกหลายก้าวพลังของราชสีห์เพลิง ยามนี้เหมือนถังพลังงานที่พร้อมปล่อยพลังทําลายมหาศาลออกมาตลอดเวลาไม่มีผิด มันแทบไม่ต้องรวบรวมพลังเลยแต่น้อย
เปรี้ยง! แต่ดูเหมือนกงซีเองจะไม่อาจยอมแพ้ง่ายๆได้มันยังคงใช้ดาบของมันโจมตีใส่ร่างของราชสีห์เพลิงต่อพอเห็นว่าฟันครั้งเดียวไม่ได้ผลมันเลยเริ่มหวดดาบใส่ราช สีห์เพลิงหลายๆครั้ง
เปรี้ยงๆ ๆ ๆ ทิ้งงงง เมื่อโดนฟันไปหลายครั้งในที่สุดราชสีห์เพลิงก็คว้าเอาดาบของกงซีเอาไว้ได้มันยิ้มเหี้ยมพลางหัวเราะในลําคอ
“เจ้าไม่เลวเลย”ราชสีห์เพลิงหัวเราะในลําคอ พลางต่อยผลักเข้ากลางอกขององซี ระดับฝีมือของมันไม่เลวเลยหากเป็นตัวมันก่อนหน้าจะขึ้นเป็นระดับบรรพกาลคงรู้สึกตึงมือแน่ๆ