บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 322 เชลย
เชลย
“ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น”เหล่าทหารอาณาจักรหลิวต่างตัวสั่นขวัญหายเมื่อโดนเหล่าทหารอสูรพาตัวเข้ามาในลานกว้างด้านหน้าปราสาท เนื่องเพราะอสูรของพวกท่านน้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยแปลกร่างมนุษย์กัน แถมกะจะทำสงครามเต็มที่เลยบุกมาทั้งๆร่างอสูร ทำให้ยามนี้รอบๆลานกว้างเต็มไปด้วยอสูรราวกับหลุดเข้าไปในเขตอสูรไม่มีผิด
“กรีด”เสียงกรีดของนางข้าหลวงและบ่าวรับใช้ของวังหลวงดังออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหล่าอสูรรอบๆ ยามนี้ในวงล้อมของเหล่าอสูรไม่มีใครสติอยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่คนเดียว พวกมันตัวสั่นไม่ก็ก้มหน้าไม่มองรอบๆกันทั้งนั้น
ตึง! หลังจากปรึกษาพวกท่านน้าจบ ไป๋จูเหวินก็ก้าวออกมาพร้อมกับพวกท่านน้าที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์
“ประชาชนของอาณาจักรหลิว”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองลงไปยังเหล่าทหารและบ่าวรับใช้ที่ทำงานในวังหลวง เพราะการบุกโจมตีของไป๋จูเหวินเด็ดขาดและง่ายดายเกินไปทำให้ไม่มีคนบาดเจ็บเสียเท่าไหร่ พวกมันได้แต่ยืนดูไป๋จูเหวินเข้าไปยึดวังหลวงเท่านั้น
“นับแต่นี้ไป อาณาจักรหลิวจะเป็นของข้า และเปลี่ยนเป็นอาณาจักรไป๋เช่นกัน”ได้ยินเช่นนั้นเหล่าอสูรรอบๆก็กระโดดวูบหักธงอาณาจักรหลิวทั้งเมืองทิ้งในพริบตา แม้จะยังไม่มีธงอาณาจักรไป๋มาติด แต่ธงอาณาจักรหลิวก็ถูกนำมากองรวมกันแล้วเผาทิ้งต่อหน้าเหล่าเชลย
“จะฆ่าพวกเราก็ไม่ต้องพูดมาก สั่งอสูรของเจ้าเลยสิจักรพรรดิอสูร”องค์ชายของอาณาจักรหลิวที่ถูกจับมาเช่นกันพูดพลางจ้องมองไป๋จูเหวินด้วยสายตาเคียดแค้น มันทั้งโดนจับบิดาถูกสังหารน้องชายคนเล็กก็โดนขังไว้ที่ไหนก็ไม่ทราบ
“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะฆ่าพวกเจ้าตอนนี้”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางองค์ชาย นอกจากหลิวอิงแล้วอาณาจักรหลิวยังมีองค์ชายอีก 2 พระองค์ องค์หญิงอีก 2 พระองค์รวมกันเป็น 5 พระองค์พอดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เหลืออาณาจักรให้มันปกครองแล้ว นับแต่วันนี้พวกมันก็ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์อีกต่อไปแล้ว
“ไม่ฆ่า…หรือเจ้าคิดจะทรมานพวกเรา”องค์ชายใหญ่ถามพลางมองไป๋จูเหวินด้วยสายตาเคียดแค้น มันรู้แต่ว่าไป๋จูเหวินบุกเข้ามาโจมตีพวกมัน จนอาณาจักรล่มสลายเท่านั้น
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของพวกเจ้า อาณาจักรไป๋ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ข้ายังต้องการกำลังของพวกเจ้า”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองเหล่าทหารด้วยใบหน้าอ่อนโยนลง ตอนนี้มันจับพวกขุนนางเอาไว้ข้างในเพื่อเจรจาอีกที อาณาจักรหลิวไม่เหมือนอาณาจักรโฮที่ขุนนางเน่าเฟะจนใช้การไม่ได้ อาณาจักรหลิวยังมีขุนนางชั้นยอดและทหารชั้นเยี่ยมอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ในกลุ่มขุนนางเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยเรื่องการบุกอาณาจักรไป๋ แต่เพราะองค์จักรพรรดิต้องการพวกมันจึงห้ามไม่ได้ น่ายินดีนิดหน่อยตรงที่ขุนนางที่อยากบุกอาณาจักรไป๋จนตัวสั่นไปกับองค์จักรพรรดิด้วย สุดท้ายก็ตายไปพร้อมกันตั้งแต่อสูรปักเป้ายิงกระสุนวายุออกมานัดแรก
“ตอนนี้อาณาจักรหลิวกลายเป็นอาณาจักรไป๋แล้ว นั่นก็เท่ากับว่าพวกเจ้าคือประชาชนของข้าเช่นกัน นับจากนี้ใครจะสาบาต่อหน้าข้าก็ลุกขึ้น”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองเหล่าทหารและบ่าวรับใช้ที่กองรวมกันอยู่กลางลานกว้าง พวกบ่าวรับใช้และนางข้าหลวงต่างลุกขึ้นยืนกันอย่างรวดเร็ว พวกมันทำงานหาเงินไม่ได้ถูกปรูกฝังมาเหมือนทหาร แค่เปลี่ยนเจ้านายพวกมันยินดีอยู่แล้ว
พรึบ… อยู่ๆก็มีทหารบางคนลุกขึ้นยืน พวกมันมีท่าทีมั่นใจมาก เหมือนได้ตัดสินใจมาแล้ว ทำให้มีทหารอีกกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีลังเล
“ดี คนที่จะอยู่กับข้าให้แยกออกมา”ไป๋จูเหวินพูดจบเหล่าทหารและบ่าวรับใช้ที่ยินดีจะติดตามไป๋จูเหวินก็เดินออกมารวมกับเหล่าทหารอสูรรอบข้างทันที เมื่อตนไม่ได้เป็นเป้าสายตาของเหล่าอสูรแล้วพวกมันก็มีท่าทีผ่อนคลายลงมาก
พวกทหารที่ลุกทันทีที่ไป๋จูเหวินถาม คือพวกที่มองออกว่าไป๋จูเหวินไม่มีทางพาอาณาจักรตนเองล่มสลายแน่ๆ ส่วนคนที่ลุกตามนั้นคือพวกที่ลังเลระหว่างความกลัวตายและศักดิ์ศรีของทหาร และพวกที่ไม่ลุกขึ้นคือเหล่าทหารที่จงรักพักดีกับอาณาจักรหลิวนั่นเอง แน่นอนว่าในกลุ่มนี้องค์ชายและองค์หญิงยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
“ไอ้คนทรยศ”ทหารคนหนึ่งตะโกนใส่พวกที่ลุกขึ้น แน่นอนว่าพวกที่ลุกขึ้นส่วนใหญ่ไม่กล้าสู้หน้าอยู่แล้วเพราะเท่ากับตนทรยศต่อคำสาบานจริงๆ
“ก่อนอื่น ข้าอยากให้พวกเจ้ารู้เอาไว้ว่าข้าทำงานร่วมกับเหล่าอสูร นับจากนี้ไปอาณาจักรไป๋จะเป็นอาณาจักรที่อยู่ร่วมกับอสูรได้”ไป๋จูเหวินว่าพลางเรียกให้เหล่าทหารอสูรกลายร่างเป็นอสูรเสีย พอเห็นเช่นนั้นเหล่าทหารที่ใจเสาะหน่อยก็แทบจะล้มลงนั่งอีกครั้ง แต่พวกทหารที่ทำใจไว้แล้วกลับนิ่งกว่าที่คิด
“ขอรับ พวกเราได้เห็นแล้วว่าเหล่าอสูรทำงานภายใต้คำสั่งองค์จักรพรรดิ พวกเรายินดีที่จะร่วมมือกันขอรับ”ทหารคนที่ลุกขึ้นเป็นคนแรกๆตอบ ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเชลยที่จับมาตั้งแต่ปะทะกับจักรพรรดิอาณาจักรหลิว พวกมันได้เห็นไป๋จูเหวินและกองทัพอสูรมาแล้ว และทำใจล่วงหน้ามานานแล้วก็ว่าได้
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ”ไป๋จูเหวินยิ้มออกมาอย่างโล่งอก อาณาจักรหลิวไม่ได้ห่างไกลจากอสูรเหมือนอาณาจักรโฮ พวกมันมีการเลี้ยงอสูรบ้างเช่นกัน ทำให้พวกมันเข้าใจเรื่องที่อสูรระดับสูงมีปัญญาแทบไม่ต่างจากมนุษย์ และสามารถทำงานร่วมกันได้ไม่ยาก
“ส่วนที่เหลือ…”ไป๋จูเหวินมองมาทางเหล่าผู้ไม่คิดจะยอมติดตามตน ทันทีที่ไป๋จูเหวินพูดเช่นนั้นออกมาในสมองพวกมันก็พลันคิดภาพเหล่าอสูรที่ตรงเข้ามาฆ่าพวกมันขึ้นมาทันที
“นำไปขังเอาไว้”ไป๋จูเหวินพูดจบก็พาพวกท่านน้าเดินกลับเข้าไปในวังหลวง ตอนนี้พวกมันกำลังตกลงกับขุนนางว่าจะทำเช่นไรต่อไป ส่วนพวกที่ไม่คิดจะยอมทำตาม พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นทหารที่ยังไม่ทราบเรื่องราวดี ไป๋จูเหวินนับถือในความรักบ้านเมืองของพวกมันจึงรู้สึกเสียดายที่จะฆ่าเสีย หลังจากนี้มันต้องการให้พวกมันได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรหลิวเสียก่อน ค่อยให้พวกมันตัดสินใจอีกที
“เฮ้อ ต้องเทียวไปมาตามเขตอสูรอีกแล้วสินะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้วขุนนางที่ตกลงทำตามแผนไป๋จูเหวินยอมรับการสร้างกลุ่มขุนนางอสูรขึ้นมาในจำนวนที่เท่าๆกันเพื่อแบ่งส่วนการปกครอง โดยมีไป๋จูเหวินเป็นองค์จักรพรรดิเช่นเดิม แต่นั่นก็ต้องไปตกลงกับราชาของเขตอสูรในอาณาจักรหลิวอีกรอบ ทำเอาไป๋จูเหวินที่แต่เดิมงานเต็มมืออยู่แล้วแทบจะโอดครวนออกมา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเมืองหลวงอีกต่างหาก ไป๋จูเหวินคิดว่าจะย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองหลวงของอาณาจักรหลิว และยกเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรโฮให้เป็นกลุ่มนักล่าอสูรไป เพราะเมืองหลวงของอาณาจักรหลิวอยู่ใกล้เขตอสูรผาไร้ก้นมากกว่านั่นเอง เดือนทางไม่กี่วันก็ถึงแล้ว แบบนั้นมันจะได้เดินทางไปหาพวกท่านน้าได้ไม่ต่างจากตอนอยู่เมืองร้อยแปดอสูรเท่าไหร่
“องค์จักรพรรดิขอรับ”ขระกำลังจะพักผ่อน อยู่ๆที่หน้าประตูก็มีทหารคนหนึ่งเรียกหามัน เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบทหารมนุษย์นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
“มีอะไร”ไป๋จูเหวินถามพลางมองทหารมนุษย์คนนั้นด้วยท่าทีแปลกใจ เพราะมันไม่ได้มาคนเดียว
“องค์หญิงหลิวเมิ่งต้องการพบท่านขอรับ”ทหารคนนั้นพูดด้วยท่าทีสั่นเทา ตอนนี้องค์หญิงของอาณาจักรหลิวถือเป็นนักโทษ การที่นางอยู่ที่นี่ได้คงเพราะทหารคนนนี้ให้การช่วยเหลือ
“ข้าเป็นคนบังคับมันเอง ท่านอย่าได้ถือโทษมันเลย”องค์หญิงหลิวเมิ่งพูดเสียงเรียบ พลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินด้วยท่าทีสง่างาม นางเองก็เคยพบไป๋จูเหวินมาแล้วในงานพิธีของอาณาจักรโฮและอาณาจักรอู๋ แต่ไม่เคยสนธนากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะไป๋จูเหวินมักจะอยู่แต่กับจักรพรรดิอาณาจักรชิน และ จักรพรรดิอาณาจักรอู๋จนอาณาจักรอื่นๆเข้าหาได้ลำบาก
“เจ้ามีเรื่องอะไรงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามโดยไม่ได้พูดถึงการกระทำผิดของทหารนายนี้
“ข้าขอเข้าไปข้างในได้หรือไม่”องค์หญิงหลิวเมิ่งพูดพลางมองไปในห้องของไป๋จูเหวิน มันเป็นห้องของบิดานาง การที่มีคนอื่นมาใช้หลังจากสังหารบิดานางนับเป็นเรื่องปวดใจจริงๆ
“ได้สิ”ไป๋จูเหวินไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว พลังวิญญาณของนางไม่ได้สูงอะไร ไม่มีพลังอสูร ไม่มีพลังมาร ไม่มีอะไรที่ไป๋จูเหวินต้องกังวลอยู่แล้ว
ปึง…หลิวเมิ่งปิดประตูเลื่อนลง พลางเดินเข้ามาอยู่ในห้องด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ
“ข้าอยากจะถามท่าน เรื่องของหลิวอิง”องค์หญิงหลิวเมิ่งถามพลางซ่อนฝ่ามือตัวเองเอาไว้ด้านหลัง แต่ไป๋จูเหวินก็ยังมองเห็นอยู่ดีว่ามือนางสั่นแค่ไหน
“หลิวอิงอยู่ในคุกของวังหลวงอาณาจักรไป๋…ไม่สิต้องบอกว่าที่วังเก่าของอาณาจักรโฮสินะ”ไป๋จูเหวินตอบออกไปก่อนจะพึ่งนึกได้ว่าตอนนี้วังอาณาจักรหลิวเองก็เป็นวังหลวงของอาณาจักรไป๋ไปแล้วเช่นกัน
“มัน…ปลอดภัยดีหรือเปล่า”นางถามด้วยท่าทีเป็นห่วง จะเรียกว่าเป็นเรื่องปกติระหว่างพี่สาวและน้องชายดีหรือไม่
“ปรชลอดภัยดี ข้าไม่ได้ฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ”ไป๋จูเหวินตอบ
“แต่ท่านก็ฆ่าบิดาของข้า”หลิวเมิ่งสวนทันทีด้วยความเผลอตัว นางรีบปีดปากเอาไว้ก่อนที่จะเผลอพูดอะไรไปอีก
“บิดาเจ้าขู่จะทำลายอาณาจักรข้า แถมยังยกกองทัพเรือนหมื่นมาอีกต่างหาก เจ้าจะให้ข้ายืนมองอาณาจักรตนเองโดนทำลายหรือ”ไป๋จูเหวินถามออกไปทำเอานางไม่ทราบจะตอบว่าอะไร สงครามเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมีผู้แพ้ผู้ชนะ
“ขะ..ข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องให้ท่านปล่อยพี่น้องข้าไป ไม่ต้องเป็นอิสระก็ได้ อย่างน้อยก็กักตัวพวกมันเอาไว้ที่วังนอกเมืองเถอะ”หลิวเมิ่งเสนอออกมา นางทนเห็นพี่น้องของตนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าอสูรแบบนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าไป๋จูเหวินจะทรมานอะไรพวกนางบ้าง นางจึงอยากให้พี่น้องได้ออกไปในที่ปลอดภัยก่อน
“ส่วนข้าจะเป็นตัวประกันอยู่ในวังหลวงเอง หากพวกมันหนีไปข้าจะชดใช้ท่านด้วยชีวิต”ได้ยินข้อเสนอของนางแล้ว ไป๋จูเหวินก็แอบเห็นด้วย จับพวกมันออกไปขังข้างนอกนั้นดีกับไป๋จูเหวินเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ต้องกลัวพวกมันจะออกมาจากคุกแล้วเข้ามาทำร้ายไป๋จูเหวิน แม้จะไม่คิดว่าพวกมันจะทำได้ก็ตาม แถมอีกไม่นานไป๋จูเหวินจะเปลี่ยนทั้งอาณาจักรเป็นเขตอสูรอยู่แล้ว พวกมันย่อมหนีจากวังนอกเมืองไม่ได้เมื่อมีอสูรเฝ้าอยู่ ต่อให้ไม่จับหลิวเมิ่งเอาไว้ก็ไม่มีปัญหาอะไร พอคิดแบบนี้แล้ว จับพวกทหารที่ไม่เห็นด้วยไปขังตามเมืองต่างๆให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรก็ไม่เลว
พรึบ….ไป๋จูเหวินยังไม่ทันตอบ อยู่ๆหลิวเมิ่งก็ถอดเสื้อตัวนอกออกด้วยใบหน้าแดงจัด ทำเอาไป๋จูเหวินสะดุ้งโหยงทันที
“ขอร้องล่ะเจ้าค่ะ ข้ายอมแลกทุกอย่าง ขอแค่ส่งพวกพี่น้องของข้าออกไป”ไม่ทราบในหัวนางกำลังจินตนาการเรื่องโหดร้ายอะไรอยู่ แต่นางเริ่มคิดจะเอาตัวเข้าแลกเสียอย่างนั้น โชคดีสำหรับไป๋จูเหวินแล้วที่ไม่ได้พาเหม่ยหลินมาด้วย ไม่อย่างนั้นนางมาเห็นภาพตรงหน้าเข้ามีหวังเข้าใจผิดไปไกลแน่ๆ