บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 327 สะสาง
ตอนที่ 327
สะสาง
“อืม…ปัญหาไม่ใช่ที่ความแข็งแกร่งหรอก”หลิวเซียนว่าพลางนำชิ้นส่วนโลหะขึ้นมาตรวจสอบ ท่าทางของมันจริงจังอย่างมากเทียบกับตอนก่อนรับงานไม่ได้เลย
หลิวเซียนพอมาถึงเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรไป๋ มันก็เข้าร่วมงานกับรูบี้ทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอทราบว่าเครื่องจักรก่อนหน้านี้ระเบิดไม่เหลือชิ้นดี หลิวเซียนก็ช่วยรูบี้ตรวจสอบชิ้นส่วนที่เกิดการระเบิดทันที ซึ่งการระเบิดนั้นเกิดที่ห้องเครื่องยนต์ที่ต้องรับแรงระเบิดในการขับเคลื่อนหัวรถจักรนั่นเอง
เรื่องความแข็งแกร่งของแร่นั้นไม่มีปัญหา แร่ที่นำมาเป็นแร่ที่มักจะใช้ตีอาวุธวิเศษเลยทีเดียว มันแข็งแกร่งและทนทานดีเยี่ยมอยู่แล้วแม้จะไม่เท่าผิวหนังของหลินหลินแต่ก็มากพอจะสร้างอาวุธดีๆได้มากมาย
“แล้ว เจ้าคิดว่าปัญหามาจากไหนล่ะ”อสูรที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือรูบี้ถาม เพราะหากจะเอาแร่ที่แข็งแกร่งกว่านี้ก็ต้องใช้แร่ที่ใช้สร้างกระบี่ทัณฑ์สวรรค์หรือดาบราชันศาสตราแล้ว แบบนั้นหัวรถจักรนี้ไม่กลายเป็นอาวุธวิเศษขนาดยักษ์หรือ และแร่แบบนั้นต่อให่มีเงินล้นฟ้าหรือมีเขตอสูรในสังกัดมากมายแค่ไหนก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะหามาได้
“เรื่องนั้นเป็นเพราะความร้อน”หลิวเซียนตอบพลางวางชิ้นส่วนโลหะลง
“ความร้อน… เจ้าจะบอกว่ามันรับความร้อนไม่ไหวงั้นเหรอ”รูบี้ถามพลางเลิกคิ้วสงสัย แม้นางจะมีความรู้เรื่องการประดิษฐ์ แต่แร่ของอาณาจักรนี้ที่เหล่าอสูรช่วยกันแนะนำยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับนางมาก
“แต่เราก็ลองหลอมด้วยความร้อนแล้วนะ”อสูรตนหนึ่งแย้ง
“ถ้าเป็นความร้อนเฉยๆก็คงไม่มีปัญหา แต่ภายในห้องเครื่องจะมีแรงอัดอากาศที่มากพอจะขยับของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วยความเร็วสูง พอเจอความร้อนจนอ่อนตัวมันเลยรับแรงอัดไม่ไหว”หลิวเซียนชี้ไปที่รอยแตกของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำให้อสูรที่แย้งมามีท่าทีเข้าใจมากขึ้น
“ในเมื่อปัญหาไม่ใช่ความแข็งแรงแต่เป็นความร้อนก็คงต้องผสมแร่ที่ทนความร้อนเข้าไปสินะ”รูบี้วิเคราะห์พลางมองไปทางเตาหลอม แร่ที่ทนความร้อนก็มีจุดหลอมเหลวต่างจากแร่ชนิดอื่น การทำให้มันขึ้นรูปนั้นยากมากทีเดียว
“เรื่องนั้นข้าจัดการเอง ถ้าเป็นแร่ที่ทนความร้อนได้ละก็ข้ารู้จัก”อสูรตนหนึ่งยกมืออาสา
“ส่วนเรื่องการขึ้นรูปข้าจะจัดการเอง”อสูรอีกตนพูดพลางทุบอกตัวเองอย่างมั่นใจ พอเห็นพวกมันร่วมงานกันแบบนี้แล้วไป๋จูเหวินเองก็โล่งใจขึ้นมาก อย่างน้อยการสร้างหัวรถจักรก็สามารถเดินหน้าต่อได้เสียทีหลังจากค้างที่การระเบิดก่อนหน้านี้มาพักใหญ่ ส่วนทางด้านหลิวเซียนนั้นก็ได้แต่ลอบตื่นตกใจอยู่คนเดียว แร่ที่พวกมันเสนอมาหาค่อนข้างยาก แม้แต่ตัวมันสมัยเป็นองค์ชายยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าจะหามาให้เลย
“ท่าทางเจ้าจะคิดถูกนะ”เหม่ยหลินพูดพลางนั่งลงข้างๆหลิวเมิ่งช้าๆ
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”หลิวเมิ่งยิ้มออกมาอย่างโล่งอก เห็นพี่รองของนางทำตัวเหมือนก่อนก็ทำให้นางมีความสุขมากแล้ว นับว่าคุ้มค่าทีเดียวที่ยอมตามไป๋จูเหวินมา
“เจ้าเองก็ช่วยงานได้เยอะทีเดียว หวังว่าเจ้าจะคอยช่วยเหลือสามีข้าต่อไปนะ”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มออกมา งานฟื้นฟูอาณาจักรเช่นนี้เป็นงานหนัก หากไม่ได้เหล่าอสูรมาช่วยเพียงลำพังไป๋จูเหวินกับตัวเหม่ยหลินเองคงทำได้แค่ฝันเฟื่อง ยิ่งไปยึดครองอาณาจักรหลิวมาอีกทำให้งานเพิ่มขึ้นหลายเท่า คราวนี้มันหนักกว่าตอนฟื้นฟูเมืองร้อยแปดอสูรมาก การได้หลิวเมิ่งมาช่วยทำให้งานของไป๋จูเหวินเบาลงไปได้มากทีเดียว ทำให้เหม่ยหลินแอบขอบคุณนางไม่น้อย
“แน่นอนว่าแค่ช่วยงานนะ”เหม่ยหลินยังคงแอบเตือนหลิวเมิ่งไปอีกหน่อย อย่างน้อยก็ต้องให้นางทราบอย่างชัดเจนว่าตัวนางไม่มีความคิดจะปล่อยให้เกิดเรื่องเลยเถิดใดๆทั้งสิ้น
“ไม่แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อพี่น้องของข้าเท่านั้น”หลิวเมิ่งตอบพลางยิ้มรับอย่างจริงใจ ทำให้เหม่ยหลินเองก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
“ที่เหลือก็งานฝั่งอาณาจักรหลิวสินะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินกลับมาหาเหม่ยหลิน งานทางฝั่งอาณาจักรไป๋ดำเนินไปอย่างราบรื่นทีเดียว แถมพวกอสูรยังทำงานกันอย่างดีเยี่ยมจนเกิดปัญหาน้อยมาก ทำให้เหลือแต่อาณาจักรหลิวเก่าเท่านั้นที่ยังต้องจัดการอะไรหลายๆอย่าง
“ท่านพี่ เกี่ยวกับเรื่องานที่เขตอาณาจักรหลิว”เหม่ยหลินพูดพลางเดินไปหาไป๋จูเหวิน
“มีอะไรงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย เหมือนเหม่ยหลินมีเรื่องจะเสนอมันจึงตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
“หลินเอ๋อบอกว่าอยากจะช่วยงานท่านเรื่องเจรจากับพวกอสูร”ได้ยินที่เหม่ยหลินบอก ไป๋จูเหวินก็มีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย งานชิ้นนี้เป็นคนอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากไป๋จูเหวิน แม้ทางใต้จะให้พวกท่านน้าช่วยไปเจรจา แต่ก็คงได้ไม่เต็มที่นัก แต่เมื่อลองคิดดูดีๆแล้วคนที่ยังสามารถทำได้ยังมีไป๋หลินอยู่อีกคน นางมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรเช่นเดียวกับไป๋จูเหวิน เพียงแต่นางเป็นบุตรสาวของมัน แถมยังพึ่งอายุ 5 ขวบเท่านั้น
“ข้าจะเดินทางไปกับนางเอง นางเพียงทำหน้าที่เจรจาเท่านั้น”เหม่ยหลินพูดออกไปตามที่ตกลงกับบุตรสาว ความจริงไป๋หลินบอกอยากช่วยงานไป๋จูเหวินมาแต่แรกแล้ว แต่เพราะตอนแรกนางบอกจะไปกับไป๋ไป่ทำให้เหม่ยหลินไม่อนุญาต แต่พอลองคิดดูว่าหากไป๋หลินเดินทางไปกับตัวเหม่ยหลินเอง พวกนางย่อมสามารถช่วยไป๋จูเหวินรวบรวมเหล่าอสูรได้ไวกว่าคราวของอาณาจักรโฮก่อนหน้านี้แน่ๆ
“เจ้าแน่ใจงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามเพราะเหม่ยหลินยังมีงานของกลุ่มนักล่าอสูรอยู่อีก
“ข้าเป็นภรรยาของท่านนะเจ้าคะ หากข้าไม่แบ่งเบาภาระท่านบ้างข้าคงไม่สบายใจเจ้าค่ะ”เหม่ยหลินยิ้มหวานพลางช้อนสายตามองมาทางไป๋จูเหวินด้วยท่างงดงามจนแสบตา
“ขอบใจ”ไป๋จูเหวินยิ้มรับพลางกุมมือเหม่ยหลินเอาไว้ ภรรยาของมันประเสริฐและแสนดีเช่นนี้มันจะนอกใจได้อย่างไร
“พอจบเรื่องนี้แล้วท่านก็อยู่กับไป๋หลินเสียหน่อยนะ นางบอกว่าอยากช่วยงานท่าน ท่านจะได้มีเวลาว่างไวๆ”เหม่ยหลินว่าพลางมองไปทางประตูโรงงานที่ไป๋หลินเล่นอยู่กับพวกหลินหลินอยู่ข้างนอก
“เข้าใจแล้ว งานครั้งนี้หนักมากทีเดียว”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ ภาระหน้าที่เช่นนี้หนักหนาสาหัสมาก แม้จะไม่แสดงท่าทีออกมาแต่ไป๋จูเหวินเองก็เหนื่อยอ่อนไม่น้อย ตัวมันต้องวิ่งไปโน่นไปนี่ตลอดเวลาแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย เห็นไป๋หลินอยากอยู่กับมันเช่นนี้ก็รู้สึกผิดเช่นกัน
“อะแฮ่ม”อยู่ๆเสียงกระแอมกระไอก็ดังมาจากด้านข้างไป๋จูเหวินที่กำลังสร้างโลกส่วนตัวกับเหม่ยหลินกลางโรงงานหลอมเหล็กเสียอย่างนั้น
“เจ้ามีเรื่องอะไรก็ว่ามา”ไป๋จูเหวินหันมาทางเพิร์ลพลางปล่อนมือเหม่ยหลินออกด้วยท่าทีเขินๆเล็กน้อย
“เดือนหน้าข้าอยากจะขอยืมอสูรบินของเจ้าหน่อย”เพิร์ลว่าพลางมองมาทางเหม่ยหลินเหมือนจะขอยืมตัวไป๋จูเหวินจากนางสักครู่
“มังกรบิน? เจ้าจะไปไหนงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามด้วยท่าทีงุนงง เพิร์ลอยากจะเดินทางไปที่ไหนกัน
“ข้าอยากจะพารูบี้กลับไปที่อาณาจักรไชน์หน่อย พวกเราขาดการติดต่อกับครอบครัวมาพักใหญ่แล้ว ข้ากลัวว่าพ่อของรูบี้จะเป็นห่วง อ่อขออสูรบินที่บินได้นานๆด้วยนะ ข้าต้องข้ามทะเลไปไกลเลย”เพิร์ลตอบด้วยท่าทีสบายๆ มันเองก็รู้สึกสนุกดีที่ได้ช่วยงานไป๋จูเหวิน แม้อาณาจักรนี้จะไม่ใช่อาณาจักรของมัน แต่งานพวกนี้ก็เหมือนงานที่เพิร์ลต้องทำหลังจากพ่อของมันยกตำแหน่งให้อยู่แล้ว ทำให้เพิร์ลทำอย่างเต็มที่เสมือนฝึกซ้อมสำหรับงานจริงเลยทีเดียว
“ได้สิ ข้าจะบอกให้….”ไป๋จูเหวินตอบพลางนิ่งไปพักหนึ่ง พอมาลองนึกดูแล้ว หากได้ไป๋หลินมาช่วยเรื่องการเจรจากับเหล่าอสูร งานส่วนใหญ่ก็จะเสร็จสิ้นใน 1 เดือนแล้ว บางทีมันควรจะพาบุตรสาวไปเที่ยวสัก 2 หรือ 3 วันดีหรือไม่
“จริงสิ เพิร์ล ข้าได้ท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าช่วยเอาไว้ตอนความจำเสื่อม ข้าจะขอไปพบพวกท่านด้วยได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางยิ้มออกมา
“แน่นอนสิ พวกท่านก็บ่นถึงเจ้าบ่อยๆ ถ้าได้เจอพวกท่านคงต้องดีใจแน่ๆ”เพิร์ลยิ้มรับพลางหันไปมองรูบี้เหมือนจะขอความเห็น ทำให้นางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก็ในเมื่อไป๋จูเหวินเป็นเจ้าของอสูรเหล่านั้น ทำไมมันจะไปกับพวกนางด้วยไม่ได้เล่า
“ท่านพี่ หรือว่าท่าน…”เหม่ยหลินได้ฟังอยู่ข้างก็เลิกคิ้วด้วยความสนใจทันที
“นานๆทีก็พาลูกไปเที่ยวสักหน่อยไง”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินออกไปที่ประตูโรงงาน เพราะพวกไป๋หลินช่วยอะไรเรื่องเครื่องจักรไม่ได้ พวกนางเลยขออกมาเล่นกันข้างนอกแทน
“หลินเอ๋อ มาหาพ่อหน่อยลูก”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองไป๋หลินที่กำลังปีนอยู่บนปีกของไป๋ไป่
“ค้า”ไป๋หลินตอบรับทันทีพร้อมกับไป๋ไป่ที่ลดปีกลงเพื่อให้นางได้กลับมาบนพื้นเสียที แม้จะเรียกไป๋หลินแค่คนเดียวแต่ทั้งไป๋ไป่ หลินหลิน และ ปิงปิงก็กลับร่างมนุษย์แล้วเดินเข้ามาหาเหมือนจะรอฟังด้วยเช่นกัน
“หลินเอ๋อ เจ้าอยากไปเที่ยวบ้านของพวกลุงเพิร์ลหรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามพลางยิ้มออกมาบางๆ จริงๆมันทราบคำตอบอยู่แล้ว แต่มันก็อยากได้คำยืนยันจากนางด้วย
“ท่านพ่อจะไปด้วยเหรอเจ้าคะ”ไป๋หลินถามออกมาด้วยท่าทีสนใจไม่น้อย
“แน่นอน พ่อต้องไปด้วยอยู่แล้ว”ไป๋จูเหวินตอบพลางลูบหัวบุตรสาวอย่างเอ็นดู
“งั้นข้าก็จะไป”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มกว้าง แน่นอนว่านางอยากไปอยู่แล้ว แต่หากไป๋จูเหวินไปด้วยนางต้องดีใจมากกว่าอย่างแน่นอน
“พี่ไป๋ ข้าล่ะ”ไป๋ไป่ถามพลางชี้นิ้วมาทางตนเอง
“เจ้าก็ต้องไปด้วยสิ เจ้าเป็นพี่เลี้ยงของหลินเอ๋อไม่ใช่หรือ”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา แม้คราวก่อนไป๋จูเหวินจะพาไป๋ไป่ไปด้วยเพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่ปกติไป๋ไป่จะอยู่กับไป๋หลินตลอด ไม่ให้นางไปด้วยได้อย่างไร
“แน่นอนว่าพวกเจ้าก็ด้วย พอจบงานที่เมืองหลวงใหม่แล้วพวกเราจะไปรับหงเยว่ด้วยอีกคน”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางพวกหลินหลิน ส่วนหงเยว่นั้นยังคงช่วยงานอยู่ที่เมืองร้อยแปดอสูร เรียกได้ว่านางช่วยทำหน้าที่แทนไป๋จูเหวินได้ดีเยี่ยมทีเดียว หากจะเดินทางครั้งนี้ก็ย่อมต้องพานางไปด้วยเพราะงานที่เมืองร้อยแปดอสูรนั้นหนักไม่ใช่น้อยเช่นกัน
“แต่ก่อนจะไป….”พอทราบข่าวเรื่องจะไปเที่ยว พวกเด็กๆก็มีท่าทีตื่นเต้นกันมาก ยิ่งตอนนี้พวกนางอยู่กับพวกเพิร์ลบ่อยๆทำให้ได้ยินเรื่องของอาณาจักรไชน์มามากทำเอาพวกนางต่างวาดฝันกันไปมากทีเดียว
“เจ้าต้องช่วยงานพ่อก่อนเข้าใจไหม”ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบศีรษะของไป๋หลินอย่างเอ็นดู เรื่องนี้นางเป็นคนขออยู่แล้ว ทำให้ไป๋หลินมีท่าทีดีใจมากที่ไป๋จูเหวินยอมให้นางช่วยงานในครั้งนี้
“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินยิ้มกว้างพลางหลับยิ้มหวานหลังจากโดนพ่อลูบหัวเข้าให้ นอกจากจะได้ช่วยงานแล้วนางยังจะได้ไปเที่ยวกับท่านพ่ออีก ทำเอาไป๋หลินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบเลยทีเดียว