บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 277 พบซูหลาน
บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 277 พบซูหลาน
ตอนที่ 277
พบซูหลาน
“อะไรกัน เจ้าอยากจะเดินทางไปอาณาจักรอุ้งั้นหรือ” จักรพรรดิอาณาจักรชูถามพลางมองชูเฟิงและสหายของมันด้วยท่าที่เป็นห่วงตอนนี้ชูเฟิงไม่มีพลังวิญญาณ รวมถึงสหายของมันบางคนเองก็เป็นคนไร้พลังวิญญาณเช่นกัน โดยชูเฟิงให้เหตุผลว่ามีดที่ซูหลานแทงใส่มันนั้นเป็นพิษร้ายแรง แต่ร่างกายของชูเฟิงไม่ได้ตายทันที มันยังมีสติแม้จะเหมือนตายก็ตาม หลังจากถูกฝังในโลงน้ําแข็งไปหลายวัน มันก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายออกมาจากโรงและพยายามหาความช่วยเหลือจนได้พบกับสหายเหล่านี้ สหายหญิงของชูเฟิงใช้วิชาแพทย์รักษามันจนหาย แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถรักษาพลังวิญญาณของชูเฟิงเอาไว้ได้
“ข้าอยากจะไปบอกกับซูหลานว่าข้ายังไม่ตาย” ชูเฟิงตอบพลางยิ้มบางๆ อัตตาได้รับความทรงจําจากร่างของชูเฟิง ทําให้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากกว่ามารตนอื่นๆ ทั้งเรื่องที่ชูเฟิงหลงรักซูหลานจนหมดใจและกําลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับนาง รวมทั้งเรื่องที่ซูหลานเป็นน้องสาวของอู่หมิงที่ตอนนี้กลายเป็นองค์จักรพรรดิของ อาณาจักรธุ์ไปแล้ว
“อ่อ แบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ใช้มังกรของข้าเถอะ” หลังจากสงครามชิงเมือง องค์จักรพรรดิของอาณาจักรชูก็เห็นความสามารถของอสูรบินพวกนี้ และทรงโปรดให้จับมังกรมาเลี้ยงดูหลายตัวเพื่อใช้เดินทางอีกด้วย
“มังกร?” ชูเฟิงขมวดคิ้วอย่างงุนงง ในความทรงจําของมันไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้นี่นา หรือว่าระหว่างสงครามเกิดอะไรขึ้น?
“ใช่ มันเร็วมากเลยนะ ไม่กี่วันก็เดินทางถึงเมืองหลวงของอาณาจักรภู่แล้ว” องค์จักรพรรดิยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แม้จะไม่เท่ามังกรที่ ไปจูเหวินพามาแต่มังกรที่มันให้คนของกลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรชูไปจับมาเลี้ยงก็เป็นอสูรระดับสูงไม่เลวเลย
“เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมเลยขอรับ” ชูเฟิงกยิ้มพรางตามองค์จักรพรรดิไปยังโรงเลี้ยงมังกร ก่อนจะเดินทางไปพร้อมกับเหล่ามารตนอื่นๆโดยมีผู้คุ้มกันไม่กี่คน
“ไม่นึกว่าพ่อของเจ้าจะมีของสะดวกเช่นนี้”ราคะยิ้มพลางนั่งไขว่ห้างบนหลังของมังกรอย่างพึงพอใจ ความเร็วระดับนี้ไม่สามารถ หาได้จากม้าแน่ๆ
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน” อัตตาส่ายหัวพลางมองพื้นดินของอาณาจักรอู่ที่อยู่เบื้องล่าง แบบนี้แผนการของพวกมันก็เร็วขึ้นมาหลังจากยึดครองอาณาจักรอู่ได้ที่เหลือก็แค่ไล่บุกไปที่ละเมืองเท่านั้น
“เจ้าพร้อมนะ ราคะ” อัตตาในร่างของชูเฟิงถามพลางมองไปทางหญิงงามคนเดียวในกลุ่ม
“แน่นอน องค์จักรพรรดิของอาณาจักรอู่ยังไม่ถึงระดับเทียนเซีย นด้วยซ้ํารับรองว่าข้ารับมือได้อยู่แล้ว”ราคะว่าพลางยิ้มกว้าง
“อัก” อยู่ๆไปจูเหวินก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเสียเฉยๆก่อนที่ดวงตาของมันจะเปลี่ยนเป็นสีเงิน ดวงตาสีนี้ไปจูเหวินยังไม่สามารถใช้งานได้ด้วยตนเองเช่นเดียวกับดวงตาสีดําที่ทําให้มันเข้าสู่สถานะคลั่งแต่การที่มันเปลี่ยนด้วยตนเองแบบนี้มันหมายความว่าไงกันนะ
“ไม่เป็นไร”ไปจูเหวินตอบพลางใช้มือปิดดวงตาของตัวเองเอาไว้อยู่ๆมันก็เห็นภาพแปลกๆ มันเป็นภาพของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรอยู่แต่ว่าไม่เหมือนเดิม… เมืองหลวงดูสวยงามขึ้นมากราวกับกําลังจะมีงานฉลองใหญ่ดวงตาสีเงินทําให้มันเห็นภาพเช่นนี้ทําไมกันหรือแม้แต่เรื่องดีๆก็ฉายออกมา? นึกว่าจะมีแต่เรื่องร้ายเห มือนตอนเมืองร้อยแปดอสูรเก่าโดนทําลายซะอีก
“ช่วงนี้อูหมิงมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”ไปจูเหวินถามพลางมองไปทางเหม่ยหลินพักหลังนี้เทียนเหวินพาเหม่ยฮวามาเยี่ยมเหม่ยหดินค่อนข้างบ่อย หากมีเรื่องอะไรในเมืองหลวงนางอาจจะได้ยินมา
บ้าง
“ไม่นะเจ้าคะ ทั้งเทียนเหวินทั้งซูหลานก็ไม่มีท่าทีอะไรแปลกๆเลย” เหม่ยหลินตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ ทุกอย่างในเมืองยังคงปกติดียกเว้นเรื่องมารที่หยงเว่ยกําลังจัดการเท่านั้น แต่หลังจากริษยาบุกมาก็แทบไม่มีอะไรผิดปกติอีกเลย ไปจูเหวินเลยปล่อยให้หยงเว่ยจัดการเองอย่างที่มันว่าเอาไว้
“ท่านพี่ ท่านถามทําไมหรือ”เหม่ยหลินถามพลางมองมาทางไปจูเหวินด้วยท่าทีสงสัย อยู่ๆมันก็ถามออกมา ไม่ใช่เพราะพึ่งคิดอะไร ได้หรืออย่างไร
“ไม่หรอก ข้าแค่รู้สึกว่ากําลังจะมีเรื่องดีๆกระมัง”ไปจูเหวินว่าพลางหัวเราะออกมา ภาพที่มันเห็นเป็นงานฉลองมันย่อมเป็นเรื่องดีกระมัง?
“ถ้าเป็นเรื่องดีๆก็พอมีนะเจ้าคะ”เหม่ยหลินยิ้มพลางหัวเราะเบาๆ
“จื่อหลานบอกข้าว่าอาณาจักรหลิวส่งองค์หญิงเดินทางมาเข้าพบอี้หมิงบางที่อูหมิงอาจจะถูกใจนางก็ได้นะ” เหม่ยหลินยิ้มพลางนึกเรื่องที่ซูหลานเล่าให้ฟัง เห็นว่าองค์หญิงจากอาณาจักรหลิวเป็นสาวงามเรียบร้อยอ่อนหวาน แถมยังเป็นวิชากระบี่อีกด้วย บางที่อิหมิงอาจจะถูกใจนางก็ได้
“นั่นสินะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงดี”ไปจูเหวินว่าพลางยิ้มออกมาอูหมิงแทบไม่เคยสนใจผู้หญิงเลย พวกบุตรสาวของขุนนางหรือเจ้าหญิงต่างแดนก็ไม่เคยสนใจ ได้ข่าวว่าพวกพี่สาวในราชวงศ์ชินของไปจูเหวินก็แห้วมาหลายคนแล้วด้วยสิ
“ช่วงนี้อาณาจักรก็สงบลงแล้ว หมิงน่าจะหาความสุขใส่ตัวเองบ้าง” เหม่ยหลินว่าพลางซบไหล่ไปจูเหวินเบาๆบางทีอู่หมิงก็ทํางานหนักเกินไป หากมีความรักเสียบ้างก็คงดี
“อะไรนะ องค์ชายชูเฟิงงั้นเหรอ”อู่หมิงที่พึ่งโดนพูดถึงไปหมาดๆพูดด้วยท่าที่ตกตะลึง อยู่ๆทหารก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่าองค์ชายชูเฟิงมาขอเข้าพบ
“ขอรับ เป็นองค์ชายชูเฟิงจริงๆขอรับ”ยิ่งทหารยืนยัน อี้หมิงก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ ทําไมชูเฟิงที่ควรจะตายไปแล้วถึงกลับมาได้
“ให้องค์ชายเข้ามา”อู่หมิงตอบพลางนั่งลงช้าๆวันนั้นมันอยู่ในเหตุการณ์เห็นชัดๆว่าชูเฟิงตายไปแล้วจริงๆ
“ไม่ได้พบกันนานนะขอรับ องค์ชาย..ไม่สิองค์จักรพรรดิอู่หมิง”องค์ชายชูเฟิงพูดพลางเดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างสง่าผ่าเผยไม่ว่าจะมองทางไหนก็เป็นชูเฟิงไม่ผิดเพี้ยน หรือว่ามันจะคืนชี พขึ้นมาจริงๆ
“ไม่ได้พบกันนานจริงๆ” อี้หมิงตอบพลางมองลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปหาชูเฟิงช้าๆ มันไม่ทราบจะพูดอะไรเลย ทําไมชูเฟิงงมาอยู่ที่นี่แล้วมันคืนชีพมาได้อย่างไร แล้วทําไมมันถึงไม่มีพลังวิญญาณแถมสหายของพวกมันยังไม่มีพลังวิญญาณกันหลายคนที่ เดียว การที่มันคืนชีพขึ้นมาเป็นเรื่องแปลกมากหรือว่าจะเกี่ยวของกับมาร…
“องค์จักรพรรดิ ถวายบังคมเพคะ”อยู่ๆเสียงของหญิงสาวนางหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของชูเฟิงหญิงสาวนางนี้งดงามมากมีเสน่ห์แถมยังน่าหลงใหล
“ถวายบังคมพระเจ้าข้า”เหล่ามารด้านหลังต่างคุกเข่าลงกับพื้นเพียงแต่อี้หมิงไม่มีท่าที่จะตอบรับเลย เสียงของราคะเมื่อครู่ยังสะท้อนอยู่ในหัวของอู่หมิงแถมมันยังเอาแต่จ้องนางตาค้างอีกต่างหาก
“องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีนามว่าเฟิงมีเพคะ ได้ยินเรื่องของท่านมามากมายวันนี้ได้พบตัวจริงนับว่าเป็นเกียรติอย่างมากเพคะ” เพียงได้ยินเสียงของเฟิงมีความสงสัยในหัวของธุ์หมิงก็หายไปทันที่ราวกับต้องมนตร์
“ยินดีที่ได้พบ…แม่นาง”อูหมิงตอบด้วยท่าทีแปลกๆอย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อนแต่คนในห้องต่างไม่มีใครแปลกใจเลยเพียงได้เห็นด้านข้างก็เข้าใจได้ทันทีว่าเฟิงมีนั้นงดงามแต่เหนือกว่าความงดงามนางยังแผ่ความรู้สึกประหลาดออกมาจากร่าง ราวกับจะทําให้คนรอบข้างเคลิ้มตามไม่มีผิด
“องค์จักรพรรดิ ข้าอยากจะขอพบซูหลานได้หรือไม่”ได้ยินที่ชูเฟิงถามอี้หมิงก็พยักหน้าช้าๆ
“ดะ ได้สิ ทหารตามตัวซูหลานมาที่นี่” หมิงตอบออกมาแต่สายตายังคงจ้องมองเฟิงมีไม่วางตายิ่งเห็นนางหัวเราะธุ์หมิงก็ยิ่งใจสั่นไหวความรู้สึกเช่นนี้มันอะไรกันทําไมมันไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากทหารตามตัวอู่ซูหลานมา นางก็มีท่าที่ตกตะลึงไม่ต่างจากธุ์หมิงตอนแรก แถมนางยังร้องให้ออกมาอีกต่างหาก แต่หลังจากชูเฟิงเล่าเรื่องที่มันแต่งขึ้นมาพวกธุ์หมิงก็เข้าใจและเชื่อในทันที่โดยไร้ข้อสงสัยทําให้เหล่ามารยิ้มให้กันอย่างพึงพอใจ ความจริงแล้วการมาพบซูหลานไม่ใช่แผนจริงๆของอัตตาเสียด้วยซ้ําแต่แผนของมันคือการพาราคะมาพบกับอู่หมิงต่างหาก
“องค์จักรพรรดิเพคะ” หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดซูหลานก็พาชูเฟิงไปเดินเล่นเพื่อสอบถามเรื่องราวส่วนอื่นๆทําให้ในท้องพระโรงเหลือเพียงมารตนอื่นๆเท่านั้น แน่นอนว่าราคะยังคงอยู่กับอู่หมิงไม่ไปไหน
“ข้าได้ข่าวมาว่าสวนในตําหนักงดงามมากทีเดียว หากท่านไม่ว่าข้าจะขอไปเดินชมได้หรือไม่เจ้าคะ”ราคะหรือเฟิงมีถามพลางยิ้มหวาน
“หากเจ้าอยากเดินชมละก็ให้คนพาไป.”อูหมิงพูดพลางสายหน้าช้าๆ
“ไม่สิ… ข้าพาเจ้าไปเองก็แล้วกัน”อูหมิงว่าพลางลุกขึ้นยืนความจริงหลังจากนี้มันต้องประชุมงานอีก แต่พวกขุนนางเห็นอี้หมิงมีท่าที่สนใจสาวงามนางนี้พวกมันก็ไม่ห้ามแต่อย่างไร
“ พวกเจ้าเป็นคนในเมืองทางเหนือของอาณาจักรชงั้นหรือ”อูหมิงถามระหว่างพาเฟิงมีมาเดินเล่นในสวน ส่วนมารตนอื่นๆก็ให้ทหารดูแลพาไปในที่ๆมันอยากไป
“ใช่เพคะ เพราะความช่วยเหลือของอาณาจักรอู่แท้ๆ พวกเราเลยยังรอดชีวิตกันได้” เฟิงมีว่าพลางยิ้มอย่างมีความสุข ท่าที่ของนางนั้นแม้จะธรรมดา แต่กลับทําเอาบรรยากาศรอบๆสว่างสดใสขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก” อู่หมิงส่ายหน้าพลางยิ้มเงื่อนๆเรื่องนี้เป็นข้อตกลงระหว่างอาณาจักรภู่และอาณาจักรชูอยู่แล้วจะยกให้เป็นความดีความชอบของมันก็คงไม่สามารถยืดอกรับได้
“แต่วันนี้ท่านดูเพลียๆนะเจ้าคะ มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”เฟิงมีถามพลางเดินไปที่ศาลาริมน้ํา
“มีเรื่องนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นไรหรอก” อู่หมิงตอบเสียงเบาก่อนจะเดินมานั่งที่ศาลาริมน้ําข้างๆเฟิงมี เห็นนางนั่งมองสระบัวเช่นนี้ก็ดูงดงามไปอีกแบบ
“ท่านเล่าให้ข้าฟังได้นะเจ้าคะ อย่างไรข้าก็เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาเอาความลับบ้านเมืองไปทําอะไรไม่ได้หรอก”เฟิงมีว่าพลางหัวเราะออกมาน้อยๆ
“อะ อืม…. ก่อนหน้านี้มีมารบุกเข้ามาในเมืองร้อยแปดอสูรมันโดนสังหารไปแล้วก็จริง แต่ข้าก็ยังกังวลอยู่”ได้ยินที่อู่หมิงพูด จิตสัง หารของราคะก็โผล่ออกมาครู่หนึ่งมิน่าเล่าริษยาถึงไม่กลับมา นั่งนั่นทําเสียแผนจริงๆโชคดีที่พลังของราคะช่วยให้ธุ์หมิงสิ้นสงสัยได้เลยไม่ระแวงว่าพวกมันเป็นมาร
“แต่เจ้าคงไม่ใช่มารหรอก เพราะเจ้ามีพลังวิญญาณนี้นะ”อูหมิงยิ้มพลางมองไปทางเฟิง ไม่ทราบทําไมมันถึงเล่าเรื่องมารออกไปได้ทั้งๆที่ควรบิดเป็นความลับแท้ๆ แม้เฟิงมีจะบอกว่านางเป็นคนธรรมดาแต่นางก็มีพลังวิญญาณสูงไม่น้อยเลย บางที่อาจจะ อยู่ระดับเทียนเซียนเลยก็ได้คนอย่างนางทําไมถึงเป็นชาวบ้านธรรมดานะ?