บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 280 มาร 108 ตน
บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 280 มาร 108 ตน
ตอนที่ 280
มาร 108 ตน
ฟุบ!ร่างของหยงเว่ยสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางปราสาทของพวกมารด้วยท่าที่ตื่นตกใจ นี่มันหลับไปนานเท่าไหร่กัน?
“นอนต่อสิ ข้ายังง่วงอยู่เลย” เสียงของเกียจคร้านดังขึ้นมาในหัวของหยงเว่ย มันมีท่าที่ซึมๆเหมือนเช่นเดิมแม้จะได้ยินแต่เสียงก็
ตาม
“ข้าหลับไปนานเท่าไหร่” หยงเว่ยถามพลางมองไปรอบๆ บนร่างของมันถึงขั้นมีฝุ่นเกาะ หรือจะเพราะมันรับเอาเกียจคร้านเข้ามาถึงได้หลับไปนานนัก
“5 วัน ริษยาตอบพลางหาวออกมาเบาๆ
“แค่ 5 วันเอง นอนต่อเถอะ ถ้าเจ้าไม่นอนข้าก็ไม่หลับไปด้วยนะ” เกียจคร้านว่าพลางหาวออกมาเช่นกัน ท่าทางตอนมันหลับจิตมารเองก็จะหลับไปด้วยสินะ
“ไม่ได้ ข้าต้องไปจัดการมารตนอื่นๆ” หยงเว่ยพูดพลางลุกขึ้นยืนแต่เมื่อสํารวจร่างตัวเองดีๆแล้วกลับพบว่าบาดแผลของมันหายสนิทหมดแล้ว ไม่เหลือร่องรอยของบาดแผลที่ทั้งริษยาและเกียจคร้านทําเลย
“บ้าจริง ข้าประมาทไปหน่อย” หยงเว่ยถอนหายใจพลางเดินไปที่ประตูนึงว่าเกียจคร้านจะจัดการได้ง่ายเสียอีก แต่มันกลับเผลอหลับไปตั้ง 5 วันทั้งๆที่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณทั่วไปไม่จําเป็นต้องหลับนานขนาดนั้นแท้ๆ
“เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าต้องเฝ้าห้องใต้ดินละนะ ในนี้ก็สบายดี”เกียจคร้านพูดด้วยน้ําเสียงราบเรียบ ต่อให้ไม่ได้นอนมันก็ไม่ว่าอะไรหรอกเพราะถึงอย่างไรอยู่ในจิตใต้สํานึกของหยงเว่ยมันก็ไม่ต้องทําอะไรอยู่ดี
“ห้องใต้ดิน?” หยงเว่ยขมวดคิ้วพลางหยุดเท้าลงทันทีมารตนอื่นเดินทางไปแล้ว แต่เกียจคร้านยังอยู่ต่อให้ขี้เกียจอย่างไรการไม่ตามพวกพ้องไปนั้นคงไม่ใช่เรื่องดี หรือจริงๆแล้วพวกมารไม่ได้ไปอย่างถาวรแต่ยังคงใช้ที่นี่เป็นสถานที่ทําอะไรบางอย่าง
“เฮ้ เกียจคร้าน ห้องใต้ดินที่ว่านั่นอยู่ไหน” หยงเว่ยถามพลางเดินเข้าไปในปราสาทอีกครั้ง
“อืม…ก็ใต้ดินไง” เกียจคร้านตอบตามตรงด้วยน้ําเสียงง่วงๆจะว่ามันก็ไม่ได้ก็ห้องใต้ดินอยู่ใต้ดินจริงๆนี่นะ
“จริงสินะ ใต้ดิน” หยงเวยชะงักเท้าไปเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้มันจะหาทางเข้าไปทําไม อย่าลืมสิว่ามันคือมารธาตุดิน
ตูม! หยงเว่ยกระทืบเท้าใสพื้นปราสาททันทีทําให้แผ่นหินที่ใช้ปูพื้นถูกทําลายกลายเป็นหลุมลึกจนถึงพื้นดินหยงเว่ยไม่รอช้ากระโดดลงไปตรงผืนดินนั้น แต่แทนที่มันจะลงไปยืนบนผืนดินร่างของมันกลับจมลงไปราวกับกระโดดลงน้ําไม้มีผิด
วูบ… ร่างของหยงเว่ยทะยานผ่านชั้นดินไปอย่างช้าๆความสามารถดําดินนั้นเป็นหนึ่งในความสามารถที่หยงเว่ยได้มาตอนเป็นมารนอกจากใช้หนีได้แล้วมันยังใช้สร้างสถานที่ลับของมันเองได้อีกด้วยรวมถึงการตามหาชั้นใต้ดินของปราสาทแห่งนี้
ตุบ! ไม่นานร่างของหยงเว่ยก็แตะโดนกําแพงหินที่ถูกฝังเอาไว้ในดินก่อนที่หยงเว่ยจะพังกําแพงทิ้งแล้วลอดเข้าไปในกําแพงอย่างง่ายดาย
“ที่นี่นะเหรอ” หยงเว่ยว่าพลางมองไปรอบๆ ห้องแห่งนี้อยู่ใต้ดินของปราสาทจริงๆแต่สิ่งที่หยงเว่ยเห็นนอกจากเสบียงอาหารและห้องที่เหมือนห้องครัวแล้วก็แทบไม่เห็นอะไรอีกเลย
“พวกเจ้าอยู่กันกี่คนกันถึงได้เตรียมอาหารเอาไว้มากมายเช่นนี้”หยงเว่ยถามพลางมองไปรอบๆ นี่มันไม่ใช่ห้องเก็บเสบียงธรรมดานี่มันสมควรเรียกว่าโกดังเก็บเสบียงใต้ดินมากกว่า เพราะในห้องขนาดใหญ่นี่มีชั้นวางเสบียงมากพอจะเลี้ยงกองทัพได้ งกองเลย
“ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ในเหล่ามารมีพวกตะกละอยู่ด้วยพวกนั้นกินเยอะกว่ามนุษย์เสียอีก”ริษยาตอบพลางส่ายหน้าไปมาปกติมารไม่ได้กินอาหารเยอะเหมือนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณนั่นละยกเว้นมารอย่างตะกละ รวมถึงมารระดับรองที่มีความเกี่ยวข้องกับตะกละล้วนกินกันอยู่ตลอด
“พวกตะกละ?” หยงเว่ยขมวดคิ้วพลางเดินตรวจสอบเสบียงอย่างช้าๆแต่เดินไปได้ไม่นานหยงเว่ยก็สัมผัสได้ถึงจิตมารจากห้องอีกทอง
“นี่มันอะไรกัน” หยงเว่นหน้าเปลี่ยนสีทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมารที่อยู่อีกห้องไม่ใช่ว่าพลังมารนั้นมากมายอะไร แต่จํานวนมาร นมากเหลือเกินหรือว่าตํารามารทั้ง 108 เล่มอยู่ที่นี่หมดแล้ว
ตึง!! หยงเว่ยเปิดประตูเข้าไปในห้องด้านหลังห้องเก็บเสบียงแต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หยงเว่ยกลับตะลึงวูบ
“พี่ชาย ท่านเป็นใครกัน” เด็กชายคนหนึ่งถามพลางมองมาทางหยงเว่ยภายในห้องหลังคลังเสบียงกลับปรากฏร่างของเด็กชายและเด็กหญิงนับร้อยคนอาศัยอยู่ในห้องที่เหมือนกับโรงหอไม่มีผิดพวกมันอาศัยอยู่ด้วยกันโดยใช้ผ้าปูเรียงกันเป็นแถวแทนเตียงและนั่งเล่นอยู่ตรงส่วนที่ว่าง
“ทําไมถึงเป็นเด็ก..” หยงเว่ยงงงันวูบ เพียงได้เห็นก็ทราบแล้วว่าเด็กๆเหล่านี้เรียนวิชามารเข้าไปแล้วทุกคนนั่นหมายความว่าพวกมันต่างเป็นมารทั้งหมด แต่พวกมันกลับยังไม่โดนจิตมารครอบงําเลยหรือว่าจะยังฝึกไม่สําเร็จ
“จิตของเด็กอ่อนกว่าของผู้ใหญ่ มารครอบงําได้ง่าย”ริษยาตอบด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย นี่คือแผนที่ราคะวางเอาไว้โดยนางจะให้เด็กๆเหล่านี้เรียนวิชามารเมื่อพวกมันรวบรวมพลังมารได้ถึงระดับหนึ่งจิตมารในตําราก็จะเข้ากัดกินวิญญาณของพวกมันและ ยึดครองร่างไปจนหมด เมื่อนั้นก็ให้มารเล็กมารน้อยพวกนี้รวบรวมพลังมารจนถึงระดับเทียนเซียนแล้วพวกมันจะสามารถบุกเมืองสักเมืองได้อย่างไม่ยากเย็น
“เด็กพวกนี้” หยงเว่ยพูดพลางเรียกดาบมรกตออกมาในเมื่อเด็กเหล่านี้เป็นมารหากสังหารเสียตํารามารก็จะออกมาเพียงฆ่าเด็กเหล่านี้ตํารามารทั้ง 108 ก็จะถูกหยงเว่ยเก็บเอาไว้แล้ว
ฟุบ!! ดาบมรกตหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กชายตรงหน้าหยงเว่ยพอดิบพอดีถึงจะรู้อยู่แก่ใจ แต่หยงเว่ยก็ไม่สามารถลงดาบใส่เด็กตาดําๆได้
“พี่ชาย ท่านทําอะไรข้ากลัว”เด็กชายถอยหนีทันทีเมื่อดาบเกือบเข้ามาทําร้ายตนเอง ตอนแรกพวกมันก็โดนราคะจับตัวมา ตอนนี้ยังเจอผู้ชายที่ไหนไม่รู้เอาดาบออกมาฟันมันอีก
“ข้าขอโทษ” หยงเวยลดดาบลงพลางมองเหล่าเด็กชายหญิงที่มองมาทางมัน นี่มันเรื่องตลกอะไรกันหากปล่อยเด็กเหล่านี้ไปมารทั้ง 108 ตนก็จะร่วมมือกันสร้างความเดือดร้อนแน่ๆ แต่มันกลับไม่กล้าสังหารเด็กเหล่านี้
เปรี้ยง!! อยู่ๆที่ด้านหลังของหยงเว่ยก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งเข้ามาเตะใส่หยงเวยอย่างจัง พลังมารของพวกเด็กๆยังน้อยทําให้หยงเว่ยไม่แม้แต่จะรู้สึกเจ็บ แต่ฝั่งเด็กหญิงต่างหากที่ร้องให้ออกมาเพาะเท้าของนางเตะใส่เกราะมรกตของหยงเวยอย่างจัง
“ไม่ต้องร้อง” หยงเว่ยว่าพลางก้มลงดูเท้าของเด็กหญิง เพราะนางมีพลังมารทําให้การเตะรุนแรงมากสําหรับเด็กคนหนึ่งการเตะเมื่อครู่ทําให้เท้าของนางบวมแดงเลยทีเดียว
วูบ…หยงเว่ยใช้พลังของเกียจคร้านโดยการใช้ธาตุน้ําเยียวยาบาดแผลของเด็กหญิง กระดูกของนางไม่ได้หักทําให้อาการเจ็บค่อยๆหายไปช้าๆ
“พวกเจ้าไปกับข้าเถอะ” หยงเว่ยว่าพลางมองเหล่าเด็กๆด้วยท่าที่สงสารมันไม่ทราบหรอกว่าเด็กๆเหล่านี้โดนจับมาจากที่ไหนแต่ชะตากรรมที่ต้องกลายเป็นมารนั้นมันเข้าใจดี
“พี่ชาย ท่านจะทําอะไรพวกเรา”เด็กชายคนที่หยงเว่ยเอาดาบจ่อเมื่อครู่ถามพลางถอยหลังไปหลายก้าว
“ข้าจะช่วยพวกเจ้า” หยงเว่ยว่าพลางเดินออกมาที่ห้องเก็บเสบียงเพื่อนําเสบียงทั้งหมดใส่เข้าไปในมิติของมันหากพวกมารทิ้งเกียจคร้านเอาไว้เฝ้าพวกเด็กๆ แสดงว่าพวกมันมีแผนจะกลับมาแน่นอนว่าหยงเว่ยสามารถอยู่รอสู้กับพวกมันได้แต่พอได้ปะทะกับเกียจคร้านเข้าหยงเว่ยก็เสียความมั่นใจไปไม่น้อยหากมารที่เหลือกลับมาและรุมมันคนเดียวตัวมันเองอาจจะแย่เอาได้แถมตอนนี้มันปล่อยเด็กๆพวกนี้ให้เจอกับการถูกเลี้ยงดูให้เป็นมารไม่ได้หรอก
“พี่หนูกลัว” เด็กหญิงคนหนึ่งร้องออกมาพลางมองมาทางหยงเวยด้วยท่าที่ไม่ไว้ใจ
“พี่ชายคนนั้นน่ากลัว ข้าไม่ไปกับเขาหรอก”เด็กชายอีกคนพูดพลางมองมาทางหยงเวียด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ
“ พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ข้าจะเอาเสบียงของพวกเจ้าไป ถึงจะมีพลังมารแต่พวกเจ้าก็อดอาหารเป็นเดือนไม่ได้หรอก” หยงเว่ยว่า พลางเปิดประตูให้เด็กๆเห็นว่าถายในห้องเสบียงไม่เหลืออาหารแล้ว
“…” พวกเด็กๆต่างมองมาทางหยงเวียด้วยท่าทางหวาดระแวงปนน่าสงสารทําให้หยงเว่ยถอนหายใจออกมา
“ที่นี่มันแคบเกินไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปเล่นในที่กว้างๆ ” หยงเว่ยว่าพลางเดินถอยออกมาเพื่อดูท่าที่ของเด็กๆแต่พวกเด็กๆกลับไม่เดินตามมาเลย…
“ข้าจะไป” เด็กชายที่เกือบจะโดนหยงเว่ยฟันพูดพลางเดินออกมาตัวมันตอนโดนราคะจับมาโดยทั้งตบทั้งตี นางไม่เคยลังเลเหมือนหยงเว่ยเลย
“ข้าก็จะไปด้วย” เด็กหญิงที่เข้ามาเตะหยงเว่ยเองก็ยืนขึ้นก่อนจะเดินตามเด็กชายมา นางเป็นเด็กค่อนข้างแก่นแก้ว และพยายามสู้ กับพวกมารทุกครั้งแต่พวกมันไม่เคยรักษานางแบบหยงเว่ยเลย
ตุบ.ตุบ… เท้าน้อยๆของพวกเด็กๆเริ่มก้าวออกมาที่ละคนจนภายในห้องไม่เหลือใครอีกเลย
“ตามข้ามา” หยงเว่ยว่าพลางพาพวกเด็กๆออกมาจากห้องใต้ดินตอนนี้มันได้พลังจากเกียจคร้านมาแล้ว ทําให้ระดับของมันอยู่ในขั้นเทียนเซียนขั้นที่ 10 ไปแล้ว ต่อให้เจออันตรายอะไรมันยังสามารถดูแลเด็กๆเหล่านี้ได้อยู่
“พี่ชาย เราจะไปไหนกันเหรอ” เด็กชายถามพลางมองมาทางหยงเว่ย
“วัดละมั้ง” หยงเว่ยว่าพลางเดินต่อไป ตอนนี้วัดที่มันเคยอยู่โดนทําลายไปหมดแล้ว แต่ตัวอาคารคงซ่อมได้ไม่ยาก ส่วนร่างของพวกพระหยงเว่ยก็ฝังให้หมดแล้ว ตอนนี้หากมันอยากเลี้ยงดูเด็กๆพวกนี้มันต้องฝึกฝนวิธีควบคุมมารให้เด็กๆเหล่านี้เสียก่อน หากพวกมันทําสําเร็จมารทั้ง 108 ตนก็ไม่ถูกปลุกขึ้นมา แถมหยงเว่ยยังไม่ต้องแบกภาระของตํารามารพวกนี้อีกต่างหาก
“นายน้อย แย่แล้วขอรับ” ขณะเดียวกัน ไปจูเหวินที่เข้ามาปะทะกับมารในวังหลวงกลับได้รับข่าวร้ายจากต้าชิงเสียก่อน ทําให้ไปจูเหวินต้องกลับไปเมืองร้อยแปดอสูรหลังจากบอกเรื่องมารให้กับอาวุโสเทียนหมิงแล้ว
“ทางนี้เจ้าค่ะท่านหัวหน้า” ทันทีที่ไปจูเหวินกลับมาที่วังมังกรดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีม่วงทันที่เพื่อตรวจดูอาการของเหม่ยหลิน
“ท่านพี่ ข้า” เหม่ยหลินกุมท้องของตัวเองแน่น ตอนนี้ร่างของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ แถมยังมีเส้นเลือดปูดออกมาบนหน้าผากต่างหาก
“เหม่ยหลิน”ไปจูเหวินมองดูอาการของเหม่ยหลินด้วยท่าที่ร้อนรนก่อนจะสัมผัสมือไปที่ท้องของเหม่ยหลินอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นานเหม่ยหลินก็สงบลงก่อนจะหลับไปทั้งๆแบบนั้น
“นายน้อย เกิดอะไรขึ้นขอรับ”ต้าเฉินถามด้วยความสงสัยแพทย์ฝีมือดีของหน่วย 11 ก็อยู่กับเหม่ยหลินตลอด นางก็ไม่พบอาการผิดปกติอะไรในร่างกายของเหม่ยหลิน แต่พลังวิญญาณของเหม่ยหลินกลับปั้นปวนอย่างมาก
“เด็กในท้อง…”ไปจูเหวินว่าพลางจับไปที่ท้องของเหม่ยหลินช้าๆแม้ตอนนี้ท้องของนางจะยังไม่ปองเหมือนคนท้อง แต่ไปจูเหวินก็สัมผัสพลังวิญญาณของเด็กน้อยได้ตั้งแต่เกิดวันแรกเพียงแต่ตอนนี้ไปจูเหวินไม่ได้สัมผัสเพียงพลังวิญญาณได้เท่านั้นเสียแล้ว
“เด้กคนนี้มีพลังอสูร”ไปจูเหวินว่าพลางมองร่างของเหม่ยหลินด้วยดวงตาสีม่วง มันเห็นพลังอสูรคนละสายกับของเหม่ยหลินในร่างของนางได้อย่างชัดเจน อาจจะเพราะแบบนี้พลังอสูรของเหม่ยหลินถึงอาลาวาดขึ้นมา ทําไมกัน ทําไมเด็กในท้องถึงมีพลังอสูรได้ตั้งแต่เกิด