บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 233 บังเอิญ
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 233 บังเอิญ
“เจ้าเคยเห็นคนในรูปหรือไม่” ราชสีห์เพลิงถามพลางนํารูปเหมือนที่วาดรูปไป๋จูเหวินเอาไว้ให้ชายคนหนึ่งดู ซึ่งมันก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเพราะมันไม่เคยเห็นชายในรูปมาก่อน
“บ้าเอ้ย ทําไมเมืองรอบๆถึงไม่มีวี่แววของจูเอ๋อเลยละ” ไก่ฟ้าหงอนทองถามพลางเอารูปไป๋จูเหวินมาดู รูปนี้ตัวราชสีห์เพลิงเป็นคนวาดขึ้นทําให้รูปออกมาเหมือนจริงอย่างมากชนิดมองครู่เดียวก็มองออกแล้วแท้ๆ
“ให้ตายสิ อุตส่าห์เรียนภาษาของที่นี่แล้วแท้ๆ ยังไม่ได้ความอะไรเลย”จิ้งจอกเหมันต์บ่นพลางนั่งลงในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านหน้า กว่าพวกมันจะรวมตัวกัน ได้ก็ครึ่งเดือน และกว่าจะตามข่าวไป๋จูเหวินจากหมู่บ้านรอบๆได้ก็เดือนกว่า ทําให้ยามนี้ไป๋จูเหวินเดินทางออกจากหมู่บ้านทางชายฝั่งตะวันตกไปกว่า 3 เดือนแล้ว แต่พวกท่านน้าทั้งหลายของมันกลับยังหาเบาะแสของไป๋จูเหวินไม่ได้เลย หนึ่งคือปัญหาทางด้านภาษาที่พวกมันต้องใช้เวลาเรียนรู้ หนึ่งคือเพราะไป๋จูเหวินใช้เส้นทางลับของเอ็มม่า ทําให้แทบไม่ได้เข้าหมู่บ้านหรือเมืองไหนเลย การจะตามตัวไป๋จูเหวินในดินแดนที่ไม่รู้จักเช่นนี้จึงกลายเป็นงานยากของพวกท่านน้าไปเสียอย่างนั้น
“คงต้องแยกย้ายกันตามหาอีกรอบ ใครเจอก็ยิงสัญญาณขึ้นฟ้าเหมือนเดิมก็แล้วกัน” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางตกลงกับพวกราชาตนอื่นๆ โดยพวกมันจะแยกย้ายกันตามหาเช่นเดียวกับตอนตามหาไป๋จูเหวินที่ทะเล ยามนี้พวกมันได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไป๋จูเหวินเท่านั้น
.
.
“ถึงเสียที” เอ็มม่าว่าพลางบังคับม้าให้เดินข้ามกองหิมะ เข้าไปในเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่กลางทุ่งหิมะขนาดใหญ่ ที่นี่เป็นทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา ทําให้ยามนี้รอบๆ เมืองกลายเป็นลานหิมะกว้างไกลชนิดว่าแทบจะแยกท้องฟ้ากับพื้นหิมะไม่ออกเลยทีเดียว
“ที่ยี่นะเหรอที่อยู่ของตระกูลโรซารี่”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปรอบๆ ทั้งๆที่เอ็มม่าหายใจออกมาเป็นไอสีขาวแล้วแท้ๆ แต่ไป๋จเหวินกลับยังใส่เสื้อผ้าบางๆได้อย่างหน้าตาเฉย ทําเอาเอ็มม่าอดแปลกใจมาตลอดทางไม่ได้
“ใช่ แต่จะเข้าไปหาพวกโรซารี่ได้ยังไงนี่สิ” เอ็มม่าว่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา ปกติพวกขุนนางค่อนข้างเข้าถึงยาก คนธรรมดาแบบนางหากไม่ใช่ยามสงครามก็แทบไม่เคยเจอพวกขุนนางเลย
“เข้าไปเคาะประตูเลยไม่ได้เหรอ”ไป๋จูเหวินถามด้วยความสงสัย เล่นเอาเอ็มม่าได้แต่ถอนหายใจ
“ถ้าง่ายแบบนั้นก็ดีสิ” เอ็มม่าว่าพลางกระโดดลงจากหลังม้าเพราะพวกนางใกล้ถึงประตูเมืองแล้ว
“ยะ ยินดีต้อนรับกลับขอรับ” เหล่าทหารที่เฝ้าประตูอยู่ เมื่อเห็นไป๋จูเหวินเข้าพวกมันกลับทําความเคารพและกล่าวต้อนรับเสียอย่างนั้น
“เชิญขอรับ” ทหารหนุ่มที่เฝ้าประตูอยู่พูดพลางเปิดประตูอย่างง่ายดาย ทําเอาเอ็มม่าถึงกับงงไปครู่หนึ่ง แต่พอนึกดูว่าผมสีดําของไปจูเหวินนั้นแปลกตาแค่ไหน พวกทหารใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับตระกูลขุนนางนักคงเปิดประตูให้คนผมดํา ทุกคนเลยกระมัง
“ไปรายงานท่านโซเฟียเร็วเข้า ท่านเพิร์ลกลับมาแล้ว” เหล่าทหารมีท่าที่ลุกลนกันอย่างมากเมื่อเห็นไป๋จูเหวินเดินเข้าประตูมาแต่ตอนนี้เอ็มม่ากลับไม่คิดว่าเป็นเรื่องปกติเส้นแล้ว ทําไมทหารถึงรู้ได้ว่าชายที่มากับนางชื่อเพิร์ลกันทั้งๆที่ชื่อนี้เป็นชื่อที่วัลเดนตั้งให้ชั่วคราวแท้ๆ
“เชิญขอรับท่านเพิร์ล” นายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินพลางต้อนรับมันอย่างดี เล่นเอาไป๋จูเหวินทําอะไรไม่ถูก
“ขอโทษนะขอรับ แต่เขตปราสาทไม่อนุญาตให้คนนอกเข้านะขอรับ” หลังจากนายทหารพาไป๋จูเหวินเดินทางมาถึงปราสาทของตระกูลโรซารี่ พวกมันกลับหันมาบอกเอ็มม่าว่า นางไม่สามารถเข้าไปในปราสาทได้เสียอย่างนั้น
“เดี๋ยวสิ ข้าเป็น”เอ็มม่าพยายามจะอธิบายแต่เหล่าทหารกลับมองเอ็มม่าด้วยท่าทีแปลกๆ
“ท่านเพิร์ล นางเป็นอะไรกับท่านหรือขอรับ”เหล่าทหาร ถามพลางมองเอ็มม่าด้วยท่าที่ไม่ไว้ใจ นางเหมือนคนหิวเงินอยู่ไม่น้อย ประเภทรับทํางานทุกอย่างเพื่อเงินได้เลยทีเดียว
“ข้ากับนาง”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองมาทางเอ็มม่า
“คนนําทางกับผู้จ้างกระมัง”ไป๋จูเหวินตอบออกไปตามตรงเพราะแต่เดิมวัลเดนก็เป็นคนออกเงินจ้างเอ็มม่าให้เดินทางมาส่งไป๋จูเหวินที่เมืองเท่านั้นจริงๆ แม้ระหว่างทาง จะพอพูดคุยกันสนิทสนมบ้างก็ตาม
“เช่นนั้นหน้าที่ของเจ้าก็จบแล้ว กลับไปได้”ทหารหนุ่มว่าพลางโบกมือไล่เอ็มม่าให้ถอยออกไป
“เดี๋ยวสิ ข้านะ…”เอ็มม่าพยายามจะเถียง แต่พอโดนหอกของทหารมาทางตนเอง นางก็ได้แต่ยอมถอยไปแต่โดยดี แม้จะเจ็บใจนิดหน่อยที่ไม่ได้รางวัลอ ย่างงามตามที่นางหวังเอาไว้
“ว่าแต่เจ้าหนูนั่นเป็นคนของโรซารี่จริงๆ นะ”เอ็มม่าบ่นพลางเดินออกจากหน้าเขตปราสาทไปอย่างช้าๆ ในเมื่อพวกทหารไม่ต้อนรับนางก็ช่วยไม่ได้ เอาเงินของวัลเดนไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน
“ท่านเพิร์ล ทางนี้ขอรับ” นายทหารว่าพลางพาไป๋จูเหวิน เข้ามาในปราสาท ทันทีที่เปิดประตูหน้าของปราสาทออก ร่างของหญิงสาวนางหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับนางยืนรออยู่แล้ว
“เพิร์ล” หญิงสาวคนนั้นว่าพลางเดินเข้ามาโอบกอดร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้ด้วยท่าทียินดี ทําเอาไป๋จูเหวินสับสันไปหมด
“ท่านคือ…”ไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางหญิงสาว นางเป็นคนสวยมาก ทําให้ผู้ชายหลงใหลได้ง่ายๆเลย แต่นางกลับเข้ามากอดมันแน่น หรือมันจะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคน นี้กัน
“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” ชายอีกคนที่พึ่งเดินลงมาจากบันไดด้วยท่าที่รีบร้อนว่าพลางเข้ามากอดไป๋จูเหวินอีกคน
“ข้าว่าแล้วว่าระดับเจ้าคงไม่ตายง่ายๆเพียงเพราะตกทะเลหรอก” ชายชราที่ยังยืนอยู่บนบันไดพูดพลางพยักหน้าด้วยสีหน้าโล่งใจ
“ข้าข้าขอโทษ…นี่มันเรื่องอะไรกันหรือขอรับ”ไป๋จูเหวิน ถามออกไปด้วยความสงสัย แม้เอ็มม่าจะเดาไว้แล้วว่ามันเป็นคนของตระกูลโรซารี่ แต่ไม่คิดว่าจะโดนห้อมล้อมขนาดนี้ ไหนบอกว่าเป็นตระกูลบ้าสงครามที่เลี้ยงบุตรของพวกมันด้วยดาบไง
“เจ้าจําไม่ได้หรือ” ชายที่เข้ามากอดไป๋จูเหวินถามพลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“มะ ไม่ได้ขอรับ ข้าจําอะไรก่อนจะไปอยู่ในทะเลไม่ได้เลย”ไป๋จูเหวินตอบออกไปตามตรงเพราะมันจําไม่ได้จริงๆ แม้แต่ควาคุ้นเคยก็ยังไม่มีเลย อย่าแต่ครอบครัวนี้เลย ทั้งป่าที่มันเดินทางผ่านมา เมืองบางเมืองที่พวกมันแวะรวมทั้งปราสาทหลังนี้ไป๋จูเหวินไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย
“เพิร์ลผู้น่าสงสาร” หญิงสาวที่กอดไป๋จูเหวินเอาไว้ร้องให้ออกมาพลางกอดไป๋จูเหวินแน่นกว่าเดิม
“ถึงขั้นความจําเสื่อมเลยงั้นหรือ หรือว่าจะเพราะโดนสายฟ้าของแม่มดขาวเข้าไปกัน” ชายที่เข้ามากอดไป๋จูเหวินว่าพลางจับใบหน้าของไป๋จูเหวินดู
“เท่าที่ข้าได้รับรายงาน ตอนที่เจ้าถูกส่งตัวไปช่วยสงครามทางตะวันตกเมื่อ 3 เดือนก่อน เจ้าเข้าปะทะกับแม่มดขาว แล้วแลกชีวิตกับมันจนตกลงไปในทะเล” ชายชราด ด้านหลังว่าพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีสงสาร
“โชคดีจริงๆที่เจ้ายังกลับมาได้ ข้านึกว่าจะต้องเสียเจ้าไปเสียแล้ว” หญิงสาวที่กอดไป๋จูเหวินเอาไว้ว่าพลางนําผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ําตา
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพิร์ลลูกพ่อ เจ้ากลับมาก็พอแล้ว” ชายที่เข้ามากอดไป๋จูเหวินพูดพลางอ้างตัวเป็นพ่อออกมาในทันที
“ พ่อ?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วสงสัย ชายคนนี้คือพ่อของมันงั้นเหรอ
“ใช่แล้ว เจ้าจําไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ดูนี่สิ” พ่อของไป๋จูเหวินว่าพลางพาไป๋จูเหวินมาที่บันไดกลางปราสาท ซึ่งเหนือบันไดนั้นมีรูปภาพขนาดใหญ่ติดเอาไว้ ซึ่งภาพนั้นก็คือภาพหมู่ของคนในตระกูลโรซารีนั้นเอง และชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในรูปนั้นก็มีหน้าตาเหมือนไป๋จูเหวินไม่มีผิด แม้แต่ผิวสีขาวที่ซีดเกินไปสักหน่อยเองยังเหมือนกันมาก
“แม่ดีใจนะที่เจ้ายังรอดกลับมาได้” หญิงสาวที่บอกว่าเป็น แม่พูดพลางเดินเข้ามาจับมือของไป๋จูเหวินเอาไว้แน่น
“กรี๊ดดด” ภายในห้องสีขาวและดําภายใต้จิตใต้สํานึกของไป๋จูเหวินกําลังปรากฏเสียงกรีดร้องออกมาราวกับคนจะขาดใจ
“จูเอ๋อจะไปเป็นลูกเจ้าได้ยังไงเจ้าคนฉวยโอกาส” หวังเฉียนว่าพลางกระทืบเท้าด้วยท่าทีไม่พอใจ
“เจ้าทําอะไรสักอย่างสิ แบบนี้นางได้เอาจูเอ๋อของพวกเราไปเป็นลูกนางแน่ๆ” หวังเฉียนหันมาหาอสูรแมงมุมพลางเขย่าร่างของนางราวกับจะเค้นคําตอบออกมา
“เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าทําอะไรในนี้ไม่ได้” อสูรแมงมุมว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้แต่นางยังตกใจมากที่เห็นว่านรูปมีจูเอ๋อของนางอยู่ด้วย หรือจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่ด้วย
“เจ้าจะบอกว่ารับได้งั้นเหรอกับเรื่องนี้” หวังเฉียนว่าพลางชี้ไปยังรูปที่ติดประดับเอาไว้
“เจ้าจะบอกว่า บังเอิญครอบครัวนี้มีคนหน้าเหมือนจูเอ๋อ แล้วไปสู้ในสงครามและบังเอิญหายตัวไปตอนจูเอ๋อได้สติ และบังเอิญจูเอ๋อก็กลับมาพอดีช่วงที่ทุกคนกําลตามหา พวกนั้นเลยรับเข้าเข้าครอบครัวเพราะเรื่องบังเอิญทั้งหมดนี้นั้นเหรอ” หวังเฉียนยังคงโวยวาย แม้ว่านางจะทําอะไรไม่ได้ก็ตาม