บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 408 ผิดสังเกต
ตอนที่ 408
ผิดสังเกต
“พี่ชิว วันนี้เราไปที่ตลาดกันดีหรือไม่”ไป๋หลินที่กำลังเดินออกจากวังของตนเองพูดพลางหันไปถามคู่หมั้นของตัวเองด้วยท่าทียิ้มแย้ม ช่วงนี้งานของท่านพ่อยุ่งเป็นพิเศษทำให้ไป๋หลินและชินอี้มีเวลาว่างมากเกินไป
“ก็ได้ขอรับ แต่….”ชิงชิวว่าพลางมองไปรอบๆ
“เราไปกันแค่สองคนดีไหม”ชิงชิวยิ้มพลางกุมมือไป๋หลินเบาๆ ในวังมีผู้คนและอสูรมากมายทำให้ทั้งสองไม่ค่อยมีเวลาจะอยู่ด้วยกันตามลำพังสักเท่าไหร่ ยิ่งชินอี้ตามติดไป๋หลินไม่ยอมห่างทำให้ส่วนใหญ่ชิงชิวต้องอยู่กับชินอี้และไป๋หลินพร้อมๆกันเสียมากกว่า นานๆทีชิงชิวก็เลยอยากจะได้อยู่กับไป๋หลินสองต่อสองบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหนีออกไปนะ”ไป๋หลินยิ้มพลางมองมาทางชิงชิวด้วยใบหน้าทะเล้น
“แล้วน้องหลินจะได้รู้ว่ามีคนหนีเก่งกว่าเจ้าแล้ว”ชิงชิวว่าพลางยิ้มกว้างออกมา นานๆทีจะหนีไปเที่ยวกันบ้างก็ไม่เลวนักหรอก
“พี่หญิง พี่ชิว พวกท่านจะไปไหนกันหรือ”ยังไม่ทันได้เริ่มแอบหนีเที่ยวกัน ไป๋ชินอี้ก็เข้ามาทักพวกมันเสียก่อน ทำให้ทั้งชิงชิวทั้งไป๋หลินสะดุ้งโหยง
“พวกเราจะไปตลาดกันนะน้องอี้”ชิงชิวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“งั้นข้าไปด้วยนะขอรับ”ชินอี้ว่าพลางยิ้มกว้าง มันวิ่งเข้ามาหาไป๋หลินพลางดึงชายเสื้อเอาไว้เหมือนเด็กขอตามพ่อแม่ ทำให้ไป๋หลินได้แต่ถอนหายใจแล้วพามันไปด้วยเท่านั้น
“ช่วงนี้พี่ไป๋ยุ่งมากเลย มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”ระหว่างทางนอกจากชินอี้แล้ว แม้แต่ไป๋ไป่ยังเข้ามาร่วมทาง ท่าทางแผนการอยู่ด้วยกันสองต่อสองจะล่มเสียแล้ว
“ดูเหมือนอาณาจักรเผิงจะมีเรื่องปะทะกับอาณาจักรอื่นไปทั่ว ท่านพ่อก็เลยโดนอาณาจักรอื่นๆส่งมาขอความช่วยเหลือตลอดเลย”ไป๋หลินว่าพลางถอนหายใจออกมา ปกติไป๋จูเหวินก็ยุ่งอยู่แล้ว ด้วยภาระหน้าที่ขององค์จักรพรรดิแล้ว ทำให้เวลาอยู่กับลูกๆลดลงมาก สำหรับไป๋หลินแล้วตอนนี้แม้จะได้อยู่กับพ่อ แต่ก็เหมือนห่างกันกว่าตอนที่ตนอยู่ที่เขตอสูรเสียอีก แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะยามนี้ไป๋จูเหวินกลายเป็นองค์จักรพรรดิ ไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรอีกต่อไปแล้ว
“ทำไมอาณาจักรเผิงถึงได้มีเรื่องมากมายนักเล่า”ไป๋ไป่ถามด้วยความสงสัย พวกนางพึ่งไปเที่ยวชมอาณาจักรเผิงมาเมื่อปีที่แล้ว กลุ่มที่ก่อกบฏมีจำนวนไม่มากนัก แถมพวกมันยังว่าง่ายมากทีเดียว ไป๋ไป่ไม่ทราบเลยว่าทำไมอาณาจักรเช่นนั้นถึงได้มีเรื่องปะทะกับอาณาจักรอื่นๆเหลือเพียงอาณาจักรไป๋เท่านั้นที่ไม่เกิดเรื่องอะไรเลย
“ข้าทราบมาว่าพวกอาณาจักรเผิงรุกล้ำไปพื้นที่อาณาจักรอื่นๆบ่อยๆ ทำให้เกิดการปะทะกัน อาณาจักรพวกท่านก็เลยขอความช่วยเหลือจากองค์จักรพรรดิขอรับ”ชิงชิวตอบออกมาตามที่ตนทราบ ยามนี้แม้มันจะยังติดตามดูแลไป๋หลินไม่ห่างเช่นเดิม แต่ขอบเขตงานของชิงชิวนั้นเปลี่ยนไปมาก เพราะมันเป็นว่าที่ราชบุตรเขยไปแล้ว ทำให้มันต้องรับงานช่วยเหลือไป๋จูเหวินในบางครั้งเช่นกัน ยามนี้ชิงชิวรู้เรื่องราวเกี่ยวกับงานของไป๋จูเหวินมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
“ทำไมต้องมาขอให้พี่ไป๋ช่วยด้วยล่ะ พวกนั้นไม่ได้เป็นพันธมิตรกับเรานี่นา”ไป๋ไป่ถามด้วยท่าทีสงสัย
“เพราะอาณาจักรเผิงไม่ขัดใจอาณาจักรไป๋ขอรับ ข้าเองก็ไม่ทราบทำไม แต่พอองค์จักรพรรดิขอร้องเรื่องอะไร อาณาจักรเผิงก็ไม่เคยปฏิเสธเลย”ชิงชิวตอบ ทั้งนี้เพราะชินอี้กำชับเหล่าอสูรให้เชื่อฟังอาณาจักรไป๋นั่นเอง แต่ชินอี้ไม่เคยสั่งให้เชื่อฟังอาณาจักรอื่นๆที่อยู่รอบๆ แถมชินอี้ยังสั่งให้พวกมันรวบรวมอสูรเก่งๆมาอีกต่างหาก ทำให้พวกอสูรต่างเดินทางเข้าไปสำรวจดินแดนต่างๆจนเกิดปัญหาขึ้นบ่อยๆ แต่บอกตามตรงว่าชินอี้ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่มันสนใจที่สุดหาใช่กองทัพอสูรหรือปัญหาของประชาชนอาณาจักรเผิงไม่ แต่เป็นพี่สาวของมันคนเดียวเท่านั้น
.
.
“น้องหลิน”ชิงชิวพูดพลางนั่งลงข้างๆไป๋หลินภายในวังของชิงชิวที่ถูกสร้างขึ้นข้างๆวังของไป๋หลินพอดี
“มีอะไรหรือพี่ชิว”ไป๋หลินถามพลางหันมามองชิงชิวด้วยท่าทีสงสัย
“ข้าคิดเรื่องนี้มานานแล้วนะ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะลำบากใจข้าเลยไม่ได้พูดออกมา”ชิงชิวว่าพลางแสดงสีหน้ากังวลออกมา
“พี่ชิว ข้าเป็นคู่หมั้นของท่านนะ ยิ่งมีเรื่องลำบากใจท่านก็ยิ่งต้องบอกข้าไม่ใช่หรือไง”ไป๋หลินว่าพลางทำหน้ามุ่ย
“มันเป็นเรื่องที่พูดยากข้าก็เลยไม่มั่นใจว่าจะบอกเจ้าดีหรือไม่”ชิงชิวว่าพลางถอนหายใจออกมา
“ทำไมท่านถึงได้ลำบากใจนัก หรือว่าท่านมีหญิงสาวที่อยากจะรับมาเป็นบ้านเล็กของท่านกัน”ไป๋หลินถามพลางจ้องมองชิงชิวด้วยสายตาอาฆาต
“ไม่ใช่หรอก ข้ามีเจ้าทั้งคนยังจะไปสนใจหญิงอื่นอีกงั้นหรือ”ชิงชิวรีบปฏิเสธทันที เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในหัวชิงชิวเลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ชิงชิวอยู่กับไป๋หลินตลอดเวลา จะไปมีเวลาหาผู้หญิงคนอื่นจากไหนกัน
“แล้ว เป็นเรื่องอะไรกันล่ะเจ้าคะ”ไป๋หลินถามพลางจ้องมาทางชิงชิวนิ่ง
“เรื่องของชินอี้..”ชิงชิวตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ความจริงชิงชิวสัมผัสความผิดปกติของชินอี้มาแต่แรกแล้ว แต่เพราะเกรงใจไป๋หลินเลยไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น
“ชินอี้ทำไมหรือ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีสงสัย
“ข้ากำลังสงสัยว่าชินอี้อาจจะโดนพลังของราคะเข้า ก็เลยท่าทีแบบนั้น”ชิงชิวพูดออกมาด้วยท่าทีฝืนๆ การกล่าวหาชินอี้ที่เป็นน้องชายแท้ๆของไป๋หลินนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก
“ท่านคิดมากไปเท่านั้นเอง ชินอี้ก็แค่หวงพี่สาวตามประสาน้องชายเท่านั้นเอง ท่านคิดว่าข้าจะพูดแบบนั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางหันมามองชิงชิว
“งั้นน้องหลินก็….”ชิงชิวอึ้งไปเมื่อได้ยินคำถามของไป๋หลิน
“ท่านคิดว่าข้าไม่รู้หรือไง อารมณ์หึงหวงของชินอี้ไม่ธรรมดาเลย หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ชินอี้ก็พยายามแกล้งท่านตลอดเลยไม่ใช่หรือไง”ไป๋หลินถอนหายใจพลางเอนตัวไปซบไหล่ของชิงชิวเบาๆ ถึงนางจะบอกว่าแกล้ง แต่เพราะชิงชิวเอาตัวรอดได้ตลอด เลยจบที่เป็นการแกล้งเล่นเท่านั้น บางครั้งก็ทำเอาชิงชิวเกือบแย่ไปเหมือนกัน แถมบางครั้งไป๋หลินยังสัมผัสจิตสังหารจากชินอี้ได้อีกต่างหาก
“ข้าอยากจะลองใช้วิชาเทวะปราบมารกับชินอี้ดู เจ้าคิดว่าอย่างไร”ชิงชิงถามพลางกำหมัดแน่น พริบตานั้นแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นที่มือของชิงชิวช้าๆ
“ข้าเห็นด้วยนะ ถ้าชินอี้โดนพลังของราคะจริง นี่อาจจะช่วยได้ ดูอย่างองค์ชายอินสิงสิ หลังจากนั้นก็ไม่กลับมาเจอข้าอีกเลย”ไป๋หลินตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ไม่นานทั้งสองคนก็วางแผนที่จะให้ชินอี้มากับพวกตนและให้ชิงชิวใช้พลังเทวะปราบมารกับชินอี้เสีย ซึ่งการชักชวนชินอี้มาพบไป๋หลินนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
.
.
“พี่หญิง ท่านมีอะไรงั้นหรือ”ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกอะไรทั้งนั้น เพียงบอกให้ชินอี้มาหาตนเองชินอี้ก็มาตามนัดอย่างง่ายดาย
“ชินอี้ เจ้ามาก็ดีแล้ว มานั่งตรงนี้สิ”ไป๋หลินว่าพลางบอกให้ชินอี้มานั่งข้างๆตนเอง ที่ด้านข้างของไป๋หลินนั้นมีชิงชิวและไป๋ไป่อยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ทั้งสองจะอยู่กับไป๋หลิน
“ขอรับ…”ชินอี้ทำหน้างงพลางนั่งลงข้างๆไป๋หลิน
“เจ้าทำตัวตามสบายนะ”ไป๋หลินว่าพลางจับตัวชินอี้เอาไว้ ด้วยพลังของนาง ต่อให้ชินอี้ใช้กำลังทั้งหมดก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้ เมื่อมั่นใจว่าจับชินอี้เอาไว้แล้วไป๋หลินก็พยักหน้าให้ชิงชิวเพื่อบอกให้มันลงมือ
หมับ…ชิงชิวจับไปที่แขนของชินอี้พลางส่งพลังเทวะปราบมารเข้าไปในร่าง หากชินอี้โดนพลังของราคะครอบงำละก็ชิงชิวจะทราบทันที
“อากกกก”ทันทีที่ชิงชิวส่งพลังเทวะปราบมารเข้าไป ชินอี้ก็ร้องออกมาพลางพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของไป๋หลิน แต่เพราะไป๋หลินมีกำลังมากกว่าหลายเท่า ทำให้ชินอี้ไม่สามารถดินหลุดจากมือของไป๋หลินได้
“เป็นพลังของราคะจริงๆ”ชิงชิวกัดฟันกรอดพลางส่งพลังเข้าไปมากกว่าเดิม ภายในตัวของชินอี้นั้นมีพลังของราคะตกค้างอยู่มากกว่าองค์ชายอินสิงเสียอีก อาจจะเพราะชินอี้อยู่กับไป๋หลินตลอดเวลา ไม่เหมือนอินสิงที่มาเจอนางนานๆครั้งก็ได้
“ปล่อย”ชินอี้คำรามพลางพยายามผลักร่างของชิงชิวออก แต่ระดับพลังของชิงชิวก็ไม่ต่างจากไป๋หลินเลย กำลังของชินอี้ไร้ผลโดยสิ้นเชิง
“อากกก”ไม่นานชินอี้ก็สลบไป ทำให้ไป๋หลินใจหายวาบ
“ชินอี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”ไป๋หลินถามพลางมองอาการของชินอี้ที่สลบไปเสียแล้ว ไหนพี่ชิวบอกว่าชินอี้จะไม่เป็นอะไรไง
“พลังมารที่เข้าไปในตัวชินอี้หน้าแน่นมาก กว่าจะเอาออกมาได้ก็สร้างภาระให้ชินอี้มากทีเดียว”ชิงชิวตอบพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะทำให้ชินอี้สลบไป แต่พลังของราคะก็ถูกเอาออกไปแล้ว
“ไป๋น้อย พาชินอี้ไปพักเถอะ”ไป๋ไป่ที่นั่งดูอยู่ว่าพลางบอกให้ไป๋หลินพาชินอี้ไปพักที่ห้องของตน โชคดีจริงๆที่คราวนี้รู้ก่อนว่าชินอี้กำลังมีท่าทีแปลกๆ ไม่อย่างนั้นหากเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่ทราบเลยว่าชินอี้จะทำอะไรลงไปบ้าง ดูจากอาการของอินสิงแล้ว คนที่โดนพลังของราคะทำให้รักอีกฝ่ายหัวปักหัวปำนั้นดูน่ากลัวมากทีเดียว
.
.
หลังจากขับพลังของราคะออกจากร่างของชินอี้ ชิงชิวก็ไปแจ้งข่าวให้ไป๋จูเหวินได้ทราบ แน่นอนว่าตัวไป๋จูเหวินเองก็มีความกังวลว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ทำให้ไป๋จูเหวินกล่าวขอบคุณชิงชิวออกมาอย่างโล่งอก เพียงแต่…
“………”ร่างของชินอี้ลุกขึ้นมาในกลางดึกหลังจากสลบไปนาน พลังของมารราคะหายไปจากร่างมันแล้ว มันสมควรหายจากอาการหลงรักพี่สาวตนเองจนหัวปักหัวปำเหมือนกับอินสิง
“…พี่หญิง”ชินอี้ว่าพลางมองไป๋หลินที่นอนหลับอยู่ข้างๆตัวมัน เพราะนางทำให้ชินอี้สลบก็เลยอยู่เฝ้าชินอี้ไม่ไปไหน แต่พอชินอื้ตื่นแล้วนางกลับหลับไปข้างๆมันเสียอย่างนั้นทั้งๆที่ปกติผู้ใช้พลังวิญญาณไม่จำเป็นต้องหลับก็ได้แท้ๆ
“เกราะแมงมุมแข็งแกร่งจริงๆ ข้าเจาะไม่เข้าเลย”เสียงๆหนึ่งพูดออกมาพลางเลื้อยขึ้นมาอยู่ที่ไหล่ของชินอี้ มันเป็นหนอนปรสิตตนหนึ่งที่มีขนาดเท่กำไลข้อมือเท่านั้น
“ข้านึกว่าพี่หญิงจะไม่โดนพิษอะไรเสียอีก”ชินอี้ว่าพลางมองร่างของไป๋หลินที่หลับอยู่ข้างๆตน เจ้าอสูรปรสิตที่อยู่บนไหล่ของชินอี้นั้นเป็นอสูรที่มีความสามารถพิเศษที่ชินอี้สนใจมากทีเดียว
“เสียงของข้าไม่ได้นับเป็นพิษเสียหน่อยนะองค์ชาย”อสูรปรสิตรูปร่างเหมือนหนอนตอบพลางยิ้มออกมา เจ้าหนอนตัวนี้ระดับพลังไม่สูงมาก แต่กลับมีความสามารถพิเศษตรงที่หางของมันจะสามารถส่งเสียงบางอย่างออกมาได้ เมื่อได้ยินเสียงนี้ไประยะหนึ่งไม่ว่าจะเป็นอสูรระดับสูงหรือมนุษย์ระดับเจ้าสวรรค์ก็จะมีอาการง่วงขึ้นมาได้ แต่ในยามปกติมันไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายหลับได้ แต่หากเป็นช่วงเวาเฝ้าไข้ที่ไม่ได้มีอันตรายอะไรโอกาสที่จะทำให้อีกฝ่ายหลับได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แถมไป๋หลินยังพึ่งคลายกังวลเรื่องชินอี้อีกต่างหาก ทำให้นางเผลอหลับไปโดยไม่ระวังจนได้
“พี่หญิง เราไปที่อื่นกันเถอะ ข้าไม่อยากให้ท่านอยู่กับคนอื่นอีกแล้ว”ชินอี้ว่าพลางเก็บมีดสั้นของตนเองเข้าไปในแหวนมิติ ไม่นานหลังจากนั้นอสูรจำนวนหนึ่งก็เข้ามาที่วังของชินอี้อย่างรวดเร็ว
แม้ยามนี้ชินอี้จะไม่ได้โดนพลังของราคะครอบงำอีกแล้ว แต่น่าเสียดายที่ชินอี้โดนพลังของราคะตั้งแต่แรกเกิด ตั้งแต่วันแรกที่ไป๋หลินพยายามจะอุ้มชินอี้ขึ้นมา นางก็เผลอใช้พลังของราคะใส่ชินอี้ไปเสียแล้ว ทำให้ตลอดชีวิตชินอี้โดนพลังของราคะครอบงำมาตลอด แม้จะโดนกำจัดพลังของราคะไปแล้ว ตัวชินอี้ที่จิตใต้สำนึกโดนพลังของราคะชักนำมาตลอดก็ไม่ได้ได้ต่างไปจากเดิมเลย มันยังคงรักพี่สาวตนเองเหนือทุกสิ่ง และจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งพี่สาวของมันไปเช่นเดิม ยามนี้ชินอี้เตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว แม้จะใช้เวลาเป็นปีก็ตาม