บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 318 อาณาจักรอสูร
ตอนที่ 318
อาณาจักรอสูร
ตุบ….ตุบ……เสียงฝีเท้าของเหล่าทหารในชุดเกราะสีทองปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเมืองชายแดนของอาณาจักรไป๋ เพียงแต่ทหารเหล่านี้ไม่ใช่คนของอสูรกิเลนขาวแต่อย่างไร และยังไม่ใช่ทหารของพวกองค์ชายชูเจินและหลิวอิงอีกต่างหาก
“ได้ข่าวว่าชายแดนมีท่าทีแปลกๆ”ชายร่างใหญ่ที่สวมเกราะสลักรูปราชสีห์เอาไว้ที่ตัวพูดพลางเดินเข้าไปหาอสูรกิเลนที่อยู่หน้าประตูเมือง
“องค์จักรพรรดิส่งจดหมายไปบอกเจ้างั้นหรือ”อสูรกิเลนถามพลางมองราชาแห่งเขตอสูรทุ่งหญ้ามรณะอย่างคุ้นเคย แต่เดิมผางาช้างกับทุ่งหญ้ามรณะก็อยู่ไม่ห่างกันอยู่แล้ว ไม่คิดว่าพอมารับใช้ไป๋จูเหวินพวกมันก็อยู่เมืองข้างๆกันอีก
“ถูกต้อง”ราชสีห์ขนทอง ราชาแห่งเขตอสูรทุ่งหญ้ามรณะตอบพลางพาเหล่าลูกน้องของตนเข้ามาในเมืองของอสูรกิเลนขาว แม้แต่ก่อนมันจะไม่ถูกกันเท่าไหร่ แต่ยามนี้ทำงานภายใต้การปกครองของไป๋จูเหวินย่อมต้องร่วมมือกันอย่างช่วยไม่ได้
“เหมือนพวกมันจะเริ่มตั้งกองทัพกันแล้ว”อสูรกิเลนขาวพูดจบก็ถอนหายใจออกมา ข้าวที่ชาวเมืองปลูกเริ่มออกเมล็ดแล้ว คงต้องต้านพวกมันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาในเขตนาไม่อย่างนั้นชาวบ้านคงเสียใจน่าดู
“อืม…ไม่ได้ออกแรงมากี่พันปีแล้วนะ”ราชสีห์ขนทองปล่อยกลิ่นอายอสูรออกมาด้วยท่าทีคึกคัก พอกลายเป็นอสูรระดับมายาขั้นที่ 10 แล้วก็แทบไม่ได้สู้กับใครอีกเลย คนของอาณาจักรโฮก่อนหน้านี้ก็ไม่บุกเขตอสูร ราชาแต่ละเขตเองก็ไม่ทำเรื่องอย่างล้ำเขตแดนกันเอง สุดท้ายก็ได้แต่นั่งเฝ้าเขตอสูรจนเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่านั้น
“อย่าลืมนะว่าต้องสู้ในร่างมนุษย์”อสูรกิเลนขาวเตือนพลางพาเหล่าลูกน้องของราชสีห์ขนทองไปตั้งแถวอยู่หน้ากำแพงเมือง
“ท่านเจ้าเมือง มีอะไรหรือขอรับ”ชายคนหนึ่งถามหลังจากเห็นเจ้าเมืองของมันพาเหล่าทหารต่างเมืองเข้ามาในเมืองของตน
“หรือว่าอสูรจะบุก”ชาวบ้านไม่เคยเจอสงครามมาก่อน ไม่มีความคิดเรื่องทหารต่างอาณาจักรบุกเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่พวกมันหวาดกลัวคือเหล่าอสูรเท่านั้น
“ไม่…อสูรไม่มีทางบุกเมืองของเราหรอก”อสูรกิเลนขาวตอบพลางมองไปทางเมืองชายแดนของอาณาจักรชู
“แต่เป็นมนุษย์ที่หวังจะชิงอาณาจักรของเราต่างหาก”อสูรกิเลนขาวตอบเสียงเรียบพลางจัดการเหล่าทหารของตนและทหารของราชสีห์ให้ตั้งกองอย่างเป็นระเบียบ ยามสั่งการจะได้ไม่สับสนวุ่นวาย และที่สำคัญหากเริ่มรบห้ามเดินลงนาโดยเด็ดขาด
“เฮ้ยๆ มันเดินทัพมาแล้วไม่ใช่หรือไง”ราชสีห์ขนทองว่าพลางมองไปทางอาณาจักรชู เมืองชายแดนทั้งสองเมืองห่างกันไม่กี่กิโลเมตร ด้วยสายตามนุษย์ยังมองเห็นกำแพงเมืองรำไร หากใช้สายตาของเหล่าอสูรระดับสูงเหล่านี้ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจน
“พวกเราก็ไปกันเถอะ”อสูรกิเลนขาวว่าพลางเรียกกิเลนสีขาวตนหนึ่งมาขี่แทนม้า กิเลนตัวนี้เป็นหนึ่งในลูกน้องของมันที่มีสายพันธุ์เดียวกัน แม้มันจะบอกชาวเมืองไม่ได้ว่ามันเองก็เป็นกิเลนขาว แต่มันก็แนะนำอสูรบางตัวให้ชาวบ้านรู้จักแล้ว
“อืม…”ราชสีห์ขนทองยิ้มพลางเดินออกไปคู่กับกิเลนของอสูรกิเลนขาว ทำให้เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังเดินตามออกไปเช่นกันโดยยังจดจำข้อห้ามอย่าลงไปในนาของอสูรกิเลนขาวเอาไว้เป็นอย่างดี
“พวกเจ้าต้องการอะไร”อสูรกิเลนขาวตะโกนออกไปเมื่อกองทัพของทั้งสองฝั่งประชันหน้ากันที่เขตชายแดนพอดี
“ข้าคือองค์ชายชูเจินแห่งอาณาจักรชู”ชูเจินว่าพลางขี่ม้าตัวหนึ่งออกมาข้างหน้า เป็นอย่างที่หลิวอิงบอก ทหารของอาณาจักรไป๋ไม่มีพลังวิญญาณเลย นี่พวกมันเอาชาวเมืองมาสวมชุดทหารตบตาหรืออย่างไร
“องค์ชาย ไม่ทราบว่าท่านมาที่ชายแดนพร้อมทหารมากมายทำไม”อสูรกิเลนขาวถามด้วยท่าทีจริงจัง หากจะเดินทางเข้ามาในอาณาจักรธรรมดาๆ มันสามารถไปผ่านเมืองที่อยู่บนเส้นทางหลักได้ เพราะเส้นทางการค้าของอาณาจักรชูและไป๋ยังไม่ปิด
“ข้ามาเพื่อยึดเมืองของพวกเจ้า”ชูเจินยิ้มพลางเรียกเอากระบี่ออกมาจากมิติของตน กองทหารที่ไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ จะมีกองทัพของอาณาจักรใดกระจอกได้มากกว่านี้อีก
ฉึก!! ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งเข้ามาปักไหล่ของชูเจินอย่างจัง พอมองหาที่มาก็พบว่าอสูรกิเลนขาวเป็นผู้ยิงมานั่นเอง
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดคุยให้มากความ”พวกมันรู้อยู่แล้วว่าพวกมันไม่มาดี แต่เพียงต้องการเสียงยืนยันเท่านั้น
ตูม!! ในเมื่อเจ้าเมืองโจมตีแล้ว ทหารจะรอรีอะไร คนแรกที่เปิดการโจมตีประชิดคือราชสีห์ขนทองที่ทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว มันเล็งยอดฝีมือคนหนึ่งเอาไว้แล้วข่วนกรงเล็บใส่ทันที ทำเอาพื้นบริเวณนั้นปรากฏรอยกรงเล็บเฉือนลึกลงไปในดินพร้อมแขนของยอดฝีมือที่ขาดเป็นชิ้นๆ
“บุก”เหล่าทหารพุ่งเข้าไปโจมตีอย่างรวดเร็วพร้อมอาวุธในมือ แม้แต่เดิมอสูรจะไม่ได้ใช้อาวุธ แต่เพราะอยู่ในสายตาชาวเมืองทำให้พวกมันต้องเอาอาวุธออกมาใช้อย่างช่วยไม่ได้
เปรี้ยง!!! วิชาดาบของเหล่าอสูรทื่อมะลื่ออย่างกับคนไร้วิชา แต่กำลังของพวกมันกลับน่ากลัวอย่างมาก แม้แต่เหล่าทหารธรรมดายังหวดเสียจนยอดฝีมือรับแทบไม่ไหว
ฉึกๆๆๆ ท่ามกลางเหล่าทหารที่ใช้อาวุธกันอย่างเก้ๆกังๆกลับมีกิเลนขาวอยู่ผู้เดียวที่ใช้ธนูได้อย่างแม่นยำราวยอดฝีมือที่ฝึกฝนมาหลายปี กิเลนที่มันขี่ทะยานกลางสนามรบอย่างสง่างามไม่ว่าจะบนดินหรือบนอากาศมันก็สามารถวิ่งไปได้หมด ทำให้มุมยิงของอสูรกิเลนขาวกว้างไกลไร้ขอบเขต
ตูมๆๆๆ ร่างของราชสีห์ขนทองทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งพร้อมรอยยิ้มและดวงตาราวกับสัตว์ป่า มันไม่สนใจจะใช้อาวุธเอาแต่กรงเล็บฟาดฟันเหล่าทหารอย่างสะใจ
เคร๊ง!! กระบี่วิเศษของทหารคนหนึ่งหักเป็นสองเสี่ยงหลังจากใช้รับกรงเล็บของราชสีห์ขนทอง หากไม่ใช่อาวุธระดับกระบี่ทัณฑ์สวรรค์คงไม่อาจทนรับกรงเล็บของมันได้แน่ๆ
“อากกกกก”ยอดฝีมือคนหนึ่งที่เข้าไปปะทะกับเหล่าอสูรโดนธนูของอสูรกิเลนขาวยิงใส่ไหล่อย่างจัง ลูกธนูพวกนี้เร็วและแม่นยำจนน่ากลัว แถมกำลังยังสูงมากทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าธนูในมือของอสูรกิเลนขาวไม่ธรรมดา และกำลังของผู้ดึงคันธนูก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“นี่มันอะไรกัน”ชูเจินเบิกตากว้างมองกองทัพของตนกับองค์ชายหลิวอิงโดนมนุษย์ธรรมดาจัดการอย่างง่ายดาย
“อสูร…”ชูเจินรำพึงออกมาพลางมองราชสีห์ขนทองที่กำลังไล่ตะปบทหารของตนอย่างสนุกสนาน
เปรี้ยง!! ขณะชูเจินกำลังอึ้งกับภาพตรงหน้าอยู่นั้น กิเลนสีขาวตนหนึ่งก็กระโดดเข้ามาอยู่ข้างๆตัวมัน ก่อนที่กิเลนตัวนั้นจะถีบม้าของชูเจินจ้นล้มตายคาที่ ทำให้ชูเจินร่วงลงมานอนอยู่กับพื้น
“อากกก”ชูเจินร้องออกมาเมื่อร่างของมันกระแทกลงพื้น ที่ไหล่ของมันยังมีก้านธนูเสียบคาอยู่ พอกระแทกพื้นลูกธนูก็โดนกระแทกจนเจาะทะลุไหล่ของชูเจินเข้าไปอีก
“องค์ชาย ท่านอย่าขัดขืนจะดีกว่า”อสูรกิเลนขาวว่าพลางจ่อธนูไปที่ชูเจิน หากมันปล่อยมือลูกธนูจะพุ่งเข้าหน้าชูเจินทันที ทำให้ชูเจินได้แต่นอนตัวสั่นอยู่กับพื้น
“บ้าเอ้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน”องค์ชายหลิวอิงเองก็มีสภาพไม่ต่างจากชูเจินนัก มันโดนราชสีห์ขนทองจับตัวเอาไว้แล้วลากมากองอยู่ข้างๆตัวชูเจินราวกับขยะ
“ไอ้พวกนี้มันเป็นองค์ชายจริงๆเหรอ”ราชสีห์ขนทองบ่นพลางมองเหล่าทหารรอบๆ คนของมันมียอดฝีมือก็จริง แต่ไม่ได้มากมายอะไร ราชสีห์ขนทองกับกิเลนขาวช่วยกันจัดการก็ฆ่าได้หมดไม่ยาก ทำให้ลูกน้องของพวกตนสามารถจัดการเหล่าทหารที่เหลือได้ในพริบตา ยามนี้การสู่รบจบแล้ว ฝ่ายอสูรไม่ได้ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียวไม่ต้องห่วงเรื่องนาอย่างที่อสูรกิเลนขาวกังวลเลย
“เห็นประกาศตัวว่าอย่างนั้น”อสูรกิเลนขาวปล่อยธนูลงช้าๆ เพราะรอบๆมีแต่ทหารของตน ชูเจินกับหลิวอิงจะหนีก็เป็นไปไม่ได้
“งั้นทำไงต่อ ฆ่าเลยไหม”ราชสีห์ขนทองถามพลางยกกรงเล็บขึ้นมาเตรียมเอาไว้
“ยัง…จับไปเป็นเชลยให้หมด”อสูรกิเลนขาวตอบพลางมองเหล่าทหารของชูเจินและหลิวอิง พวกทหารที่เหลือยอมแพ้หมดแล้ว จะฆ่าให้หมดก็ดูจะโหดเหี้ยมเกินไปรอไป๋จูเหวินมาจัดการเสียดีกว่า
“พวกเจ้า…พวกเจ้าเป็นอสูรกันทั้งหมด”ชูเจินว่าพลางมองเหล่าทหารของอาณาจักรไป๋ ไม่ต้องมีพลังอสูรก็สามารถสัมผัสได้ว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ ต่อให้เป็นผู้มีสุดยอดวิชาอย่างไรก็ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะเอาชนะยอดฝีมือได้
“อย่างนี้นี่เอง เจ้าไป๋จูเหวินมันเอาอสูรมาเป็นลูกน้องนี่เอง”ชูเจินเหมือนพึ่งจะทราบ ทั้งๆที่อาณาจักรตนเองก็มีการเอาอสูรมาเป็นพวกเช่นกันแท้ๆ
“พวกแก พวกแกเป็นอสูร”หลิวอิงเบิกตากว้างมองเหล่าทหารรอบๆตัวสั่น ตอนนี้มันกำลังอยู่ท่ามกลางอสูรไม่ผิดแน่ แถมเมื่อครู่มันจะฆ่าตนเองอีกต่างหาก
“จับพวกมันเอาไว้ จะเอาอย่างไรต่อให้องค์จักรพรรดิตันสินเถอะ”กิเลนขาวว่าพลางเรียกเถาวัลย์ขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อรัดร่างของเหล่าหทารและองค์ชายทั้งสองเอาไว้ ก่อนจะให้ทหารของตนแบกพวกมันกลับเมืองไป
“พวกมัน..พวกมันเป็นอสูร ทหารของพวกเจ้าเป็นอสูร”ชูเจินตะโกนหลังจากตนเองโดนอุ้มเข้ามาในเมืองตรงที่ๆมีเหล่าชาวเมืองมุงดูอยู่
“อาณาจักรของพวกแกมันเต็มไปด้วยอสูร”หลิวอิงว่าพลางมองไปทางชาวเมืองที่มุงดูอยู่ พวกมันบางส่วนมีพลังวิญญาณ แม้จะน้อยแต่ก็น่าจะทราบว่าทหารของตนเองไม่มีพลังวิญญาณเลย แต่พวกมันกลับเอาชนะกองทัพที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือได้อย่างง่ายดาย พวกมันต้องทราบสิว่ามีอะไรแปลกๆ
“สักวันพวกอสูรจะเผยเขี้ยวเล็บออกมา ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด”ชูเจินคำรามพลางชี้ไปทางอสูรกิเลนขาว
เปรี้ยง!! หมัดหนึ่งพุ่งเข้ามาทางองค์ชายชูเจินก่อนจะต่อยมันเข้าอย่างจัง แต่หมัดนั่นกลับไร้พลังวิญญาณทำได้แค่สะกิดชูเจินเท่านั้น
“อสูรแล้วไง พวกข้ารู้อยู่แล้ว”ชาวบ้านคนหนึ่งพูดพลางกำหมัดแน่น
“อสูรพวกนี้นอกจากจะช่วยเหลือหมู่บ้าน ยังสอนหนังสือแถมยังดูแลพวกเรา เทียบกับมนุษย์ที่กำลังจะบุกมาทำลายหมู่บ้านอย่างพวกเจ้าแล้ว อสูรพวกนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ”ชาวเมืองคนนั้นพูดพลางกำหมัดแน่น ตัวมันเป็นหนึ่งในชาวเมืองไม่กี่คนที่มีพลังวิญญาณ เรียกได้ว่าเป็นคนแรกที่ระแวงเรื่องเหล่าทหารเลยก็ว่าได้ แต่เพราะการกระทำของอสูรกิเลนขาวทำให้พวกมันรู้สึกทราบซึ้งใจมาก ทั้งช่วยขุดคลอง สอนหนังสือ แถมยังเดินตรวจตราในเมืองและให้คำแนะนำมากมายอย่างที่เจ้าเมืองควรจะทำ เทียบกับเจ้าเมืองคนก่อนแล้วอสูรกิเลนขาวดีกว่ากันมาก
“ต่อให้อาณาจักรพวกเรากลายเป็นอาณาจักรอสูรก็ไม่เป็นไร หากเหล่าอสูรเป็นมิตรเช่นนี้พวกเราก็ยินดี”ชาวเมืองว่าพลางมองมาทางอสูรกิเลนขาว
วูบ…ร่างของอสูรกิเลนขาวคืนร่างกลายเป็นกิเลนขาวที่มีรูปร่างสง่างามไม่แพ้ตัวมันในร่างมนุษย์เลย
“ท่านเจ้าเมือง”เหล่าชาวเมืองก้มลงคารวะร่างกิเลนของเจ้าเมืองอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่เด็กๆก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวกิเลนขาวเลยแม้แต่น้อย ทำเอากิเลนขาวรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“อาจารย์ ร่างแบบนั้นท่านคงเข้าห้องสอนไม่ได้แน่ๆ”เด็กคนหนึ่งที่เรียนหนังสือกับกิเลนขาวพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“นั่นสินะ”กิเลนขาวยิ้มพลางกลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง
“เช่นนั้นเจ้าก็อย่ามาสายอีกล่ะ อาจารย์จะเตรียมบทเรียนพรุ่งนี้เอาไว้ให้”กิเลนขาวยิ้มรับพลางลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู แม้จะเป็นเวลาไม่นานที่เหล่าอสูรมาดูแลชาวเมือง แต่เพราะก่อนหน้านี้ชาวเมืองไม่เคยได้รับความใส่ใจเช่นนี้มาก่อน พวกมันจึงให้ใจเหล่าอสูรได้อย่างง่ายดาย นับว่าเมืองของกิเลนขาวเป็นเมืองแรกที่สามารถผูกสัมพันธ์กับชาวเมืองและเหล่าอสูรได้สำเร็จก็ว่าได้ แบบนี้ควรขอบใจชูเจินดีหรือไม่?