บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 414 จงระวัง
ตอนที่ 414
จงระวัง
“จำเอาไว้ ที่อาณาจักรชินมีสถานที่หนึ่งห้ามเข้าไปเด็ดขาด”ชินอี้พูดพลางมองไปยังอสูรกิเลนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก เพราะตัวชินอี้นั้นทราบดีว่าปู่ของตนนั้นแข็งแกร่งเพียงไร หากไม่เข้าไปในแดนลับแลของชินหลุน โอกาสที่อสูรกิเลนจะถูกจัดการก็น้อยมาก
“ที่นั่นเรียกว่าแดนลับแล มันอยู่บนยอดเขาที่สูงเทียมฟ้า และเต็มไปด้วยม่านหมอกปกคลุม หากเข้าไปละก็เจ้าอาจจะพ่ายแพ้ได้”ชินอี้พูดเน้นย้ำกับอสูรกิเลนอย่างหนักแน่น แต่อสูรกิเลนกลับไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวนัก ในชีวิตมันยามนี้มันพึ่งพบอสูรที่เก่งกว่าตัวมันเพียง 2 ตนเท่านั้นคือมังกรอัสนีทองคำและค้างคาวโลหิต แม้จะทำให้ความคิดเดิมที่คิดว่าตนแข็งแกร่งที่สุดหายไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจในพลังของตนเองลดน้อยลงเลย
“ขอรับ ข้าจะจำเอาไว้”อสูรกิเลนตอบพลางก้มหัวลงช้าๆ
“ส่วนเจ้า..”ชินอี้พูดพลางมองมาทางอสูรค้างคาวโลหิต เนื่องเพราะชินอี้จงใจเหลือมังกรอัสนีทองคำเอาไว้ป้องกันเมือง ทำให้คนที่จะรับมืออาณาจักรอู๋ที่มีกำลังระดับเจ้าสวรรค์มากกว่าอาณาจักรอื่นๆนั้นจำเป็นจะต้องส่งค้างคาวโลหิตไปเท่านั้น
“ข้าคิดว่าท่านพ่อคงส่งอสูรปักเป้ามาช่วยอาณาจักรอู๋เป็นแน่ ระวังมันไว้ให้ดี”ชินอี้พูดพลางพยายามคิดแผนที่ท่านพ่อตัวเองกำลังจะทำ หากพาอสูรปักเป้ามาบุกเมืองหลวงของอาณาจักรเผิงก็โดนพลังของชินอี้ทำให้อสูรปักเป้าทำอะไรไม่ได้ ชินอี้เชื่อว่าพ่อของตนอย่างไป๋จูเหวินจะต้องกระจายกำลังอสูรไปช่วยกองทัพอื่นๆที่จะไม่โดนพลังของชินอี้เข้าเล่นงานเป็นแน่
หลังจากคิดโดยละเอียดแล้ว บางทีที่อาณาจักรชินและอู๋ฝ่ายตนอาจจะพ่ายแพ้ก็เป็นได้ แต่ชินอี้เชื่อพ่อของตนที่บุกเข้ามาจะไม่สามารถฝ่าเข้ามาถึงวังหลวงได้แน่ๆ
“ขอรับ ข้าจะระวังไว้”เพราะชินอี้อยู่กับอสูรปักเป้ามาตลอด และได้เห็นพลังของอสูรปักเป้ากับตามาแล้ว ทำให้ชินอี้กำชับเป็นพิเศษว่าการรับมืออสูรปักเป้านั้นเป็นเรื่องยาก ยิ่งพลังของค้างคาวโลหิตยังไม่ถึงขั้นอีกด้วย
ความจริงชินอี้สมควรจะส่งมังกรอัสนีทองคำไปจัดการอสูรปักเป้าและอาณาจักรอู๋เสีย เพราะคิดตามปกติแล้วหากพ่อของมันไม่สามารถใช้อสูรได้เพียงค้างคาวโลหิตระดับ 8 ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะรับมือกองทัพมนุษย์ของอาณาจักรไป๋ แต่ชินอี้กลับมีความรู้สึกประหลาด เหมือนลางสังหรณ์ที่ทำให้มันเลือกที่จะเอามังกรอัสนีทองคำเอาไว้ข้างตัว และยอมเสี่ยงส่งค้างคาวโลหิตไปรับมืออาณาจักรอู๋แทน
.
.
“สัมผัสพลังของอสูรปักเป้าได้หรือไม่”ค้างคาวโลหิตไม่เหมือนอสูรกิเลนที่ประมาทจนหลงเข้าไปในเขตลับแลทั้งๆที่ชินอี้กำชับเอาไว้แล้ว ตัวมันเมื่อได้ทราบว่าอสูรปักเป้ามีพลังระดับเดียวกันกับมังกรอัสนีทองคำก็ไม่คิดจะประมาท ส่งลูกน้องที่เป็นอสูรค้างคาวบินสำรวจในระยะไกลอย่างต่อเนื่อง
“ไม่เลยขอรับ แต่….อากกกก”เสียงรายงานจากคลื่นเสียงของค้างคาวขาดหายไปเหมือนโดนอะไรบางอย่างเข้าโจมตี
“เกิดอะไรขึ้น”อสูรค้างคาวโลหิตที่กำลังนำทัพเข้าไปโจมตีอาณาจักรอู๋ถาม เพราะตนเองสัมผัสได้เพียงคลื่นเสียงของลูกน้องเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นกว้างไกลตามไปด้วย
“อสูรบินของพวกมันมีจำนวนมากเลยขอรับ พวกเรากำลังโดนไล่ฆ่าทีละตัว”ลูกน้องตนหนึ่งของค้างคาวโลหิตตอบกลับมา อสูรค้างคาวที่เป็นบริวารของมันนั้นอยู่ระดับตำนานและมายาเป็นส่วนใหญ่ หากจะไล่เก็บลูกน้องของมันจำเป็นต้องเป็นพวกที่แข็งแกร่งระดับหนึ่งเลยทีเดียว
“ทำได้ดีมากยัยหนู กวาดมันให้หมด”นางพญาผึ้งตอบพลางมองไป๋ไป่ที่กำลังไล่กวาดเหล่าค้างคาวอย่างรวดเร็ว ปีกทั้ง 6 ของนางเปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนใบมีดบินกรีดร่างของฝูงค้างคาวอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว
“นั่นแหละ ใช้ขนาดตัวของเจ้าให้เป็นประโยชน์”อสูรนกพูดด้วยท่าทีพึงพอใจ หลังจากสู้กับนางพญาผีเสื้อมาไป๋ไป่ก็ขอคำปรึกษากับพวกน้าสะใภ้ทั้งหลายอยู่ไม่น้อย ทำให้การควบคุมส่วนต่างๆของร่างกายทำได้ดีขึ้นมาก และไป๋ไป่ยังเรียนรู้ที่จะใช้จุดเด่นของตนเองเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก เพียงแต่
“ท่านน้า อย่าพูดเรื่องขนาดตัวข้าบ่อยนักสิ”ไป๋ไป่บ่นพลางหมุนปีกของตนรอบหนึ่งจนค้างคาวรอบๆโดนจัดการในพริบตา
“พูดอะไรนะ นี่ข้าชมเจ้านะ”อสูรนกหัวเราะพลางมองท่าทีงอนๆของไป๋ไป่
“แต่ข้าไม่ชอบนี่นา”ไป๋ไป่ว่าพลางถอนหายใจออกมา ทำไมทุกคนถึงชอบพูดเรื่องขนาดตัวกับน้ำหนักของนางนักนะ
“อย่าเอาแต่เล่นเลย อีกไม่นานทัพหลักของพวกมันก็จะมาแล้ว”ราชสีห์เพลิงพูดพลางปรามเหล่าภรรยาของตนเองกับหลานของมันเอาไว้ ศึกครั้งนี้หนักมากไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำสบายใจได้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ให้พวกนางได้ผ่อนคลายบ้างเถอะ”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบพลางใช้ธาตุลมพัดเอาร่างของเหล่าค้างคาวเข้ามาบดขยี้ในอุ้งเท้าอย่างง่ายดาย
“ไม่หรอก ท่านราชสีห์เพลิงพูดถูด ลูกน้องแต่ละตนของมันระดับสูงเช่นนี้ หัวหน้าของมันต้องระดับสูงมากแน่ๆ”จื่อหนิงไม่ได้สบายเหมือนไก่ฟ้าหงอนทอง ตัวนางยังอยู่ระดับมายาขั้นที่ 10 ทำให้การจัดการค้างคาวบางตัวที่อยู่ระดับมายาขั้นสูงๆเป็นเรื่องที่ตึงมือสำหรับนางเลยทีเดียว แทบไม่ต้องคิดเลยว่าหากหัวหน้าของพวกมันมาถึง นางจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“น้องจื่อหนิงไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก ศึกครั้งนี้อาณาจักรอู๋ลงหมดหน้าตัก ข้าไม่คิดว่าพวกเราจะแพ้หรอกนะ”ราชินีมังกรตอบพลางมองบุตรสาวที่กำลังบินจัดการศัตรูด้วยท่าทีภูมิใจ แม้ตัวนางจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก แต่บุตรสาวที่นางให้กำเนิดมากลับแข็งแกร่งเทียบเท่าเหล่าน้าๆได้นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้นางภูมิใจจริงๆ
“ขอโทษด้วย ข้าชอบคิดแง่ร้ายเอาไว้ก่อนจนเป็นนิสัยเสียแล้ว”จื่อหนิงว่าพลางเกาแก้มตัวเองเขินๆ ตอนไก่ฟ้าหงอนทองมาจีบนางก็เหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะนางเอาแต่คิดมาก คงไม่ต้องให้พวกลูกน้องตนเองต้องลำบากหรอก
วูบ!! อยู่ๆบนท้องฟ้าก็ปรากฏเงาสีดำขนาดใหญ่พาดผ่าน ทำเอาเหล่าทหารของอาณาจักรอู๋มีท่าทีกดดันเป็นอย่างมาก ปีกสีดำสนิทของค้างคาวโลหิตนั้นใหญ่พอจะโอบรัดร่างของไป๋ไป่หายเข้าไปในปีกได้เลยทีเดียว
“เป็นระดับบรรพกาลขั้นที่ 8 สินะ ชินอี้ช่างหาอสูรได้เก่งจริงๆ”มังกรธรณีว่าพลางกัดฟันกรอด แม้พวกน้าๆที่มาช่วยอาณาจักรอู๋ต่างก็เป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้น 2 กันทั้งนั้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอสูรค้างคาวโลหิตที่ระดับสูงกว่าถึง 4 เท่านั้นก็นับว่ารับมือยากมากจริงๆ
“หัวหน้า พลังระดับนี้มัน”อสูรตนหนึ่งในกองทัพของอสูรค้างคาวโลหิตพูดออกมา ระดับพลังที่เทียบเคียงได้กับพลังของมังกรอัสนีทองคำไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ ทำให้ค้างคาวโลหิตรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่มาคือใคร
“ต้องเป็นอสูรปักเป้าแน่ๆ เตรียมรับมือให้พร้อม”ค้างคาวโลหิตว่าพลางส่งลูกน้องของตนลงไปโจมตีด้านล่าง ส่วนมันนั้นจ้องไปที่ไป๋ไป่เตรียมจะจัดการกองทัพบนท้องฟ้าของฝั่งอาณาจักรอู๋เสียก่อน
แม้อสูรปักเป้าจะเป็นระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 แต่สมองของอสูรปักเป้ากลับเทียบเท่าอสูรระดับต่ำ นั่นคือจุดอ่อนสำคัญของอสูรปักเป้า และสิ่งที่อสูรปักเป้าแพ้ทางที่สุดก็คือการโดนจับก่อนจะกลับคืนร่างนั่นเอง มีหลายต่อหลายครั้งที่ชินอี้ได้ยินมาว่าอสูรปักเป้าโดนคนระดับต่ำกว่าอย่างมารอัตตาจับเอาไว้ได้พักใหญ่เลยทีเดียว หากอาศัยช่วงเวลานั้นรีบเอาชนะศึกละก็พวกมันจะชนะโดยไม่ต้องล้มอสูรปักเป้าเสียด้วยซ้ำ
แต่ถึงจับตัวไม่ได้ หากค้างคาวโลหิตคอยล่อให้อสูรปักเป้าโจมตีอยู่แต่บนอากาศก็สามารถสร้างความได้เปรียบให้กองทัพตนเองได้แล้ว
“จับมัน”ค้างคาวโลหิตสั่งไปที่ทหารอสูรของตน ซึ่งคนที่มันสั่งคืออสูรธาตุไม้ระดับบรรพกาลขั้นที่ 3 ซึ่งชินอี้ส่งมารับหน้าที่นี้โดยเฉพาะ
ฟุบ….รากไม้สีดำสนิทเช่นเดียวกับที่อัตตาเคยใช้งอกออกมาตรงจุดที่มีกลิ่นอายของอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 อยู่พอดี เพียงแต่….
ครืดดดด….ร่างของอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 ที่ยืนอยู่ตรงนั้นพลันขยายออกในพริบตา ทำให้รากไม้ไม่สามารถขังตัวมันเอาไว้ได้
“คืนร่างซะแล้ว…งั้นเราก็มาเล่นกันเถอะเจ้าปัก..เป้า”อสูรค้างคาวเตรียมจะใช้แผนสำรองโดยการดึงความสนใจของอสูรปักเป้าเอาไว้ เพียงแต่ดวงตาของมันกลับไปเห็นร่างของอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 ตนนั้นเสียก่อน
“เอาข้าไปเหมารวมกับเจ้าปักเป้าก็แย่นะสิ”เสียงกึกก้องดังกังวานทำเอาร่างของค้างคาวโลหิตถึงกับสะเทือน พร้อมร่างกายใหญ่โตที่สูงขึ้นไปจนถึงชั้นเมฆที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าค้างคาวโลหิต ขนาดตัวของอีกฝ่ายใหญ่กว่าค้างคาวโลหิตมาก เรียกได้ว่าทำเอาสงครามอยู่ภายใต้ท้องของอสูรตนนั้นเลยทีเดียว
“เจ้า…เป็นใคร”ค้างคาวโลหิตมีสีหน้างุนงงทันทีเพราะชินอี้ไม่เคยพบกับอสูรเต่ายักษ์มาก่อน ทำให้ชินอี้ไม่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วอาณาจักรอู๋มีผู้พิทักษ์อยู่อีกตนหนึ่งที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวเลยทีเดียว
“เจ้าต่างหากที่ต้องมาเล่นกับข้า”อสูรเต่ายักษ์หัวเราะออกมาพลางใช้หัวของมันเลื้อยไปรอบๆตัวของค้างคาวโลหิตแทบไม่ต่างจากร่างของมังกรกำลังจะรัดเหยื่อ ทำเอาค้างคาวโลหิตที่พึ่งจะรู้ตัวรีบบินหลบออกมาทันที
“หนอย”ค้างคาวโลหิตกัดฟันกรอดเรียกลูกน้องของตนกลับมาช่วยเหลือในทันที
เปรี้ยงๆๆๆๆ!! ค้างคาวโลหิตส่งลูกน้องของตนเข้าโจมตีอสูรเต่ายักษ์ แต่โอกาสที่อสูรค้างคาวระดับตำนานหรือมายาจะเอาชนะอสูรเต่ายักษ์ที่เป็นอสูรบรรพกาลแรกกำเนิดนั้นแม้แต่เสี้ยวส่วนความเป็นไปได้ก็ไม่มีเสียแล้ว
วูบ…. ค้างคาวโลหิตไม่ได้หมายจะใช้ลูกน้องตนเองจัดการอยู่แล้ว หลังจากส่งลูกน้องตนเองไปโจมตี ค้างคาวโลหิตก็ใช้โอกาสนี้เรียกเอาเลือดของลูกน้องตนเองที่ตายไปตอนส่งมาสำรวจพื้นที่ขึ้นมาจากพื้น
“เป็นวิชาควบคุมโลหิตงั้นหรือ”อสูรเต่ายักษ์พูดพลางมองวิชาควบคุมโลหิตของค้างคาวโลหิต ความจริงแล้วมันก็เป็นการควบคุมน้ำรูปแบบหนึ่งนั่นละ แต่อาจจะเพราะมันเคยชินกับการใช้เลือดก็เป็นได้ถึงได้ใช้แบบนี้
ฉึก!! ลิ่มเลือดจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีลำคอของอสูรเต่ายักษ์อย่างจัง ทำให้คอของอสูรเต่ายักษ์ถึงกับมีบาดแผล นานมากแล้วที่ไม่มีใครโจมตีมันเข้าแบบนี้
“ไอ้หนู คิดจะใช้วิชากระจอกแบบนั้นโจมตีข้างั้นหรือ”อสูรเต่ายักษ์ถามพลางจ้องมองร่างของอสูรค้างคาวโลหิตนิ่ง อสูรค้างคาวโลหิตที่แต่เดิมอายุนับหมื่นปีกลับโดนเรียกว่าเจ้าหนู แถมมันยังเถียงไม่ได้อีกด้วยเพราะตัวอสูรเต่ายักษ์น่าจะแก่กว่ามันมาก
ตูม!! กระแสน้ำสายหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกร่างของค้างคาวโลหิตอย่างจัง ทั้งๆที่ตรงนี้ไม่ใช่ทะเลแท้ๆ แต่เต่ายักษ์กลับสามารถเรียกน้ำออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้
ตูม!! กระแสน้ำที่วนอยู่รอบๆตัวอสูรเต่ายักษ์ไล่ต้อนโจมตีค้างคาวโลหิตอย่างต่อเนื่อง ทำเอาค้างคาวโลหิตต้องหนีไปมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นการที่มันทำแบบนี้ก็ทำให้อสูรเต่ายักษ์ไม่มีเวลาช่วยเหลือกองทัพของอาณาจักรอู๋เสียแล้ว
ตูม!! ดาบของหยงเวยกระแทกร่างของอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 3 เสียกระเด็นไปหลายร้อยเมตร เมื่อไม่มีค้างคาวโลหิตที่ระดับพลังสูงจนน่ากลัว อสูรตนอื่นๆก็ไม่ครณามือยอดฝีมือของอาณาจักรอู่เลยแม้แต่น้อย ที่ชินอี้คิดเอาไว้ว่าอาจจะแพ้อาณาจักรอู๋ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง เพียงแต่ผิดคาดเรื่องของอสูรเต่ายักษ์ไปหน่อยเท่านั้น
“ดี อยู่ตรงนั้นล่ะ”อสูรเต่ายักษ์พูดพลางมองค้างคาวโลหิตที่โดนไล่ต้อนจนมาหยุดอยู่ทางอาณาจักรเผิง ถึงอย่างไรอสูรเต่ายักษ์ก็เป็นผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรอู๋ มันย่อมไม่อยากให้อาณาจักรอู๋โดนทำลายเพราะการโจมตีของมันแน่ๆ
ตูม!!! กระสุนน้ำที่แรงแทบไม่ต่างจากกระสุนวายุของอสูรปักเป้าถูกเป่าออกมาจากปากของอสูรเต่ายักษ์ในทันที ทำเอาภาพตรงหน้าของเหล่าทหารเกิดกำแพงน้ำขนาดใหญ่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว
ตูม!! ร่างของค้างคาวโลหิตปลิวไปตกอยู่มุมหนึ่งของพื้นดินอาณาจักรเผิง นับว่าสมกับเป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 8 จริงๆถึงยังรอดชีวิตมาได้ เพียงแต่ไม่กี่ก้าวอสูรเต่ายักษ์ก็ตามมันมาทันเสียแล้ว
“บ้าเอ้ย…แล้วอสูรปักเป้ามันไปไหนกัน”ค้างคาวโลหิตกัดฟันแน่น หากที่นี่ไม่มีอสูรปักเป้าแล้วเจ้านั่นมันไปที่ไหนกันแน่
.
.
ตูม!!! ขณะเดียวกันทางชายแดนของอาณาจักรชู ไม่จำเป็นต้องมีอสูรมากมายหลายตน เพียงอสูรปักเป้าตนเดียวก็จัดการกองทัพอสูรของชินอี้ที่ไม่มีระดับบรรพกาลขั้นสูงเข้ามาช่วยเหลือได้ไม่ยากเย็นนัก ทำให้ยามนี้กองทัพของชินอี้แทบจะพ่ายแพ้ทุกทางเลยทีเดียว
น่าเสียดายที่ชินอี้ยังรู้จักโลกไม่มากพอ ไม่อย่างนั้นกองทัพอสูรของชินอี้ยามนี้ไม่ว่าจะใครก็คงรับมือไม่ได้แน่ๆ