บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 311 จัดการเสี้ยนหนาม
ตอนที่ 311
จัดการเสี้ยนหนาม
“อีกแล้วเหรอ”เพิร์ลพูดพลางมองไปรอบๆบริเวณขาของหลินหลิน ดูเหมือนพวกนักล่าค่าหัวที่เดินทางมาจากอาณาจักรอื่นๆจะเริ่มเดินทางมาถึงเขตชายแดนอาณาจักรอู๋แล้ว แต่เพราะอู๋หมิงทราบเรื่องนี้ก่อนจึงสั่งห้ามคนของอาณาจักรโฮและอาณาจักรข้างเคียงอาณาจักรโฮไม่ให้ข้ามเขตมา แม้จะห้ามคนของอาณาจักรหลิวไม่ได้เพราะทำการค้าอยู่กับอาณาจักรชู แต่ก็กันกำลังส่วนใหญ่เอาไว้ได้ แค่นักล่าของอาณาจักรหลิวอู๋หมิงไม่คิดว่าจะทำอะไรไป๋จูเหวินได้หรอก
แต่คราวนี้ไป๋จูเหวินเป็นฝ่ายเดินทางออกจากอาณาจักรอู๋ไปยังอาณาจักรโฮด้วยตนเอง ทำให้ไป๋จูเหวินเจอกับเหล่านักล่าที่ติดอยู่ที่ชายแดนกันเกือบหมดในทีเดียว
“20….30…”เพิร์ลกลืนน้ำลายลงคอมองไปรอบๆ แม้จะมีบางคนที่พลังไม่ได้สูงมาก แต่ก็มีจำนวนมากจริงๆ
“50 คน”ไป๋จูเหวินตอบขณะใช้ดวงตาสีม่วงและน้ำเงินมองสำรวจโดยรอบ ในกลุ่มนี้มีคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 อยู่เกือบ 30 คน เรียกได้ว่าเป็นกองกำลังที่น่ากลัวไม่ใช่น้อย
“ท่านพี่”เหม่ยหลินพูดพลางเรียกกระบี่ของตนออกมาเตรียมพร้อมจะรับมือคนกลุ่มนี้
“มากันทีเดียวก็ดีเหมือนกัน เพิร์ลเจ้าดูแลรูบี้อยู่บนนี้นะ”ไป๋จูเหวินตอบพลางกระโดดลงไปจากหลังของหลินหลิน ตอนนี้เพิร์ลสวมเสื้อคลุมปิดใบหน้าเอาไว้เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นไป๋จูเหวิน ทำให้ทันทีที่ไป๋จูเหวินกระโดดลงถึงพื้น พวกนักล่าก็ไม่สนใจคนด้านบนอีก เพราะเป้าหมายของพวกมันคือไป๋จูเหวินนั่นเอง
“ไม่นึกว่าจะลงมาเอง”ชายคนหนึ่งพูดพลางเดินออกมาจากเงาของต้นไม้ พวกมันเล็งเล่นงานหลินหลินที่เป็นอสูรของไป๋จูเหวินก่อนเพราะพวกมันคิดว่าหากฆ่าหลินหลินเสียพวกไป๋จูเหวินก็หนีไม่ได้ แต่ใครจะไปคิด กับดักที่พวกมันวางเอาไว้ตลอดทางไม่ระเคืองขาทั้ง 8 ข้างของหลินหลินเลย กับดักที่ตัดคอคนได้อย่างง่ายดายโดยขาของหลินหลินกวาดอย่างกับของเล่นเด็ก ทำเอาพวกมันพยายามวางแผนจะขึ้นไปบนตัวของหลินหลินอยู่ ไม่นึกว่าไป๋จูเหวินจะลงมาเอง
“งั้นก็ไม่ต้องพูดพร่ำให้เสียเวลา กับอีแค่เด็กระดับเทียนเซียนขั้น 4”ชายอีกคนพูดพลางใช้หอกด้ามหนึ่งตรงเข้ามาทางใส่ไป๋จูเหวิน
กร๊อป!! ไป๋จูเหวินยืนเฉยมองหอกที่แทงเข้ามาหาตัวเอง อีกฝ่ายเป็นนักล่าระดับเทียนเซียนขั้นที่ 7 แต่อาวุธกลับธรรมดาสามัญจนน่าเห็นใจ แม้แต่กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ หรือดาบมรกตยังทำอะไรผิวหนังแมงมุมของไป๋จูเหวินไม่ได้ กับอีแค่หอกโลหะธรรมดาเล่มนี้จะไปทำอะไรได้อย่างไร เพียงพริบตาที่แทงเข้ามาส่วนด้ามของหอกก็งอตามแรงปะทะ ก่อนจะหักไปทั้งๆแบบนั้น
เปรี้ยง! ไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือประกายอัสนีฝ่ามือเดียวใส่ชายคนนั้นจนล้มคว่ำ แต่ท่ามกลางสายตาของเหล่านักล่าแล้วกลับมองเห็นเหมือนชายคนนั้นล้มลงไปเองมากกว่า
คลืน…ร่างของไป๋จูเหวินเริ่มปรากฏแสงสีทองรูปทรงมังกรออกมารอบตัว ยามนี้มีคนระดับเทียนเซียนขั้น 10 มากมาย หากประมาทเกินไปก็อาจจะเจ็บตัวได้
เคร๊งๆๆๆ ดาบ กระบี่ จำนวนหนึ่งพุ่งเข้าทำร้ายร่างกายของไป๋จูเหวิน คราวนี้พวกมันไม่ได้เป็นอาวุธธรรมดาอีกแล้ว แต่เป็นอาวุธวิเศษที่หาได้ค่อนข้างยาก แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าอาวุธวิเศษก็พากันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทำเอาเหล่าผู้ลงมือพากันตกตะลึง
“อะไร……”เหล่านักล่างงงันเป็นไก่ตาแตก เห็นไป๋จูเหวินไม่ได้รับมืออาวุธของพวกมันก็พากันยิ้มลำพองในใจ แต่เมื่ออาวุธไร้ผลพวกมันก็ทำอะไรไม่ถูก
เปรี้ยงๆๆๆ ฝ่ามือประกายอัสนีฟาดใส่พวกมันคนละฝ่ามือ แต่คราวนี้พวกมันไม่ได้กระจอกอย่างคนแรกที่เข้ามาโจมตี แม้จะโดนฝ่ามือประกายอัสนีเข้าไปก็ยังไม่สลบ แต่ยังพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อ
เปรี้ยงๆๆๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา เหล่านักล่าก็เริ่มเข้ามาเล่นงานพร้อมกัน พวกมันต่างเป็นผู้มีฝีมือสูงส่งในอาณาจักรของตนเอง เข้าออกโจมตีกันอย่างรู้งาน แม้มีจำนวนมากแต่กลับไม่วุ่นวายเลย เพียงแต่อาวุธของพวกมันทำอะไรไป๋จูเหวินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทำเอาพวกนักล่าเลิกประหลาดใจแล้วพากันระดมโจมตีหมายจะเปิดแผลให้ได้สักที่
เปรี้ยงๆๆๆๆ ฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวินกระแทกใส่ร่างของเหล่านักล่าไปคนละ 1 ฝ่ามือ ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะต้องการล้มอีกฝ่าย แต่เพื่อจำแนกเท่านั้น
ในกลุ่มนี้มียอดฝีมืออยู่ 7 คน ยอกนั้นเป็นเพียงระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ธรรมดาและพวกระดับต่ำกว่า
ตูม!! ฝ่ามือปักษาข้ามสมุทรของเหม่ยหลินที่พึ่งกระโดดตามลงมาโจมตีใส่ยอดฝีมือคนหนึ่งทันที เมื่อครุ่พวกมันรับฝ่ามือของไป๋จูเหวินไป บ้างป้องกันได้บ้างหลบได้ พวกนนี้มีแววเป็นยอดฝีมือที่สามารถมองฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวินออก เหม่ยหลินที่อยู่ด้านบนเห็นเช่นนั้นจึงเล็งเล่นงานพวกยอดฝีมือก่อน
“อะไรกัน”ชายที่รับฝ่ามือของเหม่ยหลินกระเด็นวาบไปชนต้นไม้ข้างหลัง ตัวมันเป็นยอดฝีมือกำลังเหนือล้ำกว่าคนทั่วไปมากมาย แต่กลับโดนฝ่ามือเดียวของเหม่ยหลินกระแทกเสียจนเกือบหมดสติ
ฉับ…..เหม่ยหลินฟันกระบี่ซ้ำลงไปที่ชายคนนั้นในทันทีสร้างแผลลึกลงบนอกของชายคนนั้นจนมันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ส่วนทางด้านไป๋จูเหวินนั้นเมื่อจำแนกยอดฝีมืออกจากพวกธรรมดาแล้วก็ไม่รอช้าตรงเข้าเล่นงาน 1 ในยอดฝีมือพวกนั้นทันที
ตูม!! ฝ่ามือเพลิงพิโรธกระแทกร่างของยอดฝีมือคนหนึ่งจนปลิวไปไกลหลายสิบเมตร เพียงฝ่ามือเดียวก็จัดการยอดฝีมือจนหมดสติได้ ทำเอาเหล่านักล่าขนลุกวาบ
เปรี้ยงๆ ยอดฝีมือสองคนใช้ดาบพุ่งเข้ามาโจมตีไป๋จูเหวินทั้งล่างทั้งบน คนหนึ่งฟันคอ คนหนึ่งฟันขา แต่เกราะแมงมุมของไป๋จูเหวินยามนี้ไร้เทียมทานจนน่าสยดสยอง อาวุธวิเศษในมือยอดฝีมือเหล่านี้ราวกับทำจากไม้ ไม่สามารถทำอะไรไป๋จูเหวินได้เลย
ตูมๆ!! ไป๋จูเหวินใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธออกไปทั้งสองฝ่ามือ คนที่โจมตีคอโดนซัดเสียปลิวขึ้นฟ้า คนที่โจมตีขาโดนซัดเสียล้มคะมำลงดิน
“พลังบ้าอะไรกัน”ยอดฝีมือที่ถูกซัดลอยขึ้นฟ้ากระอักเลือดออกมาแต่ยังรักษาสติเอาไว้ได้ ดวงตาของมันจ้องมองไป๋จูเหวินที่กำลังโดนคนนับสิบล้อมรอบแต่กลับยังยืนอยู่ได้ราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย
ฟุบ… อยู่ๆที่ด้านหลังของมันก็ปรากฏร่างของเหม่ยหลินที่ทะยานขึ้นมาพร้อมเตรียมใช้ท่าโจมตี
พลัก!! ท่าปักษาร่อนพสุธากระกดยอดฝีมือคนนั้นกระแทกพื้นหมดสติไปในทันที
เคร๊ง! เหม่ยหลินพึ่งล้มชายคนนั้นลงได้ หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ชิงแทงกระบี่ใส่เหม่ยหลินทันที แน่นอนว่านางไม่ยอมให้อีกฝ่ายโจมตีโดนแน่ๆ นางรับกระบี่อย่างรวดเร็ว
ฟุบๆ!! พริบตาต่อมากระบี่ที่พึ่งดึงขึ้นมารับมืออีกฝ่านของเหม่ยหลินก็พลันสะบัดวูบเฉือนร่างของคนที่เข้ามาโจมตีจนล้มลงไปกับพื้น
“บ้าเอ้ย ไหนบอกมันแค่ฝีมือระดับ 3 ไง”ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีหวาดกลัว ยอดฝีมือ 7 คนเพียงพริบตาเดียวก็เหลือ 2 แล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ด้วยกำลังคนระดับนี้สมควรบุกอาณาจักรหนึ่งได้เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงโดนสองสามีภรรยาคู่นี้จัดการได้ง่ายนัก
“หวา”อยู่ๆไป๋จูเหวินก็จับร่างของชายคนหนึ่งขึ้นมา มันเป็นนักล่าระดับเทียนเซียนขั้น 8 เรียกได้ว่าเป็นคนติดสอยห้อยตามมาร่วมล่าด้วยเท่านั้น ไป๋จูเหวินไม่พูดพร่ำทำเพลงโยนมันขึ้นฟ้า แต่ไม่ได้โจมตีใส่มันแต่อย่างไร สิ่งที่ไป๋จูเหวินต้องการคือพยานนั่นเอง
ตูม!! ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกของไป๋จูเหวินถูกปล่อยออกมาพัดเอาทั้งป่าทั้งคนหลิวไปตามแรงกันถ้วนหน้า ยามนี้ชายที่ถูกโยนขึ้นไปมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกโพลง ยอดฝีมือในกลุ่มนักล่า หัวกะทิของนักล่าจากอาณาจักรต่างๆโดนฝ่ามือของไป๋จูเหวินพัดปลิวอย่างกับเรื่องโกหก ร่างของพวกมันลอยไปกองรวมดันกับซากต้นไม้เศษก้อนหินอย่างกับเกิดภัยธรรมชาติ
ตุบ…ร่างของชายคนนั้นร่วงลงมาอยู่ตรงหน้าไป๋จูเหวินทันที ยามนี้ในสายตาของมันไม่อาจมองไป๋จูเหวินเป็นคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 4 ปกติได้แล้ว นี่มันฝันร้ายชัดๆ
“กลับไปบอกพวกเจ้าว่าอย่ามาตามล่าค่าหัวข้าอีก ข้าจะไปขึ้นรางวัลด้วยตัวเอง”ไป๋จูเหวินบอกพลางกลับขึ้นไปบนหลังของหลินหลิน ก่อนจะให้นางเดินต่อไป โดยไม่ได้สนใจพวกนักล่าเลยสักนิด
“……..”เพิร์ลที่อยู่บนหลังของหลินหลินเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้แต่เงียบและเหลือบมองไป๋จูเหวินครู่หนึ่ง
“เจ้าจะบุกวังหลวงของอาณาจักรโฮจริงๆสินะ”เพิร์ลว่าพลางกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยระดับฝีมือเช่นนี้ วังหลวงของอาณาจักรโฮที่เหลือยอดฝีมือพอจะนับนิ้วได้คงไม่มีทำอะไรไป๋จูเหวินได้แน่ๆ แต่การบุกยึดวังของอาณาจักรอื่นเช่นนี้ไม่เท่ากับประกาศสงครามงั้นหรือ
“เจ้าจะยึดครองอาณาจักรโฮเป็นของตัวเองหรือยังไง”เพิร์ลถามออกมาเพราะหากทำแบบนั้น อาณาจักรโฮก็ต้องตกเป็นของไป๋จูเหวินทันทีเมื่อโดนบุกทำลายจนย่อยยับ
“บางทีทำแบบนั้นอาจจะดีกว่าก็ได้”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองมาทางเพิร์ล มันผ่านสงครามมามาก มันทราบดีว่าผลกระทบของสงครามมีมากแค่ไหน
“จากที่เจ้าเล่ามา อาณาจักรโฮตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรแล้ว เจ้าคนเดียวจะทำอะไรได้”เพิร์ลขมวดคิ้วอย่างงุนงง เท่าที่ไป๋จูเหวินเล่าให้มันฟัง อาณาจักรโฮเป็นอาณาจักรที่กดขี่ประชาชนอย่างมาก เงินภาษีก็เอาเก็บมาเอามาปรนเปรอเมืองหลวงเท่านั้น และจากการที่ไป๋จูเหวินพังเมืองหลวงหายไปเป็นแถบๆก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากซ่อมแซม แถมองค์จักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ยังตายไปหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าทรัพย์สินชองอาณาจักรแทบไม่เหลือแล้วงั้นเหรอ
“การฟื้นฟูอาณาจักรค่อนข้างยาก ข้าถึงได้พาเจ้ามาด้วยไงล่ะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางเพิร์ลและรูบี้ หนึ่งก็เป็นบุตรชายขุนนาง มันย่อมเรียนรู้วิธีปกครองคนมาบ้าง ส่วนรูบี้ไม่ต้องพูดถึง สิ่งประดิษฐ์ของนางค่อนข้างมีประโยชน์ในการใช้ชีวิตเลยทีเดียว อย่างระเบิดที่นางใช้ หากมอบมันให้คนธรรมดาไร้พลังวิญญาณ พวกมันอาจจะใช้ไล่อสูรระดับต่ำไปได้เลย แบบนั้นการเดินทางก็ยิ่งปลอดภัยไม่ใช่หรือ
“เจ้าจะฟื้นฟูอาณาจักร…”เพิร์ลนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ นึกว่าไป๋จูเหวินจะมาจัดการพวกที่ตั้งค่าหัวตัวเองเท่านั้นเสียอีก
“ใช่…”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองไปทางทิศที่เมืองหลวงของอาณาจักรโฮตั้งอยู่ บอกตามตรงไป๋จูเหวินไม่ถูกใจวิธีปกครองของอาณาจักรโฮมาตั้งแต่แรกแล้ว หากพูดเข้าข้างเฟิงมี่หน่อย เรื่องที่เกิดขึ้นก็มาจากการปกครองขององค์จักรพรรดิที่ตายไปนั่นเอง แม้จะทราบดีว่าการปกครองของอาณาจักรอื่นตนไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่หากยึดอาณาจักรนั้นมาเป็นของตนเองมันก็อีกเรื่องมิใช่หรือ