บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 458 ย้าย
ตอนที่ 458
ย้าย
คลืนนน…. ระหว่างที่หลี่เย่กำลังหลงทางอยู่นั้น อยู่ๆรอบๆข้างตัวนางก็สั่นสะเทือนราวกับกำลังมีแผ่นดินไหวไม่มีผิด เพียงแต่แรงสั่นสะเทือนทั้งหมดในยามนี้ไม่ใช่แผ่นดินไหวแต่อย่างไร
“เร็วเข้า คุณหนูกลับมาแล้ว”เสียงของอสูรตนหนึ่งที่พุ่งตัวผ่านหลี่เย่ไปแว่วเข้าหูหลี่เย่เข้าพอดี
“ไม่ใช่แค่นายน้อย แต่คุณหนูก็กลับมาด้วย ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ”เสียงอสูรอีกตนหนึ่งแว่วมาระหว่างที่อสูรจำนวนมากกำลังวิ่งตรงไปยังเมืองจำลองของมังกรธรณี
“นี่มันอะไรกัน”หลี่เย่เกิดและโตในอาณาจักรอู๋ ก็เลยพอจะคุ้นเคยกับอสูรอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่เคยเห็นอสูรจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนทำเอานางได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่หลังต้นไม้ทั้งๆที่รู้ว่าต้นไม้ไม่สามารถป้องกันอะไรนางได้เลย
เปรี้ยง!! เป็นไปตามคาด เท้าของอสูรตนหนึ่งเตะเข้าที่ต้นไม้ที่หลี่เย่ใช้หลบพอดีส่งผลให้ต้นไม้ต้นนั้นเอนล้มไปทางหลี่เย่อย่างรวดเร็ว
ฟุบ….หลี่เย่กระโดดออกมาจากเงาต้นไม้อย่างฉิวเฉียด โชคดีที่นางฝึกฝนพลังวิญญาณมาพอสมควรไม่อย่างนั้นได้โดนต้นไม้ต้นเมื่อครู่ทับตายแล้วแน่ๆ
“ขอโทษที เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”อสูรที่ชนต้นไม้เมื่อครู่ถามพลางหันมามองหลี่เย่ที่กำลังลุกขึ้นมาจากพื้นช้าๆ
“มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ…”หลี่เย่ตอบพลางมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดของอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ อสูรตรงหน้านางคือมังกรดินชนิดหนึ่งแน่ๆ แต่ระดับของมันไม่ใช่ว่าสูงมากเลยงั้นหรือ นางเคยเห็นอสูรคล้ายๆแบบนี้เป็นราชาของเขตอสูรแห่งหนึ่งมาก่อน แต่ทำไมพออยู่ที่นี่แล้วมังกรพันธุ์นี้ถึงได้อยู่รอบนอกเหมือนลูกน้องเลยเล่า
“ว่าแต่เจ้าเป็นมนุษย์นี่นา ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”มังกรตนนั้นถามพลางจ้องหลี่เย่ด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ
“ดะ เดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้ามากับพี่สาวไป๋หลิน”หลี่เย่รีบถอยออกมาทันทีเมื่อโดนจิตสังหารของมังกรตนนั้นพุ่งเข้ามาเล่นงงาน นางยังจำตอนแอบซ่อนเข้าไปหาสมุนไพรในเขตอสูรที่มีมังกรแบบนี้เป็นราชาได้ไม่ลืม ตอนนั้นทั้งนางทั้งนักล่าอสูรแทบเอาตัวไม่รอดเลย
“อ่อ เจ้ามากับคุณหนูงั้นหรือ งั้นก็เป็นแขกสินะ”มังกรตรงหน้าลดจิตสังหารออกไปทันทีที่ได้ทราบว่าหลี่เย่มากับใคร ไม่แปลกหรอกที่พวกไป๋จูเหวินจะพามนุษย์จากภายนอกเข้ามาบางครั้ง
“ชะ ใช่เจ้าค่ะ”หลี่เย่ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยชื่อของไป๋หลินก็เอามาใช้ได้ละนะ
“งั้นทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ ไม่อยู่ที่วังกับคุณหนูล่ะ”มังกรตรงหน้าถามพลางเพ่งมองมาทางหลี่เย่ด้วยท่าทีข้องใจ
“ขะ ข้าหลงทางเจ้าค่ะ ข้าแค่เผลอนิดเดียวเองก็หลงทางเสียแล้ว ป่านี้ซับซ้อนมากจริงๆ”หลี่เย่ตอบด้วยท่าทีอายๆ
“งั้นหรือ….งั้นเจ้าขึ้นหลังข้ามา ข้าจะพาเจ้ากลับไปเอง”มังกรตรงหน้าหลี่เย่พูดจบก็หันหลังให้หลี่เย่ทันทีเหมือนจะบอกให้นางรีบขึ้นมาบนหลังไม่มีผิด ทำให้หลี่เย่ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะปีนหลังมังกรตรงหน้าเพื่อกลับไปหาพวกไป๋หลินอีกครั้ง
.
.
“คุณหนู ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”ทันทีที่หลี่เย่ขี่หลังของมังกรอสูรกลับเข้ามาที่พื้นที่เมืองจำลอง หลี่เย่ก็ได้แต่เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ยังมีแค่พวกไป๋หลินและครอบครัวของนางอยู่เลย แต่ตอนนี้รอบๆเมืองจำลองกลับเต็มไปด้วยเหล่าอสูรนับพันตน บ้างบินบ้างยืนอยู่เต็มไปหมด
“ยอดเลย…”หลี่เย่พูดพลางมองไปรอบๆ ตอนนี้นางอยู่บนหลังมังกรทำให้มองเห็นรอบด้านได้กว้างกว่าเดิมมาก ยามนี้นางได้เห็นเหล่าอสูรของเขตอสูรผาไร้ก้นเกือบจะทั้งหมด ทำเอานางทั้งกลัวและขนลุกไปพร้อมๆกัน แต่อสูรเหล่านี้ไม่มีท่าทีจะโจมตีพวกไป๋หลินเลย ตรงกันข้ามไป๋พวกมันเอาแต่ล้อมไป๋หลินเอาไว้ราวกับอยากจะเข้าไปหานางให้ได้มากที่สุดเสียอย่างนั้น ไม่ใช่แค่ไป๋หลินเท่านั้น ไป๋จูเหวิน และ ไป๋จูล่งเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน โดยเฉพาะไป๋จูล่งที่พึ่งเคยได้พบอสูรเหล่านี้เป็นครั้งแรกต่างโดนเหล่าอสูรรุมล้อมกันใหญ่โดยเฉพาะลูกๆของพวกท่านน้า
“ใช่ ยอดเลยใช่ไหมล่ะ พวกนายน้อยแม้จะไม่ใช่ราชาของที่นี่ แต่ก็เปรียบเสมือนราชาของที่นี่นั่นล่ะ”มังกรอสูรว่าพลางแทรกตัวเข้าไปหาไป๋หลินช้าๆ
“คุณหนู นางบอกว่านางมากับท่านจริงหรือไม่ขอรับ”มังกรอสูรถามพลางก้มหัวลงเล็กน้อยให้ไป๋หลินได้มองเห็นหลี่เย่ชัดๆ
“หลี่เย่ เจ้าหายไปไหนมา ข้าเป็นห่วงแทบแย่”ไป๋หลินถามพลางมองหลี่เย่ด้วยท่าทีเป็นห่วง อยู่ๆหลี่เย่ก็หายไป ทำเอานางเป็นห่วงมากจริงๆ แต่เพราะมีอสูรตั้งมากมายมาล้อมเอาไว้ด้วยความคิดถึง นางเลยผละตัวออกไปไม่ได้เลย
“ข้าหลงทางนิดหน่อยเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางก้มหน้าลงน้อยๆ
“เจ้านี่นะ ไม่ใช่เด็กๆแล้วเสียหน่อย”ไป๋หลินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกนางรับปากจะพาหลี่เย่มาแท้ๆ หากปล่อยให้นางบาดเจ็บต้องแย่แน่ๆ
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางก้มหน้าลงน้อยๆด้วยท่าทีสำนึกผิด
“นางมีกลิ่นของคุณหนูติดอยู่ ถ้าไม่ทำอะไรพวกข้าก็ไม่โจมตีหรอกขอรับ”อสูรหมาป่าตนหนึ่งตอบ จริงๆมันเห็นหลี่เย่ตั้งนานแล้ว แต่เพราะหลี่เย่แค่เดินไปรอบๆเท่านั้นมันเลยไม่โจมตีอะไร
“……..”หลี่เย่ได้ยินเช่นนั้นแทนที่จะสบายใจกลับใจหายแทน นี่หมายความว่าถ้านางไม่มีกลิ่นของไป๋หลินติดตัวตอนนั้นนางคงตายไปแล้วงั้นหรือ
“ข้าถึงบอกให้เจ้าระวังไง คราวหน้าห้ามไปไหนคนเดียวอีกเข้าใจหรือไม่”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีดุๆ ทำให้หลี่เย่ได้แต่ตอบรับอย่างว่าง่ายเท่านั้น
.
.
“ล่งเอ๋อ เจ้าชอบที่นี่หรือไม่”หลังจากผ่านการต้อนรับกลับของเหล่าอสูร ไป๋จูเหวินก็พาทุกคนมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันในตอนเย็น ก่อนจะถามคำถามกับบุตรชายด้วยท่าทียิ้มแย้ม
“ขอรับ ที่นี่ยอดมากเลย แถมทุกคนยังดีกับข้ามากด้วย”ไป๋จูล่งตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตั้งแต่มาที่เขตอสูรผาไร้ก้น จูล่งก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แถมที่นี่มันยังได้พบอสูรตั้งมากมายมันย่อมรู้สึกว่าน่าสนุกกว่าที่หมู่บ้านเล็กๆอยู่แล้ว
“ดีแล้ว เพราะพ่อคิดว่าจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา เวลา 15 ปีที่เลี้ยงดูจูล่งมานั้นคงเพียงพอแล้วสำหรับการทำใจ และจูล่งก็เริ่มรู้จักโลกภายนอกแล้ว ไป๋จูเหวินก็เลยคิดว่าพวกตนสมควรย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิดไปเลย
“…..ดีขอรับ เพียงแต่”จูล่งก้มหน้าลงช้าๆเหมือนไม่ค่อยสบายใจนัก ทำให้ไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินพากันขมวดคิ้วสงสัย
“ข้าสัญญากับผิงกั่วเอาไว้ว่าจะกลับไปหานาง แต่ถ้ามาอยู่ที่นี่ระยะทางมันห่างกันมาก…”จูล่งตอบด้วยท่าทีกังวล หากอยู่ที่หมู่บ้านเดิมการไปหาผิงกั่วก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แบบนั้นท่านพ่อท่านแม่คงไม่ว่าอะไร แต่หากอยู่ที่นี่ การเดินทางไปหาผิงกั่วต้องใช้เวลา 2 เดือนเลยทีเดียวกว่าจะไปและกลับได้
“งั้นน้าจะพาเจ้าไปเองดีหรือไม่ ถึงระยะทางจะไกลแต่ถ้าเจ้าไปพร้อมกับน้าพ่อของเจ้าต้องไม่ว่าอะไรแน่”ไก่ฟ้าหงอนทองเสนอ พวกมันต่างมีบ้านอยู่ที่นี่ ได้ย้ายกลับมาอยู่ก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว พวกน้าๆแต่ละคนเลยเอียนเองมาทางนี้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“จริงหรือขอรับ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีปัญหา”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ มันเองก็ชอบที่นี่มากเหมือนกัน หากไม่ติดสัญญาที่ให้กับผิงกั่วเอาไว้มันก็อยากอยู่ที่นี่ไปเลยเสียด้วยซ้ำ
“ว่าแต่ ผิงกั่วนี่ใครกัน”เหม่ยหลินถามพลางมองมาทางจูล่งด้วยท่าทีจับผิด ก่อนหน้านี้ไป๋จูล่งไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย แค่แอบออกจากบ้านไปไม่กี่วันก็แอบไปสัญญากับสาวที่ไหนมาแล้วงั้นหรือ
“นางเป็นเด็กที่จูล่งช่วยเอาไว้ไงล่ะเจ้าคะ ข้าเล่าให้ท่านแม่ฟังแล้วนี่นา”ไป๋หลินตอบออกไปแทนจูล่ง เพราะนางไม่คิดว่าจูล่งจะเข้าใจความหมายแท้จริงที่มารดาของมันถาม
“งั้นหรือ นางคงน่ารักมากสินะเจ้าถึงห่วงสัญญาของนางมากขนาดนี้”เหม่ยหลินยิ้มหวานพลางถามลูกชายตัวแสบของนางอย่างสนอกสนใจ
“ข้าแค่ต้องรักษาสัญญาเท่านั้นขอรับ เรื่องนั้นท่านน้าสอนข้ามาเองนี่นา”ไม่มีอาการเขินอายใดๆหลุดออกมาจากใบหน้าของจูล่งเลยแม้แต่น้อย มันพูดอย่างหนักแน่นเรื่องสัญญาที่ให้ไว้ ทำเอาเหม่ยหลินได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ท่าทางเรื่องพวกนี้จะมาคุยกับจูล่งคงยังเร็วเกินไปกระมัง แม้จะโตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังไม่เห็นจูล่งจะมีความสนใจเรื่องผู้หญิงเลย
“ล่งเอ๋อพูดถูกแล้ว ลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูด ไม่ต้องห่วงข้าจะพาเจ้าส่งเอง”ไก่ฟ้าหงอนทองหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะทุบอกตนเองเบาๆเหมือนจะบอกว่าให้เชื่อใจมันได้เลย
“ขอบคุณขอรับท่านน้า”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีดีใจ มันไม่อยากผิดสัญญากับผิงกั่วจริงๆนั่นล่ะ
“จริงสิ หลี่เย่ เจ้าขอร้องให้หลินหลินพาเจ้าเข้ามาในเขตอสูรผาไร้ก้นเจ้าต้องการอะไรงั้นหรือ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีสงสัย ที่ให้หลี่เย่ตามมาด้วยนั้นเพราะเห็นว่านางเป็นหมอฝีมือดีและยังช่วยรักษาองค์รัชทายาทเอาไว้อีก
“ใช่ บนโต๊ะนี่คือราชาของเขตอสูรแห่งนี้ทั้งสิ้น เจ้าบอกออกมาได้เลย”ชิงชิวหัวเราะพลางมองไปทางพวกน้าๆ ที่นี่จะมีใครมีอำนาจเหนือพวกน้าๆได้อีกกัน
“เรื่องนั้น…ข้ามาเพราะต้องการน้ำของสระชีพจรวารีเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา น้ำของสระชีพจรวารีสำหรับพวกไป๋จูเหวินแล้วอาจจะหาได้ง่ายเพราะมันอยู่ในเขตป่าวัฒนะเท่านั้น แต่หากเป็นสมัยก่อนละก็ การจะมาเอาน้ำจากสระชีพจรว่ารีนั้นนับเป็นเรื่องยากมาก เพราะสระนั่นเป็นที่อยู่ของมังกรธรณี หากจะมาเอาน้ำจากสระชีพจรวารีก็เท่ากับต้องปะทะกับมังกรธรณีด้วยนั่นเอง
“เจ้าจะเอาไปทำอะไรงั้นหรือ”มังกรธรณีถามเพราะของที่นางอยากได้อยู่ในเขตของมันนั่นเอง
“ข้าอยากจะเอาไปรักษาคนผู้หนึ่งเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางยิ้มออกมา แน่นอนนางอยากได้ยาแล้วจะไปทำอะไรได้อีก
“เจ้าใช้มากหรือไม่ หากไม่มากข้าพอจะแบ่งให้ได้”มังกรธรณีว่าพลางนำขวดแก้วขวดหนึ่งออกมา ในขวดนั้นว่างเปล่า แต่หากใส่น้ำลงไปก็คงได้น้ำปริมาณไม่มาก แต่หากบอกว่าจะให้ใส่น้ำจากสระชีพจรวารีละก็มันมากเกินพอดีเดียวเลยล่ะ
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ ข้าต้องการเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น”หลี่เย่ยิ้มพลางก้มหัวให้มังกรธรณีช้าๆ ก่อนที่พวกไป๋จูเหวินจะเริ่มกลับไปพูดคุยเรื่องอื่นต่อ พริบตานั้นหลี่เย่ลอบยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าตนจะได้วัตถุดิบมาเร็วเช่นนี้ อีกไม่นานนางก็คงปรุงยาที่ท่านอาจารย์คิดขึ้นมาได้แล้วเป็นแน่