บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 295 ขัดจังหวะ
บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 295 ขัดจังหวะ
ตอนที่ 295
ขัดจังหวะ
เปรี้ยง! ยังไม่ทันตั้งตัว ดัชนีกระบี่ของอู๋หมิงก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของไป๋จูเหวินเป็นอย่างแรก แต่เพราะร่างกายที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวของไป๋จูเหวินนั้นกลับสามารถรับปราณกระบี่ได้โดยไม่ต้องป้องกันเสียด้วยซ้ํา
เปรี้ยงๆๆๆ ปราณกระบี่นับสิบสายพุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินทันทีที่อู๋หมิงเริ่มโจมตีจริงจังมากขึ้น เมื่อครู่เป็นการสะกิดเตือนเท่านั้น เพียงแต่ไป๋จูเหวินก็ใช้ร่างกายของมันรับเช่นเดิม ปราณกระบี่นั้น ยิ่งผู้ใช้เก่งกาจเท่าไหร่ ก็ยิ่งคมกล้า และคงไม่มีใครกล้าครหาความสามารถของอู๋หมิงศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงแน่ๆ แต่ปราณกระบี่ของมันกลับเจาะร่างของไป๋จูเหวินไม่เข้าเลย
“ร่างกายนั่น เจ้าไปทําอะไรมา”อู๋หมิงขมวดคิ้วพลางมองผิวหนังสีขาวซีดของไป๋จูเหวิน คราวก่อนที่สู้กันเหมือนจะมีแค่ส่วนแขน แต่ตอนนี้ร่างของไป๋จูเหวินทั้งตัวเป็นสีนั้นไปจนหมดแล้ว แม้จะต่างจากผิวธรรมดาไม่มาก แต่ความแข็งแกร่งนั้นผิดกันลิบลับ
“ถึงจะเอาแต่ทํางาน แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ข้าเข้าใจพลังอสูรขึ้นมากเชียวล่ะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเอานิ้วแตะลงบนผิวหนังบนอกของตน แต่เดิมมันรวมกับพลังอสูรของมารดาไม่ได้ทั้งหมด แต่พอไปหลินเกิดมาไป๋จูเหวินจึงได้เห็นว่าผู้ที่รวมกับพลังอสูรอย่างแท้จริงนั้นเป็นเช่นไร ไปหลินนั้นมีลักษณะภายนอกเด่นกว่าไป๋จูเหวินเสียอีก ผิวหนังของนางแข็งแกร่งมาตั้งแต่เกิด ดวงตาเองก็มีความสามารถของเนตรแมงมุมอยู่ครบ แม้จะยังดูเหมือนนางจะใช้ไม่ค่อยได้ก็ตาม
จากการเฝ้ามองบุตรสาว และพิจารณาตัวเองไป๋จูเหวินได้ทราบแล้วว่าความสามารถของมารดาที่มันกลืนลงไปนั้น ตัวมันเองยังใช้ออกมาได้ไม่หมด หลังจากเข้าระดับเทียนเซียนมันก็เพียรผสานพลังอสูรในร่างให้เป็นหนึ่งเดียวกับตัวมันมากขึ้น
“งั้นเหรอ” อู๋หมิงพูดพลางเรียกเอากระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมา แม้จะใช้ดัชนีกระบี่ได้แล้ว แต่ท่าทางเพียงแค่ดัชนีกระบี่จะเจาะผิวหนังของไป๋จูเหวินไม่ได้
เปรี้ยง!! อยู่ๆท้องฟ้ายามค่ําคืนที่สงบจนถึงเมื่อครู่ ก็ปรากฏฟ้าผ่าลงมาตรงที่อู๋หมิงยืนอยู่พอดี มันผ่าลงมาตรงกระบี่ของอู๋หมิงอย่างแม่นยํา ก่อนที่ประกายสายฟ้าจะลามไปทั่วร่างของอู๋หมิง
ฟุบ! ร่างของอู๋หมิงแยกออกเป็น 9 ร่างล้อมรอบร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้ ก่อนจะง้างกระบี่เตรียมใช้ท่ากระบี่ประกายอัสนี
ตูม! อยู่ๆร่างแยกของอู๋หมิงก็สลายหายไปจนหมด แถมร่างจริงของมันยังโดนกดลงกับพื้นด้วยท่าผงาดกลางหิมะของท่านน้าจิ้งจอกทันที แต่อู๋หมิงไม่ใช่พวกกระจอกที่จะโดนกดเอาไว้แบบนั้น มันโคจรพลังวูบหนึ่งร่างมันก็พุ่งเข้าไปหาไป๋จูเหวินด้วยวิชากระบี่อัสนีข้ามฟ้าทันที
เครั้งพอัสนีข้ามฟ้าเป็นกระบวนท่าที่เร็วที่สุดของวิชากระบี่ที่อู๋หมิงเรียนมาจากตําราของน้าพยัคฆ์ แต่ไป๋จูเหวินกลับมองทัน แถมยังบัดกระบี่ออกอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก แถมมันยังแฝงพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของอู๋หมิงด้วยเคล็ดวิชาเมฆหนาไร้หิมะอีกต่างหาก
วูบ..อู๋หมิงโคจรพลังวิญญาณขับเอาพลังของวิชาเมฆหนาไร้หิมะออกไป มันเคยโดนกระบวนท่านี้มาบ่อยแล้ว หากมันโจมตีโดยไม่ขับเอาลมปราณสายนี้ออกไปก่อน การโจมตีต่อไปมันจะปั่นป่วนจนไร้เรี่ยวแรง
เครงๆๆๆ กระบี่ของอู๋หมิงปัดฝามือของไป๋จูเหวินที่กําลังจะโจมตีสวนเข้ามาได้อย่างทันท่วงที หากเป็นคนอื่นคงรีบปัดป้องจนติดกับวิชาเมฆหนาไร้หิมะแล้วโดนไป๋จูเหวินซัดไปแล้วแน่ๆ
เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินฟาดฝามือด้วยท่าปักษาสะบัดปีกกระแทกเข้าที่กระบี่ของอู๋หมิงอย่างจัง ทําให้ร่างของอู๋หมิงลอยออกไปหลายก้าว
“…”อู๋หมิงชะงักมือไปเมื่อโดนท่าปักษาสะบัดบุกเข้าไป กําลังของไป๋จูเหวินไม่ใช่ว่าเพิ่มขึ้นมากเลยหรือความรู้สึกเมื่อครู่ เหมือนโดนเซียนหมัดต่อยเข้าเลย ทั้งๆที่กระบวนท่าปักษาสะบัดปีกไม่ใช่กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของไป๋จูเหวินเสียด้วยซ้ํา
“ยินดีด้วยนะแม่นางหยุนฟาง” ขณะที่การประลองกําลังพังช่วงอยู่ๆไช่จินก็พูดออกมาเสียเฉยๆ
“ยินดี? เรื่องอะไร” หยุนฟางถามพลางมองการประลอง ตรงหน้าด้วยท่าที่กดดัน นางเองก็เพิ่มพูนฝีมือมามากในช่วง 5 ปีนี้ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คงเข้าไปร่วมสู้กับ 2 คนนั้นไม่ได้
“ยินดีที่อันดับของท่านจะเพิ่มแล้วนะสิ”ใช่จินยิ้มพลางเขียนข้อความลงไปในตําราของมัน
“เพิ่ม? เพิ่มได้อย่างไร” หยุนฟางถามด้วยความตกใจ ไม่เห็นหรือว่าสองคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน นี่ใช่จินจะลดระดับทั้งสองคนงั้นหรือ
“เพิ่มสิ เพราะท่านไปกับองค์จักรพรรดิคงเอามาจัดอันดับในจอมยุทธรุ่นใหม่ไม่ได้แล้ว”ไช่จินยิ้มพลางเขียนพู่กันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตัวมันนอกจากวิชาท่าเท้าพิสดาร แล้วยังเพิ่มวิชาปิดซ่อนพลังวิญญาณเข้าไปในวิชาประจําสํานักอีกด้วย และเพื่อการรวบรวมข้อมูลที่แม่นยํา มันถึงกับร่ําเรียนวิชาตรวจสอบพลังขั้นสูงที่สามารถตรวจสอบทั้งพลังอสูรและพลังมารได้ในระดับหนึ่งด้วย ทําให้มันแทบจะยิ้มไม่หุบ ที่เห็นลูกพี่ของมันมีพลังก้าวหน้าถึงขั้นนี้
“เจ้านี่มันน่ากลัวจริงๆ” อู๋หมิงยิ้มพลางเพิ่มพลังเซียนของตนขึ้นไปอีกระดับ ทําเอารอบตัวอู๋หมิงปรากฏแสงสีขาวลอยออกมาอย่างนุ่มนวลเหมือนตอนที่มันแสดงให้ไป๋จูเหวินดูที่เมืองหน้าด่านไม่มีผิด
“ช่างเป็นพลังที่น่าเย้ายวนเช่นเคยนะเพคะ” การประลองยังไม่ทันเริ่มต่อ อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู พริบตานั้นอู๋หมิงก็สัมผัสได้ถึงพลังมารสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงทันที อาจจะเพราะคราวก่อนอู๋หมิงโดนมารเล่นงานทําให้มันเองก็ฝึกฝนวิชาตรวจจับพลังมารเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน
“เฟิงมี่”อู๋หมิงว่าพลางเร่งพลังเทวะปราบมารขึ้นมาอีก เกิดอะไรขึ้น ทําไมนางมารนี่ถึงกล้าบุกเข้ามาในวังของอาณาจักรโฮได้
“ทุกท่าน ข้าขอแนะนําให้พวกท่านได้รู้จักมเหสีคนใหม่ของข้า” อยู่ๆองค์จักรพรรดิอาณาจักรโฮก็ลุกขึ้นประกาศ ทําเอาอู๋หมิงและคนในงานต่างมีท่าที่ตกใจขึ้นมาทันที จะว่าไปตั้งแต่ร่วมงานมายังไม่เห็นมเหสีองค์อื่นๆขององค์จักรพรรดิเลยนี่นา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่านางมารนี้เข้ามาครอบครองอาณาจักรโฮไปแล้ว
“อู๋หมิง ใจเย็น”ไป๋จูเหวินว่าพลางยกแขนขึ้นมากันอู๋หมิงที่ทําท่าจะพุ่งเข้าไปโจมตีเฟิงมี่ให้ได้
“.เข้าใจแล้ว”อู๋หมิงว่าพลางถอยออกมาช้าๆ เพียงเฟิงมี่เดินออกมา เหล่ายอดฝีมือของอาณาจักรโฮก็มีท่าที่เปลี่ยนแปลงไป หรือว่าพวกมันจะโดนมนตร์เสน่ห์ของมารราคะไปกันหมดแล้ว แถมอู๋หมิงยังสัมผัสได้ถึงพลังมารจุดอื่นๆด้วย
“เวลา 5 ปีพวกมันพัฒนาเร็วขนาดนี้เชียว”ไป๋จูเหวินว่าพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองไปรอบๆ มารแห่งอัตตาที่อยู่ในร่างของชูเฟิงตอนนี้ แม้จะยังอยู่ระดับเจ้าสวรรค์เช่นเดิม แต่ก็เกือบจะข้ามไประดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 แล้ว ส่วนตะกละและโลภะ ทั้งคู่อยู่ระดับเจ้าสวรรค์กันหมด แต่ที่เลวร้ายที่สุดคงเป็นเฟิงมี่ พลังมารระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 และพลังวิญญาณระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 พลังระดับนี้มันเรื่องตลกอะไรกัน ถึงอาวุโสเทียนหมิงจะบอกว่ามารพัฒนาได้เร็วก็เถอะ แต่ความเร็วระดับนี้มันอะไรกัน
“ท่านมเหสี ท่านช่างงดงามยิ่งนัก” เหล่ายอดฝีมือของฝั่งอาณาจักรโฮพูดด้วยท่าทีหลงใหลแปลกๆ
“ทุกคนหนีไป” อู๋หมิงตะโกนพลางหันไปมองคนของตน
“หนีทําไมล่ะองค์จักรพรรดิ เทพธิดามาอยู่ต่อหน้าพวกเราแล้ว มีอะไรน่ากลัวกัน” องครักษณ์ของอู๋หมิงพูดพลางยิ้มด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน
“นี่มันอะไรกัน”อู๋หมิงสะท้านวาบพลางมองไปรอบๆ ไม่ใช่แค่ยอดฝีมือของอาณาจักรโฮเท่านั้น ยอดฝีมือของอาณาจักรอื่นๆก็เริ่มมีท่าที่เคลิบเคลิ้มเช่นกัน
“องค์จักรพรรดิเพคะ” เฟิงมี่ว่าพลางกางพัดหยกขาวในมือของนางออก พริบตานั้นหิมะก็โปรยลงมาจากพัดของนางตกลงบนพื้นลานกว้าง
แกร๊ก…เพียงพริบตาเดียวที่หิมะตกลงพื้น น้ําแข็งก็เกาะพื้นลานเสียกลายเป็นลานน้ําแข็ง
“เฟิงมี่เฝ้าฝันถึงท่านทุกค่ําคืนเลยนะเพคะ”เฟิงมี่ว่าพลางเดินเข้ามาหาอู๋หมิงที่โดนน้ําแข็งเกาะเท้าเอาไว้
“องค์จักรพรรดิ เฟิงมี่ไม่โกรธท่านแล้ว ได้โปรดโอบกอดเฟิงมี่ด้วยนะเพคะ”เฟิงมี่ว่าพลางใช้นิ้วมือลูบไล้แก้มของอู๋หมิงอย่างยั่วยวน
เปรี้ยง!! ราวกับโดนไฟเผา แสงสีขาวจากพลังเทวะปราบมารทําเอามือของเฟิงมี่ร้อนวาบขึ้นมาทันที แต่นางกลับไม่เอามือออกแต่อย่างไร นางราวกับทนกับพลังของเทวะปราบมารได้ ทําให้นางสามารถจับอู๋หมิงต่อได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
“องค์จักรพรรดิ”เฟิงมี่พูดเสียงกระเส่าพลางเลื่อนใบหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบอู๋หมิง เพียงแต่
เปรี้ยง!! คลื่นดาบสายหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเฟิงมี่อย่างจัง แม้จะทําได้แค่ให้เฟิงมี่ยกพัดขึ้นมาปัดเท่านั้น แต่ก็ทําให้ริมฝีปากของอู๋หมิงรอดมาได้
“คิดจะทําอะไรนะ นางหน้าด้าน” หยุนฟางด่าพลางยกดาบราชันศาสตราขึ้นฟาดใส่เฟิงมี่อย่างรุนแรง ทําให้เฟิงมี่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
ผลัก!! ร่างของนางพุ่งวาบเข้าไปหาหยุนฟางก่อนจะจับนางกดกับกําแพงไปทั้งๆแบบนั้น แน่นอนว่าแรงระดับเจ้าสวรรค์ย่อมเหนือกว่าเฟิงมี่ที่ไม่ได้มีพลังเหนือชั้นแต่อย่างไร
เปรี้ยง!! ยังไม่ทันจะได้ทําอะไรหยุนฟาง ปราณกระบี่สายหนึ่งก็กระแทงร่างของเฟิงมี่จนนางต้องถอยออกไป
“ข้าละเกลียดวิชาเทวะปราบมารจริงๆ ”เฟิงมี่ว่าพลางกุมจุดที่อู๋หมิงโจมตีเอาไว้ แม้ระดับพลังจะต่างกัน แต่การโจมตีจากพลังเทวะปราบมารก็เป็นดั่งจุดอ่อนของเหล่ามารอยู่ดี
ตูม!! ยังไม่ทันจะตั้งตัว อยู่ๆด้านข้างของนางก็ปรากฏร่างของไป๋จูเหวินเข้ามาซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธเข้าอย่างจัง ทําเอานางถอยไปหลายก้าวเลยทีเดียว
“ทําไมมันยังโจมตีข้าอยู่อีก”เฟิงมี่พูดพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน ตอนนี้ผู้ชายในลานแห่งนี้สมควรหลงเสน่ห์นางกันหมดแล้วไม่ใช่หรือ
เปรี้ยง! ดัชนีกระบี่อีกสายพุ่งเข้ามาใส่ร่างของเฟิงมี่เข้าอย่างจัง พลังระดับนี้รุนแรงมากจนแม้แต่เฟิงมี่ยังได้รับบาดเจ็บ
“คิดว่าทุกคนจะหลงมัวเมาไปกับเจ้างั้นหรือ” อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางลอยตัวขึ้นเหนือลานกว้าง ก่อนจะปล่อยดัชนีกระบี่ลงมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง
“ไอ้แก่ แกอีกแล้ว” เฟิงมี่กัดฟันกรอดพลางรับดัชนีกระบี่เอาไว้ แม้ไม่ทราบว่ามีเงื่อนไขอย่างไร แต่ก็มีผู้ชายบางคนที่ไม่โดนเสน่ห์ของนางครอบงํา แถมตาแก่นี่ก็ดันเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“ฆ่าคนที่ไม่เชื่อฟังข้าให้หมด”เฟิงมี่สั่งพลางกระโดดขึ้นไปต่อสู้กับอาวุโสเทียนหมิงด้านบน ส่วนด้านล่างนั้นเหล่ายอดฝีมือที่เผลอหลงไปกับเสน่ห์ของเฟิงมี่ก็หันคมดาบเข้าหาเหล่ายอดฝีมือที่ไม่ได้ตกอยู่ในมนตร์เสน่ห์ของนางทันที ทําเอาด้านล่างวุ่นวายอย่างมาก