บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 444 ชดใช้กระบี่
ตอนที่ 444
ชดใช้กระบี่
“พี่ชาย ที่นี่มีงานอะไรหรือ”ไป๋จูล่งถามพลางมองเข้าไปในสำนักจันทร์กระจ่างที่ยามนี้เหล่าศิษย์ในสำนักต่างพากันเดินออกมาล้อมวงอยู่ตรงลานกว้างราวกับกำลังทำพิธีอะไรบางอย่าง
“ตอนนี้สำนักเรากำลังต้อนรับแขกจากต่างแดนอยู่ ห้ามคนนอกเข้า”ชายที่ยืนเฝ้าหน้าประตูตอบพลางยื่นมือที่ถือหอกออกมาขวางประตูเอาไว้
“ห้ามเข้าหรือขอรับ แต่ข้ามีเรื่องอยากจะพบพี่สาวเหล่าลี่นะขอรับ”จูล่งว่าพลางทำหน้าเสียดายออกมา ยามนี้ที่เอวของมันมีกระบี่เล่มหนึ่งติดมาด้วย มันคือกระบี่เล่นที่เจ้าของร้านบอกว่าเป็นกระบี่ที่ดีที่สุดของร้านมันนั่นเอง หลังจากจูล่งเอาทวนของมันออกมาให้เจ้าของร้านดู มันก็มีท่าทีตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มันถึงกับยอมลดราคากระบี่ที่จูล่งถืออยู่ลงครึ่งหนึ่งเพื่อจะได้เชยชมทวนของจูล่งเพียง 10 นาทีเท่านั้นเลยทีเดียว
“วันนี้ท่านเจ้าสำนักกำชับมาว่าห้ามคนนอกเข้า เจ้ามีธุระอะไรก็มาวันหลังแล้วกัน”ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก ท่าทางวันนี้จูล่งจะคว้าน้ำเหลวซะแล้ว
“เดี๋ยวก่อน”จูล่งยังไม่ทันหันหลังกลับไป อยู่ๆเสียงของเจ้าสำนักจันทร์กระจ่างก็ดังขึ้นมาจากภายในสำนัก ดูเหมือนนางจะสังเกตเห็นจูล่งก่อนที่มันจะกลับไปเสียก่อน
“น้องชาย ไม่ทราบเจ้ามีธุระอะไรงั้นหรือ”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างมีท่าทีจริงจังอย่างมากเมื่อเดินเข้ามาหาไป๋จูล่ง นางได้ทราบถึงพลังของไป๋จูล่งแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อไป๋จูล่งนั้นจึงมีไปทางเคารพมากกว่าจะมองเป็นผู้น้อย
“ข้าเคยทำกระบี่ของพี่สาวเหล่าลี่พังไปเล่มหนึ่งขอรับ ข้าก็เลยหามาคืน”จูล่งตอบพลางนำกระบี่ที่เอวออกมา
“งะ งั้นหรือ…เจ้าไม่ได้มาเรื่องที่สำนักคร่าตะวันโดนโจมตีสินะ”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คราแรกที่นางเห็นว่าจูล่งมาที่หน้าประตูก็ตกใจอย่างมาก นึกว่ามันจะเข้าใจผิดเรื่องที่สำนักคร่าตะวันโดนโจมตีแล้วคิดว่าเป็นฝีมือพวกตนเสียอีก
“ไม่หรอกขอรับ เรื่องนั้นพี่ชิงชิวกับพี่สาวของข้าบอกว่าจะไปจัดการแล้ว ข้ามาแค่คืนกระบี่เท่านั้น”จูล่งยิ้มกว้าง มันไม่ได้มีความคิดแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
“งั้นหรือ เช่นนั้นน้องชายเข้ามาเถอะ ข้าจะพาไปหาเหล่าลี่”แม้สำนักจะกำลังรับแขกอยู่ แต่เมื่อเทียบความสำคัญแล้วการช่วยเหลือไป๋จูล่งนับเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากไป๋จูล่งไม่พอใจเกิดอยากทำลายสำนักของนางขึ้นมาก็เกรงว่าจะไม่มีใครหยุดได้เป็นแน่
“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ วันนี้สำนักเรากำลังรับแขก อาจจะวุ่นวายนิดหน่อย”เจ้าสำนักว่าพลางพาไป๋จูล่งเดินเข้าไปในลานกลางสำนักที่เหล่าศิษย์กำลังนั่งล้อมวงกันร่วมโต๊ะอาหารที่เจ้าสำนักนำออกมาตั้งอยู่เต็มลานที่ไป๋จูล่งเคยทำลายไป
“แขกหรือขอรับ ไม่ทราบว่าแขกของท่านเป็นผู้ใดกัน”จูล่งถามพลางมองไปที่กลางลานกว้าง ตรงนั้นจูล่งมองเห็นพี่สาวเหล่าลี่พอดี นางกำลังนั่งอยู่ข้างๆชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดื่มกินกันอย่างมีความสุขทีเดียว
“เป็นเจ้าสำนักผลาญสุริยันที่ตั้งอยู่เมืองทางเหนือของเรา”เจ้าสำนักตอบพลางมองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่กลางวงของศิษย์สำนักจันทร์กระจ่าง สำนักผลาญสุริยันนั้นเป็นสำนักใหญ่ที่รับศิษย์จากสำนักเล็กๆรอบข้างเข้าไปฝึกฝน ทั้งสำนักจันทร์กระจ่างและสำนักคร่าตะวันต่างเป็นสำนักสาขาย่อยของสำนักผลาญสุริยันทั้งสิ้น เช่นเดียวกับสำนักขนาดกลางสำนักอื่นๆรอบๆนี้
“ผลาญสุริยัน”จูล่งขมวดคิ้วงุนงง มันไม่เคยได้ยินชื่อสำนักนี้มาก่อน แต่เพราะมันไม่ค่อยได้ออกจากหมู่บ้านก็เลยถือเป็นเรื่องปกติที่มันจะไม่รู้จักกระมัง
“เหล่าลี่ มีแขกมาขอพบเจ้า”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างพาจูล่งเดินเข้าไปหาเหล่าลี่ที่กลางลานฝึกฝนที่ตอนนี้ใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยง ยามนี้ศิษย์ของสำนักจันทร์กระจ่างกำลังบรรเลงเครื่องดนตรีเพื่อสร้างความสนุกสนานรื่นเริงให้กับเจ้าสำนักผลาญสุริยันอยู่พอดี
“เจ้า….”เหล่าลี่มองไปทางจูล่งด้วยใบหน้าตกตะลึง ไม่นึกว่าจูล่งจะมาหาตนอีก
“สวัสดีขอรับพี่สาวเหล่าลี่”จูล่งยิ้มพลางหยิบกระบี่ออกมาหมายจะคืนให้ แต่เหล่าลี่เห็นมันจับกระบี่ก็รีบถอยหลังทันทีเพราะกลัวว่าไป๋จูล่งจะลงมือทำอะไร
“น้องชายท่านนี้มีเรื่องอะไรกันงั้นหรือ”อยู่ๆหญิงสาวที่เจ้าสำนักผลาญสุริยันโอบกอดเอาไว้ก็ลุกขึ้นมาขวางไป๋จูล่งเอาไว้ เพราะนึกว่ามันหยิบกระบี่ออกมาหมายจะทำร้ายเหล่าลี่เสียอีก
“นายหญิงโปรดวางใจเจ้าค่ะ น้องชายท่านนี้มาเพื่อคืนกระบี่ให้ศิษย์ของข้าเท่านั้น”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างรีบเข้ามาห้ามก่อนจะมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้น
“คืนกระบี่?”เหล่าลี่กะพริบตาปริบๆพลางมองกระบี่ในมือจูล่ง จะว่าไปมันก็ทำกระบี่ของนางพังไปจริงๆนี่นา
“ข้าเสียใจจริงๆที่ทำกระบี่ของท่านพัง ข้าเลยเอากระบี่เล่มนี้มาใช้คืนขอรับ”จูล่งตอบพลางยื่นกระบี่ที่ซื้อมาให้เหล่าลี่ น่าเสียดายกระบี่ของเหล่าลี่ที่จูล่งพังไปนั้นเป็นกระบี่วิเศษที่เจ้าสำนักมอบให้เหล่าลี่สืบทอด เป็นกระบี่ชั้นดีที่หาไม่ได้ในเมืองแห่งนี้ แม้กระบี่ที่จูล่งนำมาอาจจะเป็นกระบี่ที่ดีที่สุดในเมือง แต่ก็ยังเทียบกระบี่ที่มันทำพังไปไม่ได้ เพียงแต่คนที่นำมาคืนคือจูล่งคนที่แม้แต่เจ้าสำนักยังไม่สามารถสู้ได้ แล้วเหล่าลี่จะไปปฏิเสธอย่างไรได้เล่า
“ขะ ขอบใจเจ้ามาก”เหล่าลี่ตอบพลางรับกระบี่ในมือจูล่งมา จริงๆจูล่งไม่จำเป็นต้องเอากระบี่มาใช้คืนก็ได้แท้ๆเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่กล้าไปทวงมันหรอก
“คืนกระบี่ มีเรื่องอะไรกันงั้นหรือ”เจ้าสำนักผลาญสุริยันถามพลางมองมาทางจูล่งด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ท่านเจ้าสำนัก ก่อนหน้านี้ข้าน้อยได้ประลองฝีมือกับน้องชายท่านนี้เจ้าค่ะ ระหว่างประลองข้าน้องชายท่านนี้เผลอทำกระบี่ของข้าพังเสียหายก็เลยนำกระบี่เล่มใหม่มาชดใช้”เหล่าลี่ตอบด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด เจ้าสำนักผลาญสุริยันนับว่าเป็นคนใหญ่คนโตเมื่อเทียบกับสำนักระดับกลางอย่างพวกนาง ทำให้เหล่าลี่เกรงใจมันเป็นอย่างมาก
“ทำลายกระบี่….”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางขมวดคิ้วงุนงง กระบี่ที่เหล่าลี่ใช้หากจำไม่ผิดมันสมควรจะเป็นกระบี่ประจำสำนักจันทร์กระจ่างไม่ใช่หรืออย่างไร กระบี่เล่มนั้นเป็นของวิเศษชั้นดีไม่น้อย นับว่าล้ำค่าเกินกว่าสำนักระดับกลางอย่างสำนักจันทร์กระจ่างจะหามาได้เสียด้วยซ้ำ แต่มันกลับโดนทำลายเสียได้
“เจ้าหนู เจ้าใช้อาวุธอะไร”แม้จะเสียดายกระบี่ แต่เมื่อมันพังไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าสำนักผลาญสุริยันสงสัยคืออาวุธใดกันแน่ที่ทำลายกระบี่ของสำนักจันทร์กระจ่างได้
“…….”เหล่าลี่แทบพูดไม่ออก อาวุธหรือ ไม่เลย จูล่งแทบจะใช้มือเปล่าปัดกระบี่นางด้วยท่าทีเหมือนไม่ตั้งใจเสียด้วยซ้ำ
“ข้าใช้ทวนขอรับ”จูล่งตอบออกมาตามตรง ก็เจ้าสำนักผลาญสุริยันถามว่ามันใช้อาวุธอะไรไม่ได้ถามนี่นาว่ามันทำลายกระบี่ของเหล่าลี่อย่างไร
“ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางมองไปทางไป๋จูล่ง มันสัมผัสพลังวิญญาณจากเจ้าหนูนี่ไม่ได้ เลยไม่ทราบว่าระดับพลังของจูล่งอยู่ระดับไหน เลยเพ่งเล็งไปที่เรื่องอาวุธเสียมากกว่า
“ขอรับ”จูล่งเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย เหตุใดอีกฝ่ายถึงอยากดูอาวุธตนเองกัน แต่เพราะอีกฝ่ายขอดีๆจูล่งจึงนำทวนสีเงินของมันออกมา
“………”ไม่ใช่เพียงเจ้าสำนักผลาญสุริยัน แม้แต่เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างและศิษย์คนอื่นๆเมื่อได้เห็นทวนเงินของจูล่งก็พากันอึ้งตาค้าง พวกมันเคยเห็นอาวุธวิเศษมาแล้วทั้งนั้น แต่ไม่เคยเห็นอาวุธชิ้นใดยอดเยี่ยมปานนี้มาก่อน มันนับเป็นผลงานที่เลอค่าเกินกว่าจะมาอยู่กับเด็ก
“เจ้าหนู ทวนเล่มนี้เจ้าได้มาจากที่ไหน”เจ้าสำนักผลาญสุริยันถามพลางมองไปทางไป๋จูล่ง มันเอาทวนออกมาจากมิติของตนเองไม่ได้เอาออกมาจากแหวน แสดงว่าจริงๆแล้วมันมีพลังไม่น้อยเลย
“ข้าได้มาจากท่านน้าขอรับ”จูล่งตอบออกไปตามตรง เพียงแต่ไม่ได้บอกเท่านั้นว่าท่านน้าของมันเป็นผู้ทำขึ้นมากับมือ
“เจ้า….เจ้าขายมันให้ข้าได้หรือไม่”เจ้าสำนักผลาญสุริยันถามพลางมองทวนในมือจูล่งตาไม่กะพริบ แม้มันจะใช้ดาบและวิชาของสำนักมันจะเน้นไปทางการใช้ดาบมากกว่า แต่หากได้ทวนเล่มนี้มาต่อให้มันต้องไปฝึกวิชาทวนตั้งแต่ต้นหรือคิดค้นวิชาทวนมาใช้ในสำนักมันก็ยินดีที่จะทำเลยทีเดียว
“ไม่ได้หรอกขอรับ ท่านน้ามอบมันให้ข้า ข้าไม่อาจขายมันได้จริงๆ”จูล่งตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ
“งั้นเจ้าต้องการอะไรล่ะ เงินทอง นารี หรือ อำนาจ หากเจ้ามอบทวนเล่มนี้ให้ข้า ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักข้าก็ยังได้”เจ้าสำนักผลาญสุริยันถามพลางยิ้มออกมา สำนักของมันเป็นสำนักใหญ่ ในพื้นที่แถบนี้ไม่มีสำนักใดกล้ามีเรื่องด้วย แม้แต่สำนักร้อยบุปผาที่ได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพธิดาก็ยังไม่สามารถต่อต้านพวกมันได้ หากเป็นศิษย์ของสำนักผลาญสุริยัน หากไปที่ไหนในแถบนี้ก็แทบจะได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีกันทั้งสิ้นเลยทีเดียว
“ข้าขายของที่รับมาไม่ได้จริงๆขอรับ”จูล่งตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ แม้แต่เงินที่พี่สาวมันให้มายังต้องไปขอพี่สาวอีกรอบเพื่อจะใช้จ่ายเลย จูล่งไม่มีทางขายทวนที่ท่านน้าราชสีห์ทำให้เด็ดขาด
“เจ้าหนู”เจ้าสำนักผลาญสุริยันพูดพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมา ระดับพลังขั้นเทียนเซียนขั้น 10 ของมันทำเอาเหล่าศิษย์ในสำนักจันทร์กระจ่างตัวสั่นกันถ้วนหน้า เพียงแต่มันแทบไม่ได้ผลกับจูล่งเลย
“ท่านเจ้าสำนัก….”เจ้าสำนักจันทร์กระจ่างมีท่าทีร้อนรนทันทีเมื่อเห็นเจ้าสำนักผลาญตะวันมีท่าทีโมโห ปกตินางจะไม่ยุ่งหรอกเพียงแต่อีกฝ่ายเป็นไป๋จูล่ง เกรงว่า…
“เจ้าหนู ข้าถามเจ้าอีกครั้งว่าจะขายทวนเล่มนั้นให้ข้าหรือไม่”เจ้าสำนักผลาญตะวันถามพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ไม่ได้ขอรับ”จูล่งตอบพลางกะพริบตาน้อยๆ เหตุใดถึงต้องถามมันซ้ำๆด้วย หรือเมื่อครู่มันตอบคำถามได้ไม่ชัดเจนนัก
“ทวนเล่มนี้เป็นของที่ท่านน้าของข้ามอบให้มาขอรับ ท่านบอกให้ข้าเก็บรักษามันเอาไว้ดีๆ ข้าคงมอบให้ท่านไม่ได้หรอกขอรับ”จูล่งยิ้มพลางอธิบายให้เจ้าสำนักผลาญตะวันฟังช้าๆ
“ข้าไม่สน”เจ้าสำนักผลาญตะวันว่าพลางยื่นมือมาจับทวนของจูล่งเอาไว้แน่น พร้อมกับปล่อยพลังวิญญาณออกมาข่มเต็มที่ ของที่มันอยากได้ก็ต้องได้ นี่คือสิ่งที่เจ้าสำนักผลาญตะวันทำมาตลอด