บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 304 แขกต่างแดน
ตอนที่ 304
แขกต่างแดน
“นั่น เมืองนี่นา”เพิร์ลพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นหลังจากใช้รถม้าที่ขนมาพร้อมเรือเดินทางออกมาจากชายหาด แน่นอนว่าพวกมันสามารถขึ้นไปเมืองของเหล่าผู้ฝึกอสูรได้ แต่ลูกเรือส่วนใหญ่กลัวเกินกว่าจะขึ้นไปบนหลังของอสูรเต่ายักษ์จนไม่สามารถเข้าไปขอขึ้นหลังของอสูรเต่ายักษ์ได้ สุดท้ายเพิร์ลและรูบี้ก็ขึ้นมาตรงชายหาดแล้วเดินทางต่อไปทั้งๆแบบนั้น
แม้จะพาลูกเรือมาเยอะ แต่ดินแดนแห่งนี้สำหรับคนในอาณาจักรของเพิร์ลแล้วเป็นสถานที่น่ากลัวมาก ทำให้คนที่ออกมาสำรวจพร้อมกับเพิร์ลและรูบี้มีแค่ 3 คนเท่านนั้น รวมกับตัวเพิร์ลและรูบี้เองก็มีแค่ 5 คน
“ยอดเลย เป็นเมืองจริงๆด้วย ใครบอกว่าที่นี่เป็นดินแดนของปีศาจกัน”รูบี้ว่าพลางมองไปรอบๆ พอผ่านเทพแห่งท้องทะเลมาได้ ดินแดนที่ไป๋จูเหวินอยู่ก็มีสภาพไม่ต่างจากบ้านเมืองของตนเท่าไหร่ นอกจากสภาพดิน พืชพันธุ์ หรือรูปแบบการก่อสร้างแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
“พวกเจ้าเป็นใครทันทีที่รถม้าของรูบี้เดินทางมาถึง ทหารเฝ้าเมืองก็ออกมาถามทันที วินาทีนั้นผู้คุ้มกัน 3 คนบนรถม้าแตกตื่นมาก เพราะพวกเขาฟังภาษาของที่นี่ไม่ออก
“พวกเราเป็นพ่อค้าเจ้าค่ะ”รูบี้ตอบพลางยิ้มบางๆ นางดีใจมากที่สามารถฟังภาษาของคนที่นี่รู้เรื่อง แม้ไป๋จูเหวินจะทิ้งตำราเรียนภาเอาไว้ให้แล้ว แต่หากไม่เจอของจริงนางก็ยังกังวลอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นขอป้ายยืนยันด้วย”ทหารคนนั้นพูดพลางมองรถม้าของรูบี้ รถม้าเหมือนไม่มีสินค้าอะไร เป็นรถม้าสำหรับเดินทางปกติ แต่ที่นิ้วของรูบี้กลับมีแหวนมิติอยู่ ท่าทางสินค้าจะอยู่ในแหวน และพ่อค้าแม่ค้าที่มีแหวนมิติย่อมไม่ใช่แม่ค้าธรรมดา
“ขอโทษด้วยพี่ชาย เรามาจากต่างแดนก็เลยยังไม่มีป้ายยืนยันตัว”เพิร์ลว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา พวกมันพึ่งขึ้นชายหาดมาเมื่อวันก่อน จะไปมีของยืนยันตัวได้อย่างไร
“ท่าน…”ทหารคนนั้นพอหันมามองเพิร์ลเข้า ดวงตาของมันก็เบิกกว้างทันที
“ขออภัยขอรับ ข้าไม่เห็นท่านแต่แรก”ทหารคนนั้นพูดก็รีบถอยออกไปจากรถม้าก่อนจะสั่งให้ทหารเปิดประตูทันที แม้จะไม่บ่อยนักแต่ไป๋จูเหวินก็เดินทางมาเยี่ยมหัวหน้าถังบ้างเป็นบางครั้ง ทำให้ไป๋จูเหวินผ่านเมืองนี้อยู่บ่อยๆ ด้วยฐานะของไป๋จูเหวินทำให้ทหารต่างไม่กล้าขอตรวจตราและยอมให้มันผ่านทางโดยไม่คิดจะขัดขวาง แต่เพราะคราวนี้รถม้ามาแปลกตาพวกมันจึงไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งมากับแม่ค้าคือใคร
“ว้าว แบบนี้ข้าก็สบายเลยสิ”เพิร์ลยิ้มพลางมองรถม้าที่ผ่านไปทางประตูเมือง ไม่ต้องบอกพวกเพิร์ลก็ทราบว่าทหารพวกนั้นมองมันผิดเป็นใคร ท่าทางในดินแดนแห่งนี้สหายหน้าเหมือนของมันคงมีอำนาจไม่น้อย
“อย่าเอาชื่อเขามาเบ่งนักล่ะ”รูบี่ว่าพลางถอนหายใจออกมา แต่นางก็ไม่คิดจะบอกพวกทหารแต่อย่างไรว่าชายที่อยู่ข้างๆนางนั้นเป็นใคร หรือ ไม่ใช่ใคร
“นิดหน่อยน่า”เพิร์ลว่าพลางหัวเราะออกมา ทั้งสองคนไม่เหมือนกับผู้ติดตามที่ฟังภาษาของอาณาจักรนี้ไม่รู้เรื่อง ตอนนี้พวกมันมีความรู้สึกเหมือนมาเที่ยวต่างแดนมากกว่ามาสำรวจเสียอีก
ทันทีที่เข้ามาในเมือง รูบี้ก็ขับรถม้าไปรอบๆทันที บ้านเมืองของดินแดนนี้มีการก่อสร้างที่ไม่เหมือนอาณาจักรของพวกนางเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ต่างกันเกินไป เรียกได้ว่ารากฐานใกล้เคียงกัน แต่รายระเอียดไม่เหมือนกันก็ว่าได้ แถมการแต่งตัวยังไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ทำให้รูบี่ตัดสินใจลงจากรถม้าไปซื้อเสื้อผ้าก่อนเป็นอย่างแรก
“…….”แม่ค้าเจ้าของร้านขายผ้าเห็นรูบี้เดินเข้ามาก็มีท่าทีแปลกๆทันที นอกจากสีผมที่แปลกไปสักหน่อยกับคนในอาณาจักรนี้แล้วเสื้อผ้าของนางยังแปลกมากอีกด้วย
“เจ้าจะมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่หรือ เราไม่มีเงินของอาณาจักรนี้นะ”ทันทีที่เพิร์ลเดินเข้ามาพวกมันก็พูดภาษาของอาณาจักรตัวเองด้วยความเคยชินทำเอาเจ้าของร้านยิ่งระแวง แต่เมื่อเห็นว่าใครมากับรูบี้เจ้าของร้านก็มีท่าทีผ่อนคลายลงทันที แม้จะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ไป๋จูเหวินก็เป็นที่ดึงดูดสายตาอย่างมากเมื่อมันเดินทางผ่านเมืองนี้
“ท่านป้า พวกเราอยากได้ชุดของอาณาจักรนี้สักหลายๆชุด ท่านช่วยเลือกใหข้าหน่อยได้หรือไม่”รูบี้ว่าพลางเดินเข้ามาหาเจ้าของร้าน พอได้ยินภาษาของตัวเองเจ้าของร้านก็ผ่อนคลายลงมาก
“ดะ ได้เจ้าค่ะ ไม่ทราบท่านชอบเสื้อผ้าแบบไหน”เจ้าของร้านตอบพลางยิ้มบางๆ
“เรียบๆก็พอเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่มีเงินติดตัวมาขอใช้สิ่งนี้ได้หรือไม่”รูบี้ถามพลางนำทองคำที่ยังไม่ได้หลอมเป็นเหรียญออกมา ถึงอย่างไรเพิร์ลก็เป็นบุตรชายของขุนนางและรูบี้ก็เป็นบุตรีของเจ้าเมือง เรื่องเงินทองไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง แต่เพราะไม่รู้ว่าอาณาจักรอื่นใช้ของมีค่าอะไรหรือสกุลเงินใดในการแลกเปลี่ยนรูบี้จึงเอาของมีค่าอื่นๆติดตัวมาแทน
“ดะ ได้เจ้าค่ะ ข้าจะจัดให้เดี๋ยวนี้”เห็นแม่ค้าดีใจที่เห็นทองรูบี้ก็โล่งอก แม้จะอยู่ต่างแดน แต่มนุษย์ก็ยังชื่นชอบของเหมือนๆกัน ไม่ว่าจะไปที่ไหนทองคำก็มีค่าเสมอกระมัง
“เรียบร้อน เราไปหาที่พักกันเถอะ”รูบี้ว่าพลางหอบเอาชุดมาให้พวกผู้คุ้มกันเปลี่ยนด้วย ขืนยังใส่แบบนั้นคงเด่นเกินไปแน่ๆ
“ขอรับ”เหล่าผู้คุ้มกันรับชุดเอาไว้ก็เก็บเข้ามิติของตนเองทันที พวกมันคือทหารที่ขุนนางไว้ใจให้ติดตามมาคุ้มกันการเดินทางต่างแดนของบุตรชายเชียวนะ ระดับฝีมือของพวกมันจึงไม่ธรรมดาเลย
หลังจากหาที่พักกันอย่างไม่ยากเย็นเพราะได้เงินทอนจากแม้ค้าร้านผ้ามาแล้ว ทำให้รูบี้ได้ความรู้เรื่องเงินของอาณาจักรนี้มาอย่างไม่ยากเย็น
“ดูเหมือนไป๋จูเหวินจะเป็นหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรนะ”รูบี้ว่าพลางกลับเข้ามาในที่พักหลังจากลงไปหาข่าวมานิดหน่อย แทบทุกคนในเมืองพอถามชื่อไป๋จูเหวินออกไปก็แทบจะตอบออกมาเหมือนๆกันหมด เรียกได้ว่าชื่อเสียงของไป๋จูเหวินโด่งดังจนแทบไม่ต้องตามข่าวให้ยุ่งยากเลย
“ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางไปหากันเถอะ ได้เขาช่วยพาชมเมืองน่าจะดีกว่า”เพิร์ลตอบพลางยิ้มออกมา นอกจากการมาสำรวจคราวนี้แล้ว พวกเพิร์ลยังวางแผนการขนส่งสินค้าระหว่างสองแผ่นดินอีกต่างหาก ไม่ทราบว่าไป๋จูเหวินจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน แต่มันถึงกับเปิดทางระหว่างเทะแห่งท้องทะเลให้ได้ก็น่าจะมีความหวังไม่น้อย
เพิร์ลและรูบี้ออกเดินทางทันทีเมื่อยามเช้ามาถึง ตลอดทางการเดินทางไม่ได้ยากเย็นนักเพราะมีเส้นทางหลักให้อยู่แล้ว แม้จะมีปีศาจโผล่มากลางทางก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร นอกจากเพิร์ลจะเพิ่มพลังของตนในช่วง 5 ปีนี้แล้วเหล่าผู้คุ้มกันยังมีฝีมือมาก พวกปีศาจโผล่ออกมาก็โดนจัดการในทันที
“นี่นะเหรอเมืองหลวงของอาณาจักรอู๋”หลังเดินทางมาได้พักใหญ่ ในที่สุดเพิร์ลและรูบี้ก็มาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรอู๋เสียที แม้จะไม่มีอุปสรรคอะไร แต่รถม้าของรูบี้ก็เดินทางด้วยม้าปกติ เทียบกับความเร็วตอนน้าไก่ฟ้าพาบินแล้วช้าราวกับเต่าคลาน
“ท่านไป๋จูเหวิน ในที่สุดท่านก็มาเสียที”ทันทีที่เพิร์ลเข้ามาใกล้ประตู ทหารรอบๆก็แทบจะพุ่งเข้ามาหาทันที
“มาเถอะขอรับ องค์จักรพรรดิรอท่านอยู่”ยังไม่ทันได้พูดอะไร เหล่าทหารก็พาเพิร์ลเดินทางไปยังวังหลวงทันทีโดยไม่คิดจะตรวจคราแม้แต่น้อย ทำเอาเหล่าผู้ติดตามต่างแปลกใจไปตามๆกัน แม้เมืองเล็กเมืองน้อยจะทำแบบนั้นได้ แต่การเข้าวังหลวงมันสมควรง่ายดายแบบนี้หรือ
“องค์จักรพรรดิ ท่านไป๋จูเหวินมาถึงแล้วขอรับ”ทันทีที่พาเพิร์ลเข้ามาในวังหลวง พวกทหารก็พาเพิร์ลรวมทั้งรูบี้และผู้คุ้มกันเข้ามาในตัววังทันที
“เข้ามา”เมื่อได้ยินเสียงของอู๋หมิง ท้องพระโรงของอาณาจักรอู๋ก็เปิดต้อนรับแขกต่างเมืองในทันที พวกเพิร์ลตอนนี้แทบจะทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้พวกมันจะเป็นบุตรชายขุนนางบุตรสาวเจ้าเมือง แต่การเข้าพบราชาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกมันต้องรักษามารยาทเสมอยามที่พ่อของพวกมันพาติดตามไปด้วย และการเข้าพบราชาหรือแม้แต่พูดคุยก็เป็นเรื่องยากมาก แต่นี่อะไร อยู่ๆก็โดนลากมาการาชาของอาณาจักรนี้เลย นี่ไป๋จูเหวินยามอยู่ในอาณาจักรนี้เป็นใครกันแน่
“อะ เอ่อ…..”เพิร์ลและรูบี้ยืนงงทันทีเมื่อโดนดันเข้ามาในท้องพระโรง การตกแต่งของวังหลวงงดงามอย่างมาก ผนังทองคำ เสาทองคำ แม้แต่บัลลังก์ยังเป็นทอง เมื่อประดับด้วยไม้เนื้อแข็งหายากที่ขัดจนขึ้นเงาและผ้าม่านสีแดงสดก็ทำเอารูบี้แทบจะตาลาย พวกขุนนางที่นั่งอยู่รอบๆสมควรมีฐานะเหนือกว่าพ่อของนางหรือไม่ก็พอๆกับพ่อของเพิร์ลแน่ๆ แบบนี้มันกดดันเกินไปแล้ว
“ไป๋จู….”ราชาของอาณาจักรอู๋เหมือนจะพูดอะไร แต่มันก็ขมวดคิ้วมองมาทางเพิร์ลอย่างประหลาดใจ พลังวิญญาณของเพิร์ลต่ำกว่าของไป๋จูเหวินมาก น่าจะอยู่ระดับเสินเซียนเกือบๆจะข้ามมาเป็นเทียนเซียนแล้ว หรือไป๋จูเหวินใช้วิชาปิดบังพลังวิญญาณกัน?
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”รูบี้เกร็งจัดจนทำท่าถอนสายบัวด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะอาณาจักรนี้ไม่มีทำเนีมแบบนี้ ไม่มีใครดูออกหรอกว่าท่าถอนสายบัวของนางแปลกกว่าปกติยังไง
“ถวายบังคมพะยะค่ะฝ่าบาท”อยู่ๆคนที่คิดว่าเป็นไป๋จูเหวินก็ก้มหัวลงโค้งคำนับให้อู๋หมิง ทำเอายามนี้อู๋หมิงยิ่งแน่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ไป๋จูเหวินแน่ๆ
“เจ้า ไม่ใช่ไป๋จูเหวินสินะ”ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นเพิร์ลก็ถอนหายใจออกมา
“ขอรับ พวกเรามาจากอาณาจักรไชน์ เป็นอาณาจักที่อยู่อีกฝั่งของทะเลทางตะวันออกขอรับ”เพิร์ลตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเก้กังๆ
“โอ้…”เหล่าขุนนางต่างพากันตกอกตกใจกันอย่างมาก แม้จะพอทราบว่าหากร่องเรือไปในทะเลนานๆจะเจอแผ่นดินอื่น แต่พวกมันก็ไม่มีเวลาไปสำรวจเรื่องพวกนั้นเสียเท่าไหร่ เพียงรับมือเรื่องในอาณาจักรก็กินแรงมากพอแล้ว
“แล้วทำไมพวกเจ้าถึงใช้ภาษาเดียวกับเรา แถมยังมีหน้าตาเหมือนสหายของข้าอีกต่างหาก”อู๋หมิงถามพลางเลิกคิ้วสงสัย
“เป็นไป๋จูเหวินมอบวิธีเรียนภาษาของพระองค์ให้กับพวกเราเพคะ ส่วนเรื่องที่คู่หมั้นของกระหม่อมหน้าตาเหมือนไป๋จูเหวินนั้นก็ได้แต่โทษโชคชะตาเพคะ”รูบี้ตอบพลางก้มหัวลง เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่มีทำเนียมประสานมือคารวะยามพูดกับองค์จักรพรรดิ แต่เห็นท่าทางถอนสายบัวและโค้งคำนับของอีกฝ่ายอู๋หมิงและเหล่าขุนนางก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยนี้
“พวกเจ้ารู้จักกับไป๋จูเหวินงั้นหรือ”อู๋หมิงถามพลางเลิกคิ้วสงสัย หากสิ่งที่พวกมันพูดมาจริง ก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากทีเดียว