บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 429 สมควรช่วย
ตอนที่ 429
สมควรช่วย
“ต้อนรับแขก”เจ้าสำนักคร่าตะวันตะโกนลั่นรีบสั่งให้เหล่าศิษย์และอาจารย์ในสำนักรวมทั้งเด็กรับใช้รีบจัดเตรียมอาหารและสุรามันกลางดึกทันทีหลังจากทราบว่าแขกที่ตามหลิงจงและลั่วสุนมาคือใคร
“ท่านชิงชิว เชิญเลยๆไม่ต้องเกรงใจ”แม้เวลาจะผ่านเลยมาเป็นยามค่ำคืนแล้ว แต่สำนักฝึกฝนพลังวิญญาณนั้นเต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ แม้จะถูกเรียกตัวมากลางดึกพวกมันก็ไม่มีท่าทีง่วงซึมแต่อย่างไร ตรงกันข้าม ทันทีที่รู้ว่าแขกที่มาวันนี้คือบุรุษไร้นามในตำนานผู้นั้น เหล่าศิษย์ชายรวมทั้งศิษย์หญิงบางคนก็มีท่าทีกระตือรือร้นเสียด้วยซ้ำ
หลังจากการมาถึงของชิงชิว ไม่นานยามค่ำคืนของสำนักคร่าตะวันที่มักจะสงบเงียบก็กลายเป็นงานเลี้ยงฉลองต้อนรับการมาถึงของชิงชิวอย่างยิ่งใหญ่ไปเสียอย่างนั้น เพียงแต่คนที่ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องนี้ที่สุดไม่ใช่ชิงชิว แต่เป็นไป๋จูล่งต่างหาก มันไม่เคยเห็นงานฉลองเช่นนี้มาก่อน แม้จะเป็นเพียงงานฉลองเล็กๆที่จัดขึ้นมาอย่างฉุกละหุก แต่มันก็เป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วที่จูล่งเคยเจอ
“สมัยก่อนข้าเคยได้ยินนะ ท่านชิงชิวบุกเข้าไปในวังของเจ้าเมืองหลางชี่เพื่อช่วยเหลือหญิงสาวข้างถนนที่ถูกจับไปเท่านั้น”
“เรื่องนั้นข้าเองก็เคยได้ยิน แต่ข้าประทับใจเรื่องที่ท่านชิงชิวปะทะกับกลุ่มโจรบั่นศิลามากกว่า”
“เฮ้ย ต้องตอนล้มเซียนหมัดแห่งอาณาจักรซีเหมินสิ”
เสียงพูดคุยบอกเล่าตำนานของชิงชิวดังไปทั่วงานเลี้ยงทำเอาชิงชิวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตำนานพวกนั้นถามว่าจริงหรือไม่ ก็คงต้องตอบว่าจริง ชิงชิวทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ
“ยอดเลย พี่ชายทำเรื่องแบบนั้นมาเสมอเลยงั้นหรือ”จูล่งพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย ยิ่งงานเลี้ยงผ่านไปนานเท่าไหร่ เหล่าศิษย์อาจารย์ของสำนักคร่าตะวันก็เล่าตำนานของชิงชิวออกมาเป็นฉากๆ ทำเอาจูล่งยิ่งฟังยิ่งรู้สึกประทับใจ
“ข้าก็แค่ทนเห็นคนอื่นเดือดร้อนไม่ได้เท่านั้นเอง”ชิงชิวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เรื่องส่วนใหญ่ที่ชิงชิวทำเพราะยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นจริงๆ เพียงแต่เรื่องราวที่เหลือมันพัวพันกันมาเท่านั้น
“แล้วในเมื่อตัวข้ามีพลังพอที่จะช่วยได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ช่วยไม่ใช่หรือ”ชิงชิวตอบออกมาตามที่มันคิดเพียงแต่สิ่งที่มันพูดออกมากลับทำเอาเหล่าชายหนุ่มในงานเลี้ยงแอบซาบซึ้งกันยกใหญ่
“ดีจังเลยนะขอรับ ข้าเองก็อยากมีพลังช่วยเหลือผู้อื่นแบบท่านบ้าง”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใสซื่อ พลังช่วยเหลือผู้อื่นงั้นหรือไม่ใช่ว่าเจ้ามีพอแล้วหรืออย่างไร
“ว่าแต่ท่านชิงชิวขอรับ ข้ามีเรื่องหนึ่งสงสัยอยากจะถามท่านเสียหน่อย”เจ้าสำนักคร่าตะวันว่าพลางขยับเข้ามาใกล้ชิงชิวด้วยท่าทีลับๆล่อๆ
“ข้าเคยได้ยินว่าท่านเคยช่วยเหลือองค์หญิงของอาณาจักรลี่หนานจนทำให้นางตกหลุมรักมาแล้ว ไม่ทราบว่าตกลงท่านได้แต่งงานกับนางหรือไม่ขอรับ”ตำนานของชิงชิวได้รับการแต่งสีเติมไข่ลงไปไม่น้อย ชิงชิวเคยช่วยองค์หญิงท่านนั้นจริงๆ แต่เรื่องเล่ากลับทิ้งให้คนรุ่นหลังพากันจินตนาการไปว่าชิงชิวนั้นได้มีความรู้สึกรักชอบกับองค์หญิงผู้นั้น แต่เพราะชนชั้นสามัญไม่อาจอยู่ร่วมกับราชวงศ์ได้ทำให้ความรักของทั้งสองได้ถูกกีดกั้นเอาไว้ เป็นตำนานเศร้าของชิงชิวในฐานะบุรุษไร้ลักษณ์เลยทีเดียว
“เรื่องนั้นไม่จริงหรอก ข้ากับองค์หญิงแห่งอาณาจักรลี่หนานไม่ได้มีความรู้สึกชอบพอกันฉันชู้สาวแต่อย่างไร”ชิงชิวตอบพลางส่ายหน้าน้อยๆ องค์หญิงแห่งอาณาจักรลี่หนานเป็นองค์หญิงที่ขึ้นชื่อเรื่องความงาม ชนิดที่ว่าโด่งดังไปหลายอาณาจักรเลยทีเดียว เพียงแต่สิ่งที่ชิงชิวพูดนั้นก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด หลังจากช่วยเหลือนางจากการโดนอาณาจักรข้างเคียงลักพาตัว องค์หญิงของอาณาจักรลี่หนานก็เกิดหลงรักชิงชิวขึ้นมาจริงๆ นางถึงขั้นสละตำแหน่งองค์หญิงเพื่อจะอยู่กับชิงชิวเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องลำบากลำบนอะไร องค์จักรพรรดิได้เห็นฝีมือของชิงชิวแล้ว แม้จะเป็นสามัญชน แถมเป็นคนต่างแดนท่านก็ยังยินดีรับชิงชิวเป็นลูกเขย เพียงแต่ชิงชิวไม่สามารถตอบรับความรู้สึกขององค์หญิงท่านนั้นได้ เพราะในหัวใจชิงชิวนั้นไม่เคยมีใครอื่นเลยนอกจากองค์หญิงแห่งอาณาจักรไป๋เท่านั้น
.
.
.
“ฮะๆ ท่านน้าจิ้งจอกยังโสดอยู่อีกงั้นหรือ”หลังจากปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงจนได้ ชิงชิวก็พาจูล่งออกมายืนอยู่หน้าระเบียงห้องพักที่ใหญ่ที่สุดของสำนักคร่าตะวันพลางขอให้จูล่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของจูล่งให้ฟัง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องพวกองค์จักรพรรดิและองค์มเหสี รองลงมาก็จะเป็นเรื่องของพวกน้าๆของไป๋จูเหวิน ฟังดูแล้วช่างเป็นเรื่องราวแสนสงบต่างจากตอนอยู่ในวังหลวงของอาณาจักรไป๋มากมายนัก ตัวชิงชิวได้ฟังเรื่องราวจากไป๋จูล่งก็มีความรู้สึกโล่งใจ ท่าทางองค์จักรพรรดิจะทำใจได้แล้ว
“เรื่องของข้าไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย สู้เรื่องของพี่ชิวก็ไม่ได้”ไป๋จูล่งบ่นออกมานิดหน่อยหลังจากเล่าเรื่องของตนเองออกมาแล้ว สำหรับมันแล้วการใช้ชีวิตในหมู่บ้านเป็นเรื่องธรรมดามากเมื่อมาเจอเมืองข้างนอก แต่สำหรับชิงชิวแล้วเรื่องของไป๋จูล่งคือสิ่งที่มันอยากรู้มากเลยทีเดียว
“เรื่องของข้ามันก็เกินจริงไปหน่อย ถ้าเจ้าเห็นคนเดือดร้อนแล้วเข้าไปช่วย ไม่นานเจ้าก็คงโดนคนอื่นเอาเรื่องราวไปเล่าเหมือนข้านั่นล่ะ”ชิงชิวหัวเราะออกมา แม้จะยังไม่ทราบว่าจริงๆแล้วจูล่งมีพลังระดับไหน แต่มันโตมาท่ามกลางพวกท่านน้าเชียวนะ อย่างน้อยๆก็ต้องมีวิชาติดตัวมาบ้างแน่ๆ แม้ไม่มีพลังระดับต้านเจ้าสวรรค์อย่างชิงชิวได้ คนในอาณาจักรนี้ไม่มีใครทำอะไรจูล่งได้หรอก
“ถ้าข้าช่วยคนงั้นหรือ แล้วคนแบบไหนล่ะที่ข้าสมควรจะช่วย”จูล่งถามพลางกะพริบตาปริบๆ ในหมู่บ้านทุกคนแทบไม่เคยต้องการความช่วยเหลือเลย นอกจากท่านน้าจิ้งจอกที่บ่นอยู่เสมอว่าสอนจูล่งได้ไม่ดีเลย แต่น่าเสียดายเรื่องนั้นจูล่งเองก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
“ก็คนที่กำลังเดือดร้อน หรือกำลังดูเจ็บปวดนั่นล่ะ”ชิงชิวตอบออกไป มันอยู่กับจูล่งมาพักหนึ่งแล้วทำให้พอรู้ว่าน้องชายผู้นี้ไม่ประสีประสาเท่าไหร่เลย
“เดือดร้อนหรือเจ็บปวด….เหมือนเด็กคนนั้นหรือเปล่า”ไป๋จูล่งว่าพลางชี้ไปทางบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากสำนักคร่าตะวันอยู่ช่วงหนึ่ง
“เด็ก? เด็กคนไหน”ชิงชิวขมวดคิ้ว ตัวมันไม่ได้มองเห็นทะลุทุกอย่างเหมือนจูล่ง เลยไม่ทราบว่าน้องชายท่านนี้หมายถึงอะไรกันแน่
“คนนั้นไงขอรับ ที่อยู่ใต้ดินของบ้านสูงๆนั่น”จูล่งตอบพลางชี้ไปที่ตึกแห่งหนึ่งที่สูงสะดุดตาไม่น้อยเลย
“เจ้าบอกว่ามีเด็กอยู่ที่ใต้ดินของตึกนั่นงั้นหรือ”ชิงชิวเบิกตากว้าง เรื่องเช่นนี้หากไม่ได้สืบข่าวมาก่อนชิงชิวก็ไม่อาจทราบได้ แต่จูล่งกลับสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย
“ขอรับ ดูเหมือนจะเป็นเด็กผู้หญิงอายุราวๆ 10 ขวบ ดูนางจะกลัวมากทีเดียว”ไป๋จูล่งตอบพลางมองไปที่เด็กคนนั้น ก่อนหน้านี้จูล่งมองไม่เห็นเด็กคนนั้นมาก่อน คงจะพึ่งโดนพาตัวมาเมื่อเย็นนี้ พอกลับมาก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของเด็กคนนั้นไม่น้อย นางเหมือนโดนจับขังเอาไว้ไม่มีผิด
“เจ้าแน่ใจนะ”ชิงชิวอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าจะเจอเรื่องเช่นนี้อยู่ไม่ห่างจากสำนักใหญ่ของเมือง
“ขอรับ”จูล่งตอบด้วยใบหน้าซื่อๆ
“ไปช่วยนางกันเถอะ”ชิงชิวว่าพลางกระโดดลงจากระเบียงห้องพักของสำนักคร่าตะวัน
“ขอรับ”จูล่งตอบพลางตามชิงชิวไป หากไม่ได้ถามชิงชิว ตัวจูล่งเองก็จะลงไปดูอยู่หรอก ในเมื่อชิงชิวเป็นคนนำจูล่งก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว
เปรี้ยง! ชิงชิวและจูล่งกระแทกประตูของตึงที่จูล่งชี้เป้าเอาไว้จนประตูเปิดออกในทันที ชิงชิวคุ้นเคยกับความสามารถเนตรแมงมุมจากทั้งไป๋จูเหวินทั้งไป๋หลินดี ทำให้เชื่อสิ่งที่จูล่งบอกเต็มที่
“พี่ชิงชิว ทำลายข้าวของคนอื่นแบบนี้ไม่ดีนะขอรับ”ไป๋จูล่งว่าพลางมองประตูที่กระจายไม่เหลือชินดี
“เอ่อ…เอาไว้ข้าจะมาซ่อมคืนให้แล้วกัน”ชิงชิวว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“จริงนะขอรับ”จูล่งว่าพลางมองประตูด้วยท่าทีรู้สึกผิด
“ช่วยคนสำคัญกว่า เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก”ชิงชิวว่าพลางเดินนำจูล่งเข้าไปในตัวตึกด้วยท่าทีสงสัย ท่าทางเรื่องที่จูล่งบอกจะเป็นความจริงเสียแล้ว เพราะในตึกแห่งนี้มีสัมผัสพลังวิญญาณจำนวนหนึ่งอยู่ ท่าทางจะเป็นคนเฝ้าประตูกระมัง
วูบ… ร่างของชิงชิวล่องหนหายตัวไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเข้าไปจัดการพวกเฝ้ายามที่อยู่หลังเสา ดูเหมือนพวกมันจะเตรียมตัวรับมือเอาไว้ก่อนแล้ว ไม่มีท่าทีจะประกาศเตือนพวกชิงชิวที่บุกเข้ามา แต่หวังจะฆ่าชิงชิวกับจูล่งให้ตายไปเลยเสียมากกว่า
เปรี้ยง!! ชิงชิวซัดพวกคนเฝ้ายามจนสลบก่อนจะเดินต่อไปยังทางลงชั้นใต้ดิน ไม่ทราบว่าเจ้าของตึกนี้เป็นใครกันแน่ แต่พวกเฝ้ายามมีฝีมือไม่น้อยเลย คนเมื่อครู่ที่ชิงชิวล้มไปก็เป็นระดับเทียนเซียนขั้นที่ 2 แล้ว ในอาณาจักรแห่งนี้คนระดับนี้ไม่ได้ค่าตัวถูกๆแน่ๆ
“พี่ชิงชิว ทางนี้ขอรับ”ไป๋จูล่งชี้ไปที่พื้นจุดหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในห้องชั้นในของอาคารชั้นแรก หากมองผ่านๆก็แทบแยกความต่างไม่ออก แต่หากมองดีๆแล้วตรงพื้นหินส่วนนี้มีรอยแยกบางๆอยู่
ครืด..ชิงชิวยกพื้นหินออกทำให้มองเห็นทางลงชั้นใต้ดินตามที่จูล่งบอกเอาไว้ไม่มีผิด
“เป็นอย่างเจ้าว่าจริงๆ”ชิงชิวพูดพลางมองไปที่สุดทางเดินของชั้นใต้ดิน ภายในห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ปรากฏกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังยืนล้อมกรงขังขนาดเล็กที่ขังร่างของเด็กคนหนึ่งเอาไว้ ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมเด็กตัวแค่นี้ถึงโดนจับมา แถมยังมีการคุ้มกันแน่นหนาเป็นพิเศษทีเดียว เจ้าพวกที่อยู่ล้อมกรงนั่นระดับไม่ต่ำกว่าเทียนเซียนขั้นที่ 4 แม้แต่คนเดียว
“……”ตัวไป๋จูล่งมองเห็นเด็กหญิงมาตั้งแต่แรก มีความรู้สึกแปลกๆกับท่าทีหวาดกลัวของนางมาตั้งแต่เย็นแล้ว พอได้มาเห็นใกล้ๆ ได้เห็นบาดแผลบนร่างของเด็กหญิงชัดตา จูล่งกลับบังเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ นางไม่เหมือนหลิงจงที่ทนกับบาดแผลได้ นางบอบบางและไม่ควรมีบาดแผลเช่นนั้นอยู่บนร่างเลย
“ไม่ต้องกลัว ข้ามาช่วยแล้ว”จูล่งเดินออกไปข้างหน้าโต้งๆ ไม่ได้สนใจพวกที่เฝ้ายามอยู่เลย มันเดินเข้าไปหากรงที่ขังเด็กหญิงเอาไว้พลางยิ้มบางๆออกมาหมายจะปลอบใจเด็กสาว
“เจ้า….”พวกคนเฝ้ายามหมายจะเข้ามาจับตัวจูล่งเอาไว้ส่วนหนึ่งโดนชิงชิวจัดการไป ส่วนอีกไม่กี่คนที่เหลือก็ใช้อาวุธพุ่งเข้ามาโจมตีจูล่ง แต่เพราะเกราะแมงมุมของจูล่งแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้ดาบหรือกระบี่โจมตีใส่ก็ไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะปล่อยเจ้าออกไปเอง”จูล่งว่าพลางฉีกซี่กรงออกราวกับหักกิ่งไม้บางๆไม่มีผิด มันเดินเข้าไปหาเด็กหญิงที่มีท่าทีหวาดกลัวมากอย่างช้าๆเหมือนตอนเข้าไปหาสัตว์ป่ากำลังบาดเจ็บไม่มีผิด
“ไม่ต้องกลัว”จูล่งว่าพลางยื่นมือไปหาเด็กหญิงช้าๆ เมื่อเห็นนางไม่มีท่าทีจะหนี จูล่งจึงอุ้มร่างของเด็กหญิงขึ้นมาในอ้อมแขน ก่อนจะเดินออกมาจากกรงขังหลังจากชิงชิวจัดการพวกข้างนอกหมดแล้ว
“เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลเลย”ชิงชิวว่าพลางมองไปที่เด็กหญิง ทำไมต้องจับเด็กตัวแค่นี้มา แถมยังวางกำลังป้องกันเอาไว้อีกต่างหาก แล้วเจ้าของห้องใต้ดินนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงลอบพาเด็กคนนี้เข้ามาขังได้ ทั้งๆที่การตรวจตราในเมืองไม่ได้หละหลวมอะไร