บุตรอสูรบรรพกาล - ตอนที่ 481 กลับก่อน
ตอนที่ 481
กลับก่อน
“พี่เหม่ยหลิน พี่รู้ไหมตั้งแต่สามีพี่โยนงานให้ข้า ข้าก็แทบไม่ได้พักเลย งานมันหนักมากเลยนะเจ้าคะ”หลิวเมิ่งที่มาร่วมงานแต่งของไป๋หลินเช่นกันพูดออกมาด้วยท่าทีเหมือนกำลังเมา นางเข้าไปกอดแขนเหม่ยหลินเอาไว้ไม่ยอมปล่อยพร้อมระบายความอัดอั้นตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาให้เหม่ยหลินฟังต่อหน้าไป๋จูเหวินอย่างไม่มีการเกรงอกเกรงใจ
“เจ้าก็ทำได้ดีแล้วนี่นา”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา อาณาจักรไป๋ภายใต้การปกครองของหลิวเมิ่งก็ไม่ได้แย่อะไร นางยังพยายามปกครองตามแนวทางที่ไป๋จูเหวินทำมาตลอด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คืออาณาจักรไป๋ที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในปัจจุบันยังไงล่ะ
“ดีแล้วไงล่ะ ยังมีคนเอาแต่คิดว่าถ้าท่านปกครองเองต้องดีกว่านี้อยู่อีกตั้งมาก”หลิวเมิ่งว่าพลางค้อนใส่ไป๋จูเหวินทันที ตอนนี้นางเป็นจักรพรรดินีส่วนไป๋จูเหวินเป็นคนธรรมดา นางจะเหวี่ยงใส่ให้เต็มที่เลยคอยดู
“เอาน่า ตอนนี้พวกเรากลับมาอยู่ที่เขตอสูรผาไร้ก้นแล้ว แถมโทรศัพท์ก็ติดตั้งไว้แล้ว ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาได้เสมอเลย”เหม่ยหลินว่าพลางลูบหลังของหลิวเมิ่งอย่างเอ็นดู มเหสีของไป๋จูเหวินกับผู้ช่วยของไป๋จูเหวินนั้นสนิทสนมกันดีมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นหลิวเมิ่งคงไม่มาระบายกับนางเช่นนี้หรอก
“พี่เหม่ยหลิน”หลิวเมิ่งกอดเหม่ยหลินแน่นก่อนจะเริ่มระบายเรื่องต่างๆออกมาอย่างที่นางทำกับคนอื่นไม่ได้ กับครอบครัวไป๋จักรพรรดินีหลิวก็เป็นเพียงเด็กฝึกงานเท่านั้นเอง
“ว่าแต่ นั่นนะหรือไป๋จูล่งบุตรชายคนเล็กของท่าน”หลังจากระบายออกมาจนหมดแล้ว หลิวเมิ่งก็ลุกขึ้นมานั่งเหมือนคนปกติเสียที นางมองไปทางไป๋จูล่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆกลุ่มของไป๋จูเหวินเช่นกัน
“ใช่แล้ว”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา
“ท่าทางไม่เหมือนท่านเลยนะ อายุเท่านี้ก็มีสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังแล้ว กลัวว่ามันจะมีเขี้ยวเล็บแหลมคมกว่าพ่อเสียแล้ว”หลิวเมิ่งแซวพลางมองไป๋จูล่งที่กำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมบุปผาอย่างเห็นได้ชัด นอกจากต้าเฉียนและต้าหวานที่กลายเป็นผู้ติดตามของไป๋จูล่งไปแล้ว ยังมีหมอเทวดาหลี่เย่ที่ไม่ทราบไปโดนลากตัวมาตอนไหน กับนักร้องหญิงที่พึ่งสร้างความประทับใจให้กับเหล่าแขกผู้ร่วมงานอย่างชางซีอีกด้วย นี่มันสวนดอกไม้ชั้นสูงชัดๆ เจ้าเด็กนี่รสนิยมดีเกินคาดนะ
“ล่งเอ๋อยังเด็ก มันคงไม่ได้คิดเรื่องเช่นนั้นหรอก”เหม่ยหลินว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ นางทราบนิสัยบุตรชายดี แม้ผู้ชายคนอื่นในช่วงอายุเท่าๆจูล่งจะมีบางคนที่แต่งงานไปแล้วด้วยซ้ำ แต่จูล่งคงไม่มีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย
“จูล่งไม่คิด แต่พวกนางเล่า”หลิวเมิ่งยิ้มหวานก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ไป๋จูล่ง….”หลิวเมิ่งลุกขึ้นได้ก็เดินพรวดเข้าไปหากลุ่มของไป๋จูล่งทันที แน่นอนว่าสาวๆในกลุ่มย่อมรู้ดีกว่าหลิวเมิ่งคือใคร นางคือจักรพรรดินีหลิวนั่นเอง
“ขอรับ….”ไป๋จูล่งเห็นสหายของท่านพ่อมาทักก็พลันตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที ทำให้หลิวเมิ่งเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาช้าๆ
“รอบกายเจ้ามีแต่สาวงามทั้งนั้นเลยนี่นา เจ้าชอบพี่สาวคนไหนที่สุดงั้นหรือ”หลิวเมิ่งยิงคำถามง่ายๆออกไปคำหนึ่ง แต่คำถามเพียงคำเดียวกลับทำทั้ง 4 สาวสะดุ้งโหยง คนที่ท่าทีเด่นชัดที่สุกคงเป็นชางซี นางหน้าแดงก่ำและเหมือนจะลุ้นกับคำตอบของจูล่งมาก ส่วนต้าเฉียนและต้าหวานพากันยิ้มหน้าแดงและแสดงท่าทีสนอกสนใจกับคำตอบของจูล่งอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหลี่เย่ นางทำท่าทีเป็นไม่ได้สนใจ แต่ท่าทางนางเองก็อยากรู้ไม่ต่างจากคนอื่นๆเช่นกัน
“ข้าขอบทุกคนเท่ากันหมดเลยขอรับ พวกนางทุกคนดีกับข้ามากเลย”จูล่งตอบด้วยใบหน้าใสซื่อเช่นเดิม ทำเอาพวกสาวๆถอนหายใจกันออกมาทุกคน น่าเสียดายไปถามเช่นนี้กับจูล่งก็เหมือนไปถามเด็กน้อยว่ารักพ่อหรือแม่มากกว่ากันเท่านั้นเอง
“งั้นหรือ เจ้านี่ร้ายจริงๆนะ”หลิวเมิ่งหัวเราะออกมาพลางตบบ่าจูล่งเบาๆ แค่ท่าทีของสาวๆก็ทำให้นางพึงพอใจแล้ว ไม่ต้องการคำตอบจริงจังจากจูล่งแม้แต่น้อย
“ล่งเอ๋อ น้าจะกลับไปที่เขตอสูรก่อน เจ้าอยู่กับพ่อของเจ้านะ”ระหว่างหลิวเมิ่งกำลังหยอกล้อสาวๆอยู่นั้น อยู่ๆจิ้งจอกเหมันต์ก็เดินเข้ามาหาจูล่งเพื่อบอกว่านางจะกลับไปที่เขตอสูรผาไร้ก้นก่อน
“ขอรับ….”จูล่งเอียงคองงๆ ตอนนี้พวกท่านน้าคนอื่นๆกำลังนั่งร่วมงานกับครอบครัวของตนเอง ไม่ได้มีท่าทีจะกลับแต่อย่างไร หรือท่านน้าจิ้งจอกจะกลับไปคนเดียว?
“เขตอสูรตอนนี้ไม่มีใครดูแล น้าว่างพอดีก็เลยจะกลับไปดู”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเดินไปบอกไป๋จูเหวินอีกคน ตอนนี้พวกน้าๆคนอื่นๆกำลังใช้เวลากับครอบครัว นั่นหมายความว่าทุกคนที่มีอำนาจในเขตอสูรผาไร้ก้นมาอยู่ที่นี่หมดแล้ว ทั้งราชินีมังกร พยัคฆ์เมฆา นางพญาผีเสื้อและเหล่าภรรยาของท่านน้าราชสีห์รวมทั้งตัวจื่อหนิงภรรยาของไก่ฟ้าหงอนทองด้วย เรียกได้ว่ายามนี้เขตอสูรผาไร้ก้นไม่มีใครเฝ้าเลย
.
.
“……..”จิ้งจอกเหมันต์ที่พึ่งเดินทางกลับมาถึงเขตอสูรผาไร้ก้นมีท่าทีแปลกๆทันที ดูเหมือนตอนพวกนางไม่อยู่จะมีหนูเข้ามาจริงๆ ข่าวงานแต่งของไป๋หลินดังไปทั่วแผ่นดิน ย่อมมีหลายคนเดาได้ว่าเขตอสูรผาไร้ก้นจะไร้ผู้คุ้มกันเมื่องานเริ่ม ไม่แปลกที่จะมีคนหมายตาช่วงเวลานี้เข้ามากอบโกยสมบัติ
“ยังมีพวกไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่อีก นานแล้วจริงๆที่ไม่เจอผู้บุกรุกแบบนี้”จิ้งจอกเหมันต์ลงไปยังเขตอสูรผาไร้ก้นอย่างรวดเร็วพลางตามกลิ่นของผู้บุกรุกไปช้าๆ เขตอสูรผาไร้ก้นยามนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เหล่าราชาอย่างนางเองต่างอยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 5 ไม่ใช่สถานที่ที่จะบุกเข้ามาด้วยกำลังของชนชั้นยอดฝีมือได้อีกแล้ว และเหล่าคนระดับเจ้าสวรรค์ในอาณาจักรอู๋ต่างก็รู้จักกับพวกนางทั้งนั้น ว่ากันตามตรงเกือบทั้งหมดอยู่ที่งานเลี้ยงเสียด้วยซ้ำ คนที่จะบุกเข้ามาหากไม่คิดสั้นหาที่ตายก็คงสติฟั่นเฟือนเป็นแน่
“เป้าหมายคือเขตของข้างั้นหรือ”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางมองผู้บุกรุกที่กำลังเดินอยู่ในเขตเทือกเขาเหมันต์ที่ตนเป็นผู้ปกครองพอดี
“เจ้า….”ผู้บุกรุกพูดพลางหันกลับมามองจิ้งจอกเหมันต์ ยามนี้รอบกายของมันมีอสูรที่พ่ายแพ้ให้แก่มันนอนอยู่จำนวนหนึ่ง ท่าทางเจ้าผู้บุกรุกผู้นี้จะมั่นใจฝีมือตนเองไม่น้อย
“ข้าคือจิ้งจอกเหมันต์ ราชินีแห่งเทือกเขาเหมันต์”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเดินเข้าไปหาผู้บุกรุกช้าๆ ในมือของมันมีสมุนไพรน้ำแข็งอยู่ ท่าทางจะต้องการสมุนไพรไปเสริมสร้างพลังของตนกระมัง
“หึ..ถ้าแค่เจ้าถิ่นตนเดียวละก็ ตอนนี้ข้าสู้ได้”ผู้บุกรุกว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา เพียงแต่จิ้งจอกเหมันต์ไม่อาจวัดระดับพลังของอีกฝ่ายได้เท่านั้น เช่นเดียวกันท่าทางอีกฝ่ายก็ไม่สามารถวัดพลังของนางได้เช่นกันถึงยังทำท่าทีโอหังเช่นนี้
น่าเสียดาย ข่าวที่เฒ่าประทับสวรรค์ทราบมานั้นยังเป็นข่าวเก่าอยู่ ในสมัยก่อนการจะสู้กับราชาสักตนของเขตอสูรผาไร้ก้นต้องใช้ยอดฝีมือจำนวนหนึ่ง นั่นทำให้เฒ่าประทับสวรรค์คาดเดาเอาว่าระดับฝีมือของราชาแห่งเขตอสูรผาไร้ก้นน่าจะอยู่ระดับเหนือกว่ายอดฝีมือแต่ไม่ถึงระดับเจ้าสวรรค์ ทำให้เฒ่าประทับสวรรค์มั่นใจว่าพลังฝีมือระดับเจ้าสวรรค์ของมันยามนี้สามารถบุกเขตอสูรผาไร้ก้นได้ไม่ยาก มันเลือกวันลงมือตรงกับวันแต่งงานของไป๋หลินด้วยความบังเอิญ ทำให้มันมาถึงเขตเทือกเขาเหมันต์ได้ไม่ยาก
เปรี้ยง!! เฒ่าประทับสวรรค์ทุ่มพลังทั้งหมดลงไปที่ฝ่ามือก่อนจะปล่อยฝ่ามือประทับสวรรค์ที่เร็วจนน่าใจหายออกไปใส่จิ้งจอกเหมันต์ แต่ถึงจะเร็วแต่ยามนี้จิ้งจอกเหมันต์เป็นถึงอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 5 มีหรือจะบาดเจ็บจากการโจมตีเพียงเท่านี้ แต่…..
“เจ้าน่าจะรู้นี่ว่าฝ่ามือนั้นทำอะไรข้าไม่ได้”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางมองมังกรอัสนีทองคำในร่างมนุษย์ที่ออกมารับฝ่ามือของเฒ่าประทับสวรรค์แทนนาง
“ข้ารู้”มังกรอัสนีทองคำตอบพลางมองไปที่เฒ่าประทับสวรรค์นิ่ง ในสายตาของมันเฒ่าประทับสวรรค์ไม่ต่างอะไรกับแมลงสักตัวที่มาสร้างความรำคาญในเขตของมันเลย
เปรี้ยง!!สายฟ้าของมันกระแทกร่างของเฒ่าประทับสวรรค์จนลอยออกไปหลายร้อยเมตร สร้างความเสียหายให้แก่เฒ่าประทับสวรรค์อย่างมากแม้มันจะเป็นเพียงการลงมือเบาๆสำหรับมังกรอัสนีทองคำก็ตาม
“อัก….”เฒ่าประทับสวรรค์ที่โดนสายฟ้าเล่นงานพยายามลุกขึ้นมาช้าๆ การที่มันยังไม่ตายนั้นสร้างความประหลาดใจให้มังกรอัสนีทองคำอยู่เล็กน้อย แต่ก่อนที่มันจะซ้ำให้เฒ่าประทับสวรรค์ตายคาสายฟ้าของมัน อยู่ๆเฒ่าประทับสวรรค์ก็ใช้ฝ่ามือประทับสวรรค์ลงบนหิมะเพื่อสร้างละอองหิมะขึ้นมาปกคลุมรอบๆก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ไหนเจ้าเคยบอกไงว่ารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรก็ไม่ต้องปกป้องไม่ใช่หรือ”จิ้งจอกเหมันต์ถามขณะกำลังเดินกลับไปที่ยอดเขาราวกับการขยี้เฒ่าประทับสวรรค์เป็นเรื่องที่ไม่ต้องไปสนใจเสียอย่างนั้น
“เรื่องนั้น….”มังกรอัสนีทองคำเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ดูเหมือนมันจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปจริงๆ แต่วันนี้มันกลับเข้าไปขวางจิ้งจอกเหมันต์เสียอย่างนั้นทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าฝ่ามือนั่นทำอะไรนางไม่ได้แม้แต่น้อย
“เจ้าเองเถอะ ทำไมถึงรีบกลับมานัก ไม่ใช่ว่าจะกลับมาพรุ่งนี้หรอกหรือ”มังกรอัสนีทองคำเปลี่ยนเรื่องทันทีพลางยิงคำถามไปทางจิ้งจอกเหมันต์บ้าง
“ข้ากลัวว่าจะมีผู้บุกรุกตอนเขตอสูรไม่มีคนเฝ้าต่างหาก เห็นไหมก่อนหน้านี้ก็มีหนูเข้ามาตัวหนึ่งด้วย”จิ้งจอกเหมันต์ตอบพลางหันหน้าหนีมังกรอัสนีทองคำเช่นกัน
“ไม่ใช่ว่าเจ้าก็รู้อยู่แล้วหรอกหรือว่าข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีทางจะมีใครเข้ามาเอาอะไรไปได้หรอกนอกจากมันจะเก่งกาจพอๆกับจูล่ง”มังกรอัสนีทองคำถามด้วยท่าทีประหลาดใจ มันอาศัยอยู่ในเขตของนาง นางสมควรจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือว่ายามนี้เขตอสูรผาไร้ก้นมีมังกรอัสนีทองคำ อสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 เฝ้าอยู่อีกตน
“ข้าลืมไป”จิ้งจอกเหมันต์ตอบโดยไม่หันมามองมังกรอัสนีทองคำเสียอย่างนั้น แน่นอนนางไม่ได้ลืมหรอก เพียงแต่นางไม่อยากทิ้งมังกรอัสนีทองคำเอาไว้คนเดียวต่างหาก มันไม่ได้มาร่วมงานของไป๋หลินเพราะมันเคยบุกอาณาจักรไป๋มาก่อน กลัวว่าอสูรของอาณาจักรไป๋จะยังไม่สนิทใจกับมัน ผลสุดท้ายเลยเหลือมังกรอัสนีทองคำให้เฝ้าเขตอสูรตามลำพังเสียอย่างนั้น
“ลืมแน่หรือ ไม่ใช่เจ้าอยากกลับมาอยู่เป็นเพื่อนข้าหรือไง”มังกรอัสนีทองคำยิ้มพลางเดินตามจิ้งจอกเหมันต์กลับไปยังถ้ำของนางอย่างคุ้นเคย ช่วงนี้พวกมันอยู่ด้วยกันบ่อยๆ เรียกได้ว่าสนิทสนมกันเพิ่มขึ้นมากก็ได้
“พูดอะไรไร้สาระ ข้าบอกว่าลืมก็ลืมไง”จิ้งจอกเหมันต์ตอบพลางเดินเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้มังกรอัสนีทองคำยืนอยู่ข้างนอกตนเดียว
“หึ…”มังกรอัสนีทองคำส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมา ก่อนจะเดินตามจิ้งจอกเหมันต์เข้าไป การได้รู้จักจิ้งจอกเหมันต์ช่างเป็นเรื่องแปลกสำหรับมันเป็นอย่างมาก หากเป็นมังกรอัสนีทองคำตนก่อนคงไม่มีวันเข้าไปขวางการโจมตีให้ใครแน่ๆ