บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 242 ฟื้นฟูความทรงจํา
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 242 ฟื้นฟูความทรงจํา
“ถ้าแบบนี้ก็กลับกันเถอะ ได้สูตรมาแล้วด้วย”ไก่ฟ้าหงอนทองเสนอพลางมองตําราที่อยู่ในมือราชสีห์เพลิงในเมื่อได้สูตรมาแล้วราชสีห์เพลิงน่าจะทําออกมาได้ด้วยตนเอง เสียด้วยซ้ํา
“ไม่ได้ตํารานั่นเป็นของข้า ละ แล้วก็ยังมีขั้นตอนการใช้งานที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ในตําราด้วย” หมอเทวดาท้วงพลางพยายามจะคว้าเอาตําราของตนคืน
“ขั้นตอนการใช้?”ราชสีห์เพลิงถามพลางมองหมอเทวดานิ่งถึงอย่างไรจําราก็เป็นของมัน การแย่งไปด้วยกําลังก็คงดูไม่ดีแถมจะรักษาไปจูเหวินที่นี่หรือที่ไหนขอแค่รักษาหายมันก็พอใจแล้ว
“ชะ ใช่แล้ว หากไม่ทราบขั้นตอนการใช้งานอาจจะทําให้การรักษาไม่ได้ผลก็ได้” ความจริงแล้วขั้นตอนการใช้งา นเทียนแรกเกิดนั้นง่ายมากขอเพียงก่อรูปขึ้นมาเป็น เทียนเล่มหนึ่งแล้วจุดภายในห้องที่ผู้ป่วยนอนก็สามารถช่วยรักษาได้แล้ว แต่ที่หมอเทวดาพยายามรั้งราชสีห์เพลิงเอาไว้เป็นเพราะมันไม่มีกําลังพอจะหาสมุนไพรเหล่านี้มาได้ด้วยตนเองหากจะมีการสร้างเทียนแรกเกิดขึ้นมา มันก็อ ยากจะเห็นด้วยตาตนเองและหากเป็นไปได้มันก็อยากจะทําด้วยตนเองเสียด้วยซ้ํา
“ส่งสมุนไพรมาให้ข้า ข้าจะนํามันไปสร้างเทียน” หมอเทวดาเสนอพลางยื่นมือไปข้างหน้า พอบอกว่าอาจจะรักษาไม่ ได้พวกน้าๆก็มีท่าที่อ่อนลงเพียงแต่ราชสีห์เพลิงไม่ได้ส่งสมุนไพรที่ต้องใช้ให้กับหมอเทวดาเพราะหากบอกว่าพวกมันยัง ไม่ทราบวิธีใช้ แต่วิธีการหลอมเทียนหอมแรกเกิดนั้นเขียนเอาไว้ในตําราจนหมดแล้ว
พรึบ! ราชสีห์เพลิงเรียกลุกไฟออกมาเพื่อทําเป็นเตาหลอมนอกจากสมุนไพรเหล่านี้แล้วยังจําเป็นต้องใช้ไขมัน อีกเล็กน้อยในตําราไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นไขมันอะไร แต่เพ ราะมันเคยทําอาหารให้จูเอื้อมาก่อนทําให้มันมีส่วนไขมันของอสูรหลายๆตัวอยู่
ซูมมม ไขมันที่ถูกละลายกลายเป็นน้ําผสมเข้ากับสมุนไพรทีละน้อยจนกลายเป็นน้ําสีส้มอ่อน แต่เดิมมันสมควรใช้ เวลามากกว่านี้เพื่อขึ้นรูปเทียนไขแต่เมื่ออยู่ในมือของยอดฝี มือมันก็ไม่จําเป็นต้องรอแต่อย่างไร น้ําสีส้มอ่อนเริ่มก่อตัวเป็นรูปเทียนอยู่กางอากาศช้าๆพร้อมราชสีห์เพลิงที่ดับไฟลงจนหมดเมื่อใช้เส้นด้ายเล็กๆทําเป็นแกนเสร็จแล้วก็เหลือแต่รอให้มันแห้งเท่านั้น
“…” หมอเทวดามองการหลอมเทียนของราชสีห์เพลิงอย่างตกตะลึง หมอส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครฝึกฝนพลังวิญญาณนักการหลอมยาด้วยพลังธาตุเช่นนี้นับว่าน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากแม้จะเสียดายนิดหน่อยที่ตนไม่ได้เป็นคนลงมือทํา เทียนหอมแรกเกิดด้วยตนเองแต่ได้เห็นอะไรเช่นนี้ด้ว ยตาตนเองก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว
“ต่อไปต้องทํายังไง”ราชสีห์เพลิงถามพลางมองหมอเทวดานิ่งเมื่อครู่มันพึ่งบอกว่ามีขั้นตอนการใช้งานที่พวกมันยังไม่รู้ ก็มีแต่มันเท่านั้นแล้วที่สามารถรักษาได้
“ชะ ใช่ ก่อนอื่นพวกท่านต้องออกไปข้างนอกก่อน” หมอเทวดาว่าพลางนําเทียนหอมที่ตั้งอยู่ระหว่างมันกับราชสีห์เพลิงมาตั้งเอาไว้บนเชิงเทียนพลางนําเชิงเทียนมาวาง เอาไว้ตรงหน้าไปจูเหวินอีกที
“เทียนนี้จะทําให้คนที่สุดดมละลึกความหลังได้หากพวกท่านสูดดมไปด้วยจะพากันได้รับผลกันหมด”ได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็พากันออกจากบ้านของหมอเทวดาไปอย่างว่าง่ ายเหลือแต่ไปจูเหวินกับหมอเทวดาเท่านั้นเอง
“เจ้านี้โชคดีจริงๆ” หมอเทวดาบ่นพลางมองมาทางไปจูเหวินในสายตามันไปจุเหวินก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดามันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทําไมคนพวกนั้นถึงยอมช่วยไปจูเหวินจนต้องยอมเสียสละของมีค่ามากมายเช่นนี้
“นอนแล้วหลับตาเอาไว้ ข้าจะเริ่มจุดเทียนหอมแล้ว” หมอเทวดาสั่งพลางเรียกลูกไฟเล็กๆออกมาจากปลายนิ้วทันทีที่มันเริ่มจุดไฟ กลิ่นหอมของสมุนไพรก ฟังออกมารอบๆทันทีทําเอาหมอเทวดารีบลุกออกไปจาก บ้านทันทีเพราะมันก็ไม่อยากมานั่งนึกความหลังโดยไม่จําเป็นเสียด้วย
วูบไปจูเหวินรู้สึกราวกับตนเองกําลังจมลงไปในน้ําอย่างช้าๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่มันก็ลืมตาไม่ได้ แถมปกติมันไม่ต้องลืมตาเสียด้วยซ้ําก็สามารถมองเห็นรอบๆได้ แต่ยามนี้มันกลับมองเห็นแต่ความมืด
ฟุบ! ร่างของมันราวกับโดนเหวี่ยวมาอีกสถานที่หนึ่งมันเห็นภาพของปักเป้าตัวใหญ่เท่าภูเขากําลังเปาอากาศออกมาจากปากด้วยความแรงมหาศาลก่อนที่ภาพจะค่อยเปลี่ยนไปเป็นตอนที่มันกําลังเดินทางร่วมกับเหม่ยหลินเพื่อมาแจ้งขข่าวกับกลุ่มผู้ฝึกอสูร
วูบ.ราวกับภาพค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ภาพเหตุการณ์ก่อนที่มันจะโผล่ขึ้นมาจากน้ําทะเลก็ค่อยไหลเข้ามาในสมองของไปจูเหวินมันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอ ย่างมาก มันไม่เหมือนความรู้ที่ถูกยัดเข้ามาแต่มันราวกับพึ่งนึกอะไรบางอย่างที่ตนพยายามนึกอยู่ออกจนได้เหมือนกับมันกําลังเปิดประตูในสมองให้ความทรงจําแต่เดิมไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“….”ไปจูเหวินราวกับได้รับความทรงจําแต่เดิมกลับคืนมามันจําได้แล้วว่าพวกท่านน้าคือใครและมันคือใครรวม
“ท่านแม่”ไปจูเหวินว่าพลางมองภาพอสูรแมงมุมที่กําลังประคองร่างของมันเอาไว้ให้มันได้หลับอย่างสบายบ นตักของนางความทรงจําในวัยเด็กเช่นนี้แม้แต่ไปจูเหวินเอง ยังมีความเลือนรางอยู่บ้างเพียงแต่เมื่อได้เทียนหอมแรกเกิ ดช่วยมันก็พลันจํารายระเอียดที่ขาดหายไปได้จนหมดทั้งเสียงและดวงตาของอสูรแมงมุมสัมผัสที่ลูบเส้นผมของมันและไออุ่นที่มันโหยหา
“”อยู่ๆภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป ทั้งๆที่ความทรงจําของไปจูเหวินควรจะจบแค่ตรงนี้แท้ๆภาพต่อมาที่มันเห็นเป็นภาพของมันเองที่กําลังนอนจมกองเลือดอยู่ที่หุ บเขาไร้กันก่อนที่อสูรแมงมุมจะใช้ธาตุความมืดย้อนเวลาให้จนมันกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
พรึบ พรบ. ภาพตรงหน้าของไปจูเหวินเปลี่ยนไปอีกครั้งยามนี้เป็นภาพของมันในวัยเด็กกําลังถูกอสูรปักษาตนหนึ่ง พาบินขึ้นมาบนท้องฟ้ามันกําลังลักพาตัวไปจูเหวินงั้นหรือ ไม่ใช่.. ดวงตาของของมันเต็มไปด้วยความกลัว ดวงตาของมันราวกับกําลังหนีใครมาไม่มีผิด
แกว้กกกกกก! อสูรปักษาร้องหลังจากโดนแสงสีแดงพุ่งเข้าใส่บิกวิชานั่นเป็นวิชาที่ไปจูเหวินไม่เคยเห็นมาก่อน มัน เหมือนปราณกระบี่แต่รุนแรงอย่างมากอสูรปักษาที่พาม นบินมาไม่ใช่ระดับกระจอกๆ หากเทียบพลังดูคงอยู่ระดับตํานานแต่มันกลับโดนโจมตีที่เดียวร่วงลงไปในผาไร้กันทันที
“ที”ชายที่โจมตีมายืนตรงผาไห้กันพลางมองร่างของไปจูเหวินที่ตกลงไปเด็กตัวแค่นั้นตกลงไปในผาไร้กันไม่มีใครคิดว่าจะรอดอยู่แล้วแถมร่างของมันยังเละและ เต็มไปด้วยเลือดอีกต่างหาก
เฮือก…อยู่ๆชายคนนั้นก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว นั่นเพราะพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของอสูรแมงมุมนั่นเองทันที่ที่ร่างของนางเดินผ่านมาชายคนนั้นก็หลบหายไปทันที
วูบ… อยู่ๆภาพก็ตัดไปอีกครั้งดูเหมือนผลของเทียนหอมจะทําให้มันเห็นความทรงจําจากใหม่ไปเก่าทําให้อสูรปักษาที่อุ้มไปจูเหวินไปยังมีชีวิตอยู่เพียงแต่มันไม่ได้กําลังอุ้มไปจูเหวินอย่างที่เห็นก่อนหน้าแต่มันกําลังบินอยู่เหนือร่างของไปจูเหวินต่างหาก ส่วนคนที่กําลังอุ้มไปจูเหวินอยู่กลับเป็นชายคนหนึ่งที่กําลังวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นมาบนยอดเขาโดยด้านหลังของมันมีกลุ่มคนจํานวนหนึ่งตามมาราวกับจะฆ่ามันให้ตาย
“ไม่นะ” ชายหนุ่มพูดพลางมองยอดเขาที่มันพึ่งขึ้นมาตรงกลางยอดเขาปรากฏสระน้ําสระหนึ่งโดยตรงกลางนั้นมีร่างของชายชราคนหนึ่งนอนอยู่
“อาจารย์…” ชายที่อุ้มไปจูเหวินมาพูดด้วยน้ําเสียงหมดหวังราวกับมันกําลังพาไปจูเหวินมาเพื่อขอให้อาจารย์ช่วย เหลือ แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลใด อาจารย์ของมันกลับหมดลมหายใจไปแล้ว
“พาหนีไป” ชายคนนั้นว่าพลางโยนร่างของไปจูเหวิ นไปให้อสูรปักษาก่อนที่อสูรปักษาจะรับร่างของไปจูเหวิ นแล้วพาบินหนีไปส่วนชายคนนั้นก็หันหลังกลับไปสู้กับศัตรู ที่กําลังตามมาพริบตานั้นไปจูเหวินเห็นว่าบนหลังของมันป รากฏแสงสีทองจางๆออกมามันไม่เหมือนพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ท่าทางจะเป็นวิชาอะไรบางอย่างมากกว่า
พรึบ! ภาพตรงหน้าไปจูเหวินดับลง ก่อนที่มันจะตื่นขึ้นมาภายในห้องของหมอเทวดา ดูเหมือนเทียนหอมที่จุดเอาไว้จะหมดไปแล้ว
“เมื่อครู่มันอะไรกัน”ไปจูเหวินว่าพลางหายใจเข้าลึกๆ ความทรงจํานั่นเป็นความทรงจําก่อนที่มันจะถูกอสูรแมงมุมเก็บมาเลี้ยงงั้นเหรอ
หรือว่า ชายคนนั้นจะเป็นพ่อของไปจูเหวินกัน?..ไม่.ยังยืนยันอะไรไม่ได้ แต่สถานที่ที่มันเห็นนั้นไม่คุ้นตาเลย เพราะตอนที่โดนอสูรปักษาอุ้มมาภาพดันตัดไปตอนมันร่วงลง มาในผาไร้กันทันทีทําให้ไปจูเหวินไม่ทราบว่ามันบินมาจาก ทางไหนกันแน่ หรือมันควรตามหาภูเขาลูกนั้นดี
“จูเอ้อ เจ้าจําได้หรือยัง” พยัคฆ์อัสนีถามพลางเดินเข้ามาในบ้านของหมอเทวดาช้าๆ เพราะกลิ่นเทียนหายไปแล้วพยัคฆ์อัสนี้เลยเข้ามาเพื่อดูว่าไปจูเหวินเป็นอย่างไรบ้าง
“ขอรับ ข้าจําได้แล้ว”ไปจูเหวินยอมพลางยิ้มออกมาผืนๆ
“เป็นอะไรไป เจ้าดูเหนื่อยๆนะ” พยัคฆ์อัสนีถามด้วยความเป็นห่วง เช่นเดียวกับพวกน้าๆที่พากันเดินเข้ามา
“ความทรงจํามันค่อนข้างเยอะขอรับ ข้าเลยเหนื่อยไปหน่อย”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มกลบเกลื่อน ตอนนี้มันไม่ทราบว่าจะเล่าเรื่องที่มันพึ่งได้เห็นอย่างไรดี
“ไม่เป็นไรเจ้าพักผ่อนเถอะ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางลูบหัวไปจูเหวินเบาๆ หากเรื่องราวเมื่อหลายพันปีก่อนถาโถมเข้ามาในหัวมันที่เดียวมันก็คงปวกหัวมากแน่ๆเช่นกัน
“จริงสิ”ไปจูเหวินพูดพลางหันมามองรูบี้ที่ตามเข้ามาเช่นเดียวกัน
“เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังเรื่องดินแดนลึกลับสินะ”ไปจูเหวินพูดพลางนําผ้าผืนหนึ่งออกมาวางตรงหน้ารูบี้ ก่อนจะนําพู่กันออกมาวาดรูปแมงมุมลงไปบนผ้า
“อสูรยักษ์ที่เจ้าบอกว่าเฝ้าทางขึ้นอยู่เป็นคนรู้จักของข้าเอง ให้แล่นเรือโดยใช้ผ้าผืนนี้เป็นธง แล้วข้าจะบอกท่านเองว่าให้ปล่อยพวกเจ้าเข้าไป นี่เป็นสิ่งตอบแทนที่ข้าพอ จะตอบแทนเจ้าได้ที่ช่วยข้ามารักษาถึงที่นี่”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าภาษาของที่นี่กับที่นั่นไม่เหมือนกันไปจูเหวินก็รับปากกับรูบี้ว่าจะเขียนตํา ราสอนภาษาของที่นั้นให้ก่อนจะกลับไปยังดินแดนของตนเอง