บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 374 เดินทางตามหาเรื่องราว
ตอนที่ 374
เดินทางตามหาเรื่องราว
“หัวหน้า มีรายงานมาว่าวันนี้จะมีขบวนเสด็จขององค์หญิงจากอาณาจักรไป๋ขอรับ”นายทหารคนหนึ่งในอาณาจักรจินที่อยู่ทางเหนือของอาณาจักรไป๋เข้ามารายงานหัวหน้าทหารที่ประจำการอยู่ที่เมืองชายแดนด้วยท่าทีรีบร้อนอย่างมาก
“แล้วยังไง ก็แค่ปล่อยขบวนผ่านไปไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องทำท่าแตกตื่นขนาดนั้น”หัวหน้าทหารถามพลางวางเอกสารบนโต๊ะลงด้วยท่าทีประหลาดใจ ก็แค่เชื้อพระวงศ์จะผ่านทาง สำนักวังหลวงก็เลยสั่งมาให้เปิดทางให้ แบบนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือยังไง แถมอาณาจักรไป๋กับจินเองก็ค้าขายกันอยู่แล้ว คนธรรมดาก็ผ่านกันตามปกติ เชื้อพระวงศ์จะขอผ่านก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องกังวลเข้าไปใหญ่
“โถ่ หัวหน้า องค์หญิงของอาณาจักรไป๋เลยนะขอรับ องค์หญิงไป๋หลินที่ว่ากันว่างดงามที่สุดในแผ่นดินเลยนะขอรับ”นายทหารพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก หากพูดถึงองค์หญิงไป๋หลินแล้วละก็ย่อมต้องนึกถึงความงามล่มเมืองที่สามารถก่อสงครามได้สบาย โชคดีที่พระองค์อยู่ในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และไร้คู่ต่อสู้ไม่อย่างนั้นคงมีบางอาณาจักรยกทัพไปชิงตัวแล้วแน่ๆ
“เจ้า…ยังมาทำงานได้ไม่ถึง 2 ปีใช่ไหม”หัวหน้าทหารพูดพลางเริ่มทำงานของตัวเองต่อไป
“ขอรับ”นายทหารหยักหน้าด้วยท่าทีงงๆ การที่องค์หญิงจะเสด็จมามีอะไรเกี่ยวกับอายุงานของมันงั้นหรือ
“ยังไงก็ทำใจไว้หน่อยแล้วกัน กลับไปทำงานได้”หัวหน้าทหารพูดพลางโบกมือไล่นายทหารให้กลับไปเฝ้าประตูยามตามปกติ
“อะไรกัน ทำไมต้องทำใจด้วย”นายทหารบ่นพลางเดินกลับมาเฝ้าที่ประตูตามเดิม หรือว่าจริงๆแล้วองค์หญิงไป๋หลินไม่ได้งดงามอย่างคำล่ำลือ แต่แค่มีคนประโคมข่าวเท่านั้นมันถึงต้องทำใจเอาไว้ก่อนที่องค์หญิงจะเสด็จมากัน
“จะว่าไป ทุกคนดูไม่ตื่นเต้นกันเลยแฮะ”นายทหารว่าพลางมองไปรอบๆ พวกทหารยามคนอื่นๆที่ทำงานกันมาก่อนมันไม่มีใครมีท่าทีตื่นเต้นเหมือนกันเลย มีแต่พวกที่ทำงานมาไม่นานเท่านั้นที่พากันตั้งหน้าตั้งตารอ
วูม!!! อยู่ๆสายลมสายหนึ่งก็พัดเข้ามาทำเอานายทหารหลายๆคนพากันตกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่
“ท่านหัวหน้าหน่วย บนฟ้า บนฟ้าขอรับ”นายทหารคนเดิมโวยวายทันทีพร้อมวิ่งเข้าไปหาทหารวัยกลางคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเช่นกัน
“อ่อ มาแล้วสินะ”หัวหน้าหน่วยว่าพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทีเฉยๆ
“หัวหน้าหน่วย ท่านไม่เห็นหรือขอรับ นั่นมันมังกรนะขอรับ มันจะมาโจมตีเมืองของเราหรือเปล่า”นายทหารถามด้วยท่าทีร้อยรน ทำเอาหัวหน้าหน่วยถอนหายใจออกมา
“นี่มันยุคไหนแล้วยังไม่รู้อีกหรือไงว่าอสูรของอาณาจักรไป๋ไม่โจมตีมนุษย์”หัวหน้าหน่วยว่าพลางเดินกลับไปทำงานตามปกติ
“เอ๊ะ อาณาจักรไป๋”นายทหารเหมือนพึ่งนึกได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง มังกรสีขาวมี 6 ปีกลวดลายเหมือนหินอ่อน หากจำไม่ผิดน่าจะเป็นอสูรขององค์หญิงไป๋หลินไม่ผิดแน่
“เสียใจด้วยนะ เห็นพวกเจ้าเฝ้ารออยากได้เห็นองค์หญิงกันสักครั้ง แต่ท่านมากี่ครั้งก็อยู่บนหลังอสูรยักษ์เท่านั้น แค่เส้นผมก็ยังไม่ได้เห็นเลย”หัวหน้าหน่วยตอบด้วยท่าทีเฉยเมย เมื่อก่อนพวกมันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่บนหลังขอองแมงมุมยักษ์อย่างหลินหลินพวกมันไม่มีทางมองเห็นตัวองค์หญิงได้เลย คราวนี้อยู่บนหลังมังกรยิ่งไม่มีทางเห็นตัวเข้าไปใหญ่
“อะไรกัน”นายทหารใหม่ต่างพากันเสียดายกันเป็นแถว อย่าว่าแต่พระองค์เป็นดอกฟ้าที่ได้แต่มองเลย นี่แค่จะมอองยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“พี่ชิว พี่แน่ใจเหรอว่าที่อาณาจักรจินไม่มีเขตอสูรที่พี่ทู่เยว่พูดถึง”ไป๋หลินถามพลางมองลงมาจากบนหลังของไป๋ไป่
“ไม่มีขอรับ พวกเราติดต่อกับอาณาจักรจินอยู่แล้ว มีการส่งนักล่าอสูรเข้าไปสำรวจหลายรอบก็ไม่พบว่ามีรายงานเรื่องเขตอสูรที่มีสภาพเหมือนทุ่งดอกไม้เลยขอรับ”ชิงชิวิตอบพลางเปิดอ่านรายงานของกลุ่มนักล่าอสูรที่หงเยว่ส่งมาให้ เพราะอาณาจักรอื่นๆไม่มีกลุ่มนักล่าอสูร ทำให้บางครั้งพวกมันก็จะจ้างกลุ่มนักล่าอสูรของไป๋จูเหวินไปช่วยจัดการอสูรอยู่บ้าง ทำให้พวกมันพอจะมีข้อมูลของอาณาจักรอื่นๆอยู่กับมือ
นอกจากข้อมูลของหงเยว่แล้วพวกชิงชิวยังได้ข้อมูลมาจากไช่จินอีกต่างหาก ทำให้ได้รายระเอียดในอาณาจักรต่างๆมาไม่น้อย ทำให้ชิงชิวสามารถสรุปได้ว่าในอาณาจักรที่อิทิพลของไช่จินและกลุ่มนักล่าอสูรไปถึงไม่มีเขตอสูรที่ทู่เยว่พูดถึง ทำให้เป้าหมายของไป๋หลินคราวนี้คือการเดินทางไปยังอาณาจักรที่อยู่เลยอาณาจักรจินไปอีกนั่นเอง
“แต่บางทีข้อมูลอาจจะผิดพลาดก็ได้ เราไม่ลองลงไปหาข่าวกันหน่อยเหรอ”ไป๋หลินถามพลางมองลงไปในเมืองด้วยท่าทีสนใจ
“ถ้าอยากจะเที่ยวก็เอาไว้ไปเที่ยวตอนข้ามอาณาจักรนะไป๋น้อย”ไป๋ไป่ดักคอไป๋หลินเอาไว้ก่อนเพราะเห็นได้ชัดเลยว่าไป๋หลินแค่อยากลงไปเที่ยวในอาณาจักรจินเท่านั้น
“ค่า….”ไป๋หลินรับคำพลางนั่งอยู่บนหลังของไป๋ไป่อย่างสงบเสงี่ยม ตอนนี้ไป๋ไป่สามารถบินข้ามอาณาจักรไป๋ไปยังอาณาจักรจินได้เลยเพราะอาณาจักรไป๋และจินเป็นเพื่อนบ้านกัน แค่ไป๋จูเหวินส่งจดหมายบอกองค์จักรพรรดิของอาณาจักรจินก็ปล่อยไป๋หลินผ่านได้สบาย แต่การผ่านทางระหว่างอาณาจักรจินไปยังอาณาจักรอื่นที่ไม่ได้มีอาณาเขตใกล้กับอาณาจักรไป๋ก็ต้องผ่านตามระเบียบ จะให้ไป๋ไป่บินผ่านไปเลยแบบที่ทำเมื่อครู่ไม่ได้
“ทำไมต้องปิดหน้าด้วย”ทันทีที่มาถึงชายแดนของอาณาจักรจินกับอาณาจักรยี่ถงซึ่งเป็นอาณาจักรที่อยู่ทางเหนือของอาณาจักรจิน ไป๋หลินที่ใส่ผ้าคลุมหน้าเอาไว้ก็ทำให้ทหารยามเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที
“ขออภัยพี่ๆทหารด้วย”ชิงชิวว่าพลางยื่นตราของจักรพรรดิจินขึ้นมา การเดินทางในอาณาจักรจินนั้นไป๋หลินได้รับการรับรองจากองค์จักรพรรดิจินโดยตรง ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแต่อย่างไร ทันทีที่ยื่นตราออกไปให้เหล่าทหารดูพวกมันก็ปล่อยให้ชิงชิว ไป๋ไป่ ไป๋หลิน และ น้าราชสีห์ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
“เอาล่ะ ทีนี้เราก็คงต้องสืบข่าวกันก่อน”ราชสีห์เพลิงว่าพลางเดินเข้าไปในเมืองชายแดนของอาณาจักรยี่ถง ในอาณาจักรนี้พวกมันจะคืนร่างกันไม่ได้เพราะอาณาจักรนี้ยังอยู่ห่างจากอาณาจักรไป๋มาก อสูรเลยยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่
“ท่านน้า เราแยกกันไปหาข่าวดีหรือไม่”ไป๋หลินถามพลางยิ้มบางๆ
“ไม่ได้ น้าต้องดูแลเจ้า”ราชสีห์เพลิงปฏิเสธในทันที เพราะไป๋จูเหวินเตือนมันมาแล้วว่าห้ามตามใจไป๋หลินมากเป็นอันขาด
“โถ่ท่านน้า พวกเราแยกกันหาข่าวจะได้เจอไวๆยังไงล่ะเจ้าคะ”ไป๋หลินอ้อนพลางเกาะแขนเสื้อของรายสีห์เพลิงหลวมๆ
“องค์หญิง”อยู่ๆเสียงของชิงชิวก็ดังขึ้นทำให้ไป๋หลินชะงักไปทันที นางมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรรวมทั้งพลังของราคะ มีแต่ชิงชิวเท่านั้นที่ไม่โดนพลังอะไรของนางเลย
“องค์จักรพรรดิยอมให้ท่านมาเพราะมีท่านราชสีห์เพลิงกับพี่ไป๋ไป่คอยดูแลนะขอรับ ถ้าแยกกันเกรงว่าองค์จักรพรรดิจะไม่ยอม”ชิงชิวว่าพลางกอดอกนิ่ง ตอนนี้ไป๋หลินอยู่ในอาณาจักรที่ไม่ได้ติดต่อกับอาณาจักรไป๋มาก แม้จะรู้จักกับเชื้อพระวงศ์และขุนนางระหว่างร่วมงานฉลอง แต่ประชาชนไม่ได้รู้จักไปด้วย ชิงชิวไม่ยอมให้เกิดความเสี่ยงอะไรขึ้นทั้งนั้น
“ก็ได้เจ้าค่ะ”ไป๋หลินก้มหน้ายอมแพ้ ชิงชิวในโหมดจริงจังแบบนี้ไป๋หลินเถียงไปก็เอาชนะไม่ได้หรอก ทำให้ไป๋หลินได้แต่ร่วมกันสอบถามข้อมูลของเขตอสูรกับน้าราชสีห์เพลิงเท่านั้น
“ยัยเด็กนั่นมันอะไร ทำไมขาวไปทั้งตัวแบบนั้น”ระหว่างสอบถามชาวบ้านตามร้านค้าและตลาด อยู่ๆก็มีเสียงของชายกลุ่มหนึ่งดังขึ้น หากพูดเรื่องสีขาวไปทั่งตัวละก็คงไม่มีใครเข้าข่ายไปมากกว่าพี่ไป๋ไป่อีกแล้ว
“น่ากลัวว่ะ ทำเอานึกถึงเรื่องเล่าของยายเลย”ชายอีกคนพูดพลางมองมาทางไป๋ไป่ด้วยท่าทีหวาดๆ
“สหาย พวกท่านพูดกันเสียงดังเกินไปแล้วนะ”ชิงชิวว่าพลางเดินเข้าไปหาชายกลุ่มนั้น พวกมันเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาไม่มีกำลังฝีมือแต่อย่างไรชิงชิวจึงไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหาเรื่อง แต่ที่มันห่วงคือถ้าปากเจ้าพวกนี้เกิดพาลไปกระตุกต่อมอะไรไป๋ไป่เข้า พวกมันตายก่อนจะได้วิ่งแน่ๆ แต่ก็ยังต้องนับว่าพวกมันยังดวงดีอยู่มากที่พูดเรื่องสีของไป๋ไป่ไม่ได้พูดเรื่องน้ำหนัก…
“อึก…ก็นังนั่นมันประหลาดจริงๆนี่นา”ชายที่โดนต่อว่าตะโกนกลับมาเสียอย่างนั้นพลางชี้มาทางไป๋ไป่อีกต่างหาก
“สหายใจเย็นก่อน อย่าพูดจาอะไรรุนแรง”ชิงชิวเหงื่อตก คราวนี้นอกจากจะไม่ใช่แค่เปลี่ยนจากนินทาเป็นตะโกนโต้งๆแล้วอีกฝ่ายยังชี้ใส่ไป๋ไป่อีกต่างหาก
“ผมก็ขาว ตัวก็ขาว ดวงตายังจะเกือบขาวอีก แบบนั้นมันเหมือนฝันร้ายสีขาวจะตายไป”ชายอีกคนว่าพลางมองมาทางไป๋ไป่ด้วยท่าทีหวาดระแวง
“ฝันร้ายสีขาว?”ชิงชิวขมวดคิ้วเพราะตนเองไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“หืม…น่าสนใจนี่ ฝันร้ายสีขาวที่ว่าพวกเจ้ารู้มามากน้อยแค่ไหนกัน”ราชสีห์เพลิงถามพลางเดินเข้ามาหาชายกลุ่มนั้นด้วยท่าทีสนอกสนใจ ฝันร้ายสีขาว ชื่อนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาอสูรแมงมุม นายหญิงของเหล่าน้าๆนั่นเอง
“เอ่อ…มันเป็นตำนานที่บรรพบุรุษของพวกเราเล่าต่อๆกันมานานมากแล้ว”ชายคนนั้นตอบพลางมองไปทางราชสีห์เพลิงด้วยท่าทีกลัวๆ พวกมันไม่มีพลังวิญญาณเลยไม่ทราบว่าอีกฝ่ายมีหรือไม่มีพลังวิญญาณกันแน่ แต่ขนาดตัวก็ทำเอาพวกมันไม่กล้าสู้ได้แล้ว เพราะร่างมนุษย์ของราชสีห์เพลิงนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่มีร่างกายกำยำและมีหนวดเคราสีแดงเพลิงไปทั้งใบหน้าจนเหมือนร่างราชสีห์ของมันเองไม่มีผิด
“ว่ากันว่าวันหนึ่งฝันร้ายสีขาวก็ปรากฏกาย ร่างของมันขาวไปทั้งตัวราวกับจะส่องสว่างได้ในความมืด มันทำลายอาณาเมืองทุกเมืองที่ผ่านทางโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น”ชายคนนั้นเล่าพลางถอยห่างราชสีห์เพลิงไปอีกนิด
“อืม ท่าทางเมืองนี้จะเป็นเมืองที่ย่าของเจ้าเดินทางผ่านนะไป๋หลิน”ราชสีห์เพลิงสรุปพลางกลับไปหาไป๋หลินด้วยท่าทีอารมณ์ดี จะว่าไปอสูรแมงมุมก็มาจากทางเหนือนี่นะ ถึงแม้จะไม่ทราบว่ามาจากไหนก็ตาม
“ท่านย่าแมงมุมเหรอเจ้าคะ”ไป๋หลินกระพริบตาปริบๆก่อนจะมองไปทางพวกชายหนุ่มที่ทำท่าจะหนีกันแล้ว
“ใช่ เป็นนางไม่ผิดแน่”ราชสีห์เพลิงยิ้มออกมาพลางนึกถึงความหลังที่ตนเองได้พบกับอสูรแมงมุม ตอนแรกพวกมันตกใจกันมากที่มีอสูรที่แข็งแกร่งอย่างมากบุกเข้ามาในเขตอสูรของพวกมัน แต่เพราะนางอยู่ในเขตระหว่างป่าเมฆาอัสนีกับสันเขาทองคำไม่ได้เข้ามายุ่งกับเขตของราชสีห์เพลิงมันก็เลยไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่หลังจากการปรากฏตัวของไป๋จูเหวิน นางก็เปลี่ยนไปเดินไปมาตามเขตแดนของพวกมันเป็นว่าเล่น แถมยังเหมือนจะยึดเขตอสูรทั้งหมดให้ไป๋จูเหวินอีกต่างหาก แต่นึกถึงตอนนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หากไม่มีเหตุการณ์ในตอนนั้นป่านนี้พวกมันก็คงยังเฝ้าเขตอสูรของตนเองต่อไป ไม่ได้สนิทสนมกันเช่นทุกวันนี้ หรือไม่ก็อาจจะโดนหวงหลงมังกรทองที่ตอนนี้หลับอยู่ใต้ต้นท้ออสูรฆ่าตายไปตั้งแต่วันที่มันบุกมาแล้วก็เป็นได้