บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 417 พลิกผัน
ตอนที่ 417
พลิกผัน
“พี่เวย จะถึงแล้ว”หลินหลินที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้พูดพลางพาเหล่าทหารของอาณาจักรอู๋เข้าไปช่วยเสริมทัพของอาณาจักรไป๋ ทั้งนี้เพราะสงครามของอาณาจักรอู๋จบลงไปก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว ทำให้อู๋หมิงและกองทัพของตนเดินทางมาช่วยไป๋จูเหวินทันที
“ถ้าเจอกับเจ้านั่น เจ้าจะไหวหรือเปล่า”หยงเวยถามพลางยืนอยู่บนหลังของหลินหลินด้วยท่าทีหวั่นๆ ตั้งแต่หยงเวยเริ่มก้าวเข้าสู่ระดับเจ้าสวรรค์ก็มีไม่กี่คนที่ทำให้หยงเวยรู้สึกหวาดกลัวได้ แต่เพียงมองจากระยะไกลมังกรอัสนีทองคำก็ดูน่าหวาดหวั่นไม่น้อย
“พูดอะไรบ้าๆ จะไปไหวได้ยังไง”อู๋หมิงตอบพลางกลืนน้ำลายลงคอ สายฟ้าที่ทั้งใหญ่และรุนแรงเช่นนั้นอู๋หมิงคงต้องใช้ความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหลบ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆเลย พวกมันคงทำได้แต่ยืนรับเท่านั้น และคนที่จะรับสายฟ้าพวกนั้นได้ก็คงเหลือแค่ไป๋จูเหวินกับหยงเวยเท่านั้น แต่หยงเวยไม่มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ แม้จะใช้ความสามารถของเกียจคร้านฟื้นตัวได้ แต่ก็ไม่รวดเร็วพออยู่ดี
“แต่ก็ไม่คิดจะถอยสินะ”หยงเวยว่าพลางเรียกเอาดาบมรกตออกมา อีกไม่กี่นาทีกองทัพของอาณาจักรอู๋ก็จะเข้าไปเสริมให้กองทัพของอาณาจักรไป๋แล้ว แต่ภาพมังกรทองที่กำลังเลื้อยไปมาบนท้องฟ้าก็ทำเอาเหล่าทหารหวั่นๆกันอยู่ดี
“หลินหลิน ข้าไปก่อนนะ”อู๋หมิงว่าพลางกระโดดลงจากตัวของหลินหลิน พวกอสูรเข้าไปใกล้เมืองหลวงของอาณาจักรเผิงไม่ได้เพราะยามนี้ชินอี้ได้เก็บเอามีดสั้นของตนกลับเข้าไปแล้ว ต่อให้ส่งอสูรจำนวนมากเข้าก็แล้วไม่โดนชินอี้สั่งการก็ทำได้เพียงยืนเฉยๆมองดูเท่านั้น สู้ให้พวกอสูรรออยู่ข้างนอกยังจะดีกว่า
“หลินหลิน เจ้าอยู่นี่ที่ก่อน ข้าจะไปช่วยเจ้านายของเจ้าเอง”หยงเวยว่าพลางแตะไปบนหลังของหลินหลินเบาๆ
“เข้าใจแล้ว พี่เวยท่านต้องช่วยพี่ไป๋ให้ได้นะ”หลินหลินตอบด้วยท่าทีกังวล มังกรทองตัวนั้นน่ากลัวมาก แถมหลินหลินยังรู้สึกแปลกๆเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีอีกต่างหาก
“ไม่ต้องห่วง เจ้านั่นไม่ตายง่ายๆหรอก”หยงเวยว่าพลางเรียกกองทัพทหารมรกตออกมาพร้อมบุกเข้าไปโจมตีเหล่าอสูรของชินอี้ ยามนี้ไม่มีอสูรของอาณาจักรไป๋อยู่เลยทำให้การรบเล็งเป้าได้ง่ายมาก เพียงเจออสูรก็ฆ่าซะ เท่านั้นเอง
เปรี้ยง!! ร่างของอู๋หมิงทะยานวาบเข้าใส่อสูรระดับบรรพกาลที่หลุดจากการโจมตีของเหม่ยหลินเข้ามาหาเหล่าทหารระดับยอดฝีมือเข้าอย่างจัง เพียงแต่อู๋หมิงไม่ได้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นสูงขนาดนั้น มันต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเลยทีเดียวกว่าจะจัดการอสูรระดับบรรพกาลลงได้
ตูม!! ส่วนหยงเวยนั้น แม้จะมีระดับสูงลิบ แต่กลับไม่มีความสามารถแยกแยะว่าอสูรตนไหนคืออสูรระดับบรรพกาล ทำให้ได้แต่กวาดไปทั่วเท่านั้น ทำให้การจัดการอสูรระดับบรรพกาลในทัพหลักช้ากว่าที่คาดเอาไว้
“เหม่ยหลิน เจ้าไปช่วยไป๋จูเหวินซะ”อู่หมิงว่าพลางพุ่งเข้ามารับการโจมตีของอสูรที่กำลังช่วยกันหลุมเหม่ยหลินอยู่
“ขอบใจมาก”เหม่ยหลินตอบสั้นๆ ก่อนจะหันไปทางไป๋จูเหวินที่กำลังรับมือกับมังกรอัสนีทองคำอยู่ ตอนนี้มีอู๋หมิงและหยงเวยมาช่วย ทางกองทัพมนุษย์ก็วางใจได้
ตูม!!!! ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกและลมหายใจสายฟ้าทองคำของทั้งไป๋จูเหวินและมังกรอัสนีทองคำปะทะกันอย่างรุนแรงจนสร้างกระแสลมแรงพัดไปทั่วสนามรบ แม้แต่ทหารอาณาจักรอู๋ที่ยังเข้ามาไม่ถึงยังสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของการปะทะนี้
“ท่านพี่”เหม่ยหลินเห็นไป๋จูเหวินฝืนรับมือกับมังกรอัสนีทองคำอยู่พักใหญ่แล้วกระโดดวูบขึ้นไปบนอากาศก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างบนราวกับมีพื้นให้เหยียบ ความสามารถยืนบนอากาศเช่นนี้นางทำได้ตั้งแต่อยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 1 แล้ว
“พวกอู๋หมิงมาแล้วงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางใช้พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์รักษาตัวเอง ที่ไป๋จูเหวินเดินทางมายังอาณาจักรผิงค่อนข้างช้าไม่ใช่เพราะต้องเดินทางด้วยม้าเท่านั้น แต่เพื่อรอให้อาณาจักรอู๋สู้รบในเขตของตนเสร็จแล้วเสียก่อน
“เจ้าค่ะ”เหม่ยหลินตอบพลางมองไปทางมังกรอัสนีทองคำ แม้พวกตนจะกลืนน้ำตาของตงฟางเข้าไปแล้วจนเลื่อนขึ้นมาอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 7 ของพลังวิญญาณและระดับบรรพกาลขั้นที่ 7 ของระดับมนุษย์ แต่ให้นับรวมทั้ง 2 สายระดับพลังของทั้งสองก็พอๆกับอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 8 หรือ 9 เท่านั้น และถึงจะมีกัน 2 คนก็ไม่แน่ว่าจะสามารถล้มมังกรอัสนีที่อยู่ระดับ 10 ได้หรือไม่
“ข้าจะปะทะกับมันให้ เจ้าคอยโจมตีลำตัวของมันเข้าใจหรือไม่”ไป๋จูเหวินว่าพลางฟื้นพลังของตนเองด้วยวิชาลมปราณมังกรอย่างต่อเนื่อง แม้เหม่ยหลินจะมีระดับพลังที่สูงมาก แต่นางก็ไม่มีทั้งเกราะแมงมุมทั้งพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ ทำให้นางไม่สามารถยืนรับสายฟ้าของมังกรอัสนีทองคำตนนี้ได้แน่ๆ
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”เหม่ยหลินไม่อิดออดแต่อย่างไร นางพยักหน้าตกลงก่อนจะพุ่งเข้าไปตรงส่วนของลำตัวยาวๆของมังกรอัสนีทองคำเพื่อเริ่มโจมตี
เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินพุ่งเข้าไปโจมตีส่วนหัวของมังกรอัสนีทองคำเพื่อดึงความสนใจ มันเลือกใช้กระบวนท่าปักษาโรมรันซัดเข้าไปที่จมูกของมังกรอัสนีทองคำและรับการโจมตีที่มันสวนกลับมาอย่างต่อเนื่อง กำลังของมนุษย์คนหนึ่งที่กำลังปะทะกับมังกรที่มีขนาดหัวใหญ่กว่าตัวของไป๋จูเหวินเสียอีกดูน่าเหลือเชื่อมาก แต่ไป๋จูเหวินยามนี้ก็มีพลังพอที่จะต้านอสูรระดับบรรพกาลขั้น 10 แล้วจริงๆ
เปรี้ยงๆๆๆๆ กระบี่และฝ่ามือของเหม่ยหลินกระหน่ำโจมตีลงบนตัวของมังกรอัสนีทองคำอย่างต่อเนื่อง แต่ทันทีที่มังกรอัสนีทองคำจะหันไปจัดการเหม่ยหลินที่อยู่บนลำตัวของมัน ไป๋จูเหวินก็จะโจมตีเข้ามาขัดจังหวะมันเสียก่อน
ตูม!!! ทันทีที่มังกรอัสนีทองคำใช้ลมหายใจสายฟ้าออกมา ไป๋จูเหวินก็จะรีบใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกสวนกลับทันที แม้กำลังทำลายของไป๋จูเหวินจะน้อยกว่าจนต้องเป็นฝ่ายถอยไปทุกครั้ง แต่ก็ทำให้มังกรอัสนีทองคำไม่สามารถหันไปโจมตีเหม่ยหลินได้
“น่ารำคาญ”มังกรอัสนีทองคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดันก่อนจะปล่อยพลังอสูรออกมาเป็นจำนวนมาก
เปรี้ยงๆๆๆๆๆ!!!! สายฟ้านับร้อยนับพันสายพุ่งเข้ามาที่ร่างของมังกรอัสนีทองคำ ก่อนที่สายฟ้าปกติจะกลายเป็นสีทองตามสายฟ้าของมังกรอัสนีทองคำเสียอย่างนั้น พริบตานั้นสายฟ้าที่ดูดเข้ามาก็พุ่งวาบออกไปรอบๆตัวมังกรอัสนีผลักทั้งร่างของเหม่ยหลินและไป๋จูเหวินให้กระเด็นออกไป
“ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ถ้าข้าไม่เอาจริงพวกเจ้าคงฆ่าข้าตายแน่ๆ”มังกรอัสนีทองคำคำรามออกมาเพราะตามลำตัวของมันเต็มไปด้วยบาดแผลที่เหม่ยหลินไล่โจมตีมาพักหนึ่งแล้ว
“อย่านะ”ชินอี้ที่อยู่ด้านหลังตะโกน แต่ท่าทางจะไม่ทันเสียแล้ว มังกรอัสนีทองคำรวมสายฟ้าทั้งหมดรอบตัวเข้าไปในปากของตนเอง ยามนี้พลังงานสายฟ้าที่มันกำลังรวบรวมอยู่นั้นมีมากจนน่าขนลุก แม้แต่สายฟ้าที่อู๋หมิงกำลังใช้เองยังโดนดูดเข้าไปไม่เหลือ ยามนี้เจ้าแห่งสายฟ้ามีเพียงมังกรอัสนีทองคำเท่านั้นจริงๆ
ตูม!!! สายฟ้าสีทองพุ่งวาบเข้าไปหาไป๋จูเหวิน ก่อนจะกระแทกทั้งไป๋จูเหวินและพื้นรอบๆเข้าอย่างจัง ลมหายใจสายฟ้าคราวนี้ยาวนานและเข้มข้นอย่างมากชนิดที่ว่าทำเอาท้องฟ้าสว่างไสวราวกับตอนกลางวันเลยทีเดียว
คลืน….หลังจากยิงสายฟ้าไปจนหมด สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงฝุ่นควันและความพินาศเท่านั้น
“กิ้ว….”แต่ยังไม่ทันคิดว่าลมหายใจเมื่อครู่จะจัดการไป๋จูเหวินได้ ร่างของอสูรตนหนึ่งก็ขยายตัวขึ้นมาจากตรงจุดที่มังกรอัสนีทองคำยิงสายฟ้าลงไปทันที ดูเหมือนว่าก่อนที่จะยิงสายฟ้าเข้าถึงตัวไป๋จูเหวิน อสูรปักเป้าก็เข้ามารับการโจมตีแทนเสียก่อน เรียกได้ว่ากำลังทำลายของอสูรบรรพกาลระดับ 10 ช่างน่ากลัวจริงๆ แม้แต่อสูรปักเป้าที่ปกติแทบไม่มีอะไรทำร้ายมันได้กลับมีรอยไหม้อันเป็นเอกลักษณ์ของสายฟ้าลามเลียไปครึ่งตัว แน่นอนว่าอสูรปักเป้าต้องเจ็บมากอย่างแน่นอน
“กิ้วววววว”อสูรปักเป้าคำราม ก่อนที่ร่างของมันจะขยายใหญ่ขึ้นจนเบียดร่างของมังกรอัสนีทองคำออกไปจากท้องฟ้า แม้อสูรที่เข้ามาจะโดนพลังของชินอี้ทำให้ไม่สามารถโจมตีได้ แต่หากเข้าสถานะคลั่งละก็ไม่ว่าจะความสามารถของใครอสูรปักเป้าก็ไม่ฟังทั้งนั้น
“อะไรกัน…”มังกรอัสนีทองคำมองร่างของอสูรปักเป้าด้วยท่าทีตกตะลึง มันไม่เคยเจออสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 ตนอื่นนอกจากมันมาก่อน ลมหายใจเต็มแรงของมันเมื่อใช้ออกไปไม่เคยมีอสูรตนไหนหรือมนุษย์คนใดรอดมาได้มาก่อนเลย แถมอสูรปักเป้ายังทำท่าจะโจมตีสวนกลับมาอีกต่างหาก
ตูม!!!! กระสุนวายุในสถานะคลั่งของอสูรปักเป้ารุนแรงแค่ไหนคงมีเพียงไป๋จูเหวินและอสูรเต่ายักษ์เท่านั้นที่รู้ดี โดยเฉพาะอสูรเต่ายักษ์ที่เป็นอสูรเน้นพลังป้องกันที่ใช้วิชาป้องกันเต็มกำลังยังแทบเอาตัวไม่รอด ไม่ต้องพูดถึงมังกรอัสนีทองคำที่พึ่งปล่อยท่าไม้ตายออกมาเต็มแรงและกำลังอยู่ในช่วงไร้การป้องกันเลย
ตูม!!! แต่ยังนับว่ามังกรอัสนีทองคำยังเป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 อยู่ แม้จะโดนกระสุนวายุเต็มแรงในสถานะคลั่งของอสูรปักเป้าเข้าไปก็ยังไม่ตาย แต่กลับโดนเป่าลอยไปนอนอยู่กับพื้นด้านหลังไร้สภาพต่อสู้แทน
“เฮ….”เหล่าทหารของอาณาจักรไป๋และอู๋ต่างส่งเสียงเฮออกมาเมื่อเห็นอสูรปักเป้าเป่าร่างของมังกรอัสนีทองคำจนหมดสภาพได้ แต่เพราะทำแบบนั้นอสูรปักเป้าเองก็หมดแรงจนกลับเป็นร่างขนาดเท่าลูกบอลก่อนจะลงไปนอนที่หลังของหลินหลินเพราะตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักทีเดียว
“เท่านี้ก็รับเจ้าเด็กดื้อกลับบ้านได้แล้ว”อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีจริงๆที่อสูรปักเป้ามาถึงพอดี ไม่อย่างนั้นลมหายใจเมื่อครู่ได้เล่นงานไป๋จูเหวินเข้าอย่างจังแน่ๆ แม้แต่อู๋หมิงก็ไม่เชื่อว่าไป๋จูเหวินจะสามารถรอดมาจากลมหายใจสายฟ้าเมื่อครู่ได้
“ชินอี้ เจ้ากับพี่สาวต้องกลับไปที่อาณาจักรไป๋เดี๋ยวนี้”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินผ่านซากปรักหักพังรอบๆตัวเข้าไปหาชินอี้ที่อยู่บนกำแพงเมือง ยามนี้ชินอี้ไม่เหลืออสูรระดับสูงปกป้องอีกแล้ว จะมีก็เพียงอสูรอีการะดับบรรพกาลเท่านั้น
“ข้า…”ชินอี้ถอยหลังพลางมองไปที่บิดาของตน หากมันโดนจับตัวกลับไปก็ไม่ทราบแล้วว่าจะโดนอะไรบ้าง และที่มันยอมไม่ได้ก็คือพี่สาวของมันจะไม่ได้เป็นของมันคนเดียวอีกแน่ๆ
“ไป๋ชินอี้!!!”อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของชินอี้ เสียงนั้นเป็นเสียงของชิงชิวอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ฟังน้ำเสียงของชิงชิวยามนี้แม้แต่ไป๋จูเหวินหรืออู๋หมิงต่างก็ทราบว่าชิงชิวไม่ได้มีท่าทีปกติ
“ไป๋ชินอี้ เจ้า……”ชิงชิวคำรามก่อนจะพุ่งตัววาบเข้าไปหาชินอี้ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ดวงตาของมันไม่ได้กำลังล้อเล่น มันกำลังจ้องมาทางชินอี้ด้วยท่าทีหมายจะสังหารจริงๆ พริบตานั้นทั้งอู๋หมิงทั้งไป๋จูเหวินรวมทั้งเหม่ยหลินต่างพยายามวิ่งเข้าไปห้าม แต่สิ่งที่ชิงชิวใช้ออกมากลับเป็นวิชาที่ท่านน้าราชสีห์เป็นผู้คิดค้นให้กับมัน แม้ความเร็วจะเทียบอู๋หมิงผู้ใช้พลังธาตุสายฟ้าไม่ได้ แต่ด้วยระยะทางที่ใกล้กว่าทำให้ชิงชิวเข้าถึงตัวชินอี้ก่อนอู๋หมิงเพียงเสี้ยววินาที
ฉึกๆ ดาบสั้นและมีดล่องหนของชิงชิวไม่ใช่สิ่งที่อู๋หมิงเคยรับมือ เพียงพริบตาเดียวอาวุธทั้งสองก็แทงเข้าไปในร่างของชินอี้เข้าที่หัวใจและช่องท้องตรงจุดตันเถียนพอดี เรียกได้ว่าหากไม่ตายก็พิการไปทั้งชีวิต