บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 359 ราบรื่น
ตอนที่ 359
ราบรื่น
เคร๊ง!! เคร๊ง!!! ดาบและมีดในมือของชิงชิวปาดซ้ายปาดขวาลงบนปีกของไป๋ไป่อย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะยืมอาวุธวิเศษมาจากคลังของอาณาจักรแต่อาวุธเหล่านี้ก็ไม่อาจเจาะเข้าไปในผิวหนังของไป๋ไป่ได้เลย
ตูม!! ร่างของชิงชิวโดนปีกของไป๋ไป่ตบเสียลอยหวือไปข้างหลังจนเกือบกระแทกกับกำแพง โชคดีที่ไป๋ไป่ออมแรงเอาไว้บ้างไม่อย่างนั้นชิงชิวได้ตายไปแล้วแน่ๆ
“เจ้าต้องหาทางประชิดตัวข้าไม่ใช่หรือไง”ไป๋ไป่ถามพลางขยับปีกตัวเอง ตอนนี้นางใช้เพียงปีกข้างเดียวจากทั้ง 6 ข้างเท่านั้น ไม่ใช้หาง ไม่ใช้มือ ไม่ใช้เท้า แต่ถึงอย่างนั้นชิงชิวก็เข้าไม่ถึงตัวไป๋ไป่เสียที
“อย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องง่านสิขอรับ”ตั้งแต่กลับมาจากอาณาจักรกู่ชิงชิวก็ได้ความสามารถเสริมมาหลายอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นการเข้าถึงไป๋ไป่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี พวกยอดฝีมือระดับเจ้าสวรรค์ยังทำไม่ได้ มีหรือที่ชิงชิวจะทำได้
“พี่ชิว ถ้าท่านยังซ่อนพลังอสูรไม่มิดก็หลอกพี่ไป๋ไป่ไม่ได้หรอกนะ”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มออกมา แม้จะได้วิชาจากไช่จินมาแล้ว แต่การเอามาใช้จริงนั้นเป็นเรื่องยากมากทีเดียว แถมชิงชิวยังต้องซ่อนทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรไปพร้อมๆกัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับวิชาเทวะปราบมารที่เป็นการเร่งพลังขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง หากจะซ่อนตัวก็ห้ามใช้วิชาเทวะปราบมาร นั่นคือสิ่งที่ชิงชิวได้เรียนรู้หลังจากฝึกซ้อมมากๆเข้า
“ขอรับ”ชิงชิวตอบรับพลางหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทั้งสอง แม้จะไม่ได้ผลกับเนตรแมงมุมของไป๋หลินกับไป๋จูเหวิน แต่ความสามารถนี้ก็น่ารำคาญมากสำหรับคนอื่น
เคร๊งๆๆๆ!! ชิงชิวพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ไป๋ไป่อย่างรวดเร็ว แต่ก็โดนนางดึงปีกมาป้องกันได้อยู่ดี กติกาของการฝึกครั้งนี้คือโจมตีโดนร่างของไป๋ไป่ให้ได้โดยไม่นับปีกของนาง แม้ถึงจะโจมตีร่างจริงโดนแล้วก็ทำอะไรไป๋ไป่ไม่ได้ก็ตามแต่การโจมตีโดนก็เท่ากับชิงชิวชนะ ชิงชิวเลยไม่ได้สนใจเรื่องกำลังเท่าไหร่ มุ่งเน้นไปที่ความเร็วเป็นหลัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจผ่านปีกของไป๋ไป่ไปได้เสียที
ตูม!! หลังจากชิงชิวปรากฎตัวไป๋ไป่ก็ไม่เกรงอกเกรงใจอีกต่อไป นางปัดร่างของชิงชิวกลับไปจนเกือบชนกำแพงเช่นเดิมพร้อมรอยยิ้มสะใจ แม้จะเหมือนทำอะไรไม่ได้ แต่ชิงชิวก็ทำให้ไป๋ไป่ต้องตกเป็นฝ่ายรับก่อนในครั้งแรกได้ เพราะกว่านางจะสัมผัสพลังอสูรที่ชิงชิวซ่อนเอาไว้ได้ก็ต้องเข้าระยะประชิดแล้วเท่านั้น ไม่อย่างนั้นไป๋ไป่คงฟาดปีกโจมตีชิงชิวต่อไปแล้ว
“พี่ชิว”ไป๋หลินยิ้มหวานพลางชี้ไปที่กระถางธูปที่วางอยู่บนโต๊ะหินข้างๆลานฝึก
“…..”ชิงชิวหันไปมองที่กระถางธูปแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เวลาหนึ่งก้านธูปของชิงชิวหมดลงแล้ว การที่ชิงชิวยังโจมตีไป๋ไป่ไม่โดนก็เท่ากับว่ามันแพ้แล้วนั่นเอง
“ก็ได้ขอรับองค์หญิง วันนี้เราไปตลาดกัน”ชิงชิวถอนหายใจออกมาเฉือกใหญ่พลางเก็บอาวุธเข้าฝักอย่างช่วยไม่ได้
“ดีมาก ข้าชอบตรงที่ท่านรักษาคำพูดนี่ล่ะ”ไป๋หลินยิ้มกว้างพลางกระโดดลงจากเก้าอี้ที่นางนั่งอยู่ นางรีบเดินไปหยิบผ้าคลุมหน้าก่อนจะพาชิงชิวกับไป๋ไป่ออกจากวังไปทันที ถึงไป๋จูเหวินจะไม่ได้ห้ามนางออกไปนอกวังแล้ว แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ออกไปบ่อยขนาดนั้น อย่างแรกเลยคือชิงชิวต้องตามไปด้วยและห้ามกลับมืดโดยเด็ดขาด ทำให้ไป๋หลินม้าท้าประลองกับชิงชิวบ่อยๆ แต่ถึงจะแข่งกับไป๋ไป่หรือไป๋หลินชิงชิวก็ยังแพ้อยู่ดี เพราะวิชาล่องหนหายตัวของมันไม่ได้ผลกับไป๋หลินเลยแม้แต่น้อย
“ไปกันเถอะพี่ไป๋ไป่ พี่ชิว”พอเห็นรอยยิ้มของไป๋หลินชิงชิวก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะล่องหนไปทันที หลังจากพยายามหาทางฝึกฝนหลายๆวิธี ชิงชิวก็เลยเลือกที่จะหายตัวเอาไว้ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ดูแลไป๋หลิน เรียกได้ว่าทำหน้าที่เป็นเงาตามตัวเลยทีเดียว
“พี่ชิว ท่านว่าผ้าสีนี้สวยหรือเปล่า”ไป๋หลินถามขณะเดินเข้ามาในร้านขายผ้า
“สวยขอรับ แต่ข้าว่าไม่เหมาะกับผู้ชายเท่าไหร่”ชิงชิวตอบขณะยืนอยู่ข้างๆไป๋หลิน
“งั้นเหรอ”ไป๋หลินวางผืนผ้าที่หยิบมาเมื่อครู่กลับไป ก่อนจะเดินเลือกของในร้านด้วยท่าทีสบายใจ ส่วนทางด้านไป๋ไป่นั้นนางเอกก็แยกดูของที่นางสนใจเช่นกัน แต่ก็อยู่ในร้านไม่ได้ไปไหน
“เจ้าว่าเด็กผู้ชายจะชอบของแบบนี้หรือเปล่า”ไป๋ไป่ถามพลางเอาเครื่องประดับมาให้ชิงชิวดู
“เอ่อ….ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆ
“โถ่ แล้วข้าจะซื้ออะไรไปฝากน้องชายดีล่ะ”ไป๋หลินถามพลางทำหน้ามุ่ย ถึงชิงชิวจะอยากบอกว่าคงหาของที่เด็กผู้ชายชอบในร้านขายเสื้อผ้าสตรีไม่ได้แค่ไหนก็ตาม แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้
“ข้าคิดว่าองค์ชายคงไม่ขาดเหลืออะไรหรอกขอรับ”ชิงชิวตอบพลางหัวเราะเฝื่อนๆออกมา แม้จะยังไม่คลอด แต่ทุกคนก็ทราบแล้วว่าเด็กที่อยู่ในท้องของพระมเหสีนั้นเป็นองค์ชาย เพราะนอกจากไป๋จูเหวินจะบอกแบบนั้นแล้วไป๋หลินยังยืนยันด้วยอีกคน ทำให้ทุกคนเชื่อตามนั้นโดยไม่คิดสงสัย
“แต่ข้าอยากซื้อของไปให้นี่นา”ไป๋หลินตอบพลางทำแก้มป่องด้วยท่าทีงอนๆ ของในวังไม่มีอะไรเป็นของที่นางหามาเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นของท่านพ่อกับท่านน้า นางก็เลยอยากจะซื้ออะไรไปให้ตอนน้องชายของนางเกิดมาบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นของเล่นดีหรือไม่ขอรับ”ชิงชิวเสนอ เพราะในวังไม่ค่อยมีของเล่นเด็กเท่าไหร่
“งั้นข้าจะลองหาดู”ไป๋หลินยิ้มกว้างพลางเดินหาของเล่นในร้านขายเสื้อ แน่นอนว่านางคงไม่เจอทำให้ชิงชิวต้องพาพวกนางไปร้านอื่นแทน
.
.
“เป็นอย่างไรบ้าง”อู๋หมิงที่เดินทางมาถึงอาณาจักรไป๋ถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอบอุ่น หลังจากได้ทราบข่าวบุตรคนที่ 2 ของไป๋จูเหวินอู๋หมิงก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนบ่อยขึ้น แม้อู๋เทียนหมิงบุตรชายของมันจะไม่ค่อยอยากมาเพราะไม่อยากโดนไป๋หลินจับตัวก็ตาม
“ปกติดีจ่ะ”เหม่ยหลินตอบพลางลูบท้องของตนเองที่เริ่มโตอย่างเห็นได้ชัด ท้องที่ 2 แล้วนางก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก แถมน้องชายของไป๋หลินยังไม่ดื้อเหมือนไป๋หลินเท่าไหร่ที่ทำเอาเหม่ยหลินแทบทรุดตอนท้องแรก
“ทีนี้เจ้าก็จะได้มีผู้สืบทอดบัลลังก์เสียทีนะ”อู๋หมิงว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน
“ใช่ พวกขุนนางดีใจกันมากที่รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชาย”ไป๋จูเหวินตอบพลางหัวเราะออกมา
“แล้ว…เรื่องนั้นล่ะ”อู๋หมิงถามพลางมองไปที่ท้องของเหม่ยหลิน
“เป็นมนุษย์ ไม่มีอะไรเจือปนเลย”ไป๋จูเหวินตอบด้วยท่าทีกังวลเล็กน้อย ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ แต่บุตรชายของไป๋จูเหวินเกิดมาโดยไม่มีพลังอสูรเหมือนกับไป๋หลิน แม้จะเป็นเรื่องดีที่ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังอสูรของลูกและแม่ตีกัน แต่มันออกจะแปลกไปหน่อยที่ลูกที่เกิดกับไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินจะไม่มีพลังอสูร ตอนนี้พวกมันก็ได้แต่เดาเท่านั้นว่าเพราะพลังวิญญาณของทั้งสองสูงมากกว่าตอนที่ตั้งท้องไป๋หลินมาก ทำให้พลังอสูรไม่สามารถแทรกเข้ามามนร่างของทารกได้เท่านั้น
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก แค่ให้เกิดมาแข็งแรงก็ดีมากแล้ว”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มบางๆนางไม่ได้สนใจหรอกว่าบุตรชายที่เกิดมาจะมีพลังระดับไหน หรือแข็งแกร่งหรือไม่
“นั่นสิ พวกเจ้าคิดจะให้ลูกทำอะไรกันถึงมาห่วงเรื่องพลังอสูรแบบนี้”หยุนฟางถามพลางอุ้มบุตรชายตนเองที่กำลังหลับด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ก็..แข็งแกร่งมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือไง”อู๋หมิงกระแอมพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“ข้าแค่กังวลนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา การที่บุตรชายไม่ได้พลังอสูรมาด้วย นั่นอาจจะหมายความว่าบุตรชายของมันไม่ได้เลือดของมารดาแมงมุมมาด้วยนั่นเอง มันออกจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับไป๋จูเหวินก็ว่าได้
“ถ้าท่านอยากให้ลูกเรามีพลังอสูรก็รอจนลูกโตค่อยให้เขากลืนแก่นอสูรก็ได้ ยังไงยาที่หลิวเซียนพัฒนาแล้วก็ได้ผลมากเลยไม่ใช่หรือไง”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มมองสามีตนเองด้วยท่าทีอ่อนโยน นางเข้าใจว่าทำไมไป๋จูเหวินถึงกังวล แต่ในเมื่อบุตรชายไม่มีพลังอสูรก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้
“อืม..”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มรับ ไม่ว่าจะมีเลือดของมารดาแมงมุมหรือไม่มันก็ไม่ได้รักลูกของมันน้อยลงแต่อย่างไรอยู่แล้ว แถมเรื่องที่เหม่ยหลินพูดก็มีเหตุผล ยาที่หลิวเซียนปรับปรุงจากประสบการณ์ของชิงชิวนั้นได้ผลดีมาก เพียงกินยากดพลังวิญญาณเอาไว้ขณะกลืนแก่นอสูรลงไป พลังวิญญาณและพลังอสูรจะไม่ตีกัน และปล่อยให้พลังอสูรเข้าเปลี่ยนร่างกายของผู้กินอย่างรวดเร็ว กว่าพลังวิญญาณจะกลับมาในบ้านของมันก็มีพลังอสูรอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นยาที่ได้ผลและมีความเสี่ยงน้อยมากเมื่อเทียบกับตัวเก่า
.
.
“เสด็จพ่อ ท่านคิดว่าไง”ขณะเดียวกันที่อาณาจักรเฉิน เฉินคุณผู้เป็นองค์ชายคนโตพาองค์จักรพรรดิเฉินมายังชายแดนระหว่างอาณาจักรไป๋และเฉิน ตอนนี้ทางรถไฟถูกติดตั้งไปทีละน้อยแล้ว อีกไม่นานก็จะวิ่งผ่านอาณาจักรเฉินด้วยเช่นกัน แน่นอนว่ามันทะลุไปถึงอาณาจักรกู่ด้วยเพราะพวกมันตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรไป๋แล้วนั่นเอง
“อืม…ไม่นึกว่าจะลงเอยแบบนี้”องค์จักรพรรดิเฉินพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย การค้าระหว่างอาณาจักรอื่นๆไม่ได้ถูกยกเลิก เพราะอาณาจักรกู่ไม่เหลืออำนาจจะมากดดันอาณาจักรอื่นๆอีกแล้ว ทำให้อาณาจักรอื่นๆตัดสินใจค้าขายกับอาณาจักรของมันต่อและยังเปิดกว้างกับการค้าขายกับอาณาจักรไป๋ด้วย แม้จะยังไม่ได้ยอมให้ทางรถไฟเข้ามา แต่ก็ส่งคนของตนเองเข้าไปค้าขายในอาณาจักรไป๋มากขึ้น
“ทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณภรรยาของเจ้า ช่างโชคดีจริงๆที่วันนั้นเจ้าตัดสินใจไปบุกอาณาจักรไป๋”จักรพรรดิเฉินพูดพลางยิ้มออกมาอย่างโล่งอก วันนั้นมันปวดหัวแทบบ้าที่เฉินคุณยกทัพไปบุกอาณาจักรไป๋เพื่อชิงตัวหลิวมู่เฉิน แต่วันนี้มันกลับได้ตัวนางช่วยเอาไว้ ทำให้มันได้ทราบแล้วว่าวันนั้นไม่ใช่สิ่งที่บุตรชายทำพลาด แต่เป็นมันต่างหากที่ตัดสินใจพลาดไป
ยามนี้อาณาจักรกู่ไม่แม้แต่จะหาเรื่องอาณาจักรเฉิน พวกมันเก็บหางเงียบไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น แถมการที่มันเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรไป๋ยังทำให้อาณาจักรข้างเคียงอื่นๆเกรงอกเกรงใจอีกต่างหาก เรียกได้ว่าการค้ารุ่งเรื่องกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก แถมไม่ต้องกังวลใจอะไรกับเรื่องสงครามอีกแล้ว เพราะไป๋จูเหวินประกาศเกล้าเอาไว้แล้วว่าอาณาจักรเฉินคือพันธมิตร นั่นเท่ากับว่าพวกมันคือหนึ่งในพันธมิตรของอาณาจักร ไป๋ อู๋ ชิน ชู นั่นเอง นับจากนี้อาณาจักรของมันคงสงบร่มเย็นไปอีกหลายชั่วอายุคนทีเดียว