บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 402 จับหมั้น
ตอนที่ 402
จับหมั้น
“………”ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ในที่สุดแม่ของชิงชิวก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที เพียงแต่ทันทีที่นางตื่นนางก็พบว่าตนเองอยู่ในบ้านและห้องนอนของตนเองเสียแล้ว
นี่หรือว่าทั้งหมดนางจะฝันไป? บางทีชิงชิวอาจจะยังไม่ได้กลับมาที่บ้าน และไม่ได้มีเรื่องการหมั้นหมายอะไรเกิดขึ้นแต่อย่างไรก็เป็นได้
“ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”เสียงหวานใสราวกระดิ่งลมที่ดังมาจากข้างหูตนเองทำให้แม่ของชิงชิวแทบไม่เชื่อหู หลังจากกลั้นใจฝืนหันไปมองที่มาของเสียงใบหน้าของแม่ชิงชิวก็แข็งเป็นหินไปทันที
“ท่านแม่ ท่านอาการดีขึ้นหรือยังเจ้าคะ”ภาพองค์หญิงไป๋หลินที่ยามนี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าหนาๆปิดบังตนเองอีกแล้วช่างเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ยิ่งเป็นภาพที่นางกำลังนั่งอยู่ในห้องนอนของตนแล้วเรียกหาตนเองว่าท่านแม่เช่นนี้แล้ว
“อะ องค์หญิงจริงๆ”แม่ของชิงชิวยังไม่หายอึ้ง แต่แค่ไม่สลบไปอีกรอบก็ถือว่าดีมากแล้ว
“ท่านแม่เรียกข้าว่าไป๋หลินก็พอเจ้าค่ะ”ไป๋หลินยิ้มหวานพลางใช้ดวงตาสีเขียวตรวจสอบอาการของแม่ชิงชิว ร่างกายของนางปกติดี มีเพียงอาการตกใจเท่านั้นที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้
“ท่านแม่ดื่มนี่ก่อนนะเจ้าคะ”ไป๋หลินยิ้มพลางส่งยาต้มให้แม่ของชิงชิว น่าเสียดายที่แม่ของชิงชิวไม่มีพลังวิญญาณทำให้ไม่สามารถใช้สมุนไพรระดับสูงๆได้ แต่เท่านี้ก็มากพอสำหรับทำให้แม่ของชิงชิวแข็งแรงขึ้นแล้ว
“องค์หญิงเพคะ ทะ ท่านไม่ต้องลำบาก”แม่ของชิงชิวยังสลัดคำว่าองค์หญิงออกจากหัวไม่ได้ นางไม่ใช่แค่องค์หญิงของอาณาจักร แต่นางคือบุตรสาวของไป๋จูเหวิน ชายที่ช่วยอาณาจักรเอาไว้ ไม่มีประชาชนคนไหนไม่รู้สึกเกรงใจอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ อีกไม่นานข้าก็จะกลายเป็นลูกสาวของท่านเหมือนกันแล้ว”ไป๋หลินยิ้มหวานพลางกุมมือทั้งสองข้างของแม่ชิงชิวเอาไว้
“ข้าหวังว่าท่านแม่จะยินดีรับข้าเป็นลูกสาวนะเจ้าคะ”ไป๋หลินยิ้มเจื่อนๆออกมาด้วยท่าทีไม่มั่นใจ ทำเอาแม่ของชิงชิวแทบจะหัวใจวายตาย
“ไม่หรอกเพคะองค์หญิง ไม่มีหญิงใดดีเท่าองค์หญิงอีกแล้วเพคะ”แม่ของชิงชิวรีบตอบรับทันทีเมื่อเห็นไป๋หลินมีท่าทีกังวล
“แต่ท่านแม่ยังไม่ยอมเรียกข้าว่าไป๋หลินเลยนี่เจ้าคะ จริงๆแล้วท่านยังไม่ยอมรับข้าแน่ๆ”ไป๋หลินทำหน้าเศร้าเล็กน้อยพลางส่งสายตาละห้อยไปทางแม่ของชิงชิว เรียกได้ว่าโจมตีเข้ากลางหัวใจของนางเลยทีเดียว
“ไม่หรอกอง….หนูไป๋หลิน ได้หนูมาเป็นสะใภ้ก็ไม่มีใครโชคดีเท่าแม่อีกแล้ว”แม่ของชิงชิวตอบพลางยิ้มกว้าง
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านแม่”ไป๋หลินยิ้มตอบอย่างดีใจเมื่อเห็นนางยอมเรียกตนเองว่าไป๋หลินเสียที
“ว่าแต่….พูดจริงๆนะหนูไป๋หลิน ทำไมถึงมาเลือกลูกชายแม่ล่ะ”แม่ของชิงชิวถามด้วยท่าทีประหลาดใจ บอกตามตรงนางไม่คิดว่าลูกชายตนเองจะมีดีขนาดให้องค์หญิงของอาณาจักรมาหลงรักได้หรอก
เรื่องนั้น…”พอได้ยินคำถามของท่านแม่ ไป๋หลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที นางพลันใช้ดวงตาสีม่วงมองไปรอบๆเพื่อดูว่าชิงชิวอยู่รอบๆหรือไม่ แต่เหมือนก่อนหน้านี้ชิงชิวบอกว่าจะพาน้องไปเดินเล่นกันที่แม่น้ำท่าทางมันจะยังไม่กลับมาทำให้ในบ้านมีแต่นางกับแม่ของชิงชิวเท่านั้น
“จริงๆแล้วตอนแรกข้ารู้สึกว่าพี่ชิวรับมือยากเจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ชิงชิวไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆที่เข้ามาในชีวิตของไป๋หลิน มันเคารพนางที่นางเป็นองค์หญิงก็จริง แต่ด้วยหน้าที่ของมันทำให้มันเป็นคนที่ต้องคอยตามและคุมไป๋หลินไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ยิ่งหลังจากเรียนวิชาเทวะปราบมารชิงชิวก็เป็นเพียงไม่กี่คนที่ไป๋หลินหว่านล้อมไม่ได้ นอกจากท่านพ่อและท่านแม่แล้วก็มีชิงชิวนี่ล่ะที่นางดื้อด้วยไม่ค่อยได้
“ตอนพี่ชิวดุข้าก็น่ากลัวมากเลย แต่พี่ชิวก็ใจดีกับข้ามากเหมือนกัน”ไป๋หลินอมยิ้มพลางนึกถึงสมัยก่อน ช่วงแรกๆชิงชิวต้องคอยจับตาไป๋หลิน ทำให้นางทำอะไรตามใจแบบแต่ก่อนไม่ได้ เวลาชิงชิวเอาจริงไป๋หลินก็ต้องเป็นฝ่ายอมเช่นกัน แต่เรื่องไหนปล่อยได้ชิงชิวก็จะไม่ว่าอะไร จริงๆแล้วชิงชิวออกจะใจดีกับนางเกินไปเสียด้วยซ้ำ
“แถมพี่ชิวยังช่วยชีวิตข้าเอาไว้ด้วย…แล้วก็คอยดูแลข้าตลอด”ไป๋หลินหน้าแดงขึ้นมาเมื่อนึกถึงช่วงหลังๆที่ตนอยู่กับชิงชิว นับวันชิงชิวก็ยิ่งเหมือนรู้ใจนางมากขึ้น อาจจะเรียกว่าความใกล้ชิดก็ได้ ยิ่งเริ่มฝึกวิชาเทวะปราบมารด้วยกันก็เหมือนพวกตนใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานไป๋หลินก็ต้านทานความรู้สึกผูกพันที่มีมาตลอดไม่ไหวแล้วสารภาพความในใจกับชิงชิวไป แน่นอนว่าชิงชิวก็คิดเช่นเดียวกันกับนางแต่เพราะมันเป็นองครักษ์เลยไม่อาจพูดกับนางตรงๆได้ แต่ในเมื่อไป๋หลินเองก็รู้สึกตรงกัน นางกับชิงชิวเลยแอบคบหากันตั้งแต่ตอนนั้น
“เด็กคนนั้นเป็นเด็กดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงจะชอบแอบไปฝึกวิชาก็เถอะ”แม่ของชิงชิวพูดพลางมองท่าทีเขินอายของไป๋หลินอย่างมีความสุข ตอนแรกนางสงสัยว่าองค์หญิงไป๋หลินเนี่ยนะจะมาหลงรักบุตรชายของตน แต่ท่าทางของไป๋หลินเมื่อครู่ได้บอกออกมาหมดแล้วว่านางหลงรักชิงชิวจริงๆ และชิงชิวเองก็รักนางเช่นกัน ต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่องค์หญิงไป๋หลิน แต่หากทั้งสองมีความรู้สึกแบบนี้แม่อย่างนางก็คงไม่ขวางความต้องการของทั้งสองหรอก
“แม่เชื่อว่าชิงชิวจะต้องดูแลหนูได้แน่ๆ ยังไงก็ฝากลูกชายแม่ด้วยนะ”ได้ยินแม่ของชิงชิวพูดเช่นนั้นไป๋หลินก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยใบหน้ามีความสุข
“ท่านแม่….”แต่ยิ้มได้ไม่นานอยู่ๆไป๋หลินก็เหมือนนึกอะไรได้
“เรื่องที่ข้าพูดเมื่อครู่ท่านอย่าไปบอกพี่ชิวนะ”ไป๋หลินหน้าแดงจัดขึ้นมาทันที ทำเอาแม่ของชิงชิวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู แน่นอนนางจะไม่บอกลูกชายของนางแน่นอน ก็ลูกสะใภ้คนสวยขอทั้งทีนี่นา
.
.
“เจ้าว่าไงนะ”หญิงสาวคนหนึ่งถามพลางมองหญิงสาวรอบๆที่เข้ามารวมตัวกันในบ้านหลังหนึ่ง
“พี่ชิวนะเหรอพาคู่หมั้นกลับมาบ้าน”หญิงสาวอีกคนพูดด้วยท่าทีตกใจ หลังจากข่าวเรื่องชิงชิวจะหมั้นแพร่ออกไป ไม่นานชิงชิวก็พาหญิงสาวคนหนึ่งกลับมาที่บ้าน เพียงแต่หญิงสาวที่พามากลับปิดหน้าปิดตาเสียจนผิดสังเกต ทำเอาข่าวลือแปลกๆว่อนไปทั่วหมู่บ้านเลยทีเดียว
“ใช่ คู่หมั้นของพี่ชิวทำไมถึงปิดหน้าปิดตาแบบนั้นกัน หรือว่านางขี้เหร่มากจนไม่กล้าเปิดหน้า”หญิงคนหนึ่งถามด้วยท่าทีไม่พอใจ ตั้งแต่ชิงชิวเข้าไปทำงานในวังหลวงก็ไม่มีข่าวเรื่องคนรักเลย ทำให้พวกนางพยายามขอให้แม่หรือยายของตนไปขอร้องป้าชิงให้คุยเรื่องหมั้นหมายตนเองกับชิงชิวอยู่บ่อยๆ แต่เพราะชิงชิวไม่ว่างกลับบ้านเสียทีเรื่องก็เลยไม่ถึงไหน แต่ที่ไหนได้ พอชิงชิวกลับบ้านมาก็พาคู่หมั้นกลับมาเสียแล้ว ทำเอาพวกนางแห้วกันหมด
“ทำไมพี่ชิงถึงไปเลือกผู้หญิงคนนั้นกัน”หญิงสาวคนหนึ่งถามด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ข้าว่านางต้องเป็นลูกของคนใหญ่คนโตแน่ๆ ไม่อย่างนั้นพี่ชิวคงไม่หมั้นกับนางหรอก”หญิงสาวอีกคนเสนอ เพราะไป๋หลินปิดหน้าปิดตาเสียแน่นหนาขนาดนั้นประกอบกับท่าทีเหมือนจะเสียใจอย่างมากของป้าชิงทำให้ข่าวลือเรื่องคู่หมั้นของชิงชิวไปในทางที่ไม่ดีนัก สุดท้ายเหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านต่างก็คิดว่าคู่หมั้นของชิงชิวคงเป็นคนขี้เหร่หรือพิกลพิกาลแน่ๆกระมัง เมื่อประกอบกับเงินที่ชิงชิวส่งมาที่บ้านมันเริ่มมากจนผิดปกติ ทำให้หลายๆคนพากันเดาว่าชิงชิวอาจจะถูกจับหมั้นกับลูกของคนใหญ่คนโตสักคนทั้งๆที่ชิงชิวไม่ยินยอมก็ได้
“แบบนั้นน่าสงสารพี่ชิวไม่ใช่หรือไง พวกเราไปบอกท่านป้าชิงกันเถอะว่าการทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง”หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางชี้ไปที่บ้านของชิงชิวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ก็จริง พี่ชิวออกจะมีความสามารถ ได้ข่าวว่าได้เป็นถึงองครักษ์หลวงเลย อนาคตของพี่ชิวต้องมืดหม่นแน่ๆหากต้องแต่งงานกับยัยนั่น”หญิงสาวอีกคนว่าพลางพาเหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านมุ่งหน้าไปที่บ้านของชิงชิวทันที
ปึง!! พวกนางล้วนแล้วแต่เป็นลูกสาวหรือหลานสาวของเพื่อนบ้านชิงชิวทั้งนั้นแถมเพราะอยากจะหมั้นหมายกับชิงชิวเลยพยายามหาเรื่องเข้าไปพูดคุยหรือช่วยเหลือแม่ของชิงชิวเสมอ ทำให้พวกนางแต่ละคนต่างเข้าออกบ้านของแม่ชิงชิวเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นทุกคนก็เข้าไปในบ้านของชิงชิวเพื่อพบป้าชิงตามที่เคยทำเป็นประจำทันที
“……..”แต่ภาพที่พวกนางได้เห็นกลับทำเอาขาของพวกนางพากันชะงักค้างไม่ยอมเดินต่อแม้แต่คนเดียว ยามนี้เบื้องหน้าพวกนางคือแม่ของชิงชิวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นผู้พยุงมา นางไม่ใช่คนในหมู่บ้านและยังอยู่กับแม่ของชิงชิวอีกต่างหาก ทำให้เดาได้ไม่ยากว่านางคือคู่หมั้นของชิงชิวนั่นเอง เพียงแต่ยามนี้นางไม่ได้สวมผ้าปิดบังร่างกายแต่อย่างไร
“………”ฝั่งไป๋หลินเองก็อึ้งไปเช่นกัน นางมัวแต่ประคองท่านแม่มานั่งพักก็เลยไม่ได้สนใจพวกสาวๆที่เดินกันเข้ามา ตอนแรกไป๋หลินสัมผัสได้ว่ามีคนจำนวนมากเดินผ่านหน้าบ้านของชิงชิวก็ไม่คิดว่าอยู่ๆจะเปิดประตูพรวดเข้ามาแบบนี้นี่นา
ตุบ…..ท่าทางในหมู่บ้านนี้จะมีคนขวัญอ่อนไม่น้อย เด็กสาวบางคนถึงกับสลบไปเมื่อเห็นองค์หญิงของอาณาจักรอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว ส่วนคนที่ยังไม่สลบก็ได้แต่ยืนแข็งค้างไม่ทราบจะทำอะไรดี
“ถวายบังคมเพคะองค์หญิง”อยู่ๆหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้มหัวลงพื้นจนแทบกระแทกกับพื้นบ้าน ทำเอาหญิงสาวคนอื่นๆที่ยังไม่สลบไปพากันก้มหัวตามๆกัน
“ท่านแม่…..”ไป๋หลินไม่ทราบจะทำอย่างไรดี ท่าทางเรื่องที่นางมาที่นี่จะปิดเป็นความลับไม่ได้อีกแล้ว
“ท่านแม่? หรือว่าคู่หมั้นของพี่ชิวคือ….”เหล่าสาวๆที่ได้ยินไป๋หลินเรียกแม่ของชิงชิวว่าท่านแม่ต่างพากันตกใจกันถ้วนหน้า ท่าทางเรื่องคู่หมั้นของชิงชิวคือใครก็คงความแตกแล้วเช่นกัน
.
.
“…….พี่ชิว ทำไมบ้านเราคนเยอะจัง”ชิงหมิงถามขณะแบกเบ็ดตกปลากลับมาที่บ้านในตอนเย็น
“เอ่อ….”ชิงชิวทราบทันทีว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะที่หน้าบ้านของชิงชิวปรากฎรถม้าของเจ้าเมือง รวมทั้งสัมผัสได้ถึงพลังอสูรและพลังวิญญาณอีกหลายจุดในบ้าน ท่าทางความจะแตกเสียแล้วกระมัง