บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 268 ขบวน ขันหมาก
บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 268 ขบวน ขันหมาก
“ท่านหัวหน้า” อาวุโสหน่วย 10 พูดพลางเดินถือเอกสารเข้ามาในห้องประชุม แน่นอนว่าการจัดงานเช่นนี้นั้นต้องใช้เงินไม่น้อย ทําให้หน้าที่หลักๆตกไปเป็นของหน่วย 10 ที่คุมเรื่องการเงินของกลุ่มนักล่าอสูรอยู่แล้ว แม้จะมีหน่วย 11 ที่มีอาวุโสเคยเป็นผู้ช่วยอาวุโสของหน่วย 10 มาก่อนเข้ามาช่วยก็ตาม แต่งานที่หวงหลงสั่งก็ยังทําเอาวุ่นวายอยู่ดี
“มันไม่เกินไปหรือขอรับ ขบวนแห่รอบเมือง แถมยังจัดโต๊ะอาหารเก้าพันโต๊ะอีกต่างหาก”อาวุโส 10 ว่าพลางปาดเหงื่อ การตกแต่งเมืองในครั้งนี้คงกินทั้งเงินและเวลาไปมากแน่ๆ แถมจํานวนโต๊ะยังไม่ทราบว่าจะหามาครบได้หรือไม่เสียด้วยซ้ํา โต๊ะอาหารตัวหนึ่งก็สามารถรับคนั่งได้ 10 คนแล้ว นี่หวงหลงคิดจะต้อนรับคนร่วมแสนเลยหรืออย่างไร
“เหลือก็ดีกว่าขาดไม่ใช่หรืออย่างไร” หวงหลงตอบพลางมองเหล่าลูกน้องของตนเองที่กําลังช่วยกันประดับตกแต่งเมืองร้อยแปดอสูรเสียใหม่ เนื่องจากบ้านเจ้าบ่าวไม่สามารถไปถึงได้ด้วยระยะเวลาอันใกล้ พวกมันจึงตกลงจะใช้วังมังกรเป็นทั้งบ้านเจ้าสาวและบ้านเจ้าบ่าวไปเลยในทีเดียว โดยจะให้เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวนั่งเกี่ยววนรอบเมืองหนึ่งรอบค่อยกลับมาที่วังมังกรอีกรอบ
“ท่านอาวุโส 10 ไม่ต้องกังวล หากมีอะไรขาดเหลือสามารถบอกข้าได้”อู๋หมิงที่เข้ามาช่วยงานว่าพลางยิ้มรับ ตอนนี้มันอยู่ในฐานะจักรพรรดิมันจึงไม่มีปัญหาเรื่องเงินอย่างแน่นอน แถมมันยังแจกซองแดงไปให้เหล่ายอดฝีมือที่ช่วยกันสู้รบอีกต่างหาก ทําให้นอกจากเหล่าราชวงศ์แห่งอาณาจักรภู่แล้ว ยังมีเหล่ายอดฝีมือรวมทั้งศิษย์ของพวกมันมาอีกจํานวนมาก นอกจากนี้ไป๋จูเหวินยังส่งบัตรเชิญไปที่อาณาจักรชินแล้วด้วย แม้ไม่ทราบว่าพวกราชวงศ์ชินจะสามารถมาได้หรือไม่ก็ตาม
“หยวนหยวน เส้นนี้เป็นไง” จูเชวี่ยถามพลางนําสร้อยคอทับทิมออกมาทาบบนคอของเหม่ยหลิน ที่ตอนนี้แทบจะโดนขังเอาไว้ในห้อง
“มันธรรมดาไปนะ” หยวนหยวนว่าพลางซื้อกล่องเครื่องเพชรที่อาวุโสหน่วย 10 นํามาให้ แต่เดิมเหม่ยหลินไม่ค่อยได้ประดับเครื่องประดับเสียเท่าไหร่ ทําให้ต้องเอาของในคลังมาใช้อย่างช่วยไม่ได้
“เหม่ยหลิน เจ้าหลับตานะพี่จะลองแต่งหน้าให้เจ้าดู”เสวียนอู่ว่าพลางใช้พู่กันที่แต้มชาดสีแดงมาทาบริเวณริมฝีปากของเหม่ยหลิน ปกตินางก็งามอยู่แล้ว เพียงใช้เครื่องสําอางบางๆช่วยขับเน้นอีกนิดหน่อย ก็ทําให้ความงามเพิ่มขึ้นแล้ว
“ว่าแต่…เจ้ายังไม่เล่าให้พี่ฟังเลยนะว่าเจ้าหนูไป๋จูเหวินนั่น อยู่ๆทําไมถึงขอเจ้าแต่งงานได้” จูเซวี่ยถามด้วยความสงสัย เพราะนางก็เคยเห็นไป๋จูเหวินอยู่กับเหม่ยหลินไม่น้อย มันแทบไม่ได้แสดงอาการว่าชอบเหม่ยหลินออกมาเลย
“เรื่องนั้น” เหม่ยหลินหน้าแดงพลางนึกถึงเรื่องบนยอดเขาแดนลับแล นางเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ดูเหมือนช่วงที่ไป๋จูเหวินได้ความทรงจําคืนจากเทียนหอมแรกเกิดจะทําให้มันตัดสินใจได้ แสดงว่าก่อนหน้านี้ไป๋จูเหวินไม่ได้รู้ตัวเลยหรืออย่างไรกัน แถมมันยังจําผิดว่านางเคยหมั้นกับอู๋หมิงอีกต่างหาก ฟังๆแล้วก็ขําอยู่ไม่น้อย
“ท่านพี่” อยู่ๆประตูห้องของเหม่ยหลินก็เปิดออก เผยให้เห็นหญิงสาวที่งดงามแทบไม่ต่างจากเหม่ยหลินเลย นางวิ่งเข้ามาพลางมองชุดของเหม่ยหลินด้วยดวงตากลมโต
“เหมยฮวา เจ้ามาได้ยังไงกัน” เหม่ยหลินถามพลางมองเหม่ยฮวาที่ยืนอยู่ตรงประตู
“พี่เหวินพาข้ากับท่านพ่อท่านแม่มา จะให้ข้าพลาดงานแต่งของพี่สาวได้ยังไง”เหม่ยฮวาว่าพลางเดินเข้ามาร่วมวงกับพวกหยวนหยวนด้วย
“เหม่ยฮวา เจ้ามาพอดีเลย ข้ากําลังจะเค้นความลับอยู่พอดี” จูเชวี่ยยิ้มพลางมองมาทางเหม่ยหลิน ไม่ว่าจะอย่างไร วันนี้นางต้องเล่าเรื่องวันนั้นออกมาให้ได้
“เข้าใจไหมว่าพวกเรากําลังจะไปร่วมงานในแดนมนุษย์”มังกรธรณีพูดพลางประกาศให้เหล่าอสูรที่มา รวมตัวกันหน้าเมืองจําลองกันอย่างพร้อมเพรียง ข่าวงานแต่งของไป๋จูเหวินกระจายไปทั่วเขตอสูร ทําเอาเหล่าอสูรในเขตอสูรผาไร้กันต่างพากันลงความเห็นว่าจะไปร่วมงานอย่างออกนอกหน้า
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” เหล่าอสูรต่างตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียงทําเอามังกรธรณีได้แต่ถอนหายใจออกมา ที่ก่อนหน้านี้พวกมันไม่เคยพร้อมใจกันทําอะไรถึงขนาดนี้มาก่อน เรียกได้ว่าอสูรที่อยู่ในเขตอสูรผาไร้กันเกือบทั้งหมดแทบจะมาอยู่ที่นี่หมดแล้ว
“ก่อนอื่นพวกเจ้าจงแปลงกายเป็นมนุษย์ซะ”ได้ยินที่ตั้งกรธรณีสัง เหล่าอสูรต่างก็แปลงกายเป็นมนุษย์ทันที ทําเอาจํานวนลดลงมากเพราะร่างอสุรส่วนใหญ่มีขนาดตัวมหึมากกว่ามนุษย์หลายเท่านั้นเอง พอเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วดูเหมือนแถวของทหารที่กําลังจะออกไปรบเลย
“ช่วยไม่ได้นะ คงต้องพาไปหมดจริงๆ” ราชสีห์เพลิงพูดพลางมองเหล่าอสูรที่พากันพร้อมใจมาร่วมขอเดินทางขนาดนี้ แม้แต่อสูรเต่าที่แทบไม่เดินทางไปไหนเลยยังมาร่วมด้วย
“เอาล่ะ ฟังข้าให้ดี หลังจากนี้ให้อสูรที่บินได้รับหน้าที่พาอสูรที่บินไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย เมื่อถึงวันนัดหมายพวกเราจะเดินทางพร้อมกัน”มังกรธรณีประกาศเสร็จมันก็กลับเข้ามาในปราสาทจําลองของมัน ทําให้มันได้เห็นกองแร่ ค่าและสมุนไพรหายากจํานวนมากที่กําลังเรียงเป็นรูปทรงต่างๆ
“เจ้าไก่ นี่มันอะไรกัน” มังกรธรณีถามพลางมองกองสมบัติตรงหน้า
“อะไร? ก็สินสอดของจูเอ๋อไง”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางทําท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่มันจะเอาผืนผ้าที่ทําจากขนของแกะทองคําออกมาวางประดับไว้ข้างๆ
“มันไม่เยอะไปหรือไง” มังกรธรณีถามพลางถอนหายใจออกมา นี่มันกะเอาสมบัติไปเป็นสินสอดขนาดไหนกัน
“นึ่งานแต่งจูเอ๋อเชียวนะ จะให้น้อยกว่านี้ได้ยังไง”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางขะมักเขม้นกับการตกแต่งสินสอดของมันต่อ ราวกับนกที่กําลังตกแต่งรังของมันไม่มีผิด
ในเช้าของวันงาน เหล่าแขกที่ได้รับเชิญต่างก็เดินทางกันมาอย่างต่อเนื่อง ทําเอาเหล่าลูกน้องของหวงหลงแทบจะรับมือไม่ไหว ไหนจะคนของราชวงศ์อู่ เหล่ายอดฝีมือคนของตระกูลถัง แม้แต่หยงเว่ยที่อยู่หลังวัดยังได้รับเชิญ ทําเอาคนมากันเกือบหมื่นตั้งแต่เช้า ยิ่งเป็นช่วงที่คนของราชวงศ์ชินเดินทางมานั้นยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับแขกท่านอื่นๆมาก ทําให้โต๊ะของอาวุโสในงานแต่งคราวนี้มีจักรพรรดิถึง 3 พระองค์เลยทีเดียว เพราะแม้แต่อาณาจักรชูยังเดินทางมาร่วมงานแต่งในครั้งนี้ ประกอบกับเหล่าผู้ติดตามและศิษย์ของยอดฝีมือจากอาณาจักรต่างๆ ก็ทําเอาโต๊ะที่เตรียมไว้เต็มไปกว่าครึ่งแล้ว
“เจ้าบ่าวยังไม่มาอีกงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิอาณาจักรซินถามพลางมองไปรอบๆ มันไม่เห็นไป๋จูเหวินเลยตั้งแต่เดินทางมาถึง
“เจ้าบ่าวกําลังจัดแจงขบวนขันหมากอยู่ขอรับ อีกสักพักก็จะเดินทางมา” หวงหลงตอบด้วยท่าทีเกร็งๆ แม้จะได้ทราบจากไป๋จูเหวินแล้วว่าบิดาที่แท้จริงของมันมีสายเลือดของราชวงศ์ชิน แต่ไม่นึกว่าองค์จักรพรรดิจะเดินทางไกลมาด้วยตนเอง
“ท่านจักรพรรดิแห่งอาณาจักรชิ้นโปรดใจเย็น แขกของฝั่งเจ้าบ่าวมีจํานวนมากทีเดียว คงต้องใช้เวลาหน่อย” อู๋หมิงยิ้มด้วยท่าที่เป็นมิตร ตัวมันเองก็ถือว่าได้ประโยชน์จากงานแต่งครั้งนี้ไม่น้อย เพราะน้องสาวของเหม่ยหลินอย่างเหม่ยฮวานั้นเป็นคู่หมั้นของอู่เทียนเหวินน้องชายของมัน ทําให้การที่ไป๋จูเหวินซึ่งมีสายเลือกของราชวงศ์ชินได้แต่งงานกับเหม่ยหลินนั้นก็เท่ากับว่าราชวงศ์ชินและราชวงศ์อู่ได้เกี่ยวดองกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้อาณาจักรชินจะไม่มีท่าที่คุกคามมาแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่การได้ผูกสัมพันธ์อย่างชัดเจนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างมาก
พรึบ….พรึบ…. อยู่ๆบนท้องฟ้าก็ปรากฏเสียงกระพือปีก ดังกระหึมไปทั่วเมือง พริบตานั้นเหล่าองครักษณ์ของแต่ละอาณาจักรต่างก็มีท่าทีตกใจและเตรียมตั้งรับในทันที
“ไม่เป็นไร เจ้าบ่าวมาถึงแล้ว”อาวุโส 7 ว่าพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า นางจําไก่ฟ้าหงอนทองที่บินนํามาได้ดี แต่คราวนี้พวกมันไม่ได้บินมาแค่ไก่ฟ้าหงอนทองเท่านั้น เพราะด้านหลังของมันยังปรากฏอสูรบินได้จํานวนมากหลากหลายสายพันธุ์เลยทีเดียว
“นั่นมันมังกรที่เคยมาช่วยพวกเรานี่”ยอกฝีมือของอาณาจักรอู่ว่าพลางมองเหล่ามังกรบางส่วนที่บินตามไก่ฟ้าหงอนทองมา
“บนหลังของพวกมันมีคนอยู่…” เหล่าทหารว่าพลางเพ่งมองบนหลังของพวกอสูรบินในทันที จํานวนอสูรบินว่ามากมายมหาศาลแล้ว แต่จํานวนคนที่ซื้อสูรบินมานั้นกลับมากเสียกว่า ไม่ใช่ว่าพวกมันมากันเกินแสนตนอีกงั้นหรือ
“นี่มันรังอสูรชัดๆ” คนของกลุ่มนักล่าอสูรที่มีความสามารถสัมผัสพลังอสูรต่างยืนเกร็งกันถ้วนหน้า สิ่งที่พวกมันสัมผัสได้คือจิตอสูรจํานวนมากที่กําลังร่อนลงมาที่หน้าวังมังกร หากไม่ใช่เพราะไป๋จูเหวินเป็นคนพามาด้วยตนเอง พวกมันคงหัวใจวายตายไปแล้ว
“ที่เหลือไปลงในเมือง ถ้าที่ไม่พอก็ไปนอกเมือง” มังกรธรณีว่าพลางสั่งให้เหล่าอสุรบินไปลงที่อื่น เพราะแขกที่มาก่อนหน้าและเหล่าลูกน้องของกลุ่มนักล่าอสูรแต่เดิมก็มากมายพอแล้ว เพิ่มอสูรแห่งเขตอสูรผาไร้กันเข้าไปภายในเมืองก็แออัดขึ้นมาทันที
“ถอยๆ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางที่มาที่กลุ่มอสูรตรงกลาง ทันทีที่พวกมันแหวกตัวออก ไก่ฟ้าหงอนทองก็เรียกเอาสินสอดและของจําเป็นในขบวนขันหมากออกมาในรูปแบบของเกี้ยวสีแดงสด ก่อนจะให้เหล่าอสูรช่วยกันแบกเกี้ยวขี้นหลังเดินตามไป๋จูเหวินเข้าไปในวังมังกร
“พี่ไป ท่านอย่าคิดว่าจะได้เข้าไปง่ายๆนะ”อู่เทียนเหวินว่าพลางเดินถือเส้นด้ายเส้นหนึ่งออกมาพร้อมกับเหม่ยฮวา
“เจ้าเป็นราชวงศ์ไม่ใช่หรืออย่างไร ยังจะมาไถค่าผ่านทางข้าอีกงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินหัวเราะพลางมองเหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์ที่พากันมาสร้างประตูกั้นตรงทางขึ้นวังมังกรเอาไว้
“พี่ไปกระเป๋าหนักจะตาย ขอข้าแบ่งเอาไปใช้หน่อยเถอะ” เหม่ยฮวาหัวเราะเสียงใสพลางดึงเส้นด้ายจนถึง
“ได้”ไป๋จูเหวินว่าพลางนําซองแดงที่เตรียมเอาไว้ออกมายยื่นให้เหล่าประตูทั้งหลาย ก่อนที่มันจะเดินเข้าไปในวังมังกรพร้อมขบวนขันหมาก
“เจ้านี่ทําให้ตกใจได้ตลอด เจ้าไปหาอสูรเหล่านั้นมาจากไหนกัน” หวงหลงถามพลางเดินออกมาต้อนรับไป๋จูเหวิน
“พวกมันเป็นเหล่าอสูรที่อยู่กับข้ามาตั้งแต่เด็กขอรับ พวกมันยืนยันว่าจะมาร่วมงานให้ได้ หวังว่าจะไม่ทําให้พวกท่านตกใจ”ไป๋จูเหวินยิ้มเจื่อนๆเพราะเดาได้อยู่แล้วว่าคนอื่นๆต้องตกใจแน่ๆ
“มีคนมากก็ยิ่งดี เหม่ยหลินอยู่ในห้องของนาง เจ้ารู้ทางดีแล้วนี่” หวงหลงว่าพลางหัวเราะออกมา ไป๋จูเหวินเคยพาเหม่ยหลินหนีมาก่อน มันย่อมทราบดีว่าห้องของเหม่ยหลินอยู่ที่ไหน
“ขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินผ่านประตูของห้องโถงไปยังส่วนพักผ่อนของเหม่ยหลิน ระหว่างทางเหล่าอสูรสาวต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางเดินตามไป๋จูเหวินมาอย่างรู้งาน
“เหม่ยหลิน เจ้าบ่าวของเจ้ามาแล้ว” หยวนหยวนว่าพลางเปิดประตูห้องของเหม่ยหลินออก ทําให้ไป๋จูเหวินได้เห็นเหม่ยหลินที่อยู่ในชุดแต่งงานสีแดงสดประดับด้วยรอยปักสีทองสวยงาม แม้นางจะสวมผ้าปิดหน้าอยู่ แต่ไป๋จูเหวินก็สามารถมองเห็นใบหน้าของเหม่ยหลินได้อย่างชัดเจน ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสําอางอย่างพอเหมาะกําลังก้มหน้าเขินอายจนหน้าแดงก่ำดูแล้วงดงามอย่างบอกไม่ถูก ทําเอาไป๋จูเหวินรู้สึกเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกับนางไม่มีผิด ความรู้สึกที่เหมือนกับรอบๆกายช้าลงเช่นนี้ช่างอธิบายได้ยากจริงๆ
“พี่ไป”เหม่ยหลินลุกขึ้นยืนพลางเดินมาหาไป๋จูเหวินที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงเช่นกัน
“มาเถอะ”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางพาเหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องเพื่อไปไหว้พ่อแม่ของเจ้าสาวและบรรพบุรุษของเหม่ยหลินก่อนจะพานางขึ้นเกี่ยวแห่รอบเมืองครั้งหนึ่ง ซึ่งจํานวนอสูรและผู้คนก็ทําเอาเหม่ยหลินอึ้งจนพูดไม่ออก
เรียกได้ว่างานพิธีถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่จนกระทั่งมืดค่ําเลยทีเดียว อาหารและเครื่องดื่มที่อาวุโสหน่วย 10 คิดว่าเหลือเฟีอกลับแทบไม่พอเพียงเลยทีเดียว พื้นที่จัดงานยามนี้เลยออกไปยันนอกเมืองเพราะเหล่าอสูรที่เริ่มเมาบางตนคืนร่างเสียแล้ว
มากจะประกาศ” หวงหลงว่าพลางเดินออกมายืนกลางงานเลี้ยง
“นับแต่ค่ําคืนนี้เป็นต้นไป ข้าหวงหลงจะขอลาออกจากตําแหน่งหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร และมอบตําแหน่งให้กับลูกเขยของข้านับแต่นี้เป็นต้นไป”ได้ยินเสียงประกาศของหวงหลงเหล่าลูกน้องของมันก็มีท่าทีตกใจกันไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครคัดค้านเลย ระดับฝีมือของไป๋จูเหวินตอนนี้แม้พลังดั้งเดิมจะยังไม่ถึงระดับเทียนเซียน แต่ด้วยความสามารถที่ต่อต้านได้แม้กระทั้งคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 นั้น นับว่าเข้าขั้นยอดฝีมือแล้ว ซึ่งต่างจากหวงหลงที่ตอนนี้ยังอยู่ แค่ขั้น 5 ของระดับเทียนเซียนเท่านั้น ต่อให้ฝืนแค่ไหนก็คงสู้ได้เพียงระดับเทียนเซียนขั้นที่ 7 เท่านั้น การส่งมอบตําแหน่งให้ลูกเขยของตนนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจได้ แม้จะรู้สึกใจหายนิดหน่อยก็ตาม
“แต่…” หวงหลงยิ้มพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน
“ก่อนที่ข้าจะมอบตําแหน่งให้ พวกเจ้าต้องเข้าหอกันก่ อน”ได้ยินหวงหลงพูด เหล่าแขกในงานต่างก็พากันโห่ร้องตามจนอื้ออึงไปหมด ทําเอาบ่าวสาวที่อยู่กลางงานหน้าแดงไปหมด
“ได้เวลาส่งบางสาวเข้าห้องหอแล้วว” เสียงตะโกนจากใครก็ไม่ทราบดังขึ้น แต่หลังจากนั้นเหล่าแขกร่วมงานต่างก็พูดตามๆกัน พลางล้อมไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินเอาไว้ โดยเหลือทางไปยังห้องพักของไป๋จูเหวินเพียงทางเดียวเท่านั้น
“…” หลังจากโดนไล่เข้าห้องหอมา เหม่ยหลินที่อยู่ในชุดเจ้าสาวก็ได้แต่นั่งอึ้งอยู่บนเตียง ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา นางไม่เคยแต่งงานมาก่อน ตอนนี้นางควรทําอะไรต่อยังไม่ทราบ
“เจ้าเหนื่อยหรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามพลางนั่งลงข้างๆเหม่ยหลินอย่างช้าๆ ทําเอาเหม่ยหลินยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้นางเคยใกล้ชิดไป๋จูเหวินมากกว่านี้เสียอีก แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ทําให้หัวใจของนางเต้นแรงที่สุดเลย
“มะ ไม่เลยเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ แต่ตอนนี้ร่างของนางกลับสันเบาๆเพราะความตื่นเต้นมากกว่า แต่อยู่ๆที่มือของนางก็ปรากฏมือของไป๋จูเหวินเข้ามาเกาะกุมเอาไว้ทําเอานางขวัญกระเจิงไปเป็นที่เรียบร้อย
“พี่ไป…”เหม่ยหลินช้อนตาขึ้นมามองไป๋จูเหวินช้าๆ แต่ไป๋จูเหวินกลับส่ายหน้าช้าๆ
“เรียกใหม”ไป๋จูเหวินว่าพลางเลือนมือขึ้นมาสัมผัสเส้น ผมของเหม่ยหลินช้าๆ
“….ท่านพี่”เหม่ยหลินพูดจบไป๋จูเหวินก็โน้มใบหน้าลงไปจูบเหม่ยหลินช้าๆ ก่อนจะออกแรงดันจนร่างของนางลงไปนอนกับเตียงพร้อมปล่อยให้คืนแรกของการแต่งงานผ่านไปอย่างเชื่องช้า