บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 257 วิธีรับมือ
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 257 วิธีรับมือ
“น่าเสียดาย ที่พ่อออกไปจากที่นี่ไม่ได้” หลังจากได้เห็น พลังของบิดาตนเองแล้ว ไปจูเหวินก็คิดจะขอความช่วยเหลือจากบิดาเป็นอย่างแรงแต่คําตอบที่ได้กลับน่าผิดหวังไปบ้าง
“นายน้อย ข้ายังไม่ได้บอกท่านไป แดนลับแลแห่งนี้มีความลึกลับอย่างหนึ่งขอรับ”หวังดงว่าพลางนั่งลงทั่นด้านล่างแคร่ไม้ของบิดาไปจูเหวิน
“ที่นี่เป็นแดนลับแลที่ตัดขากจากโลกภายนอกเพราะมีเหล่าอสูรคอยคุ้มกันอยู่แต่เพราะบ่อน้ําแห่งนั้นขอรับเหล่าอสูรจึงมาปกปักรักษาภูเขาแห่งนี้ตั้งแต่แรก”หวังตงว่าพ ลางชี้ไปที่บ่อน้ําที่ไปจูเหวินไปนั่งเล่นเมื่อครู่
“บ่อน้ํานั้นมีพลังพิเศษบางอย่างที่ทําให้คนที่อยู่รอบๆมันได้รับพลังบางอย่างซึ่งนายท่านที่อยู่ที่นี่มาหลายพันปีซึมซับเอาพลังที่ว่าเข้ามาเป็นจํานวนมาก”หวังตงเงียบไปครู่หนึ่งพลางมองบิดาของไปจเหวินแม้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะแก่ช้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวันแก่เลยแต่บิดาของไปจูเหวินกลับยังหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนเลย นั่นเพราะพลังที่มาจากบ่อน้ําบนยอดเขาแห่งนี้นั่นเองแม้จะไม่ทราบว่าที่มาของบ่อน้ําแห่งนี้คืออะไรแต่บิดาของไปจเหวินก็อาศัยพลังของบ่อน้ําแห่งนี้เพื่อฝึกฝนและยังทําให้ตนเองไม่แก่ไม่ตายอีกด้วย
“พลังของบ่อน้ําทําให้นายท่านมีชีวิตอมตะและยังมีพลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่…” หวังตงว่าพลางถอนหายใจออกมา
“ทุกพลังต้องการสิ่งตอบแทนขอรับ นายท่านไม่ได้สามารถออกห่างบ่อน้ําได้ หากท่านทําเช่นนั้นร่างกายที่ขาดพลังจากบ่อน้ําก็จะสูญสลายไปน่าเสียดายที่เราไม่สามารถ ยืมพลังของนายท่านได้” หวังตงว่าพลางก้มหน้าลงด้วยความผิดหวังไม่ใช่ว่าหวังตงไม่คิดจะยืมมือนายท่านของมันแต่มันทราบความจริงในข้อนี้อยู่แล้วทําให้มันไม่สามารถขอแรงนายท่านของมันได้
“ชินอี้เจ้าอยากจะแก้แค้นให้แม่ของเจ้าจริงๆงั้นหรือ”บิดาของไปจูเหวินถามพลางมองบุตรชายของตนเอง มันมีใบหน้าเหมือนตนเองมากทีเดียว แต่ผิวของมันแปลกไปเสียหน่อย รวมถึงรูปหน้ายังมีส่วนผสมระหว่างมันกับเย่หลิงอีกต่า งหาก ทําให้ไปจูเหวินดูไม่ได้สมชายเท่ามันนัก
“ขอรับ ข้าไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้จริงๆ”ไปจูเหวินตอบพลางมองบิดาของตน ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว มันเรียกไปจูเหวินว่าชินอี้ ท่าทางนั่นจะเป็นชื่อของมันก่อนจะโดนอสูรแมงมุมเก็บไปเลี้ยงกระมัง
“งั้นพ่อก็พอจะมีวิธี” บิดาของไปจูเหวินพูดพลางเรียกเอากระบี่เล่มหนึ่งออกมาตัวฝักกระบี่เป็นสีทองประดับไปด้วยอัญมณีมากมายดูมีค่าอย่างมากแต่ไปจูเหวินก็ใช้ดวงตา สีทองของมันตรวจสอบแล้วกระบี่เล่มนี้แม้จะเป็นกระ
วิเศษ แต่มันก็ยังเทียบกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ของอู่หมิงไม่ได้ เสียด้วยซ้ําอาวุธเช่นนี้จะทําอะไรกลุ่มเขี้ยวโลหิตได้งั้นหรือ
“นํากระบี่เล่มนี้กลับไปที่บ้านของพ่อ คนในตระกูลของพ่อน่าจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ได้ยินเช่นนั้นไปจูเหวินก็ขมวดคิ้วกระบี่เล่มนี้สาคัญอย่างไรแล้วครอบครัวของพ่ องั้นหรือ?
“บอกพวกมันว่าเจ้าคือบุตรชายของข้า ชินหลุน ผู้นี้และมอบกระบี่ให้พวกมัน หากเวลายังไม่ทําให้ตระกูลของข้าเสื่อมความดีพวกมันจะช่วยเจ้า” ชินหลุนตอบพลางยืนกระบีให้ไปจูเหวิน
“ชิน”เหม่ยหลินเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อลองนึกดู ให้ดีหากมันมีนามว่าชินหลุน งั้นตระกูลของมันก็คือตระกูลชินงั้นหรือแบบนั้นไม่ใช่ว่าครอบครัวที่ชินหลุดพูดถึงคือเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรชิ้นงั้นหรือ
“ดูเหมือนนายท่านจะเป็นเชื้อพระวงศ์ของเมื่อหลายพันปีก่อนขอรับข้าเองตอนแรกก็ตกใจเช่นกัน”หวังตงตอบพลางหัวเราะออกมาตอนที่มันได้รู้เล่นเอามันตกใจทําอะไรไม่ถูก เหมือนกัน
“แต่ เวลามันผ่านมานานแล้ว เชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรชินจะเชื่องั้นเหรอ”ไปจูเหวินถามพลางมองกระบี่ในมือของตนเอง
“เชื่อแน่นอนขอรับ กระบี่เล่มนี้คือกระบี่วิเศษแห่งรา ชวงศ์ชินตามตํานานกล่าวว่าหายสาบสูญไปหลายชั่วอายุคนขอรับแต่ชื่อและภาพเหมือนยังคงอยู่ อย่าง น้อยตอนนี้ชื่อ กระบี่ทองแห่งราชวงศ์ชินก็ยังมีเล่าขานกันมาขอรับ” หวังตงตอบพลางมองกระบี่ในมือไปจูเหวินราวกับทราบว่าหวังตงอยากจะมองอะไร ไปจูเหวินจึงชักกระออกมา ใบกระบี่เองก้เป็นสีทองแวววาวเงางามดูน่าหลงใหลแต่ที่พวกมันต้องการดูนั้นคืออักษรคําว่าชินบนตัวกระบีต่างหาก
“แต่…ราชวงศ์ชินจะจัดการกลุ่มเขี้ยวโลหิตได้งั้นหรือ”ไปจูเหวินถามพลางมองไปทางหวังตงมันเคยเป็นคนของกลุ่มเขี้ยวโลหิตมาก่อนมันน่าจะให้คําตอบได้ดี
“ไม่ขอรับ อย่างมากก็ทําได้แค่ขับไล่พวกมันเท่านั้น แต่กําลังของกลุ่มเขียวโลหิตยิ่งใหญ่มากว่ากันว่าแม้แต่องค์จักรพร รดิยังต้องเกรงใจเลยทีเดียว” หวังตงตอบ ซึ่งนั่นเป็นพลังของกลุ่มเขี้ยวโลหิตก่อนที่มันจะออกมาแต่ตอนนี้อสูรในกลุ่มเขี้ยวโลหิตมีมากขึ้นว่ากันว่าพวกมันได้อสูรที่น่ากลัวมาหลายตัวซึ่งบางตัวกล่าวกันว่าเป็นอาวุธลับของกลุ่มเขี้ยวโลหิตเลยทีเดียวถึงตอนนี้มันก็ไม่ทราบว่าจะใช้อํานาจของจักรพรรดิทําอะไรกลุ่มเขี้ยวโลหิตได้หรือไม่
“ไม่เป็นไรขอรับ หากเป็นอสูร ข้าสามารถรับมือได้”ไปจูเหวินตอบอย่างมั่นใจหากเป็นอสูรต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนไปจูเหวินก็มั่นใจว่าจะสามารถหยุดเอาไว้ได้ปัญหาจึงอยู่ที่เหล่าอาวุโสและหัวหน้ากลุ่มเท่านั้น
“ถ้าเช่นนั้นคงต้องพึ่งพายอดฝีมือคนอื่นๆ บางทีอาจจะใช้เส้นสายของจักรพรรดิหามาได้” หวังตงว่าพลางหยักหน้าอย่างเข้าใจยามนี้มันราวกับเห็นแสงรําไร จากตอนแรกที่ สิ้นหวังจนทิ้งชีวิตให้จมบ่อสุรามาแล้ว หากเป็นเช่นนี้อาจจะ เอาชนะกลุ่มเขียวโลหิตได้ก็เป็นได้
“ชินอี้ ก่อนเจ้าจะเข้าศึกพ่ออยากให้เจ้าฝึกวิชาเพิ่มเสียก่อน” ด้วยพลังระดับเจ้าสวรรค์ขั้นสุดท้ายชินหลุนสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าพลังของไปจูเหวินยังไม่มากพอ ฟัง จากที่คุยเมื่อครู่มันก็ทราบว่าไปจูเหวินจะใช้ตนเองขวางกลุ่มอสูรเอาไว้ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ไปจูเหวินจะไม่ เข้าร่วมต่อสู้และด้วยพลังของไปจูเหวินในยามนี้มันยังไม่พอ
“ขอรับ”ไปจูเหวินว่าพลางมองบิดาของตนที่กําลังเดินมาทางตนเอง
วูบ… พริบตานั้นแสงสีทองก็ปรากฎรอบๆตัวของชินหลุนมันไม่เหมือนพลังของหวังตง พลังสีทองนั้นเข้มข้นและรุน แรงอย่างมากถึงกับก่อตัวเป็นรูปมังกรอยู่รอบๆตัวชินหลุนเลยที่เดียว
“นี่คือวิชาลมปราณมังกร หากเจ้าเป็นลูกชายข้าเจ้าคงจะสามารถเรียนได้ในเวลาไม่นาน” ชินหลุนกล่าวพลางปล่อยให้ พลังสลายไปความสามารถในการจดจําและเรียนรู้นั้นเป็นของชินหลุนไปจูเหวินที่สามารถจดจําและเรียนรู้ได้อย่าง รวดเร็วนั้นมาจากสายเลือดของชิ้นหลุนนั้นเอง
“ได้ข่าวฝันร้ายสีขาวที่พวกเจ้าเจอจัดการพวกเจ้าในพริบตาเลยงั้นหรือ” ชายหนวดเคราหนาในชุดสีแดงของกลุ่มเขี้ยวโลหิตพูดพลางมองไปยังผาไร้ก้นเบื้องล่าง
“ขอรับท่านอาวุโส” ชายที่เคยรอดมาจากมือของไปไปตอบพลางก้มหัวลงจนแทบจะติดพื้น
“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้ากระจอกเกินไปหรือยังไง” ชายที่ถูกเรียกว่าอาวุโสถามด้วยน้ําเสียงเรียบเฉยกับข่าวการตายของลูกน้องตนเอง
“ไม่ขอรับ มันแข็งแกร่งมากจริงๆ” ชายหนุ่มตอบพลางก้มหัวจนคราวนี้ติดพื้นจนได้
“เอาเถอะ ยังไงวันนี้ข้าก็มาเพื่อทดสอบพลังของราชาแห่งเขตอสูรผาไร้กันอยู่แล้ว แถมหัวหน้ายังฝากให้ข้าเอาอาวุธลับมาทดสอบอีกด้วย” อาวุโสแห่งกลุ่มเขี้ยวโลหิตว่าพลางลุกขึ้นยืนมันชูมือครั้งหนึ่งลูกน้องของมันที่อยู่ด้านหลังก็แบ กกล่องเหล็กขึ้นหลังเตรียมพร้อมจะกระโดดลงไปในทันที
“อาวุธลับ! ท่านหัวหน้ายอมให้เอาอาวุธลับมาที่นี่ด้วยงั้นหรือ” ชายหนุ่มที่รอดชีวิตมาพูดพลางมองกล่องเหล็กตรงหน้าอย่างตกตะลึงตัวมันเป็นเพียงลูกน้องยังไม่ทราบ เสียด้วยซ้ําว่าอาวุธลับแท้จริงแล้วมันคืออะไรแต่ก็มีคําเล่าลีอว่ามันคืออสูรที่แข็งแกร่งอย่างมาก แข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเลยทีเดียวทําให้ปกติอาวุธลับของกลุ่มเขี้ยวโลหิตจะถูกขังเอาไว้ในปราสาทและต้องมีอาวุโสอย่างน้อย 1 คนเฝ้าเอาไว้รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารด้วย
วูบ!! ไม่มีใครตอบคําถามของชายคนนั้น พวกมันกระโดดลงไปในผาไร้กันกันอย่างรวดเร็วในเมื่อหน่วยสํารวจของมันไม่สามารถหาข้อมูลได้พวกมันก็มีแต่ต้องลุยกันเองเท่านั้น
“ออกมา ราชาแห่งเขตอสูร” อาวุโสแห่งกลุ่มเขียวโลหิตประกาศด้วยเสียงกึกก้องดังไปทั่วผืนป่าพร้อมพลังเซียนที่แผ่ออกมาจากร่างของมันก่อนจะลงไปถึงพื้นเสียอีก
เปรี้ยง! ทันทีที่เท้าของพวกมันแตะพื้น ร่างของพยัคฆ์อัสนีก็ปรากฏตัวตรงหน้าพวกมันอย่างรวดเร็วทําเอาเหล่าลูกน้องด้านหลังตกใจกันยกใหญ่
“พวกเจ้าต้องการอะไร” พยัคฆ์อัสนีถามพลางกอดอกแน่น อยู่ๆก็มีคนมาหาเรื่องแบบนี้พวกท่าทางมันจะได้สนุกแล้ว
“ข้ามาเพื่อท้าทายเจ้า”อาวุโสว่าพลางเรียกดาบเล่มใหญ่ออกมา มันหัวเราะพลางฟันดาบใส่พยัคฆ์อัสนี้ในทันทีแต่ด้วยความเร็วที่มากกว่าหลายเท่าพยัคฆ์อัสนีหลบดาบพร้อมกระแทกหมัดใส่ร่างของมันจนมันครูดพื้นไปอีกทาง
ตูม!! อยู่ๆอาวุโสของกลุ่มเขี้ยวโลหิตก็ปักดาบลงพื้นพลางงัดก้อนหินขึ้นมาใส่พยัคฆ์อัสนี
เปรี้ยง!! มันรอจังหวะที่พยัคฆ์อัสนีหลบพร้อมพุ่งเข้าไปโจมตีพยัคฆ์อัสนีเต็มแรง เพราะเศษหินรอบๆทําให้พยัคฆ์อัสนีไม่สามารถหลบออกไปได้ มันจึงใช้มือเปล่ารับดาบเอาไว้ตรงๆ
“รับแรงของข้าได้ด้วยหรือ”อาวุโสแห่งกลุ่มเขี้ยวโลหิตว่าพลางออกแรงดันดาบตนเองมากกว่าเดิมแต่ดาบของมันก็ไม่ขยับเลย
“ข้าเคยสู้กับคนที่แรงมากกว่าเจ้ามาแล้ว” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางเรียกฟ้าผ่าลงมาที่ดาบของอาวุโสกลุ่มเขี้ยวโลหิตทําให้มันปล่อยดาบออกในทันที
เปรี้ยง!! เท้าของพยัคฆ์อัสนีเตะเข้าที่ลิ้นปีของชายคนนั้นทําเอามันกระอักอากาศออกมาอย่างน่าสงสาร
“ยอดเยี่ยม” อาวุโสกลุ่มเขี้ยวโลหิตว่าพลางถอยออกห่างพยัคฆ์อัสนี้ไป
“เขตอสูรผาไร้กันน่ากลัวจริงๆ มีน่าล่ะเจ้าพวกนั้นถึงตายทันที” อาวุโสของกลุ่มเขี้ยวโลหิตพูดพลางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลูกน้องของมันวางกล่องเหล็กลง ก่อนที่พวกมันจะเปิดประตูของกล่องเหล็กออกช้าๆ
“แต่พวกข้าก็มีวิธีรับมือกับเจ้าเหมือนกัน” อาวุโสว่าพลางยิ้มกว้าง ไม่ทราบว่าอะไรอยู่ในกล่องเหล็กแต่มันมั่นใจมากจนน่าประหลาดใจ
“สิ้นลายแล้วสินะ”อาวุโสแห่งกลุ่มเขี้ยวโลหิตยิ้มพลางเอาปลอกคอเหล็กสวมให้กับพยัคฆ์อัสนีก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องของมันนํากล่องเหล็กอีกกล่องลงมาที่ผาไร้กัน
“ปล่อยซะ” พยัคฆ์อัสนีคํารามพลางมองไปทางกล่องเหล็กที่ตอนนี้ถูกปิดไปแล้ว
“ปล่อยให้โง่สิ เข้าไป”อาวุโสของกลุ่มเขี้ยวโลหิตว่าพลางใช้ดาบของมันชี้ไปที่กล่องเหล็กอีกกล่องที่พวกลูกน้องของมันเอาลงมา
“หนอย…” พยัคฆ์อัสนีกัดฟันกรอดพลางเดินเข้ากล่องเหล็กไป
“วันนี้เราแค้มาทดลองเท่านั้น กลับไปรายงานหัวหน้าก่อนเป็นอย่างแรก”อาวุโสของกลุ่มเขี้ยวโลหิตว่าพลางบอกให้ลูกน้องของตนเองพากล่องเหล็กขึ้นไป เช่นเดิม พวกมันนําคนมาน้อยเกินไปไม่สามารถขนวัตถุดิบในเขตอสูรแห่งนี้ไปได้หมดหากพวกมันจัดการราชาของที่นี่จนหมดระหว่างที่พวกมันกลับไปรายงานหัวหน้าคงมีคนมาชุบมือเปิบไปก่อนแน่ๆ