บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 28 หญิงงาม
ตอนที่ 28
หญิงงาม
“เหมียว”เจ้าแมวสีขาวขนปุกปุยตรงหน้าเดินลงมาบนตักของไป๋จูเหวินพลางนอนเล่นอย่างสบายใจราวกับมันทำตัวเป็นแมวจริงๆ
“เจ้านี่มาจากไหนกัน”จิงหลิงถามพลางมองมาทางเจ้าแมวที่นอนเล่นราวกับมันเป็นสัตว์เลี้ยงของไป๋จูเหวิน ในสายตาคนอื่นมันเป็นเพียงแมวธรรมดาเท่านั้น ทำให้จิงหลิงยื่นมือไปแตะขนของมันด้วยความรู้สึกเอ็นดู
“อย่ามาแตะข้า”เสียงแหลมของเจ้าแมวที่คำรามออกมาทำเอาจิงหลิงสันหลังเย็นวาบ แมวพูดได้…มันย่อมจะเป็นอสูรอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหมียว”หลังจากตวาดใส่จิงหลิง เจ้าแมวสีขาวก็หันกลับมาซุกหน้าลงบนร่างของไป๋จูเหวินต่อ สร้างความประหลาดใจให้ผู้ได้ยินเสียงของเจ้าแมวเป็นอย่างมาก
“ศิษย์น้อง หูของมันสวมต่างหูอยู่ มันคงเป็นอสูรเลี้ยงแน่ๆ”หยางเกาพูดพลางมองไปที่หูของเจ้าแมวสีขาว ที่หูของมันปรากฏเครื่องประดับเป็นต่างหูประดับอัญมณีสีฟ้าใสราวกับท้องนภายามเช้า แม้ไม่ทราบว่าเจ้าของแมวตัวนี้เป็นใคร แต่มันต้องเป็นผู้มีเงินทองไม่น้อย ถึงได้สวมเครื่องประดับราคาแพงเช่นนี้ให้สัตว์เลี้ยงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมีอสูรระดับสูงเช่นนี้เป็นสัตว์เลี้ยงเลย
“แล้วมันเป็นอสูรของใครล่ะ”จิงหลิงยังคงไม่สามารถวางใจได้ อสูรที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ย่อมต้องเป็นอสูรระดับสูง มันไม่ใช่ตัวตนที่นางหรือหยางเกาจะรับมือได้ หากมันเกิดอาละวาดขึ้นมาพวกมนุษย์คงได้ตายกันหมดทั้งเมืองแน่ๆ
“หยวนหยวน เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ขณะจิงหลิงกำลังครุ่นคิดหาวิธีรับมือ อยู่ๆชายชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามา พลางเรียกเจ้าแมวบนตักของไป๋จูเหวินด้วยชื่อของมัน
“หมิงฮุ่ย เจ้าดูสิเด็กคนนี้ช่างน่าเอ็นดูจริงๆ”เจ้าแมวบนตักของไป๋จูเหวินส่งเสียงออกมาดูน่าขนลุกอย่างประหลาด หมิงฮุ่ยในรูปร่างของชายชราเองก็มีเครื่องประดับสวมอยู่เช่นเดียวกันกับหยวนหยวน โดยมันมีสร้อยคอสีฟ้าสดใสที่เหมือนกับสีต่างหูของหยวนหยวนไม่ผิดเพี้ยน
“….”หมิงฮุ่ยจ้องมองไป๋จูเหวินพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินมากขึ้น ตัวมันเองก็เป็นอสูรเช่นเดียวกับหยวนหยวน ทำให้มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเมื่อเข้าใกล้ไป๋จูเหวิน วินาทีนั้นมันรู้สึกอยากจะจับเจ้าหนุ่มตรงหน้าไปอยู่กับมันเสียเดี๋ยวนั้น แต่เพราะมันไม่ใช่อสูรไร้เจ้าของมันจึงทำอะไรตามใจไม่ได้ แถมบนร่างของไป๋จูเหวินยังมีกลิ่นอายของอสูรตนอื่นอีก แถมยังเป็นอสูรที่มันไม่เคยเจอ แต่มันก็รู้ได้ทันทีว่าอสูรเหล่านั้นแข็งแกร่งกว่าตนมากทำให้หมิงฮุ่ยได้แต่ยืนเฉยๆ
“หยวนหยวน คุณหนูบอกให้เจ้ากลับไปที่โต๊ะได้แล้ว”หมิงฮุ่ยพยายามต่อต้านความสามารถของไป๋จูเหวิน พลางบอกคำสั่งของเจ้านายมันแก่อสูรแมวตรงหน้าด้วยความหนักแน่น
“โถ่”เจ้าแมวขาวพูดพลางเปลี่ยนร่างตนเองเป็นหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นน่ารักน่าเอ็นดู โดยที่หูของนางยังปรากฏต่างหูประดับอัญมณีสีฟ้าสดใสเช่นเดิม
“น่าเสียดายจริงๆ”หยวนหยวนครางพลางแตะใบหน้าของไป๋จูเหวินราวเสียดายที่ต้องแยกจากกัน แต่ไป๋จูเหวินเองก็ต่อต้านอะไรพวกนางไม่ได้ อสูรแมวนามหยวนหยวน เป็นอสูรระดับ ทอง ขั้นที่ 5 ส่วนหมิงฮุ่ย เป็นอสูรระดับ ทอง ขั้นที่ 7 นอกจากเถ้าแก่หวังแล้ว พวกเขาถือเป็นอสูรที่ระดับสูงที่สุดเท่าที่ไป๋จูเหวินเคยเจอมาภายนอกแดนอสูรเลย
“พี่หยวนพี่ฮุ่ย ข้าสัมผัสพลังอสูรได้ มีอสูรปะปนเข้ามาในเมืองงั้นหรือ”ขณะหยวนหยวนและหมิงฮุ่ยกำลังจะเตรียมตัวกลับไปข้างบน หญิงสาวนางหนึ่งก็เดินลงมาตามบันได แวบแรกที่ได้ยินเสียง ไป๋จูเหวินก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรจากร่างของนางทันที เพียงแต่นางไม่ใช่อสูรเพราะมันก็สัมผัสพลังวิญญาณในร่างของนางได้เช่นกัน นางเป็นเช่นเดียวกับตัวมัน เป็นผู้มีพลังอสูรและพลังวิญญาณในคนๆเดียว แถมทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรในร่างของนางยังแข็งแกร่งอย่างมาก
“คุณหนู…ชายหนุ่มคนนี้”หมิงฮุ่ยเป็นอสูร มันจึงสัมผัสได้เพียงพลังอสูรในร่างของไป๋จูเหวิน ทำให้มันไม่ทราบว่าไป๋จูเหวินคือมนุษย์หรืออสูรกันแน่ มันจึงได้แต่รายงานคุณหนูของมันเท่านั้นว่าพลังอสูรที่นางสัมผัสได้มาจากไป๋จูเหวิน
“……”เมื่อบ่าวของตนรายงาน หญิงสาวคนนั้นก็เดินเข้ามาหาไป๋จูเหวิน แต่ทันทีที่ดวงตาของไป๋จูเหวินสบเข้ากับดวงตาของหญิงสาว ทั่วร่างของมันก็ราวกับถูกฟ้าผ่า
ตั้งแต่เดินทางออกจากแดนอสูร มันไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนงดงามกว่าน้าจิ้งจอกหรือมารดาของมันเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็เพราะร่างของพวกท่านเป็นร่างแปลงที่เกิดจากการปั้นแต่งของตัวพวกท่านเอง จึงสามารถทำให้งดงามอย่างไรก็สุดแล้วแต่จินตนาการของพวกท่าน เพียงแต่ หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าไป๋จูเหวินสามารถทำให้มันยืนยันได้อย่างหนักแน่นเลยว่า นางงดงามยิ่งกว่าน้าจิ้งจอกหรือมารดาเสียอีก
“…..”ทันทีที่เดินเข้ามาใกล้ ดวงตาสีดำกลมโตของหญิงสาวก็จ้องดวงตาที่กลายเป็นสีม่วงของไป๋จูเหวินอย่างตั้งใจ วินาทีนั้นดวงตาของไป๋จูเหวินก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ทำให้มันสามารถเก็บรายละเอียดบนใบหน้าของหญิงสาวได้อย่างครบถ้วนราวกับเวลาค่อยๆเดิน
“เขาเป็นมนุษย์”หญิงสาวพูดพลางถอยออกจากไป๋จูเหวินไป แม้จะใช้ดวงตาสีแดงเพื่อจ้องมองช่วงเวลานี้ได้นานกว่าเดิม แต่เมื่อหญิงสาวถอยออกไปในหัวใจของไป๋จูเหวินก็รู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก
“มนุษย์?”หมิงฮุ่ยขมวดคิ้ว มนุษย์ที่มีพลังอสูรแข็งแกร่งอย่างไป๋จูเหวินนับว่าหายากอย่างมาก แม้แต่ในเขตที่พวกมันจากมาก็มีเพียงคุณหนูเท่านั้น มันถึงกับคิดว่าไป๋จูเหวินต้องเป็นอสูรแน่ๆ เพราะนอกจากคุณหนูของมันแล้วมนุษย์ผู้อื่นไม่มีใครเลยที่มีพลังอสูรสูงถึงระดับเงิน
“เข้ามีพลังวิญญาณ”หญิงสาวตอบอย่างเรียบง่าย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ในเมื่อไป๋จูเหวินไม่ใช่อสูร นางก็ไม่มีธุระอะไรกับเขาอีก
“คุณหนู”อสูรแมวนามหยวนหยวนรีบเดินตามคุณหนูของมันไปทันที พร้อมหมิงฮุ่ยที่รีบตามไปเช่นกัน ทิ้งคนในเหลาให้อึ้งไปตามๆกัน
“ศิษย์พี่ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ระดับไหนกัน”จิงหลิงที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับไม่กล้าพูดอะไรออกมา ไม่เกี่ยวกับความงดงามของหญิงสาวคนเมื่อครู่ แต่เป็นพลังวิญญาณที่เล็ดลอดออกมาตอนตรวจสอบไป๋จูเหวินต่างหาก พลังวิญญาณของนางน่ากลัวอย่างมาก บางทีอาจจะมากกว่าพ่อของนางเสียอีก
“ไม่…ไม่รู้”หยางเกาผู้มีพลังวิญญาณสูงที่สุดในกลุ่มของพวกเขาตอนนี้กลับไม่สามารถแม้แต่จะวัดพลังวิญญาณของหญิงสาวคนเมื่อครู่ได้ แต่พลังที่เอ่อล้นออกมาเมื่อครู่ แม้แต่เจ้าสำนักที่มันเคยเจอก็อาจไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับนางได้ ความรู้สึกของหยางเกาและจิงหลิงในตอนนี้ราวกับปลาโลมาที่พึ่งเคยเห็นวาฬเป็นครั้งแรก พวกมันไม่สามารถเทียบตัวเองกับหญิงสาวคนเมื่อครู่ได้เลย
“ศิษย์พี่ แม่นางคนเมื่อครู่เป็นนักล่าอสูรหรือขอรับ”ไป๋จูเหวินถาม เพราะนางสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ แม้จะไม่ได้สวมหมวกปิดหน้าตา แต่ที่คอของนางก็มีสร้อยคอคร้องด้วยเขี่ยวอสูรอันเล็กแขวนเอาไว้ และเหนืออื่นใดนางตัดสินคนอื่นได้ว่าใครคือมนุษย์หรืออสูร
“สองคนที่มาก่อนน่าจะเป็นอสูร คนที่เลี้ยงอสูรระดับนั้นได้คงมีแต่นักล่าอสูรเท่านั้นล่ะ”จิงหลิงตอบ
“นักล่าอสูร….”หยางเการาวกับสะดุดใจกับคำว่านักล่าอสูรขึ้นมา
“หรือว่านางจะเป็นบุคคลระดับสูงของกลุ่มนักล่าอสูรกัน”หยางเกาถามออกมา หากเป็นเช่นนั้นเรื่องที่นางมีพลังวิญญาณระดับนั้นก็เป็นเรื่องเข้าใจได้
“ระดับสูงของกลุ่มนักล่าอสูร? คนแบบนั้นจะมาที่เขตของพวกเราทำไมกัน…”จิงหลิงถามด้วยความสงสัย เขตที่พวกนางอาศัยอยู่เป็นเขตที่ผู้มีพลังวิญญาณน้อยที่สุดและอ่อนแอ่ที่สุดก็ว่าได้ แต่เพราะเป็นเขตธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเช่นนี้เอง จึงไม่มีใครคิดจะผ่านมาเท่าไหร่
“เมื่อหลายวันก่อนข้าได้ข่าวจากศิษย์น้องที่เดินทางไปเที่ยวเมืองข้างๆ”หยางเกาว่าพลางนึกถึงเรื่องที่ศิษย์น้องของตนเล่าให้ฟังตอนฝึกช่วงเช้า
“เขาบอกว่า วันหนึ่งมีอสูรตัวมหึมาบินผ่านเมืองที่เขาเข้าไปเที่ยว เงาของมันบดบังเมืองจนมืดมิดไปหลายอึดใจ โชคดีที่มันไม่ได้โจมตีเมือง แต่มันกลับไปลงหลังภูเขาแทน”หยางเกาเล่าพลางทำสีหน้าครุ่นคิด ช่างต่างจากหยางเกายามปกติมากจริงๆ
“มิน่าล่ะ นักล่าอสูรถึงมาเองเช่นนี้”จิงหลิงพูดพลางหันไปมองทางที่หญิงสาวเดินจากไป แม้จะไม่กล้าบุกเข้าไปในเขตอสูร แต่หากมีอสูรน่ากลัวเช่นนั้นหลุดมาพวกนักล่าอสูรคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่ หากอสูรตัวนั้นมีขนาดมหึมาอย่างที่ว่าจริง หากจะระดมคนมาเพื่อปราบมันก็คงไม่ใช่การกระทำที่เกินเลยแม้แต่น้อย
“…..”ไป๋จูเหวินนิ่งเงียบไปทันที อสูรขนาดมหึมาที่บินผ่านเมืองจนสร้างความโกลาหลให้ทั้งเมือง ไม่ใช่ว่านั้นคือน้าไก่ฟ้าหรือ?