บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 240 ทางช่วยเหลือ
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 240 ทางช่วยเหลือ
“ยังกลับไม่ได้ เจ้าหมายความว่ายังไง”ราชสีห์เพลิงถามด้วยความสงสัย ทําไมมันถึงยังกลับไม่ได้ มันมีเหตุผลอะไรกัน หรือว่ามันจะทําเรื่องอะไรที่ทําให้กลับไม่ได้ลงไป?
“ข้าได้คุยเรื่องความทรงจําของข้ากับรูบี้แล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางเพิร์ลนิดหน่อย ท่าทางคนๆนี้จะเป็นเพิร์ลตัวจริงที่หายไปในสงคราม มิน่าเล่าทุกคนถึงเข้าใจผิดนึกว่ามันกับเพิร์ลเป็นคนเดียวกัน
“นางบอกว่า มีชายคนหนึ่งอาจจะรักษาข้าได้”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ ในเมื่ออาจจะมีคนรักษามันได้มันก็อยากจะลองไปพบดูก่อนจะไปกับพวกราชสีห์เพลิง
“คนที่รักษาเจ้าได้”ราชสีห์เพลิงเลิกคิ้วพลางพยักหน้าชาๆหากเป็นเช่นนั้นก็มีเหตุผล หากคนที่ว่าสามารถรักษาไป๋จูเหวินได้จริงมันก็ควรจะพาไปพบก่อนจะกลับอาณาจักร ไม่อย่างนั้นหากมังกรธรณีรักษาไม่ได้และหาคนในอาณาจักรรักษาไม่ได้พวกมันมิต้องบินกลับมาถึงนี้อีกรอบหรือ
“แต่..ระยะทางค่อนข้างไกล แถมคนที่ว่ายังอยู่ในเขตของศัตรูด้วย” รูบี้ว่าพลางถอนหายใจออกมา ที่นางคุยกับไป๋จูเหวินอยู่นานสองนานก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา” ราชสีห์เพลิงยิ้ม พลางเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะสร้างลูกไฟลูกหนึ่งขึ้นมาในมือเพื่อยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ตูม!! แรงระเบิดทําเอาอากาศรอบๆสะเทือนเลื่อนลั่น ทําเอาทั้งคนในบ้านพักเจ้าเมืองและคนในเมืองแตกตื่นกันยกใหญ่
“อยู่ที่นี่เอง” คนแรกที่โผล่มาย่อมเป็นพยัคฆ์อัสนี มันมาถึงเมืองแล้วหลังจากปละตัวออกมาจากพยัคฆ์เมฆา พอเห็นสัญญาณมันก็เข้ามาทางหน้าต่างทันที
“จูเอ๋อ เจ้านี้คือน้าอีกคนของเจ้า มันคือพยัคฆ์อัสนี”ราชสีห์เพลิงแนะนําพลางมองไปทางพยัคฆ์อัสนีที่นั่งอยู่บนหน้าต่าง
“เจ้าความจําเสื่อมจริงๆงั้นเหรอ” พยัคฆ์อัสนีถามพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน
“ขอรับ ข้าจําอะไรก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองพยัคฆ์อัสนีด้วยท่าทีแปลกๆ เหมือนกับราชสีห์เพลิงมีผิด แค่ได้เจอหน้ามันก็รู้สึกคุ้นเคยแล้ว ตอนนี้มันมั่นใจมากว่าคนเหล่านี้คือคนรู้จักของมันก่อนจะความจําเสื่อมแน่ๆ
“ท่านพี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน” แมรี่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยถามพลางมองมาทางเพิร์ลตัวจริงด้วยความสงสัย
“ดูเหมือนจะมีคนหน้าตาเหมือนข้าบังเอิญสูญเสียความทรงจําแล้วโดนพาเข้ามาในปราสาทแทนข้าน่ะสิ” เพิร์ลตอบพลางหัวเราะออกมา ใครจะไปคิดว่าเรื่องบังเอิญแบบนี้จะเกิดขึ้น แต่หากมันไม่บังเอิญมันก็คงไม่เรียกว่าบังเอิญหรอก
“เป็นเรื่องที่ประหลาดจริงๆ”รูบี้พูดพลางมองไปทางไป๋จูเหวินสลับกับเพิร์ล แม้แต่คู่หมั้นของเพิร์ลอย่างนางยังแยกไม่ออกเลยว่าไป๋จูเหวินกับเพิร์ลต่างกันตรงไหน แต่จะโทษพวกนางก็ไม่ได้เพราะไป๋จูเหวินบอกว่ามันความจําเสื่อม ทําให้พวกมันไม่แปลกใจกับท่าที่ที่เปลี่ยนไป และบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิมของไป๋จูเหวินเลย
วูบ…หลังจากพยัคฆ์อัสนีเข้ามาได้ไม่นาน เมฆหมอกสีขาวสายหนึ่งก็ลอยเข้ามาในห้องพลางตรงเข้าไปหาไป๋จูเหวินหมายจะซ่อนอยู่ที่เดิมของนางทันที เพียงแต่
หมับ! พยัคฆ์อัสนีคว้าเอาเมฆหมอกพวกนั้นเอาไว้ก่อนที่นางจะเข้าไปในเสื้อผ้าของไป๋จูเหวินเสียอีก
“นี่เจ้า…ปล่อยข้านะ” พยัคฆ์เมฆาว่าพลางพยายามลอยไปต่อ แต่ไม่ทราบทําได้อย่างไรพยัคฆ์อัสนีจึงสามารถดึงเอาพยัคฆ์เมฆาเอาไว้ได้
“เจ้าจะเข้าไปเกาะแกะจูเอ๋อทําไม เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์แล้วยืนอยู่ข้างๆก็พอ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางดึงนางออกมามากกว่าเดิม
“โอ้ย มันเจ็บนะ” พยัคฆ์เมฆาโวยวายพลางเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวคนหนึ่งแทน อาจจะเพราะนางเป็นเสือขาว ทําให้ผมของนางกลายเป็นสีขาวทั้งหมดโดยที่ปลายเส้นผมมีสีดําแซมเพียงเล็กน้อย ดูภายนอกแล้วนางดูเป็นผู้หญิงที่สวยและสง่างาม หากไม่นับว่ากําลังโดนพยัคฆ์อัสนีรัดคอเอาไว้ละก็
“ปล่อยข้าได้หรือยัง” พยัคฆ์เมฆาถามพลางหันไปค้อนพยัคฆ์อัสนีตาคว่ำ
“อย่ารบกวนจูเอ๋อมากไปก็พอ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางปล่อยนางออกมาจากแขนของตนเอง
“แล้ว เรื่องที่ท่านบอกว่าไม่มีปัญหาหมายความว่ายังไงกันเจ้าคะ ท่านจะพาเราเดินทางผ่านเขตสงครามได้อย่าไร”รูบถามด้วยความสงสัย อาณาจักรไชน์รบกับอาณาจักรโรเน่มานานหลายสิบปีแล้ว ยึดเมืองกันไปกันมาจนไม่ทราบทิศทางของสงคราม การที่คนของอาณาจักรไชน์จะข้ามไปยังอาณาจักรโรเน่นั้นเป็นเรื่องที่ยยากมากทีเดียว
“ไม่ยาก เรามีคนที่ช่วยพาเราไปอยู่” ราชสีห์เพลิงพูดจบเสียงกระพือปีกก็ดังออกมาจากนอกหน้าต่าง มันคือเสียงกระพือปีกของไก่ฟ้าหงอนทองนั่นเอง ต้องขอบคุณที่ราชสีห์เพลิงเจอไป๋จูเหวินได้ไว ไม่อย่างนั้นพวกไก่ฟ้าหงอนทองคงไม่กลับมาเร็วเช่นนี้หรอก
“จูเอ๋อ” พอเห็นนกยักษ์บินลงมาต่อนห้าตอตาแถมยังเข้าไปกอดไป๋จูเหวินกันหน้าตาเฉยก็ทําเอารูบี้ที่ตกใจกับสัญญาณของราชสีห์เพลิงไปแล้วยิ่งตกใจหนักเข้าไปใหญ่
“เฮ้ยเจ้าไก่ เราต้องเดินทางไปหาคนที่สามารถรักษาจูเอ๋อได้ เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นไก่ซะ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางสั่งไก่ฟ้าหงอนทองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“รักษา? เจ้าเป็นอะไรไป๋จูเอ๋อ”ไก่ฟ้าหงอนทองและจิ้งจอกเหมันต์ไม่ทราบเรื่องที่ไป๋จูเหวินความจําเสื่อม เลยถามกันยกใหญ่ สุดท้ายราชสีห์เพลิงก็ต้องเป็นผู้อธิบาย และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอีกรอบ
“ท่านจะให้พวกเราขึ้นหลังของนกยักษ์ไปงั้นหรือเจ้าคะ”รูบี้ถามด้วยท่าที่ตกใจ นางพยายามคิดค้นวิธีขึ้นบินมาตลอด ไม่เคยนึกถึงเรื่องที่จะใช้อสูรเป็นสัตว์สําหรับขี่บินเลย
“ใช่ เห็นอ้วนๆแบบนี้เจ้านี่เร็วใช้ได้เลยล่ะ” ราสีห์เพลิงตอบพลางชี้มาที่ไก่ฟ้าหงอนทอง
“ร่างจริงของข้าไม่ได้อ้วนสักหน่อย”ไก่ฟ้าหงอนทองเถียง แม้ร่างมนุษย์ของมันจะเหมือนเถ้าแก่ตัวอ้วนๆก็ตาม
“แล้ว คนที่เจ้าจะไปหามันเป็นใครงั้นเหอร” จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางจับรูขี้เอาไว้เพราะพลังระดับนางคงอยู่บนหลังของไก่ฟ้าหงอนทองได้ไม่นาน
“เขาเป็นหมอที่ช่วยรักษาท่า นพ่อของข้าสมัยออกไปรบนะค่ะ รูบี้ตอบพลางมองไปทางเหนือ แต่เดิมหมอท่านั้นอยู่ในเขตของอาณาจักรไชน์ แต่เพราะการรุกคืบของอาณาจักรโรเน่ทําให้พื้นที่ๆหมอท่านนั้นอาศัยอยู่โดนอาณาจักรโรเน่ยึดครองไปด้วย
“เจ้าแน่ใจแค่ไหนว่ามันจะรักษาจูเอ๋อได้”ไก่ฟ้าหงอนทองถาม เพราะมันรู้จักมังกรธรณีผู้มีความสามารถรักษามากมายอยู่ทั้งคน
“เจ้าค่ะ ท่านมีความสามารถเยียวยาจิตใจของผู้อื่นได้ และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตของมนุษย์อีกด้วย”รูบี้ตอบพลางยืดอกอย่างมั่นใจ ครั้งหนึ่งนางเคยเห็นท่านหมอรักษาคนที่เกิดอาการธาตุไฟเข้าแทรกมาก่อน คนที่ทําเช่นนั้นได้นับว่าหายากมากทีเดียว
“ข้าว่ามันคุ้มที่จะลองไปดู อีกอย่างแค่บินข้ามหัวศัตรูไปหน่อยเดียวเท่านั้น” ราชสีห์เพลิงตอบพลางตบหัวไก่ฟ้าหงอนทองเพื่อบอกว่าทุกคนขึ้นมาครบแล้ว
“ช่วยไม่ได้ เพื่อจูเอ๋อนี่นะ”ไก่ฟ้าหงอนทองพูดจบก็กางปีกออก แม้รูบี้จะส่งทหารออกไปรายงานเรื่องของไก่ฟ้าหงอนทองกับประชาชนแล้ว แต่ทุกคนก็ยังมีท่าทีหวาดกลัวและตกใจกับชนาดปีกที่บดบังแสงอาทิตย์ไปครึ่งเมือง
พรึบ! ร่างของไก่ฟ้าหงอนทองทะยานขึ้นสูง ทําเอาทั้งรูบี้และเพิร์ลที่ร่วมเดินทางมานั้นต้องอาศัยจิ้งจอกเหมันต์และราชสีห์เพลิงเพื่อประคองร่างกายตนเองเอาไว้ไม่ให้ตก
“..”แม้จะมีเป้าหมายคนละอย่าง แต่การได้เดินทางบนท้องฟ้าก็เป็นความฝันหนึ่งของรูขี้เลย ทําเอาเจ้าตัวถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าบินได้แบบนี้ละก็ อาณาจักรลึกลับคง…”รูบี้ว่าพลางหันไปมองด้านหลังของตน แม้จะเห็นแต่ท้องทะเล แต่ภาพอาณาจักรลึกลับที่ตนไฝ่หานั้นก็ดูจะใกล้ขึ้นกว่าเดิม
“รูบี้”เพิร์ลที่อยู่ข้างๆเห็นรูเอาแต่มองไปทางทะเลมันก็พยายามเรียกรูบี้เพื่อให้นางกลับมามีสติอีกครั้ง
“เอ๊ะ…”รูบี้เบิกตาเลิกลักพลางมองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ เพราะเมื่อครู่นางเหม่อไปพักใหญ่เลย
“เจ้าเป็นคนเดียวที่รู้ทางนะ บอกทางพวกท่านราชสีห์ด้วยสิ”ได้ยินเพิร์ลพูดเช่นนั้นรูบี้ก็พยักหน้าพลางชี้ไปในทางที่พวกตนกําลังจะต้องเดินทางไป เมื่อได้ทราบเส้นทาง ไก่ฟ้าหงอนทองก็เร่งความเร็วบินข้ามเมืองต่างไปอย่างรวดเร็ว อาณจักรไชน์นั้นไม่มีการใช้อสูรเสียเท่าไหร่ การที่มีคนบินบนฟ้าด้วยอสูรนั้นคงเป็นเรื่องแปลกใหม่มากสําหรับคนในอาณาจักรนี้กระมัง
“แย่ล่ะสิ” เมื่อเดินทางมาได้พักใหญ่ ในที่สุดก็ถึงที่ๆรูบี้บอกเสียที แต่เบื้องล่างพวกมันนั้นกลับเต็มไปด้วยกองทัพของอาณาจักรโรเน่
“แบบนี้ก็ลงไปไม่ได้นะสิ”เพิร์ลว่าพลางก้มมองคนของอาณาจักรโรเน่ที่อยู่ทั้งภายในเมืองและภายในป่า นี่พวกมันกําลังจัดทัพกันอยู่หรือ
“ถ้างั้นข้าจะลงไปเคลียทางให้แล้วกัน” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางลุกขึ้นยืน
“ดะ เดี๋ยวเจ้าค่ะ” คนที่ส่งเสียงออกมานั้นเป็นคนที่แทบจะถูกลืมไปแล้วว่ามีตัวตน นางคือแม่มดขาวที่หลบอยู่หลังจิ้งจอกเหมันต์นั่นเอง
“พวกท่านลงไปกับข้าเถอะ ถึงจะเห็นแบบนี้ข้าเองก็มีอํานาจในอาณาจักรโรเน่นะเจ้าคะ เรื่องพาพวกท่านเดินทางไปในอาณาจักรโรเน่ข้าทําได้แน่นอนเจ้าค่ะ” แม่มดขาวพูดพลางเอามือทาบอกตัวเองเอาไว้ หากปีศาจอย่างพยัคฆ์อัสนีลงไปถล่มกองทับของโรเน่ละก็มีหวังกองทัพของนางพังแน่ๆ
“ก็ได้ แต่ถ้าพวกมันจะทําร้ายจูเอ๋อ พวกข้าจะลงมือทันทีเข้าใจไหม” ราชสีห์เพลิงพูดพลางหันมามองแม่มดขาวด้วยท่าทางจริงจัง
“จะ เจ้าค่ะ” แม่มดขาวตอบรับพลางก้มหัวลงผงกๆ