บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 337 เปลี่ยนไป
ตอนที่ 337
เปลี่ยนไป
“ท่านแน่ใจนะ”เหม่ยหลินพูดออกมาพลางมองไปทางหงเยว่ที่กำลังเรียกแมงมุมออกมาจากมิติของนาง ตลอดเวลาที่ผ่านมามีอสูรแมงมุมจำนวนมากที่เข้ามาติดตามตัวไป๋จูเหวิน ไม่ใช่แค่พวกหลินหลินกับปิงปิงรวมทั้งตัวนางเอง แต่เป็นอสูรแมงมุมขนาดเล็กและกลางที่มักจะตามไป๋จูเหวินไปทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบจากพลังของไป๋จูเหวินและอสูรแมงมุมไปพร้อมกันเลยก็ว่าได้
“แน่ใจเจ้าค่ะ”หงเยว่ยิ้มพลางปล่อยแมงมุมทั้งหมดออกมาจากมิติของตน จำนวนของพวกมันมีมากมายมหาศาลจนทำเอาห้องประชุมของวังมังกรแห่งเมืองร้อยแปดอสูรถูกปกคลุมไปด้วยแมงมุมจำนวนมาก ชนิดที่ว่าหากคนกลัวแมงมุมเข้ามาในห้องต้องหัวใจวายตายแน่ๆ
“ข้าปรึกษานายท่านแล้ว ท่านบอกว่าหากข้าไหวก็ให้ลงมือทำได้เลย”ในช่วงที่ไปเที่ยวมานั้นหงเยว่ที่ไม่ได้พบไป๋จูเหวินมาพักใหญ่ได้ปรึกษาเรื่องต่างๆกับไป๋จูเหวิน และหนึ่งในนั้นคือระบบของกลุ่มนักล่าอสูรที่เริ่มจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนคุมไม่ทั่วถึง อาณาจักรอู๋ ชิน และ ไป๋ 3 อาณาจักรที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาลทำให้จำนวนนักล่าอสูรที่ต้องใช้ก็เพิ่มไปด้วย แต่คนที่มีประสบการณ์และมีความสามารถพอจะควบคุมได้ทั้งหมดก็มีน้อยเสียเหลือเกิน แม้แต่อาวุโส 7 ยังทำตัวขี้เกียจเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเสียด้วยซ้ำ ทุกวันนี้หงเยว่ยังโดนนางบ่นอยู่เสมอเลย
“ตอนนี้หงเยว่ช่วยงานพ่อเยอะเลย ให้นางรับตำแหน่งนับว่าเป็นผลดีกับกลุ่มนักล่าอสูรเสียด้วยซ้ำ”หวงหลงว่าพลางมองเหล่าแมงมุมที่กำลังเดินยุบยับอยู่บนพื้น ตั้งแต่หงเยว่เริ่มไปร่ำเรียนกับมังกรธรณี นางก็มีความรู้และความสามารถเพิ่มขึ้นมาก แม้จะแทนไป๋จูเหวินไม่ได้ แต่ก็มีความสามารถและความรู้มากกว่าหวงหลงเสียอีก ทำให้ไป๋จูเหวินฝากฝังงานพวกนี้ให้หงเยว่ทำโดยมีพวกอสูรทั้ง 4 ของหวงหลงคอยช่วยเหลืออีกที
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้ามีความผูกพันกับกลุ่มนักล่าอสูรมาตลอด ข้าดูแลกลุ่มนี้ไม่ต่างจากครอบครัวแน่นอน”หงเยว่ตอบพลางยิ้มออกมา นับตั้งแต่วันนี้ไปหงเยว่จะรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรสาขาหลักต่อจากหวงหลง และเปลี่ยนเมืองร้อยแปดอสูรแห่งอาณาจักรอู๋ให้กลายเป็นเขตอสูรของตน นั่นหมายความว่าอำนาจเหนือสาขาอื่นๆก็ตกอยู่ในมือหงเยว่ด้วยเช่นกัน รวมถึงสาขาอาณาจักรไป๋ที่เหม่ยหลินกำลังสร้างด้วย
สิ่งที่หงเยว่นำไปเสนอกับไป๋จูเหวินนั้นคือ ระบบเครือข่ายแมงมุม เพราะตัวหงเยว่เองเป็นนางพญาแมงมุม สามารถสั่งการแมงมุมใต้อาณัติได้ นางจึงจะใช้อสูรแมงมุมขนาดเล็กจำนวนมหาศาลเหล่านี้เพื่อดูแลระบบของกลุ่มนักล่าอสูร หลังจากฝึกอสูรแมงมุมเหล่านี้เสร็จ หงเยว่ก็จะมอบพวกมันให้เหล่านักล่าอสูรคนละ 1 ตน เมื่อนั้นอสูรแมงมุมที่นางมอบให้จะสามารถส่งข้อความผ่านจิตประสาทได้ในระดับหนึ่ง เมื่อระบบเครือข่ายเข้าที่เข้าทาง หงเยว่จะสามารถรู้ข่าวสารจากทั่วทุกมุมที่กลุ่มนักล่าอสูรไปเลยทีเดียว
แน่นอนว่าการทำเช่นนี้เป็นงานหนักมาก แต่หากนางทำได้ไป๋จูเหวินจะหมดภาระเรื่องกลุ่มนักล่าอสูร รวมทั้งงานของเหม่ยหลินก็จะเบาลงทำให้นางมีเวลาช่วยเหลือไป๋จูเหวินได้มากขึ้น แม้จะน่าเสียดายที่ตนเองคงไปติดตามไป๋จูเหวินอีกไม่ค่อยได้ แต่หากได้ช่วยไป๋จูเหวินมันก็ถือเป็นความสุขของบ่าวรับใช้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
“ท่านแม่ เราจะไปกันแล้วนะเจ้าคะ”ไป๋หลินเดินเข้ามาในห้องประชุมพลางมองไปรอบด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ว้าว แมงมุมเยอะแยะเลย”ไป๋หลินเบิกตากว้างพลางมองเหล่าแมงมุมด้วยท่าทีมีความสุข นางมีพี่ๆเป็นแมงมุม มีท่านย่าเป็นแมงมุมและมีสายเลือดแมงมุมในร่าง นางไม่มีทางเกลียดแมงมุมอยู่แล้ว
“นายท่าน เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”หงเยว่ยิ้มพลางมองไปทางประตูที่ไป๋จูเหวินกำลังเดินเข้ามา
“ขอบใจเจ้ามาก”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมา เพราะหงเยว่ตกลงใจทำแบบนี้มันเลยวางใจเรื่องกลุ่มนักล่าอสูรได้เสียที
“ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ”หงเยว่ตอบพลางยิ้มรับ นางไม่อาจแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างพวกหลินหลิน เผ่าพันธุ์ของนางแต่เดิมไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น นางไม่เหมือยหลินหลินกับปิงปิงที่ยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีกและเป็นกำลังรบให้ไป๋จูเหวินได้ การทำเช่นนี้ก็เหมือนสร้างจุดยืนให้ตัวเอง นางเลยไม่ได้ฝืนใจเลยแม้แต่น้อย
.
.
.
“ท่านน้า ข้ากลับมาแล้ว”ทันทีที่มาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรไป๋ ไป๋หลินก็รีบเข้าไปในตัววังทันทีเพื่อไปหาพวกท่าน้าที่กำลังรออยู่
“กลับมาแล้วขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางเดินเข้าไปหาพวกน้าๆเช่นกัน เพียงแต่…
“อย่าพูด”ราชสีห์เพลิงขัดสิ่งที่ไป๋จูเหวินกำลังจะพูดออกมา เพราะมันทราบดีว่าไป๋จูเหวินจะพูดอะไร
“แต่….”ไป๋จูเหวินมองไปทางหน้าต่างของท้องพระโรง ที่นอกหน้าต่างนั้นมีวังหลังหนึ่งที่ดูแปลกตาอย่างมาก
“ข้ารู้ว่ามันดูแปลกตา แต่อย่าไปทักเชียว”มังกรธรณีถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ มันไม่อยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับวังหลังนั้นแม้แต่น้อย
“เอ่อ….”ไป๋จูเหวินไม่ทราบจะพูดอะไรดี ที่นอกวังหลักมีวังหลังใหม่ถูกสร้างขึ้น มันเหมือนทำจากทองคำและหินมีค่าจำนวนมาก ราวกับผู้สร้างตั้งใจจะสร้างวังที่แพงที่สุดในโลกก็ว่าได้
“นั่น…ท่านน้าไก่ฟ้าไม่ใช่หรือ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองร่างอ้วนๆของท่านน้าไก่ฟ้าที่กำลังกระโดดไปรอบๆวังเพื่อเอาอัญมณีมาติดบนกำแพง แม้วังจะหลังไม่ใหญ่มาก แต่ของที่ใช้สร้างนั่นสามารถสร้างวังหลังใหญ่ๆได้อีกเป็นร้อยๆแห่งเลยนะ
วูม!! อยู่ๆไก่ฟ้าหงอนทองก็กลายร่างเป็นร่างอสูร ก่อนจะบินหายวับไปในทันที ทำเอามังกรธรณีและราชสีห์เพลิงได้แต่นวดขมับตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ
“……..”ไป๋จูเหวินไม่ทราบจะพูดอะไร ทำไมท่านน้าไก่ฟ้าถึงนึกคึกเอาสมบัติที่ตนหวงแหนมาสร้างวังเล่นเช่นนี้ แม้แต่แผ่นทางเดินยังเป็นทองคำเลยไม่ใช่หรือไง นี่ท่านสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว
“จูเอ๋อ เจ้ากลับมาแล้วหรือ”พยัคฆ์อัสนีเปิดประตูเข้ามาในท้องพระโรงพลางเดินเข้าไปหาไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว
“ขอรับ…ท่านน้าพยัคฆ์ ท่านน้าไก่ฟ้าท่าน…”
“มันกำลังสร้างรัง”พยัคฆ์อัสนีตอบออกไปด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย
“รัง?”ไป๋จูเหวินงุนงงไปครู่หนึ่ง น้าไก่ฟ้าไม่ได้สร้างรังอยู่ไม่ใช่หรือ แต่เดิมมันเป็นราชาแห่งสันเขาทองคำ มันปกครองทุกพื้นที่ในเขตนั้นไม่จำเป็นต้องสร้างรังนอน พอรวมเขตอสูรเข้าด้วยกันท่านก็อยู่ในวังที่มังกรธรณีสร้างไม่ได้สร้างอะไรเพิ่มเติมนี่นา แล้วทำไมอยู่ๆถึงอยากสร้างรังขึ้นมาล่ะ
“หรือว่า”เหม่ยหลินที่อยู่ด้านหลังเอามือมาป้องปากพลางหัวเราะออกมา ทำเอาไป่จูเหวินต้องหันไปมองทันที
“เจ้ารู้หรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางหันไปมองภรรยาของตนที่หัวเราะออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“โถ่ ท่านพี่ ท่านอยู่กับอสูรมาตั้งนานยังไม่ทราบอีกหรือ”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มออกมา เห็นไป๋จูเหวินยังทำหน้างงเช่นนี้นางเองก็อดเอ็นดูสามีตนเองไม่ได้
“เรื่องอะไรกัน เจ้าบอกข้ามาเถอะ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปที่วังของท่านน้าไก่ฟ้า ยิ่งตอนกลางวันที่แสงแดดส่องเข้ามา ทำเอาแสงทองอร่ามสะท้อนเข้ามาถึงท้องพระโรงเลย
“ก็พวกอสูรนกตัวผู้จะสร้างรังเพื่อดึงดูดความสนใจอสูรนกตัวเมียยังไงล่ะเจ้าคะ”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มออกมามากกว่าเดิม แบบนี้ไม่เท่าท่านน้าไก่ฟ้ากำลังพยายามทำให้ตัวเมียสักตัวสนใจหรอกหรือ
“แต่….ท่านน้าเป็นไก่นะ”ถึงจะบินได้ แต่ไก่ฟ้าหงอนทองก็เป็นไก่อยู่ดี มันสมควรนับเป็นนกหรือ….มันออกจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
“เรื่องแบบนั้นไม่เกี่ยวหรอกเจ้าค่ะ”เหม่ยหลินส่ายหน้าพลางหันไปมองวังของน้าไก่ฟ้า ท่านตั้งใจทำมากถึงขนาดเอาสมบัติตนเองออกมาใช้เลยทีเดียว
“ความรักต่างชนชั้นยังไงล่ะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเริ่มเข้าร่วมกลุ่มสาวน้อยกับเหม่ยหลินเสียอย่างนั้น ไป๋จูเหวินเข้าใจอยู่หรอกว่าความรักต่างชนชั้นมันเป็นอย่างไร แต่นี่มันคนละสายพันธุ์กันก็นับหรือ
“ว่าแต่…อสูรที่ท่านน้าถูกใจนี่…”ไป๋จูเหวินพยายามนึกถึงอสูรที่ตนและไป๋หลินพามา ความทรงจำของมันเป็นเลิศทำให้สามารถนึกออกได้ทั้งหมด แต่จำนวนที่มันพามามีไม่น้อยเลยที่เป็นอสูรนก
“เจ้าจำที่ฝากข้าคัดเลือกขุนพลอสูรได้หรือไม่”มังกรธรณีถาม เพราะงานนี้ไป๋จูเหวินเป็นคนขอร้องมันเอง
“ขอรับ ข้าจำได้”ไป๋จูเหวินตอบพลางพยักหน้านน้อยๆ
“มีอสูรตนหนึ่งที่ได้รับตำแหน่งขุนพล ข้าเห็นเจ้านั่นอาการแปลกๆตั้งแต่ตอนนั้น”มังกรธรณีตอบออกมาตามที่มันเห็น คราวก่อนมันนึกว่าไก่ฟ้าหงอนทองเอาแต่ดูสมบัติตัวเองเท่านั้น ไม่นึกว่าจริงๆแล้วมันกำลังวางแผนสร้างรังอยู่
วูม… ใช้เวลาไม่นานไก่ฟ้าหงอนทองก็บินกลับมา พร้อมเอาทองคำและแร่หายากออกมาวางที่หน้าวัง ก่อนจะใช้พลังธาตุปะแต่งวังทองคำของมันอย่างเพลิดเพลิน
ปัง!! หลังจากแต่งจนพอใจอยู่ๆไก่ฟ้าหงอนทองก็เปิดประตูเข้ามาในท้องพระโรงพลางมุ่งตรงมาหามังกรธรณีทันที
“โอ้ จูเอ๋อกลับมาแล้วเหรอ”ไก่ฟ้าหงอนทองชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นไป๋จูเหวินกลับมา แต่มันกลับยังคงเดินไปหามังกรธรณีต่อทำเอาไป๋จูเหวินอดประหลาดใจไม่ได้ ท่านน้าไก่ฟ้าทักมันแค่ประโยคน์เดียวงั้นเหรอ…. อาการของท่านหนักมากจริงๆ
“พี่ใหญ่ ยังไงท่านกับข้าก็รู้จักกันมานานแถมยังเป็นน้าของจูเอ๋อเหมือนกัน”ไก่ฟ้าหงอนทองพูดด้วยท่าทีแปลกๆ ทำเอามังกรธรณีหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด นี่เจ้าตีสีหน้าเวลาขอร้องคนอื่นไม่เป็นหรือยังไง
“จะเอาอะไรก็ว่ามา”มังกรธรณีว่าพลางผลักร่างของไก่ฟ้าหงอนทองให้ออกห่างตนเอง นี่มันทำท่าเหมือนจะต้องการอะไรแบบนี้หรือมันจะอยากได้ของมีค่าในป่าวัฒนะ
“เจ้าช่วยส่งจดหมายให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”ไก่ฟ้าหงอนทองพูดด้วยท่าทีอายๆ มันเขียนจดหมายใส่ซองมาอย่างดีประกอบกับท่าทีของมันก็ไม่ต้องถามแล้ววว่าผู้รับคือใคร
“ก็ได้…..”มังกรธรณีตอบพลางถอนหายใจออกมา เจ้าบ้านี่อาการหนักสุดๆเลย