บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 435 พี่สาว?
ตอนที่ 435
พี่สาว?
“………..”ภาพตรงหน้าทำเอาเหล่าคนรอบข้างไม่ว่าจะไป๋ไป่ หยงเวย หรือฝั่งแขกร่วมงานต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า คนอื่นๆอาจจะตกใจที่จูล่งไปรบกวนแขกของเจ้าสำนักจนเกิดเรื่อง โดยเฉพาะเจ้าสำนักเองที่เกรงอกเกรงใจไป๋หลินอย่างมากเพราะทราบระดับพลังของไป๋หลินดี ภาพตรงหน้าทำเอามันเกือบหมดสติเลยทีเดียว เพียงแต่ไป๋ไป่และหยงเวยกลับประหลาดใจในเรื่องอื่นแทน
เจ้าเด็กตรงหน้ารับฝ่ามือของไป๋หลินไปแล้วยังไม่เป็นอะไรอีก แม้จะเพียงตบเพื่อต่อว่าอีกฝ่ายแต่กำลังที่ไป๋หลินใช้ออกมาเมื่อครู่ต่อให้เป็นระดับยอดฝีมือก็ยังต้องล้มลงไปนอนกับพื้นแน่ๆ แต่จูล่งกลับยืนนิ่งราวกับไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
หมับ!!! อยู่ๆจูล่งก็ยื่นมือมาจับมือของไป๋หลินเอาไว้ด้วยใบหน้าสำนึกผิด
“ท่านแม่ ท่านโกรธข้าเพราะข้าแอบออกมาจากเมืองใช่หรือไม่”จูล่งพูดด้วยใบหน้าเศร้าๆ ถึงมันจะอยากช่วยผิงกั่ว แต่มันก็แอบออกมาจากเมืองจริงๆ ถึงจะแค่วันเดียวก็เถอะแต่มันก็ไม่คิดว่ามารดาจะกลับมาแล้วมาตามตัวมันเร็วขนาดนี้
“ใครเป็นแม่เจ้ากัน”ไป๋หลินไม่ทราบว่าจูล่งเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าอีกฝ่ายเข้ามาจับมือตนเองเอาไว้แล้วพยายามยัดเยียดให้ตนเองเป็นมารดาของมันเสียให้ได้
“ท่านแม่ ข้าขอโทษ แต่ข้าอยากจะพาผิงกั่วไปพบมารดาของนางจริงๆ ท่านแม่อย่าโกรธข้าเลยนะ”จูล่งว่าพลางกุมมือไป๋หลินแน่น ทำเอาไป๋หลินไม่ทราบจะทำเช่นไรดี หลายสิบปีมาแล้วที่นางไม่เคยปล่อยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้นอกจากท่านลุงหยงเวยที่ออกเดินทางด้วยกัน ทำให้การโดนชายหนุ่มจับมือเช่นนี้สร้างความกังวลใจให้ไป๋หลินอย่างมาก
“ก็บอกว่า…ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า”ไป๋หลินว่าพลางกางฝ่ามือออกหมายจะดันร่างของจูล่งออกไป
ผั๊ว!! ฝ่ามือของไป๋หลินกระแทกเข้ากลางอกจูล่งอย่างจัง แต่ฝ่ามือของนางราวกับกระแทกเข้ากับโขดหินไม่มีผิด ร่างของจูล่งที่โดนฝ่ามือปักษาสู่สวรรค์ของไป๋หลินเข้าไปยืนนิ่งราวกับไม่ได้รับแรงกระแทกแต่อย่างไร
“……”ไป๋ไป่และหยงเวยอดตะลึงไม่ได้ ไป๋หลินมีทั้งพลังวิญญาณและพลังมาระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 และพลังอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 5 อยู่กับตัว แต่กำลังของนางกลับทำอะไรจูล่งไม่ได้เลย เช่นนั้นเจ้าหนุ่มนี่ต้องอยู่ระดับเข้าสวรรค์ขั้นที่ 6 ขึ้นไปไม่ใช่หรือ
“ท่านจะตีข้าก็ได้ท่านแม่ แต่ให้ข้าได้ทำคำสัญญาให้ลุล่วงก่อนกลับหมู่บ้านเถอะ”จูล่งว่าพลางก้มหน้าสำนึกผิด ฝ่ามือที่ตบมานั้นเหมือนฝ่ามือที่มารดามันเคยใช้ไม่มีผิด ยามนี้จูล่งมองแยกมารดาตนเองอย่างเหม่ยหลินกับพี่สาวที่มันไม่เคยเจออย่างไป๋หลินไม่ออกจริงๆ
“……”ฝ่ามือปักษาสู่สวรรค์ไม่ได้ผล คราวนี้แม้แต่ตัวไป๋หลินเองยังตะลึง เมื่อครู่มันใช้กำลังออกไปหมายจะซัดอีกฝ่ายให้ลอยไปตกกลางลานประลองเสียด้วยซ้ำ เหตุใดมันถึงยังไม่เป็นอะไรอีก หรือว่าจริงๆแล้วเป็นผู้มีพลังระดับเจ้าสวรรค์กัน
“ท่านแม่ ท่านหายโกรธข้าหรือยัง”จูล่งถามพลางมองไป๋หลินด้วยดวงตาสีเงินของมัน ปกติท่านแม่โกรธมันไม่นานก็หาย เหตุใดท่านแม่ถึงยังทำเป็นไม่รู้จักมันอีกกัน
“…….”ไป๋หลินสับสนไปหมดว่าเรื่องตรงหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น แม้จะงงที่อีกฝ่ายเรียกตนว่าแม่ แต่อาการเช่นนี้เหมือนคนที่กำลังโดนพลังของราคะเข้าครอบงำไม่มีผิด แม้นางจะปิดผนึกพลังของราคะเอาไว้มาหลายสิบปี แต่ก็ไม่สามารถมั่นใจได้เต็มร้อยว่าจะสามารถควบคุมพลังของราคะเอาไว้ได้แน่นอน พริบตานั้นไป๋หลินพลันคิดว่าอีกฝ่ายโดนพลังของราคะเข้าเป็นแน่
“ออกไป”ได้ยินไป๋หลินพูดจูล่งก็ตกใจอย่างมาก มารดาของมันเคยโกรธมันบ้างก็จริง แต่ไม่เคยออกปากไล่เช่นนี้ ตัวมันโดนมารดาออกปากไล่เช่นนี้รู้สึกห่อเหี่ยวใจไม่น้อย
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า”ไป๋หลินเชื่อว่าจูล่งคงโดนพลังมารเข้าครอบงำเข้าแน่ๆพลันเกิดเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ยิ่งอยู่ใกล้ตัวนางพลังของราคะก็จะยิ่งรุนแรง ไป๋หลินจึงพยายามดึงมือออกมาจากมือของจูล่งทันที แต่น่าเสียดายนางไม่สามารถหลุดออกมาจากมือของจูล่งได้เสียอย่างนั้น
เปรี้ยง! อยู่ๆร่างของหยงเวยก็ปรากฏขึ้นขวางกลางระหว่างไป๋หลินกับจูล่ง มันไม่ได้ยินว่าจูล่งพูดอะไร แต่ท่าทางของจูล่งเหมือนคนที่โดนพลังของราคะเข้าแล้วพยายามเข้ามาหาไป๋หลินไม่มีผิด ทำให้มันต้องรีบเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน เพียงแต่…
“…….”หยงเวยสะท้านวาบ ฝ่ามือที่มันพยายามผลักร่างของจูล่งนั้นราวกับไร้กำลัง จูล่งไม่แม้แต่จะเอนตัวเสียด้วยซ้ำ
“เจ้า….”หยงเวยมองไปทางจูล่งด้วยท่าทีตกใจ กำลังระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 10 ไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่ายๆ ต่อให้หยงเวยไม่คิดจะทำร้ายอะไรจูล่งก็ตาม แต่ไม่สะเทือนเลยเช่นนี้ก็มากเกินไป เจ้าหนุ่มนี่เป็นใครกันแน่
“ไป๋น้อย”ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ อยู่ๆไป๋ไป่ก็เข้ามาขวางหยงเวยกับจูล่งเอาไว้เสียก่อน นางเป็นอสูรตนเดียวที่อยู่ในที่แห่งนี้ ทำให้นางเป็นตนเดียวที่สามารถสัมผัสพลังดึงดูดเหล่าอสูรของจูล่งได้ ทำให้นางรู้สึกคาใจกับไป๋จูล่งอย่างมาก
“พี่ไป๋ไป่ มีอะไรงั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางมองไป๋ไป่ที่เดินเข้าไปหาไป๋จูล่งด้วยตนเอง
“เจ้าหนู เจ้าเรียกไป๋น้อยว่าแม่ ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้นกัน”ไป๋ไป่ถามพลางมองจูล่งนิ่ง พอมองดีๆแล้วใบหน้าของจูล่งก็คล้ายไป๋หลินไม่น้อยหากเปลี่ยนสีผมเป็นสีดำเสียหน่อย หน้าของมันก็คล้ายไป๋หลินไม่น้อย แม้มันจะเป็นผู้ชายก็ตาม
“ก็…. ข้าเรียกท่านแม่ว่าท่านแม่อยู่แล้วนี่ขอรับ”จูล่งตอบด้วยท่าทีงุนงง สำหรับมันเหมือนกำลังถามว่าทำไมถึงเรียกท้องฟ้าว่าท้องฟ้านั่นล่ะ
“แม่ของเจ้าชื่ออะไร”ไป๋ไป่ถามด้วยความสงสัย
“แม่ของข้า….ชื่อเหม่ยหลินขอรับ”ได้ยินคำตอบของจูล่ง ไป๋หลินและหยงเวยต่างก็กะพริบตาปริบๆทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ”คราวนี้กลับกลายเป็นไป๋หลินเสียเองที่เข้าไปหาจูล่ง นางจ้องไปที่ใบหน้าของจูล่งอย่างตั้งใจ จะว่ามีเค้าโครงก็ใช่ ไม่สินี่มันชัดเลยไม่ใช่หรือ แถมสีผิวของจูล่งก็ยังเหมือนไป๋หลินมากอีกต่างหาก สีเช่นนี้มันเกิดจากพลังของท่านย่าแมงมุมไม่ใช่หรืออย่างไร
“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงทำเหมือนไม่รู้จักข้าล่ะ”จูล่งถามพลางมองไป๋หลินที่อยู่ตรงหน้า แต่ยามนี้ไป๋หลินเข้าใจเสียแล้วว่า ท่านแม่ ที่จูล่งพูดออกมานั้นหมายถึงอะไร
“เจ้าเด็กโง่ ข้าไม่ใช่แม่เจ้าเสียหน่อย”ไป๋หลินยิ้มออกมาด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ หลังจากเรื่องของชินอี้ ทั้งตัวนางทั้งท่านพ่อและท่านแม่ต่างได้รับบาดแผลในใจที่ใหญ่มาก เพราะเรื่องในตอนนั้นทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ไม่คิดจะมีลูกอีกเลย ทำให้ไป๋หลินไม่ได้มีความคิดว่าจูล่งอาจจะเป็นน้องชายของตนในหัวเลย แต่การที่นางได้ทราบว่าจูล่งนั้นคือบุตรชายของท่านพ่อและท่านแม่ หรือก็คือน้องชายของนางนั้นทำให้ไป๋หลินรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ท่านพ่อและท่านแม่สามารถทำใจเรื่องในวันนั้นได้แล้ว พวกท่านก้าวเดินต่อและให้กำเนิดน้องชายคนนี้มางั้นหรือ
“ท่านแม่ทำไมท่านต้องร้องไห้ด้วยล่ะ”จูล่งถามพลางมองไปที่ไป๋หลิน นางร้องไห้ออกมาจริงๆ
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า”ไป๋หลินยิ้มออกมาพลางใช้นิ้วบีบจมูกของจูล่งเบาๆ เจ้าเด็กซื่อบื้อนี่แยกนางกับท่านแม่ไม่ออกนี่เอง
“ท่านไม่ใช่ท่านแม่ แล้วเป็นใครกัน”จูล่งขมวดคิ้วงุนงง ก็ไป๋หลินหน้าตาเหมือนเหม่ยหลินขนาดนี้มันแยกไม่ออกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ข้าเป็นพี่สาวของเจ้าต่างหาก”ไป๋หลินว่าพลางจ้องมองใบหน้าของจูล่งด้วยดวงตาที่ยังมีคราบน้ำตาจางๆ นางดีใจจริงๆที่ท่านพ่อท่านแม่สามารถทำใจได้แล้ว
“พี่สาว? ท่านพูดเรื่องอะไรกัน”จูล่งทำสีหน้างุนงงออกมา แต่ใบหน้าของมันกลับทำให้ไป๋หลินอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าใช้ดวงตาสีม่วงดูสิ เจ้าจะเข้าใจ”ไป๋หลินพูดเสนอออกมา จูล่งมีเกราะแมงมุมคุ้มครองร่าง มันย่อมต้องมีเนตรแมงมุมเอาไว้ใช้งานเป็นแน่
“…….”จูล่งนิ่งไปก่อนจะเปลี่ยนดวงตาเป็นสีม่วงตามที่ไป๋หลินบอก พริบตานั้นจูล่งก็แสดงสีหน้าเอ๋อๆออกมาแทบจะทันที
“ท่าน…ไม่ใช่ท่านแม่”จูล่งกะพริบตาปริบๆมองพลังของไป๋หลินด้วยความประหลาดใจ ท่านแม่มีพลังวิญญาณและพลังอสูรอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 10 และระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 แต่ไป๋หลินกลับมีพลังทั้ง 2 สายอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 และระดับบรรพกาลขั้นที่ 5 น้อยกว่าเหม่ยหลินอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่แปลกที่สุดคือไป๋หลินมีพลังอีกสายหนึ่งอยู่ในร่าง หากเป็นมารดาของมันย่อมไม่มีพลังสายนี้เป็นแน่
“กิ้ว…..”หลังจากจูล่งได้ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ท่านแม่ อยู่ๆตงฟางก็เดินเข้ามาในเขตที่นั่งทันที โดยบนหลังของมันยังมีผิงกั่วนั่งอยู่ด้วย ความจริงมันควรเข้ามาขวางให้ไวกว่านี้ แต่ทั้งไป๋หลินทั้งหยงเวยต่างออกแรงผลักจูล่งกันเต็มที่ ทำเอาตงฟางกลัวว่าผิงกั่วจะโดนลูกหลงไปด้วย
“ตงฟาง!”ทั้งไป๋หลินทั้งไป๋ไป่มองตงฟางด้วยท่าทีตกใจทันที หากตงฟางอยู่กับจูล่งเช่นนี้ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดอีกแล้ว จูล่งต้องเป็นน้องชายของไป๋หลินอย่างแน่นอน
“พี่ตงฟาง พี่หมายความว่าไง”จูล่งขมวดคิ้วพลางมองไปทางตงฟาง
“กิ้ว”ตงฟางส่งเสียงออกมาพลางเอาหัวของมันแตะบ่าของจูล่งเบาๆ
“นี่ข้ามีพี่สาวด้วยงั้นหรือ”จูล่งกะพริบตาปริบๆ นี่ตกลงมันมีพี่สาวอยู่งั้นหรือ ช่างเป็นเรื่องน่าตกใจจริงๆ
“ถูกแล้ว ข้าเป็นพี่สาวของเจ้า”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มออกมาทันที รอยยิ้มของนางนั้นทำให้คนอื่นๆมองตาค้างกันถ้วนหน้า เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่สดใสจริงๆ จะมีเพียงแต่หยงเวยเท่านั้นที่มองรอยยิ้มของไป๋หลินด้วยความรู้สึกโล่งใจตั้งแต่ออกตามหาเตาหลอมโลกันตร์มาหลายปี นางก็ยิ้มน้อยลงทุกทีๆ ได้เห็นไป๋หลินยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเช่นนี้ทำให้ลุงอย่างหยงเวยโล่งใจจริงๆ