บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 382 ตั้งใจฝึกฝน
ตอนที่ 382
ตั้งใจฝึกฝน
ตูม!!! เสียงดังสนั่นที่ทำเอาอสูรในเขตอสูรผาไร้ก้นพากันแตกตื่นกันยกใหญ่ หากมใช่เพราะทราบกันอยู่แล้วว่าเสียงนี้มาจากราชสีห์เพลิงพวกมันคงได้รีบบุกเข้าดูแล้วว่าเสียงเกิดจากอะไรกันแน่
“ยอดเลยท่านลุง ทรงพลังสุดๆ”เด็กชายคนหนึ่งพูดพลางปรบมือด้วยท่าทีชอบใจ
“เมื่อกี้เร็วเกือบจะเท่าท่านพ่อเลย”เด็กหญิงอีกคนพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ไม่ได้เรื่อง”พยัคฆ์อัสนีที่นั่งอยู่ด้านหลังราชสีห์เพลิงพูดพลางส่ายหน้าช้าๆต่างกับเด็กๆที่กำลังชื่นชมกันอย่างสุดตัว
“ทำไมล่ะท่านพ่อ”เด็กชายถามพลางมองมาทางพยัคฆ์อัสนี
“มันใช้เวลารวบรวมพลังนานเกินไป เอาไปสู้จริงคงมีแต่ตายเท่านั้น”พยัคฆ์อัสนีส่ายหน้าด้วยท่าทีเสียดาย เจ้าสิงโตอุตส่าห์มาขอความช่วยเหลือจากมัน ที่ไหนได้มาขอวิธีพุ่งทะยานให้รวดเร็วที่สุดเสียอย่างนั้น
ตอนแรกก็ฟังดูดีที่จะใช้ความเร็วของท่าอัสนีข้ามฟ้าผสมกับความรุนแรงของชุดกระบวนท่าของราชสีห์เพลิง แต่การใช้ 2 กระบวนท่าพร้อมกันจำเป็นต้องใช้พลังมากเช่นกัน แค่หมัดเพลิงพิโรธธรรมดาๆที่ราชสีห์เพลิงใช้ได้เหมือนหมัดธรรมดายังต้องใช้เวลารวบรวมพลังพอๆกับตอนจะใช้หมัดเพลิงพิฆาตเลย แบบนี้หากจะใช้ท่าที่มีกำลังทำลายจริงๆคงต้องรวบรวมพลังเป็นสิบนาทีเลยกระมัง
“จริงของเจ้า”ราชสีห์เพลิงตอบพลางเดินกลับมาที่หาสหายและลูกๆของมัน
“คงไม่มีศัตรูที่ไหนโง่พอจะให้คู่ต่อสู้รวบรวมพลังอยู่เป็นสิบนาทีแน่ๆ”ราชสีห์เพลิงว่าพลางนั่งลงข้างๆหลานชายหลานสาวของมัน
“แต่..ถ้าคู่ต่อสู้มองไม่เห็นว่ากำลังใช้ท่านี้อยู่ล่ะ”ราชสีห์เพลิงถามพลางยิ้มออกมา หากเป็นชิงชิวที่สามารถล่องหนหายตัวได้มันย่อมมีเวลารวบรวมพลังอยู่แล้ว ยามปกติมันสามารถใช้วิชาลอบสังหารของมันได้ตามปกติ แต่หากเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตนเองมากๆเข้า มันจะได้มีเขี้ยวเล็บเอาไว้ตอบโต้
.
.
ในช่วงนี้ราชสีห์เพลิงกำลังคิดค้นวิชาใหม่อยู่นั้นที่พักของนางพญาผีเสื้อก็มีแขกผู้หนึ่งเข้ามาขอพบ นางเป็นแขกที่คุ้นหน้าคุ้นตากับพวกนางพญาผีเสื้อเป็นอย่างดี
“เจ้าว่าอะไรนะ”อสูรนกที่ตอนนี้ใช้ชื่อว่าฟงเหนียนถามเมื่อไป๋ไป่เดินเข้ามาหาตน
“ข้าอยากเรียนรู้ท่าโจมตีของท่านเจ้าค่ะ”ไป๋ไป่ตอบพลางจ้องมองดวงตาของฟงเหนียนในร่างมนุษย์อย่างจริงจัง
“แต่ ข้าเป็นอสูรธาตุลม เจ้าเป็นอสูรธาตุดินนะ”ฟงเหนียนว่าพลางกระพริบตาปริบๆ ปกติเหล่าอสูรจะใช้ความสามารถของธาตุที่ตัวเองถนัดในการต่อสู้ อย่างอสูรธาตุลมที่เน้นความว่องไวจะไปสอนอะไรอสูรธาตุดินที่เน้นความแข็งแกร่งได้กัน
“แต่ข้าอยากบินโจมตีได้เหมือนท่านนี่นา”ไป๋ไป่ว่าพลางส่งสายตาขอร้องไปให้ ทำเอาฟงเหนียนไม่ทราบจะทำเช่นไรดี
“กะ ก็ได้….”ฟงเหนียนถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะพาไป๋ไป่ออกไปที่ลานด้านนอก ตอนนี้พวกนางเข้ามาอาศัยในเขตของจื่อหนิง เพราะตัวนางไปอยู่กับไก่ฟ้าหงอนทองแล้ว ทำให้พื้นที่ตรงนี้มีที่ให้บินได้สบายทีเดียว
“ไหนเจ้าลองบินให้ข้าดูหน่อย”ฟงเหนียนพูดจบก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ทันที ปีกของนางยังไม่หายดีช่วงนี้นางยังไม่สามารถบินได้
“เจ้าค่ะ”ไป๋ไป่ตอบรับพลางเปลี่ยนร่างเป็นมังกรในทันที ปีกสีขาว 6 ปีกของนางไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็งดงามจริงๆ แถมความเร็วในการฟื้นฟูยังไวกว่าฟงเหนียนมาก นางเป็นอสูรธาตุดินที่แข็งแกร่งและยังสามารถบินได้อีกต่างหาก นับว่านางค่อนข้างโกงอยู่ไม่น้อย
“ร่างกายของเจ้าใหญ่ การจะบินโฉบไปมาคงทำได้ยาก”ฟงเหนียนว่าพลางมองการเคลื่อนไหวของไป๋ไป่ วงเลี้ยวของนางค่อนข้างกว้าง ทำให้การเคลื่อนไหวดูออกง่ายตรงกันข้ามกับฟงเหนียนที่ร่างอสูรมีขนาดเล็ก ทำให้สามารถบินไปมารอบๆตัวไป๋ไป่ได้โดยไม่โดนโจมตีเลย
“อย่าพูดเรื่องตัวใหญ่สิเจ้าคะ”ไป๋ไป่ทำหน้าบึ้งเมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์ของฟงเหนียน แต่เรื่องขนาดตัวในร่างอสูรของไป๋ไป่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้นี่นา เพราะพ่อของนางเป็นมังกรธรณีที่ตัวใหญ่กว่าภูเขาเสียอีก หากมไม่ใช่เพราะแม่ตัวเล็กนางคงมีขนาดไม่ต่างจากมังกรธรณีแน่ๆ
“แต่ปีกของเจ้าคล่องแคล่วดี น่าจะหาทางทำอะไรกับปีกของเจ้าได้”แม้การเคลื่อนไหวทั้งร่างจะช้า แต่ปีกของไป๋ไป่ก็เคลื่อนไหวได้เหมือนมนุษย์บังคับแขนเลย ทำให้การโจมตีในเวลาไป๋ไป่อยู่บนพื้นค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว
“มีอะไรกันงั้นเหรอ”ระหว่างกำลังให้คำปรึกษาไป๋ไป่อยู่นั้น นางพญาผีเสื้อฮัวหลานก็เดินเข้ามาชมดูด้วยอีกตน
“นั่นเจ้าหนู 6 ปีกนี่นา”นางพญาผึ้ง หลี่มี่ พูดพลางชี้ไปบนท้องฟ้า ยาวนี้นางกับฟงเหนียนไม่สามารถบินได้ รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปมากทีเดียว
“นางมาขอร้องให้สอนท่าโจมตีให้นางน่ะ”ฟงเหนียนเล่าพลางมองไป๋ไป่ที่บินอยู่ด้านบน
“นางไม่มีจะงอยปากนี่นา จะใช้ท่าของเจ้าได้งั้นหรือ”หลี่มี่ถามด้วยท่าทีสงสัย ท่าโจมตีของฟงเหนียนเน้นแทงทะลวงด้วยจะงอยปากในร่างอสูรของนาง แต่มังกรไม่มีจะงอยปาก จะใช้เขี้ยวก็กระไรอยู่
“ท่าของเจ้าเป็นการหมุนควงเพื่อเพิ่มแรงทะลุทะลวงนี่ ทำไมไม่ลองให้นางใช้ปีกแทงแบบนั้นดูล่ะ”ฮัวหลานเสนอพลางมองขึ้นไปทางไป๋ไป่
“น่าสนใจนะเจ้าคะ”ฟงเหนียนพยักหน้าช้าๆพลางส่งเสียงเรียกให้ไป๋ไป่ลงมาฟังข้อเสนอของนางพญาผีเสื้อ
.
.
“เอ๋ ข้าหรือขอรับ”อีกด้านหนึ่งของวังหลวง ชิงชิวที่โดนองค์มเหสีเรียกตัวเข้าไปพบก็ได้ทราบข่าวน่าตกใจจากองค์มเหสีเอง
“ใช่ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือไป๋หลินเอาไว้ ข้าไม่คิดว่าจะมีใครเหมาะสมกว่าเจ้าอีกแล้ว”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มบางๆออกมา
“จะดีหรือขอรับ…”ชิงชิวกระพริบตาปริบๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“ตัวเจ้ามีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรเพียงคนเดียวที่มีพลังใกล้เคียงกับไป๋หลิน แถมยังเป็นคนเดียวที่สามารถไว้ใจได้”ไป๋จูเหวินที่นั่งอยู่ข้างๆว่าพลางยื่นตำราเทพประสานให้กับชิงชิว
นับตั้งแต่ตัวไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินพัฒนาพลังมาจนห่างจากระดับของไป๋หลินมามาก พวกมันก็ไม่สามารถฝึกฝนวิชาเทพประสานกับไป๋หลินได้อีก ทำให้การเพิ่มพลังของไป๋หลินช้ากว่าตอนพวกไป๋จูเหวินฝึกมากนัก ยามนี้ไป๋หลินเจอเหตุการณ์จนมุมเข้านางจึงพยายามขอร้องให้มารดาของนางช่วยฝึกฝนพลังของนาง แต่ไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินไม่รู้จักวิชาไหนจะฝึกฝนได้รวดเร็วเท่าวิชาเทพประสานอีกแล้ว แต่เพราะพวกมันฝึกกับไป๋หลินไม่ได้ก็มีทางเดียวคือหาคนที่สามารถฝึกร่วมกับไป๋หลินได้นั่นเอง
หลังจากส่งจดหมายไปขอความเห็นชอบจากต้าชิงและต้าเฉิน ในที่สุดไป๋จูเหวินก็สามารถสอนวิชาเทพประสานให้กับคนหนึ่งคนที่มันไว้ใจให้มาฝึกร่วมกับไป๋หลินได้ แต่คนๆนั้นต้องไว้ใจได้ทั้งเรื่องเก็บความลับของวิชาเทพประสาน และสามารถไว้ใจให้ดูแลไป๋หลินได้เช่นกัน ทำให้ทั้งไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินแทบจะไม่ต้องคิดนานเลย เพราะคนที่เข้าท่าที่สุดคงหนีไม่พ้นชิงชิวผู้นี้นี่เอง
“โลกนี้กว้างใหญ่มาก ข้าไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรมาถึงบุตรสาวข้าอีก”ไป๋จูเหวินว่าพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆ
“หวังว่าวันนั้นมาถึงเจ้าจะคอยช่วยเหลือนางนะ”ได้ยินคำฝากฝังจากไป๋จูเหวิน ชิงชิวก็แทบจะน้ำตาคลอเบ้า ไป๋จูเหวินเป็นเหมือนเทพผู้มาโปรดสำหรับชาวอาณาจักรไป๋ แม้แต่ชิงชิวก็ไม่เว้น แม้ช่วงนี้จะได้อยู่ใกล้ชิดท่าน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ชิงชิวจะไม่หยุดชื่นชมท่านเลย
“ขอรับ ข้าจะพยายามขอรับ”ชิงชิวว่าพลางรับตำราเทพประสานที่ไป๋จูเหวินเขียนออกมาด้วยความยินดี หรือนี่จะเป็นของตอบทนที่องค์หญิงบอกกันนะ
“พี่ชิว ท่านรีบอ่านเข้านะ”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มให้กับชิงชิว ทำเอาตัวมันอดหน้าแดงไม่ได้ แม้ปกติมันจะฝึกวิชาร่วมกับไป๋หลินอยู่บ่อยๆก็ตาม แต่ก็ฝึกแต่กระบวนท่าเสียมากกว่า การฝึกฝนพลังวิญญาณร่วมกันแบบนี้ทำเอามันจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทีเดียว
หลังจากได้รับตำราเทพประสานมา ชิงชิวก็ตั้งใจอ่านตำราเทพประสานในทันทีที่ออกมาจากวังขององค์จักรพรรดิที่ถูกเรียกตัวไป ไม่ทราบเพราะความตั้งใจที่จะฝึกวิชาหรือมีเจตนาใดแอบแฝง ชิงชิวจดจำวิชาเทพประสานได้ในคืนเดียวเท่านั้น เมื่อยามเช้ามาถึง ชิงชิวก็พร้อมที่จะลองฝึกกับไป๋หลินในทันที
“พวกเจ้าพร้อมกันแล้วนะ”หลังจากทราบว่าชิงชิวอ่านจนเข้าใจเนื้อหาวิชาเทพประสานจนครบถ้วนแล้ว เหม่ยหลินก็พาทั้งสองไปฝึกที่ลานฝึกที่ไป๋หลินมักจะใช้ฝึกร่วมกับตนเอง ที่นี่ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวาย แถมยังมีพลังวิญญาณหนาแน่นไม่เลวเลย เป็นสถานที่ฝึกที่ดีมากจุดหนึ่งในวังหลวงเลยก็ว่าได้
“งั้น องค์หญิง ข้าขออนุญาตนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางเลื่อนมือไปจับมือของไป๋หลินเอาไว้ ตลอดมาพวกมันอยู่ด้วยกันตลอด แต่ก็แทบจะไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกันเสียเท่าไหร่ การได้จับมือกับไป๋หลินแบบนี้ทำเอาหัวใจของชิงชิวเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว
วูบ…ทันทีที่เริ่มฝึก ไป๋หลินก็ส่งพลังของตนเองเข้ามาหาชิงชิวทันที นางเคยฝึกแบบนี้มาตั้งแต่ในท้อง ทำให้การฝึกวิชาเทพประสานของไป๋หลินเป็นธรรมชาติมาก ทำให้ชิงชิวเองสามารถฝึกได้ง่ายไปด้วยเช่นกัน
วูม!!! อยู่ๆพลังสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในร่างของชิงชิว มันไม่ใช่พลังวิญญาณหรือพลังอสูร แต่มันคือพลังมาร นี่คืออีกสาเหตุที่เหม่ยหลินไม่สามารถฝึกวิชาเทพประสานกับไป๋หลินได้อีกเลย เพราะพลังมารของไป๋หลินเข้ามาแทรกแซงการฝึกฝนวิชาเทพประสานนั่นเอง ทำให้การฝึกต้องหยุดลงทุกครั้งที่เหม่ยหลินโดนพลังมารเข้ารบกวน
แน่นอนนี่เป็นอีกเหตุผลที่ชิงชิวถูกเลือกมาฝึกร่วมกับไป๋หลิน วิชาเทวะปราบมารในร่างของชิงชิวมีผลต่อต้านพลังมารของไป๋หลินอยู่แล้ว แม้พลังมารจะไหลเข้ามาในร่างของชิงชิวก็ไม่สามารถทำอะไรชิงชิวได้ แม้จะมีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่พลังวิญญาณและพลังอสูรของไป๋หลินจะพัฒนาไปโดยที่พลังมารไม่ได้พัฒนาขึ้น แต่พลังมารของราคะอาศัยพลังวิญญาณของไป๋หลินในการพัฒนาอยู่แล้ว เมื่อพลังวิญญาณเพิ่มขึ้น ไม่นานพลังมารก็จะเพิ่มตามมาเอง
“พี่หญิง”ฝึกไปได้ไม่ถึงชั่วโมง อยู่ๆร่างของไป๋ชินอี้ก็เดินเข้ามาในลานฝึกเสียอย่างนั้น ทั้งมารดาและพี่สาวของมันมาอยู่ที่นี่กันหมดแถมบิดาของมันยังประชุมอยู่อีกต่างหาก มันเลยต้องมาหาพวกนางด้วยตัวเอง
“ชินอี้ มีอะไรงั้นเหรอ”ไป๋หลินหยุดการฝึกก่อนครู่หนึ่งพลางมองมาทางชินอี้ที่กำลังทำหน้าหงอยๆ
“พี่บอกข้าว่าถ้ามีมีดเล่มนี้ข้าจะสามารถไปเที่ยวข้างนอกได้ ข้าก็เลยอยากจะไปเที่ยวข้างนอกกับพี่หญิง”ชินอี้พูดพลางส่งสายตาน่าสงสารมาทางไป๋หลิน
“พี่ชิว….”การฝึกยังไม่ถึงไหนแท้ๆ แต่น้องชายผู้น่ารักมาขอร้องต่อหน้าแบบนี้จะให้นางทนได้อย่างไร
“งั้นหลังจากกลับมาเราค่อยมาฝึกต่อนะขอรับ”ชิงชิวหัวเราะพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้จะฝึกไปได้ไม่ถึงชั่วโมง แต่ชิงชิวก็สัมผัสได้ถึงความเหลือเชื่อของวิชาเทพประสานแล้ว ขอเพียงหมั่นฝึกฝนพลังวิญญาณและพลังอสูรของทั้งคู่ต้องพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้มากแน่ๆ