บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 266 ทัพอสูร
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 266 ทัพอสูร
ตูม!!! ร่างของมังกรดําร่วงลงมานอนบนพื้น หลังจากพยายามต่อสู้กับอสูรปักเป้าอย่างต่อเนื่อง คมเขียวและกรงเล็บของมันไม่สามารถทําอะไรอสูรปักเป้าได้เลยเสียด้วยซ้ํา แถมการโจมตียังโดนเข็มพิษเล่นงานกลับมาอีกต่างหาก
“หนอย ไอ้ปลาอากาศเอ้ย” มังกรดําคํารามออกมาพลางลอยตัวขึ้นอีกครั้งหมายจะกลับไปโจมตีใสอสูรปักเป้าอีก
“เย่หลิง เดี๋ยวก่อน” หวังเย่หลิงรีบห้ามเอาไว้เพราะเมื่อครู่ มังกรขาวและมังกรดําสู้พัวพันกับอสูรปักเป้าอยู่บนฟ้า ทําให้ไม่ได้ยินเรื่องที่เย่หลิงบอกให้เลิกสู้
“เย่หลิง เจ้าออกมาทําอะไรที่นี่”มังกรดําถามพลางมองหวังเย่หลิงด้วยสายตางุนงง
“บุตรชายของข้าพาข้าออกมา” หวังเย่หลิงตอบพลางมองไปทางไป๋จูเหวินเหมือนเป็นการประกาศว่าไป๋จูเหวินคือบุตรชายที่นางพูดถึง
“บุตรชายของเจ้า ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรือ”เย่หลงถามด้วยความงุนงง
“ไม่ๆ แล้วบุตรชายของเจ้าเกี่ยวอะไรกับเจ้าปลานั่นกัน มันโจมตีเจ้าเลยนะ” มังกรดําว่าพลางมองไปทางอสูรปักเป้าด้วยท่าที่โกรธแค้น
“พี่ปักเป้าเป็นสหายของข้าเอง ข้าไม่ทราบว่าท่านแม่อยู่ในเมืองก็เลยให้พี่ปักเป้าโจมตีไป”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา มันเองก็ไม่ทราบเรื่องนั้นจริงๆ
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปบอกเทียนหลง” มังกรดําสบตากับไป๋จูเหวินครู่หนึ่ง มันก็พยักหน้าเข้าใจเสียอย่างนั้น ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปด้านบนบอกให้มังกรขาวเลิกโจมตี
“พี่ปักเป้า ไม่ต้องโจมตีแล้วลงเถอะ”ไป๋จูเหวินบอกพลา งมองไปทางสนามรบ ตอนนี้เหล่าอสูรกําลังพวกพันกับคนของกลุ่มเขี้ยวโลหิต ระยะโจมตีของอสูรปักเป้าคงสร้างผลเสียมากกว่าผลร้ายแน่ๆ
“คิ้ว” อสูรปักเป้าได้ยินก็ลดขนาดตัวเหลือเท่าลูกบอล ก่อนจะลอยลงมาอยู่ข้างๆตัวไป๋จูเหวินแทน ทําเอามังกรขาวและมังกรดําพากันมองอสูรปักเป้าด้วยท่าทีงงๆ นี่มันแปลงกายจนไม่เหลือเค้าเดิมเลยนี่นา
เปรี้ยง! อีกด้านหนึ่ง พยัคฆ์อัสนีที่บุกมาจับตัวหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตนั้นกําลังโดนรองหัวหน้า 2 คนพยายามขัดขวางเอาไว้ แต่ด้วยความเร็วของพยัคฆ์อัสนีทําให้ทั้งคู่รับมือได้ยากลําบากมาก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” เหล่าอาวุโสที่อยู่แถวๆนั้นพูดพลางมองไปทางเหล่าอสูรที่กําลังหันคมเขี้ยวมาใส่พวกตน
“พวกมันเอาตัวเย่หลิงออกไปแล้วแน่ๆ” ชายอีกคนพูดพลางรับการโจมตีของอสูรที่เมื่อครู่ยังช่วยมันรับมืออยู่เลย
“บ้าที่สุด” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตเหม่อมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง มันคือภาพที่มันหวังเอาไว้ กองทัพอสูรนับร้อยตนโถมเข้าใส่ศัตรูด้วยดํานาจที่เหนือล้ํากว่า เพียงแต่มันก็ไม่คาดคิดว่าเป้าหมายแรกของกองทัพอสูรที่มันหวังนั้นจะเป็นเมืองของมันเอง
“นี่มัน เรื่องบ้าอะไรกัน ฮ่าๆๆๆ” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตหัวเราะพลางมองไปทางพยัคฆ์อัสนีที่กําลังอัดรองหัวหน้ากลุ่มอย่างสะใจ อาจจะเพราะก่อนหน้านี้เจ้ารองหัวหน้าคนหนึ่งดันมาทํามือรุ่มร่ามกับหวังเย่หลิงก็เป็นได้ พยัคฆ์อัสนีจึงจงใจเล่นงานมันหนักเป็นพิเศษ
ตูม! ร่างของรองหัวหน้าที่ทําหน้าที่เอายามาให้หวังเย่หลิงถูกพยัคฆ์อัสนีอัดลงพื้นอย่างแรง พริบตานั้นมันซ้ําเข้าไปที่หัวของรองหัวหน้าพร้อมสายฟ้าที่ฝ่ามือ พริบตาที่พยัคฆ์อัสนีโจมตีซ้ําเข้าไป ดวงตาของรองหัวหน้ากลุ่มก็เหลือกขึ้นบนก่อนจะหมดสติไปในทันที
“แก” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตที่จริงๆควรจะหนีไปแล้วกลับเปลี่ยนใจ มันกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด ก่อนจะพุ่งโจมตีเข้ามาใส่พยัคฆ์อัสนีทันที
ฟุบๆๆ ฝามือที่เย็นเฉียบของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตพยายามคว้าตัวพยัคฆ์อัสนี้ให้ได้ แต่เพราะพยัคฆ์อัสนีรู้วิชาที่มันใช้อยู่แล้วจึงเลี้ยงที่จะไม่โดนฝ่ามือของมัน พลางโจมตีใส่ร่างของมันแทน
“ตาย ตายซะ” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตตะโกนราวกับคนบ้า ตอนนี้กระบวนท่าของมันอ่อนลงมากจนพยัคฆ์อัสนีสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย
ตูม! อสูรตนหนึ่งโจมตีเข้ามาใส่เหล่าลูกน้องของกลุ่มเขี้ยวโลหิต ทันทีที่เหล่าอสูรร่วมมือกัน พองทัพของทุ่มเขี้ยวโลหิตก็เริ่มหายไปทีละน้อยๆจนตอนนี้เหลือเพียงหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตและคนของมันอีกไม่กี่คนเท่านั้น
“มันจบแล้ว ท่านหัวหน้า” หวังตงพูดพลางกระโดดลงมาตรงเบื้องหน้าหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิต ตอนนี้เหล่าอสูรล้อมร่างของหัวหน้ากลุ่มเขียวโลหิตเอาไว้ทุกมุม ไม่มีทางให้มันหนีได้ ส่วนลูกน้องของมันก็โดนสังหารไปจนหมดเสียแล้ว ยามนี้เป็นเวลาที่หวังตงรอคอยมานาน เวลาที่มันจะได้ชําระแค้นเสียที
“ท่านหวังตง อย่าพึ่งฆ่ามัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางกระโดดลงมาจากหลังของหลินหลิน
“นายน้อย? ทําไมถึงฆ่ามันไม่ได้ละขอรับ” หวังตงถามด้วยความสงสัย มันมัวแต่ต่อสู้กับพวกอาวุโสคนอื่นๆจนไม่ได้สังเกตเลยว่าบนหลังของหลินหลินมีใครอยู่
“ยาที่ใช้รักษาอาการของเย่หลิงต้องใช้เลือดของมัน พวกเราจะปล่อยให้มันตายไม่ได้” พยัคฆ์อัสนีตอบออกมา แต่หวังตงกลับมีสีหน้างุนงงหนักกว่าเดิมเสียอีก
“หวังเย่หลิง? นายหญิงนะเหรอ” หวังตงพูดพลางมองไปรอบๆ สิ่งแรกที่มันคิดคืออาจจะแค่คนชื่อเหมือน แต่ใจมันก็ยังหวังอยู่ดีว่าจะเป็นเย่หลิงตัวจริง
“หวังตง เจ้ายังไม่ตายสินะ” หวังเย่หลิงพูดพลางมองหวังตงจากบนหลังของหลินหลิน พริบตานั้นหวังตงก็พลันหลั่งน้ําตาออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทันทีที่ดวงตาของมันพบกับร่างของหวังเย่หลิงเข้า ก็ราวกับมันได้รับพรจากสวรรค์ไม่มีผิด
“นายหญิง ท่านยังไม่ตาย” หวังตงว่าพลางล้มลงคุกเข่าทันที
“หึหึหึ” ขณะที่หวังตงกําลังซาบซึ้งอยู่นั้น อยู่ๆหัวหน้ากลุ่มเขียวโลหิตก็หัวเราะออกมา
“จะใช้เลือดข้าทํายาให้นังนั่นงั้นหรือ” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตพูดจบ มันก็กระแทกฝามือเข้าไปที่ท้องของตัวเอง ยามนั้นร่างกายของมันก็ปรากฏไอเย็นออกมาจํานวนมาก ทําเอาพยัคฆ์อัสนีและคนที่รู้เรื่องใจหายวาบ
“แก” พยัคฆ์อัสนีเตะเปรี้ยงเข้าที่ร่างของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิต เห็นได้ชัดเลยว่าแรงเตะได้ผลมากกว่าปกติ เพราะยามนี้หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตได้สลายวิชาจิตภูติอุดรออกจากร่างกายตนเองไปแล้ว
“ฮาๆ เท่านี้เลือดของข้าก็ใช้ทํายาไม่ได้แล้ว เสียใจด้วย หวังเย่หลิง เจ้าจะตายในค่ําคืนนี้ล่ะ” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทําให้หวังตงที่อยู่ตรงหน้ามัน ลุกขึ้นซัดหมัดใส่มันไปอีกคน แต่ก่อนที่หวังตงจะต่อยมันจนหมดสติไป๋จูเหวินก็เข้ามาขวางเอาไว้ก่อน
“ไอ้หนู จะทําอะไร” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตว่าพลางมอง ไป๋จูเหวินที่เอื้อมมือเข้ามาหาตัวมัน พริบตานั้นมือของไป๋จูเหวินก็ล้วงเข้าไปในมิติของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิต พลางนําของหลายๆอย่างออกมาจากมิตินั้น
“พลังธาตุรัตติกาล” คนรอบๆต่างพากันตกตะลึงกันอย่างมาก เพราะธาตุนี้หาคนมีได้ยากมาก
ตุบ..ตุบ…ไป๋จูเหวินดึงของออกมาจากมิติของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตที่ละอย่างๆ บ้างเป็นหนังสือสัญญาแปลกๆบ้างเป็นม้วนตําราหรือเล่มตํารา รวมทั้งกล่องเก็บสมุนไพรต่างๆ แถมยิ่งล้วงออกมาของที่มาก็ยิ่งมีค่าขึ้นไปอีก ทําเอาหัวหน้ากกลุ่มเขียวโลหิตตาแทบถลนออกมาข้างนอก
“ไม่ อย่าเอาไป ไม่” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตพยายามจะห้ามไป๋จูเหวิน แต่มันก็โดนหวังตงจับเอาไว้ก่อน
“เจอแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางนําตํารา 2 เล่มและขวดยาขวดหนึ่งออกมา
“นายน้อย นั่นมัน” หวังตงมองของที่ไป๋จูเหวินนําออกมาด้วยความสนใจ
“นี่คือยาที่มันทําทิ้งเอาไว้”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางพยัคฆ์อัสนี ปกติหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตจะส่งหวังเย่หลิงไป จับอสูรมาจากเขตอสูร ซึ่งบางครั้งก็ต้องใช้เวลาเดินทางนานนับเดือน จึงเป็นเรื่องปกติที่มันจะต้องทํายาสํารองให้อาวุโสที่พาหวังเย่หลิงไปได้มอบยาให้หวังเย่หลิงทุกวันด้วย
“ส่วนนี่คือสูตรยาไป๋จูเหวินว่าพลางนําตําราเล่มหนึ่งออกมาให้หวังตงได้ดู ตอนนี้แม้มีสูตรแต่เลือดของผู้ฝึกฝนวิชาจิตภูติอุดรกลับหาไม่ได้แล้ว มีสูตรยาจะช่วยอะไรกัน
“ส่วนนี่คือ วิชาจิตภูติอุดร”ได้ยินเช่นนั้นหวังตงก็เบิกตากว้างทันที วิชาจิตภอุดร หากฝึกสําเร็จก็จะสามารถใช้เลือดของคนๆนั้นมาใช้ทํายาได้นะสิ
“นายน้อย ข้าเองขอรับ ให้ข้าฝึกเถอะ” หวังตงว่าพลางคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋จูเหวิน ยามนี้หวังตงโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของมันมาเสมอ แต่ตอนนี้หวังได้เห็นเส้นทางชำระผิดแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น น้าจะกลับไปที่เขตอสูรผาไร้ก้นก่อนก็แล้วกัน” หลังจากจัดการเรื่องของกลุ่มเขี้ยวโลหิตเสร็จ พยัคฆ์อัสนีก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกลับบ้านทันที ส่วนเหล่าอสูรที่ตามไป๋จูเหวินมาก็ขอตัวกลับไปยังเขตอสูรของตนเองเช่นกัน
“ชินอี้ เจ้าจะไปแล้วงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิถามพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน หลังจากจัดการกลุ่มเขี้ยวโลหิตเสร็จ พวกมันจึงได้พบว่าในมิติของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตมีการจดบันทึกแผนการของมันเอาไว้ ทําให้เรื่องที่มันคิดจะก่อกบฏ และยึดครองอาณาจักรทั้งหมดแดงออกมา ยามนี้ที่กลางเมืองร่างของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตโดนแขวนประจารเอาไว้ พร้อมประกาศความผิดของมันออกมาอย่างชัดเจน
“ขอรับ ข้าจะพาท่านแม่กลับไปหาท่านพ่อ”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองมาทางมารดาของมัน หลังจากลองฝึกฝนวิชาจิตภูติอุดรแล้ว ปรากฏว่าพลังของวิชาจิตภูติอุดรไม่สามารถรวมอยู่ในร่างของคนที่ฝึกเคล็ดวิชาลมปราณมังกรได้ เพราะพลังทั้งสองสายต่างเป็นทางร้อนและเย็นซึ่งจะต่อต้านกันเองอยู่แล้ว
เพียงแต่ตอนนั้น หวังตงสลายพลังลมปราณมังกรของมัน ทิ้งทันทีอย่างไม่ลังเล พร้อมเรียนวิชาจิตภูติอุดรอย่างขยันขันแข็ง ทําให้หลังจากใช้เลือกของหวังตงทํายาให้หวังเย่หลิงจนสภาพร่างกายกลับมาแข็งแรงได้แล้ว คนที่จะสามารถคลายไอเย็นในร่างของมารดาไป๋จูเหวินได้ก็มีเพียงชินหลุนบิดาของไป๋จูเหวินเท่านั้น
“ชินอี้ พอไปส่งแม่แล้วเจ้าจะกลับไปอาณาจักรอู๋เลยงั้นหรือ” หวังเย่หลิงถามพลางมองไป๋จูเหวินด้วยสายตาเศร้าๆ จริงๆนางอยากอยู่กับบุตรชายให้นานกว่านี้อีกหน่อย
“ขอรับ ความจริงแล้วหลังจากนี้ข้ามีเรื่องต้องทําให้เรียบร้อย”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา
“เรื่องที่ต้องทํา? เรื่องอะไรกันทําให้เจ้าต้องรีบไปนัก” หวังเย่หลิงถามพลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ข้าอยากจะจัดการเรื่องของข้ากับเหม่ยหลินให้เรียบร้อยขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา