บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 437 ทดแทน
ตอนที่ 437
ทดแทน
“จูล่ง เป็นอย่างไรบ้าง”ไป๋หลินเดินเข้ามาภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของฝั่งจูล่งช้าๆ ความจริงนางไม่จำเป็นต้องถามหรอกเพราะนางเห็นตั้งแต่จากข้างนอกแล้วว่าจูล่งโดนพนักงานจับเปลี่ยนเสื้อผาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขะ ขอรับ”จูล่งว่าพลางมองเสื้อผ้าของตนเอง แม้จะงงๆในตอนแรกแต่ก็ต้องยอมรับว่าเสื้อผ้าพวกนี้ใส่สบายดีไม่น้อย แถมเพราะเส้นผมของจูล่งเป็นสีขาวทำให้ยามใส่ชุดสีดำกลับดูดีอย่างมากทีเดียว นอกจากนี้หลังจากโดนจัดเส้นผมให้เรียบร้อย ใบหน้าที่แต่เดิมหล่อเหลาไม่ต่างจากบิดา แต่ก็มีความงามของมารดาแฝงอยู่ของมันก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นมาหลายเท่า แม่จะเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการทรงผมให้เรียบร้อยก็ดูต่างจากเดิมมากทีเดียว
“ไม่เลวๆ”ไป๋หลินยิ้มพลางมองจูล่งที่โดนจับเปลี่ยนชุดด้วยท่าทีพึงพอใจ นางหันไปบอกพนักงานให้หาชุดแบบนี้มาอีกจำนวนมากก่อนจะเอามันให้ไป๋จูล่งเก็บเอาไว้พร้อมๆกับชุดของผิงกั่วไปด้วย เพราะผิงกั่วไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้นั่นเอง
“ท่านพี่ แบบนี้มันไม่มากเกินไปหรือขอรับ”จูล่งมองกองเสื้อผ้าด้วยใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตัวมันพึ่งประสบปัญหาเรื่องเงินมาหมาดๆ ทำให้เข้าใจว่าเงินจำนวนมากขนาดนั้นหายากแค่ไหน
“ข้าเป็นพี่สาวเจ้าแท้ๆ แต่ไม่ได้ดูแลเจ้าเลย ถือว่าให้พี่สาวคนนี้ได้ชดเชยเจ้าเถอะ”ไป๋หลินว่าพลางมองไป๋จูล่งด้วยท่าทีอ่อนโยน น้องชายคนนี้ของนางช่างดูแสนซื่อและขี้เกรงใจเหลือเกิน สงสัยท่านพ่อจะพยายามเลี้ยงดูมันมาให้เป็นคนเช่นนี้หรือไม่ ถึงไม่ได้พาออกจากหมู่บ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ขะ ขอรับ…”จูล่งโดนพูดเช่นนั้นก็ไม่ทราบจะปฏิเสธอย่างไร มันจึงได้แต่เอาเสื้อผ้าที่ไป๋หลินซื้อมาเก็บเข้าไปในมิติ พลางมองไปทางผิงกั่วที่ยามนี้เดินคุยกับไป๋หลินอย่างสนิทสนมเสียอย่างนั้น เห็นนางคุยกับคนอื่นบ้างจูล่งก็ดีใจอยู่หรอก
“เราไปหาอะไรกินกันหน่อยดีกว่า ผิงกั่วท่าทางจะหิวแล้ว”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มให้ผิงกั่วนิดหน่อย เมื่อเช้าจูล่งกับผิงกั่วกินแค่เสบียงอาหารที่ได้มาจากพี่ชายใจดีบนเขาเท่านั้น ไม่ได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นพวกมันไม่มีเงินติดตัวมากพอจะซื้อของกินได้
“ขอรับ”จูล่งว่าพลางเดินตามไป๋หลินไปช้าๆ เพียงแต่ทันทีที่ออกมาจากร้านเสื้อผ้า ไป๋หลินก็เดินนำไปยังร้านอาหารใหญ่กลางเมืองอีกเช่นกัน
“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ”เหล่าพนักงานต่างเดินมาตั้งแถวต้อนรับกันอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบว่าข่าวลือจากร้านขายเสื้อผ้าแพร่ไปหรือไม่พวกมันจึงตั้งใจบริการไป๋หลินเสียเหลือเกิน
“กิ้ว…”ตงฟางที่เปลี่ยนร่างเป็นร่างแรกเรียบร้อยนั่งอยู่บนบ่าจูล่งในทันที พอเห็นบรรยากาศร้านอาหารที่มีคนกำลังนิ่งกินดื่มอยู่เต็มร้านมันก็เหมือนจะรู้สึกหิวขึ้นมาเลยต้องมาขออาหารที่จูล่งเก็บเอาไว้
“เถ้าแก่ ไม่ใช่เราห้ามเอาสัตว์เลี้ยงเข้าร้านหรือ”หญิงสาวคนหนึ่งกระซิบถามไปทางเจ้าของเหลาอาหารด้วยท่าทีสงสัย
“สัตว์เลี้ยงอะไรกัน เจ้าตาบอดหรือยังไง”เจ้าของเหล่าอาหารว่าพลางทำเสียงดุเบาๆ เมื่อครู่มันได้ข่าวจากเถ้าแก่เนี้ยแล้วว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งมาเยือนร้านพร้อมเงินถุงเงินถังเลยทีเดียว หากได้พบนางก็ต้องต้อนรับอย่างดี
“เชิญขอรับทุกท่าน”เจ้าของร้านว่าพลางพาไป๋หลินและพวกจูล่งมานั่งที่โต๊ะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนชั้นสอง
“น้องจูล่งเจ้ามีของที่ไม่ชอบหรือเปล่า”ไป๋หลินถามพลางมองมาทางไป๋จูล่งด้วยท่าทีสนอกสนใจ
“ไม่ขอรับ ข้าทานได้ทุกอย่างเลย”จูล่งตอบตามตรงเพราะมันโดนพวกท่านน้าสอนมาเสมอว่าห้ามเลือกกินโดยเด็ดขาด
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าขอทุกอย่างเลยก็แล้วกัน”ไป๋หลินว่าพลางนำรายการอาหารคืนให้กับเจ้าของร้าน
“อะไรนะขอรับ”เจ้าของร้านทำตาปริบๆก่อนจะมองรายการอาหารร่วมพันอย่างในมือ ร้านของมันเป็นร้านใหญ่มีการรับจ้างจัดเลี้ยงตามงานพิธีต่างๆแม้แต่งานต้อนรับองค์จักรพรรดิร้านมันก็เป็นผู้จัดอาหาร ทำให้รายการอาหารมีจำนวนมากมายตั้งแต่ราคาถูกให้ชาวบ้านสามารถลิ้มลองได้ไปจนถึงของที่ใช้วัตถุดิบพิเศษที่หาได้ยากจนราคาแพงลิบก็มี
“อืม..งั้นเอาเป็นว่าท่านสามารถทำอะไรออกมาได้บ้างก็ทำออกมาทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มหวานออกมา
“ทำนะ ทำได้ขอรับ แต่จำนวนขนาดนั้น”เจ้าของร้านพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ แม้จะดีใจที่ร้านจะได้เงิน แต่ด้วยความที่ตนเองเปิดเหลาอาหารมานาน การเห็นลูกค้ากินเหลือเอาไว้ก็ทำให้มันเจ็บปวดใจไม่น้อยเหมือนกัน
“ไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ พวกเราทานหมดอยู่แล้ว”ไป๋หลินว่าพลางเหล่มองไปทางพี่ไป๋ไป่ที่อยู่ข้างๆ ร่างจริงของนางเป็นมังกรที่ตัวใหญ่กว่าเหลาอาหารแห่งนี้เสียอีก แค่กินอาหารบนโต๊ะทั้งหมดนางทำได้สบายอยู่แล้ว
“พวกท่านทำมาเถอะ”ไป๋ไป่ยิ้มพลางมองไปทางเจ้าของร้าน ตัวนางเองก็อยากให้จูล่งได้กินอาหารดีๆเหมือนกัน หาเหลือละก็นางจะจัดการให้เอง
“ท่านพี่….แบบนี้มันจะไม่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยหรือขอรับ”จูล่งถามพลางมองไปทางไป๋หลิน
“ไม่หรอก โอกาสพิเศษที่ข้าได้พบน้องชายทั้งทีนี่นา”ไป๋หลินยิ้มพลางมองมาทางจูล่งด้วยท่าทีอ่อนโยน
“แล้วอีกอย่าง เจ้าเองก็มาว่าข้าไม่ได้หรอกนะ”ไป๋หลินหัวเราะออกมาพลางมองจูล่งที่กำลังเอาสมุนไพรล้ำค่าจากมิติของตนเองป้อนให้พี่ตงฟางที่กำลังเกาะอยู่บนไหล่ของมัน แม้จะบอกว่ามีรายการอาหารบางรายการที่ใช้วัตถุดิบหายาก แต่อาณาจักรที่ไม่มีนักล่าอสูรแบบนี้การหาสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้แทบเป็นไปไม่ได้ บอกตามตรงเจ้าต้นหญ้าที่จูล่งเอาออกมาให้ตงฟางกินเล่นอยู่นั้นแพงกว่าราคาอาหารพี่ไป๋หลินสั่งไปเสียอีก
“เอ๋ ทำไมละขอรับ”จูล่งกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง มันไปทำอะไรฟุ่มเฟือยตรงไหนกัน
“เอาเถอะ เจ้าให้โอกาสพี่สาวคนนี้เลี้ยงเจ้าเถอะ”ไป๋หลินยิ้มด้วยท่าทีเอ็นดู ได้เห็นน้องชายของตนได้กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเช่นนี้ก็ทำให้ไป๋หลินรู้สึกดีไม่น้อย เรียกได้ว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่กับจูล่งนั้นช่วยเยียวยาจิตใจไป๋หลินไปได้มากทีเดียว ทำให้หยงเวยที่อยู่ข้างๆไม่ได้เร่งรัดไป๋หลินให้เดินทางต่อแต่อย่างไร ตรงกันข้ามหากนางอยากอยู่กับจูล่งอีกวัน หรืออีกเดือนมันจะไม่ห้ามเลยแม้แต่คำเดียว
“จูล่ง หลังจากนี้เจ้าต้องเดินทางไปทางเหนือสินะ”ไป๋หลินถามพลางเหล่มองไปทางผิงกั่วนิดหน่อย นางแอบถามผิงกั่วเรื่องบ้านเกิดของนางมาแล้ว
“ทิศเหนือ ทำไมข้าต้องไปทิศเหนือล่ะขอรับ”จูล่งถามงงๆ เพราะมันไม่ทราบเลยว่าบ้านของผิงกั่วอยู่ที่ไหน มันกะจะมุ่งหน้าไปเรื่อยๆเผื่อเจอเท่านั้น
“นางบอกว่าเมืองที่นางเห็นมีหิมะตกอยู่ตลอดปี ที่แบบนั้นก็มีแต่ทางทิศเหนือไม่ใช่หรือไง”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มออกมา ตัวนางเดินทางไปทั่วแผ่นดินย่อมทราบทันทีว่าเมืองที่ผิงกั่วพูดมานั้นอยู่ที่ไหน แม้จะมีเขตอสูรบางแห่งที่ทำให้อากาศรอบๆกลายเป็นทุ่งหิมะได้ แต่ก็ไม่มีเขตไหนทำให้เป็นแบบนั้นไปทั้งปีจริงๆหรอก แม้แต่หมู่บ้านที่หยงเวยเกิดเองก็มีช่วงที่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเขียวเช่นกัน
“งั้นหรือขอรับ”จูล่งมีท่าทีประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าพี่สาวของมันจะรู้ว่าเมืองของผิงกั่วอยู่ที่ไหน
“พรุ่งนี้เจ้าให้ตงฟางพาบินขึ้นเหนือไปเรื่อยๆก็พอ เมื่อเจ้าเข้าเขตที่มีหิมะปกคลุมแล้วเจ้าน่าจะหาเมืองของนางได้ไม่ยาก”ไป๋หลินว่าพลางมองไปทางตงฟาง แม้นางจะไม่เห็นตงฟางมาพักใหญ่แล้ว แต่ก่อนที่นางจะจากมามันก็กลายเป็นม้ามีปีกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะพาจูล่งบินไปทางเหนือคงไม่ยาก
“ขอบคุณมากขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มให้พี่สาวของมันชื่นใจไม่น้อย แต่หยงเวยกลับรู้สึกเสียดายนิดหน่อย ไป๋หลินบอกว่าให้ตงฟางพาจูล่งไป นั่นหมายความว่านางจะแยกทางกับจูล่งในวันพรุ่งนี้ ท่าทางนางจะยังไม่สามารถอยู่กับครอบครัวตนเองจริงๆจังๆได้สินะ
.
.
“เช่นนั้นก็เดินทางปลอดภัยด้วยนะ”ไป๋หลินพาจูล่งออกมานอกเมืองในเช้าวันต่อมาเพื่อจะได้บอกลากันให้เรียบร้อย นางมอบทั้งเสื้อผ้า อาหาร รวมทั้งเงินจำนวนมากให้กับจูล่งเอาไว้เดินทางต่อไปในภายภาคหน้า แม้จะกำหนดเป้าหมายคร่าวๆได้แล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่าจูล่งจะหาเมืองของผิงกั่วเจอทันทีเสียหน่อย
“ท่านจะไปแล้วหรือขอรับ”จูล่งถามพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย มันดีใจที่ได้พบพี่สาวที่ตนไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่ามี การจะต้องจากกันหลังจากได้พบกันแค่วันเดียวทำเอามันลำบากใจไม่น้อย
“พวกเราต่างเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ มีชีวิตยืนยาวนับๆพันๆปี เจ้ากับข้าต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ”ไป๋หลินว่าพลางมองหน้าเศร้าๆของจูล่งด้วยท่าทีเห็นใจ แต่นางยังมีเรื่องต้องไปจัดการ และนางก็ยังไม่กล้าจะอยู่เผชิญหน้ากับคำว่าครอบครัวสักเท่าไหร่
“พี่ไปก่อนนะ สักวันเราคงได้พบกันอีก”ไป๋หลินพูดจบก็เดินขึ้นไปบนปีกของไป๋ไป่ พลางหันมายิ้มให้จูล่งอีกครั้ง ไม่นานมังกรสีขาวที่ทำเอาทุกคนในเมืองต่างตกตะลึงก็บินขึ้นฟ้าไป
“น้องจูล่ง เจ้าอยู่นี่เอง”ไป๋หลินพึ่งบินหายไปไม่นาน อยู่ๆชิงชิวก็โผล่ออกมาที่ด้านหลังจูล่งเสียอย่างนั้น
“พี่ชิงชิว…”จูล่งว่าพลางหันไปมองชิงชิวที่กำลังเดินเข้ามาหาตนเอง
“ในที่สุดก็ตามเจ้าทันเสียที เจ้านี่เดินทางเร็วจริงๆ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีร่าเริง เพียงแต่จูล่งที่อยู่ตรงหน้ากลับทำหน้างงเสียอย่างนั้น
“ไม่ใช่ว่าพี่มาถึงตั้งนานแล้วหรือขอรับ ทำไมพี่ไม่เข้ามาหาข้าล่ะ”จูล่งถามพลางมองไปทางชิงชิวด้วยท่าทีสงสัย ทำเอาชิงชิวไม่ทราบจะตอบว่าอย่างไรดี ตัวจูล่งย่อมมีความสามารถของดวงตาสีม่วงอยู่แล้วมองเห็นมันก็ไม่แปลก มันต่างหากที่คิดอะไรบ้าๆถึงได้แอบอยู่ห่างๆโดยคิดว่าสองพี่น้องจะไม่รู้ตัว
.
.
“ไป๋น้อย ไม่ทักชิงชิวจะดีหรือ”ขณะเดียวกันหลังจากบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ไป๋ไป่ก็ถามไป๋หลินขึ้นมาทันทีเพราะตัวนางเองก็ทราบว่าชิงชิวอยู่แถวนี้ อาจจะเพราะมันได้พบกับไป๋หลินเข้าก็ได้เลยซ่อนพลังเอาไว้ไม่ดีพอทำให้ไป๋ไป่สัมผัสพลังของมันได้อย่างง่ายดาย
“ตอนนี้ยังไม่ได้”ไป๋หลินตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ มีหรือที่นางจะไม่อยากเจอชิงชิว เพียงแต่นางยังจำภาพในวันนั้นได้ดี และยังรู้สึกผิดเรื่องเกี่ยวกับน้องสาวของชิงชิวอยู่
“แล้วตอนไหนล่ะถึงจะได้”ไป๋ไป่ถามพลางถอนหายใจออกมา นางจงใจบินให้ช้าลงเผื่อไป๋หลินจะอยากวนกลับไป
“หลังจากข้ากำจัดพลังมารออกไปเสียก่อน”ไป๋หลินตอบพลางสัมผัสไปที่ท้องของตนเอง พลังมารที่นางพยายามซ่อนเอาไว้ยังคงวนเวียนอยู่ในร่าง แม้ไม่ทราบว่าจะโทษที่พลังมารได้หรือไม่ แต่ไป๋หลินก็ยังไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองตราบใดที่พลังมารยังอยู่ในร่าง